รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 434 มารดามันเถอะ นี่มันจะน่ากลัวเกินไปแล้ว!

บทที่ 434 มารดามันเถอะ นี่มันจะน่ากลัวเกินไปแล้ว!

บทที่ 434 มารดามันเถอะ นี่มันจะน่ากลัวเกินไปแล้ว!

พลังปราณของอสุรกายหัวกิเลนแผ่ออกมาอย่างท้วมท้นไม่มีเก็บงำ ช่างน่ากลัวและน่าหวาดหวั่นจนตงฟางเวิ่นที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเทียนตี้ทั่วไป ถึงกับสั่นสะท้านทั้งร่างกายและจิตวิญญาณอย่างควบคุมไม่ได้

น่ากลัวเกินไปแล้ว!

พลังการต่อสู้ของอสูรกายตนนี้นับว่าโดดเด่นในหมู่เทียนตี้ ความแข็งแกร่งที่แท้จริงลึกล้ำยิ่งจนไม่อาจหยั่งถึง!

เปรี้ยง!

อสนีบาตปรากฏขึ้นกลางอากาศ พุ่งตรงเข้าใส่อสุรกายหัวกิเลน

ฉากนี้ช่างชวนสะท้านขวัญ สิ่งที่ปรากฏไม่ใช่เพียงแค่สายฟ้าหนึ่งเส้น แต่เป็นเหมือนม่านน้ำตกอสนีบาตขนาดใหญ่เทห่าลงมากลางอากาศ ก่อนจะปลดปล่อยพลังอันน่าสะพรึงกลัวแผ่กระจายออกไป!

ปราณของอสุรกายหัวกิเลนที่ปลดปล่อยออกมาอย่างเต็มที่ ดึงดูดการโจมตีจากพลังฟ้าดินของอาณาจักรแห่งนี้ในทันที

เปรี้ยง!

ในตอนนั้นเอง แสงสว่างนุ่มนวลก็ปรากฏขึ้นมาอย่างไร้สุ้มเสียง สกัดกั้นความผันผวนของพลังที่แผ่ขยายออกมาไม่ให้กระจายออกไปทั่ว

หากพลังอันน่าสะพรึงกลัวนี้แผ่ขยายออกไป ไม่ต้องกล่าวถึงภูเขาลี่เลย กระทั่งแดนบูรพาทั้งหมดก็ล้วนพังพินาศ

“นั่นมันอะไรกัน!”

ด้านนอกเมืองชิงซาน ข้างริมน้ำ เจ้าก้อนหินเอ่ยออกมา

“ไม่แน่ใจ”

ต้นหลิวกล่าว แสงสว่างนุ่มนวลนั่นก็เป็นฝีมือของมัน

“พวกเราจำเป็นต้องไปช่วยเหลือหรือไม่?”

เจ้าก้อนหินถามต้นหลิว

ทันทีที่อสุรกายหัวกิเลนเข้ามาใกล้ พวกมันก็สัมผัสได้ถึงตัวตนของอสุรกายหัวกิเลนแล้ว

อสุรกายหัวกิเลนที่มาพร้อมกับท่าทางดุร้าย ดูไม่ได้มาดีตั้งแต่แรกเห็น เดิมทีพวกมันต้องการจะลงมือหยุดอสุรกายหัวกิเลนเอาไว้ ทว่าตงฟางเวิ่นกลับลงมือก่อนหน้าพวกมันไปหนึ่งก้าว ดังนั้นพวกมันจึงยังไม่เคลื่อนไหว

ทว่าเมื่อมองดูแล้ว ตงฟางเวิ่นเหมือนจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอสุรกายหัวกิเลน เจ้าก้อนหินจึงเกิดความคิดจะยื่นมือช่วยเหลือ

“อย่าพึ่ง“

ต้นหลิวตอบ “เขาน่าจะเป็นคนที่ท่านเซียนส่งมา ต่อให้ข้ากับเจ้าไม่ลงมือ เขาก็น่าจะไม่เป็นอะไร”

เจ้าก้อนหินครุ่นคิดแล้วก็เห็นด้วย

ตงฟางเวิ่นไปที่ภูเขาลี่ตั้งแต่ก่อนที่ฟ้าจะทันได้สว่าง ซ้ำยังเตร็ดเตร่ไปมาทั่วภูเขาลี่ การกระทำเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นหากไร้ซึ่งจุดประสงค์

อีกทั้งตงฟางเวิ่นในตอนนี้ก็กำลังติดตามท่านเซียน

คาดว่าน่าจะเป็นท่านเซียนที่บอกให้ตงฟางเวิ่นไปที่ภูเขาลี่

“แต่ว่าเขาจะไหวหรือ? เจ้าก็เห็นว่าตัวของเขายังสั่นอยู่เลย”

เจ้าก้อนหินอดกล่าวขึ้นมาไม่ได้

“เขาดูหวาดกลัวอยู่บ้างเช่นนี้ เป็นไปได้หรือไม่ที่ท่านเซียนจะไม่ได้มอบหมายให้เขาทำ?”

เมื่อต้นหลิวเห็นตงฟางเวิ่นตัวสั่น ภายในใจก็มีความลังเลขึ้นมาเล็กน้อย

“ไม่ต้องรีบร้อน รอดูไปก่อน ถ้าหากท่าไม่ดีจริง ๆ พวกเราค่อยลงมือ อย่างไรเสียเขาก็เป็นคนของท่านเซียน ไม่ว่าอย่างไรพวกเราก็ควรจะช่วยชีวิตเขาเอาไว้”

ต้นหลิวกล่าว

อีกด้านหนึ่ง ม่านน้ำตกอสนีบาตพุ่งเข้าโจมตีอสุรกายหัวกิเลนอย่างน่าหวาดกลัว

ทว่าอสุรกายหัวกิเลนกลับไม่ได้รับความเสียหายแม้แต่น้อย สามารถต้านทานการโจมตีของน้ำตกอสนีบาตได้ง่ายดายราวกับกำลังอาบน้ำ

มารดามันเถอะ!

น่ากลัวอะไรปานนี้!

ทั้งร่างของตงฟางเวิ่นสั่นสะท้านอย่างหยุดไม่อยู่ด้วยความรู้สึกกลัว

อสุรกายตนนี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาสามารถรับมือได้เลยสักนิด!

อีกทั้งเขายังกล้าไปคุยโวโอ้อวดต่อหน้ามัน กล่าวว่าจะทำให้อสุรกายหัวกิเลนรู้ซึ้งถึงราคาที่ต้องจ่ายสำหรับความหยิ่งผยอง…

เขากล้าถึงเพียงนั้นได้อย่างไรกัน!

วาจาที่อสูรกายหัวกิเลนกล่าวมาเมื่อครู่ไม่ผิดเลย เขา…เขาเป็นได้แค่เพียงตัวตลก!

นี่…นี่คือผู้ที่ท่านเซียนต้องการให้เขาจัดการอย่างนั้นหรือ?

สวรรค์! ท่านเซียนจะประเมินเขาสูงเกินไปแล้ว!

“คือว่า พี่ใหญ่ ข้าขอเก็บคำพูดเมื่อครู่ของข้าคืนได้หรือไม่?”

เขาพูดกับอสุรกายหัวกิเลน

“เจ้าเพิ่งรู้สึกตัวรึ?”

อสุรกายหัวกิเลนหัวเราะอย่างเย็นชา “เจ้านับเป็นตัวอะไรถึงอาจหาญมาขวางทางข้า ทั้งยังกล้าใช้พลังของตี้จวินมากกดดันข้า? ความหยิ่งผยองมีราคาที่ต้องจ่าย แล้วเจ้ามีคุณสมบัติอันใดมาบังคับให้ค่าจ่ายราคานั้น?”

มันยิ้มเย็น หากเสือไม่สำแดงฤทธิ์ก็คิดว่าเป็นแมวป่วยเช่นนั้นหรือ?

“ตี้จวินตัวน้อยไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ กล้าทำตัวอวดดีต่อหน้าข้า เจ้าอยากจะตายเช่นไร? ข้าจะให้โอกาสเจ้าเลือกด้วยตัวเอง!”

มันกล่าวออกมาเสียงเย็นชา

ในใจของตงฟางเวิ่นตอนนี้อัดอั้นจนแทบจะทนไม่ไหว

เขาต้องการจะสบถด่าออกมามาก ใครใช้ให้เจ้ายับยั้งขอบเขตลมปราณของตนกัน? ถ้ารู้ว่าเจ้าน่ากลัวขนาดนี้ ข้าจะกล้าทำเช่นนี้หรือ?

บัดซบ!

เจ้าช่างแสร้งเป็นหมูกินเสือ*[1]ได้เก่งเสียจริง!

“หากไม่เลือกก็ไม่ต้องตาย?”

ตงฟางเวิ่นกล่าวออกมาด้วยเสียงเบา

“หากเจ้าไม่เลือก เช่นนั้นข้าจะเลือกให้เจ้าเอง เอาเป็น…ฉีกเจ้าออกจนกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยแล้วกัน!”

อสุรกายหัวกิเลนกล่าวออกมาอย่างเย็นชา

“มารดาเจ้าเถอะ! คิดว่าข้ากลัวเจ้าจริง ๆ งั้นหรือ! สู้ก็สู้สิ!”

ตงฟางเวิ่นยืดตัวตรง ก่อนจะเตรียมตัวต่อสู้กับอสุรกายหัวกิเลน

ภารกิจที่ได้รับมอบหมายมาจากท่านเซียน เขาจะต้องทำให้ได้ แม้ว่าทำไม่ได้ก็ต้องทำให้ได้!

ต่อให้ต้องทิ้งชีวิตเอาไว้ที่นี่เขาก็ต้องทำ!

ชายชราเริ่มลงมือ ร่างทั้งร่างหายไปจากจุดเดิมในทันที เมื่อเขาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งก็มาอยู่ต่อหน้าอสุรกายหัวกิเลนแล้ว

เสียงตูมตามดังสนั่น เขาชกหมัดเข้าใส่หัวของอสุรกาย

เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว อสุรกายหัวกิเลนคาดไม่ถึงว่าตงฟางเวิ่นจะกล้าลงมือโจมตีมัน

อีกทั้งมันยังไม่กลัวการโจมตีใด ๆ ของตงฟางเวิ่นด้วย เพราะมั่นใจว่าตงฟางเวิ่นไม่มีทางทำอะไรมันได้

มันจึงไม่ได้เตรียมตัวป้องกันอะไร ถูกหมัดของตงฟางเวิ่นชกเข้าที่ศีรษะเสียงดังสนั่น

ทว่าสิ่งที่มันคาดไม่ถึงก็คือ มันถึงกับรู้สึกเจ็บปวดอยู่บ้าง

ตงฟางเวิ่นเป็นเพียงตี้จวินตัวน้อยกลับสามารทำให้มันรู้สึกเจ็บปวดได้?

แต่มันก็เพียงรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อยเท่านั้น

หลังเสียงดังสนั่น ตงฟางเวิ่นก็กระเด็นออกไป มือที่กำเป็นหมัดเต็มไปด้วยความรู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่ง กระทั่งกระดูกบนฝ่ามือยังหัก มือมีเลือดไหลทะลักออกมา

“เวรเอ๊ย!”

ตงฟางเวิ่นมุมปากกระตุก เดิมทีเขาต้องการจะพึ่งพาร่างกายอันแข็งแกร่งต่อกรกับอสุรกายหัวกิเลน ทว่าร่างกายของอสุรกายหัวกิเลนกลับแข็งแกร่งอย่างน่าเหลือเชื่อ

หมัดของเขาที่ชกใส่หัวอสุรกายไม่เพียงแต่ไม่สามารถทำร้ายอสุรกายหัวกิเลน ยังทำให้มือของเขาได้รับบาดเจ็บแทน…

‘ท่านเซียน…ข้าไม่สามารถทำได้จริง ๆ!’

ภายในใจของเขาเอ่ยออกมาอย่างร่ำได้ เขาจะเอาชนะอสุรกายหัวกิเลนตนนี้ได้อย่างไรกัน!

ทว่าแม้เขาจะร่ำไห้ แต่ก็ยังไม่คิดถอย

ตงฟางเวิ่นเข้าโจมตีอสุรกายหัวกิเลนอีกครั้ง

ขั้นตี้จวินของเขาต่ำเกินไป ทำให้เขาไม่สามารถพึ่งพาพลังกฎแห่งเต๋า ทำได้เพียงพึ่งพาความแข็งระดับเทียนตี้ของร่างกายเข้าสู้เท่านั้น

แม้ว่าวิญญาณของเขาเองจะถึงขั้นเทียนตี้แล้ว แต่ทว่าเขาไม่กล้าใช้พลังวิญญาณของตนเองโจมตีออกไปโดยง่าย

วิญญาณนั้นสำคัญเกินไป เพียงได้รับบาดเจ็บอาจถึงกับจบชีวิต หากใช้พลังวิญญาณจัดการกับอสุรกายหัวกิเลน รั้งแต่จะทำให้เขาตายไวยิ่งขึ้น!

เขารู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี

ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ใช้พลังวิญญาณของตนเอง ใช้เพียงแต่ความแข็งแกร่งของร่างกายเท่านั้น

“แมลงตัวจ้อยกลับกล้าจะเขย่าท้องนภา?”

อสุรกายหัวกิเลนส่งเสียงออกมาอย่างเย็นชา เพียงแค่ระลอกพลังอันน่าสะพรึงกลัว ก็ทำให้ทั้งร่างของตงฟางเวิ่นระเบิดออกทันที กลายเป็นกลุ่มหมอกละอองเลือด

ความต่างชั้นของพลังมีมากจนเกินไป!

ตงฟางเวิ่นฝึกฝนวิชาซ่อนอำพราง สามารถซ่อนตนอยู่ในความว่างเปล่า ทว่ากลับไร้ประโยชน์ พลังของอสุรกายหัวกิเลนดึงตัวตงฟางเวิ่นออกมาทั้งยังระเบิดร่างกายของเขาทิ้ง

ร่างกายขั้นเทียนตี้กลับเปราะบางเป็นอย่างมากต่อหน้าอสุรกายหัวกิเลน แสดงให้เห็นว่าอสุรกายตนนี้น่ากลัวเป็นอย่างมาก!

แสงสว่างสาดประกาย ตงฟางเวิ่นยังคงไม่ตาย ร่างกายของเขาก่อตัวขึ้นมาใหม่ในทันที

เขาไม่กล่าวอะไรมาก พุ่งเข้าโจมตีอสุรกายหัวกิเลนอีกครั้ง

ทว่าในขณะที่เขากำลังเคลื่อนไหว พลังของอสุรกายหัวกิเลนก็โจมตีเข้ามาอีกครั้ง ทำลายกายาที่ก่อตัวขึ้นมาใหม่ของเขาให้ระเบิดกลายเป็นหมอกละอองเลือดอีกครั้ง

พลังปราณของเขาค่อย ๆ อ่อนลงในทันใด คล้ายกับมีและไม่มีอยู่ในคราวเดียวกัน

[1] แสร้งเป็นหมูกินเสือ (扮猪吃老虎) หมายถึง แสร้งทำเป็นอ่อนแอเพื่อให้อีกฝ่ายตายใจ

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท