รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 437 สถานการณ์คับขัน สติสัมปชัญญะถูกกลืนสนิทได้ทุกเมื่อ!

บทที่ 437 สถานการณ์คับขัน สติสัมปชัญญะถูกกลืนสนิทได้ทุกเมื่อ!

บทที่ 437 สถานการณ์คับขัน สติสัมปชัญญะถูกกลืนสนิทได้ทุกเมื่อ!

อสุรกายหัวกิเลนแสนสยดสยองตายไปทั้งอย่างนี้ เนิ่นนานตงฟางเวิ่นก็ยังไม่ได้สติ

เขารู้ดีถึงความเก่งกาจของท่านเซียน แต่คิดไม่ถึงว่าท่านเซียนจะฉกาจปานนี้!

‘นี่หรือคือพลังแห่งเซียน ผู้ที่อยู่ใต้เซียนล้วนเป็นเพียงมดปลวก!’

เขาสะท้อนใจออกมาอย่างอดไม่ได้

ผ่านไปไม่นาน รอยยิ้มชื่นมื่นปรากฏอยู่บนใบหน้า เขายินดีปรีดาสุดขีด

เขาได้รับการยอมรับจากท่านเซียน นับจากนี้ไป เขาจะกลายเป็นคนของท่านเซียนจริง ๆ อนาคตของเขาต้องสว่างสดใสอย่างแน่นอน!

รุ้งมงคลจางหายจาก คัมภีร์กลยุทธ์หมากล้อมค่อย ๆ จรดลงมา ตงฟางเวิ่นเก็บคัมภีร์กลยุทธ์หมากล้อมกลับเข้าไปในแดนลับเนื้อกายของเขาอีกครั้ง

“กลับเลยดีกว่า!”

เขาหัวเราะร่า สะกดพลังปราณ แล้วทอดกายลงจากภูเขาลี่

‘นี่คือพลังที่คอยปกป้องทุกสิ่งเป็นของท่านเซียนหรือ’

หลังลงมาอยู่บนภูเขาลี่ เขาก็เอ่ยในใจอย่างอดไม่ได้

พลังที่อสุรกายหัวกิเลนเปล่งออกมาอย่าให้พูดเลยว่าน่าพรั่นพรึงเพียงใด ทว่าด้านภูเขาลี่กลับไม่มีแม้แต่ใบไม้ร่วงหล่น เห็นได้ชัดว่ามีพลังคอยคุ้มกันอยู่

มิฉะนั้น ไม่มีทางเป็นเช่นนี้แน่

และพลังที่คุ้มกันอยู่นี้ ทั้งเขาและอสุรกายหัวกิเลนล้วนไม่ทันรู้ตัว พลังปกป้องนี้คงน่ากลัวเหลือแสนอย่างไม่ต้องสงสัยถึงได้เป็นเช่นนี้

ผู้ใดกันที่มีพลังน่าหวาดหวั่นขนาดนี้?

เห็นได้ชัดว่าเป็นฝีมือท่านเซียน

‘ท่านเซียนคอยจับตาดูเหตุการณ์ด้านนี้อยู่ตลอด ยังดีที่ข้ายืนหยัดผ่านมาได้ มิได้ยอมถอย มิฉะนั้น น่ากลัวว่าท่านเซียนคงละทิ้งข้าไปแล้ว!’

เขาเอ่ยในใจอย่างนึกโชคดี

ภูเขาลี่ไม่ได้รับผลกระทบแม้แต่น้อย และคนในภูเขาลี่ก็ไม่ได้รับผลกระทบเช่นกัน พวกเขาไม่รู้เลยสักนิดว่าเกิดเรื่องใดขึ้น

พลังของต้นหลิวสกัดกั้นทุกสิ่ง

“อย่างที่คิด นี่คือบททดสอบของเขาจากท่านเซียน”

ณ ริมน้ำ ก้อนหินเอ่ยด้วยน้ำเสียงสะท้อนใจ

“ใช่แล้ว ว่ากันไปตามเนื้อผ้า เขาไม่เลวจริง ๆ…”

ต้นหลิวเอ่ยอย่างยอมรับตงฟางเวิ่น

ภายในมหาสมุทรสีดำอันมองไม่เห็นที่สิ้นสุด

“ท่านบูรพาจารย์…ตายแล้ว!”

จ้าวสมุทรทะเลต้องห้ามเอ่ยอย่างไม่อยากเชื่อ

ก่อนท่านบูรพาจารย์ออกเดินทาง ได้ทิ้งศาสตราชิ้นหนึ่งไว้ให้ ซึ่งเชื่อมโยงกับชีวิตของท่านบูรพาจารย์โดยตรง สะดวกแก่การติดต่อท่านบูรพาจารย์ได้ทุกเมื่อ

ยามนี้ ยุคสมัยกำลังวุ่นวาย ท่านบูรพาจารย์กลัวจะเกิดเรื่องไม่คาดคิด จึงตั้งใจเหลือศาสตราที่เชื่อมโยงกับชีวิตของตน มิได้เหลือศาสตราสื่อสารทั่วไป

ศาสตราสื่อสารทั่วไปมีโอกาสถูกพลังภายนอกแทรกแซงจนไม่อาจใช้งานได้

ทว่าศาสตราที่เชื่อมโยงกับชีวิตไม่มีทางเป็นเช่นนั้น ไม่มีทางถูกพลังภายนอกแทรกแซง ตราบใดที่ท่านบูรพาจารย์ยังไม่ตาย การเชื่อมต่อก็อยู่ตรงนั้นเสมอ ปลอดภัยถึงขีดสุด

ทว่าจ้าวสมุทรคิดไม่ถึงเลย ศาสตราที่เดิมใช้เพื่อการติดต่อ บัดนี้กลับกลายเป็นศาสตราที่ใช้เพื่อยืนยันความเป็นความตายของท่านบูรพาจารย์…

“หลิงอินต้องสยดสยองปานใดกัน!”

เขาเอ่ยออกมาอย่างอดไม่ได้ สั่นระริกไปทั้งตัว สันหลังเย็นวาบ

ท่านบูรพาจารย์ทรงพลังขนาดนั้น แต่ก็ยังตาย เขาไม่อาจเชื่อได้ลงจริง ๆ!

“ข้าต้องอธิบายต่อเบื้องบนอย่างไรดี!”

อย่าให้พูดเลยว่าเขาทรมานใจเพียงใด

ท่านบูรพาจารย์มีสถานะสูงส่ง บัดนี้ตายไปทั้งอย่างนี้ เขาไม่รู้จริง ๆ ว่าจะอธิบายให้เบื้องบนฟังอย่างไรดี

“อธิบายไม่ได้ก็ต้องอธิบาย!”

เรื่องนี้สำคัญนัก เขาไม่อาจปิดบังไม่ยอมรายงาน ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องเรียนขึ้นไป

หลายวันผ่านไป เสี่ยวหยายังคงฝึกฝนลำนำฉินต่อเนื่อง พรสวรรค์ของนางเลิศล้ำอย่างแท้จริง บวกกับท่านเซียนมอบกระดาษเนื้อเพลงไว้ให้นาง ด้านในมีคำกำกับและข้อคิดของท่านเซียน นางจึงมีการพัฒนาด้านฉินที่รวดเร็ว

และพลานุภาพฉินปี้เทียนชางไห่ที่นางสำแดงออกมาได้ก็ทรงพลังขึ้นเรื่อย ๆ!

การเชื่อมต่อระหว่างนางและพี่ชายก็ชิดเชื้อขึ้นเรื่อย ๆ!

“พี่ชายถูกผู้อื่นจับไปขังไว้!”

หลังบรรเลงจบหนึ่งบทเพลง เสี่ยวหยาน้ำตานองหน้า นางเห็นสภาพของพี่ชายในตอนนี้ผ่านเสียงฉิน

น่าเวทนายิ่ง!

น่าเวทนาสุด ๆ!

ที่นั่นเป็นสถานที่มืดสนิทไร้แสงสว่าง พิศวงน่ากลัวจนขนลุก พี่ชายของนางกลายเป็นยักษ์ มีขนสีแดงน่ากลัวงอกเต็มตัวไปหมด ดูไม่เหมือนทั้งคนทั้งผี

ทว่านางไม่เพียงแต่ได้เห็นพี่ชายเท่านั้น นางยังได้เห็นยักษ์อีกหลายตนซึ่งมีสภาพเดียวกับพี่ชายนาง มีขนสีแดงน่ากลัวงอกเต็มตัวเช่นกัน ทั้งหมดถูกล่ามไว้ด้วยโซ่เหล็กเส้นใหญ่ บ้างดูคล้ายตายไปแล้ว บ้างส่งเสียงคำรามเสมือนอสูร

“เสี่ยวหยาอย่าร้องไห้!”

หลิงอินซึ่งอยู่ข้าง ๆ ถามเสี่ยวหยา “ตกลงเรื่องเป็นมาอย่างไรกันแน่”

เสี่ยวหยาเล่าทุกอย่างที่นางเห็นให้หลิงอินฟัง

ครั้งนี้การเชื่อมต่อของนางและพี่ชายชิดเชื้อมากขึ้น ราวกับนางได้กลายเป็นพี่ชาย สัมผัสถึงความเจ็บปวดทั้งหมดที่พี่ชายของนางแบกรับในขณะนี้

น้ำตาของนางรินไหลอย่างหยุดไม่อยู่ ความเจ็บปวดขนาดนี้ นางเพิ่งได้ลิ้มรสก็ทนไม่ไหวเสียแล้ว แทบเสียสติ แล้วพี่ชายของนางแบกรับความเจ็บปวดขนาดนี้มานานเท่าไรแล้ว

นางไม่กล้าคิดต่อเลยว่าหลายปีมานี้พี่ชายของนางทนมาได้อย่างไร!

“สติสัมปชัญญะของพี่ชายอ่อนบางมาก ราวกับมีของบางอย่างกำลังกัดกินจิตสำนักของพี่ชายอยู่ ไม่ว่าข้าเรียกหาพี่ชายอย่างไรก็ไม่เป็นผล!”

เสี่ยวหยาบอกเสียงสะอื้น “พี่หญิงหลิงอิน เราจะทำอย่างไรกันดี สติสัมปชัญญะของพี่ชายอ่อนบางยิ่ง น่ากลัวว่าทนต่อไปได้อีกไม่นานก็จะถูกกลืนสนิท!”

การเชื่อมต่อชิดเชื้อเยี่ยงนี้ ที่จริงนางควรคุยกับพี่ชายได้จนสร้างการเชื่อมโยง ทว่าบัดนี้สติสัมปชัญญะพี่ชายของนางเบาบางเกินไป เหลืออยู่เพียงน้อยนิด นางไม่สามารถพูดกับพี่ชายได้

“ร้ายแรงปานนี้เชียว?”

หลิงอินขมวดคิ้ว นางเดาได้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วว่าสถานการณ์ของพี่ชายเสี่ยวหยาอาจมิสู้ดีนัก แต่คิดไม่ถึงว่าสถานการณ์จะคับขันเยี่ยงนี้ ตามที่เสี่ยวหยากล่าวมา เป็นไปได้สูงว่าสติสัมปชัญญะของพี่ชายเสี่ยวหยาหายไปได้ทุกเมื่อ

“พวกเราไปกันเถิด!”

นางมิได้ลังเล พาเสี่ยวหยาไปจากที่นี่ นางต้องไปช่วยพี่ชายของเสี่ยวหยา ไม่อาจปล่อยให้สติสัมปชัญญะพี่ชายของเสี่ยวหยาหายไปทั้งแบบนี้

ด้วยพลังของฉินปี้เทียนชางไห่ เสี่ยวหย่ารู้ตำแหน่งพี่ชายของนาง เป็นระยะห่างที่ไกลแสนไกล มิได้อยู่ในโลกนี้ จำต้องเดินทางข้ามจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาลที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว

หากพวกนางไปกันแบบนี้ ไม่รู้ต้องใช้เวลานานเท่าใดกว่าจะถึง

และหลิงอินในฐานะจ้าวสูงสุดแห่งโบราณกาลตระหนักถึงข้อนี้ดี นางมิได้พาเสี่ยงหยาออกจากโลกนี้โดยตรง หากแต่พาเสี่ยวหยามุ่งหน้าไปที่ทะเลต้องห้าม

นางต้องการ ‘ยืม’ ของวิเศษจากทะเลต้องห้าม!

ทุกแดนต้องห้ามล้วนผ่านกาลเวลามายาวนาน รากฐานลึกล้ำเกินหยั่ง เทียบกับกองกำลังทั้งปวงในโลกนี้แล้ว มีรากฐานอุดมสมบูรณ์กว่ามากนัก

ทะเลต้องห้ามเป็นหนึ่งในเก้าแดนต้องห้าม ย่อมเป็นเช่นนี้ด้วย

และเพราะเหตุนี้ นางถึงพาเสี่ยวหยามุ่งหน้าไปยังทะเลต้องห้าม นางตั้งใจ ‘ยืม’ ศาสตราของทะเลต้องห้ามที่สามารถเดินทางอย่างรวดเร็วในจักรวาลอันกว้างไกลได้!

เมื่อมีศาสตราที่สามารถเดินทางในจักรวาลด้วยความเร็วสูง พวกนางก็จะไปถึงโลกที่พี่ชายของเสี่ยวหยาอยู่ได้ไวยิ่งขึ้น

ทะเลต้องห้ามตั้งอยู่ในดินแดนฮวง หลิงอินใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายของหุบเขาคงหลิง พาเสี่ยวหยามาที่หุบเขาคงหลิงในดินแดนฮวงก่อน

หุบเขาคงหลิงห่างจากทะเลต้องห้ามไกลพอสมควร หลังจ้าวหุบเขาทราบเรื่องราว รับรู้ความร้ายแรงของเหตุการณ์นี้ ก็หยิบศาสตราปริภูมิชิ้นหนึ่งออกมายื่นให้หลิงอิน

ศาสตราปริภูมิชิ้นนี้ทรงพลังมาก สามารถเดินทางข้ามมิติ ลดหย่อนระยะเวลาที่ใช้ในการเดินทางได้มหาศาล

“ขอบคุณ!”

หลิงอินกล่าวขอบคุณจ้าวหุบเขา แล้วจึงพาเสี่ยวหยาเดินทางโดยใช้ศาสตราปริภูมิชิ้นนี้เพื่อมุ่งหน้าไปยังทะเลต้องห้าม

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท