ตักน้ำ เก็บกวาดสวนบุปผา ทำอาหารในครัว…
เจ้านายไม่ตื่น พวกเขาก็จะนอนอืดอยู่บนเตียงไม่ยอมตื่นก็คงไม่ได้
เวลาประมาณหนึ่งก้านธูป ชูอี สืออู่ อวี่เสวียนและยังมีจื่อจู้ที่มาจากจวนกั๋วกงด้วยกันเมื่อวานก็ทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้กำลังรออยู่นอกห้อง
ชูอียืนรออยู่ข้างนอกเงียบๆ
สืออู่กลับยื่นมือไปผลักเตาหนูที่ยืนเฝ้าอยู่นอกประตูอย่างไม่เกรงใจ พลางถามอย่างรนหาที่ตายว่า “เมื่อวานพวกนายท่านพักผ่อนสบายดีไหม”
ประสบกับความทรมานตลอดคืนวานมา หัวใจที่แข็งแกร่งราวกับโลหะของเตาหนูได้ละลายเป็นน้ำแล้ว
เมื่อถูกถามอย่างเปิดเผยเช่นนี้ จึงหวนนึกถึงสิ่งที่ได้ยินเมื่อคืนขึ้นมาทันที
ในห้วงความคิดก็ปรากฏภาพเหตุการณ์เหล่านั้นขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่
เมื่อหันหน้าไปมองสืออู่แวบหนึ่ง
กกหูก็พลันแดงขึ้น
เตาหนูตำหนิตนเองเล็กน้อย และไม่รู้ว่าจะตอบคำถามเช่นไร ตรงหน้าคือดรุณีน้อยที่ยังไม่ออเรือนไม่เข้าใจเรื่องราวทางโลกมากพอ เขากลับคิดถึงเรื่องนี้ ไม่รู้ว่าจะตอบเช่นไรจึงตัดสินใจไม่ตอบเสียเลย เตาหนูถอนสายตากลับมา ก้มหน้าลงด้วยความละอายใจ
เขาหวังให้สืออู่ยืนอยู่ข้างกายเขานานอีกนิด แต่ก็กลัวว่านางจะยืนอยู่ตลอด
สืออู่เห็นเตาหนูไม่ตอบ ก็เดินกลับไปตรงที่ชูอียืนอยู่
เมื่อยืนตรงแล้วก็งึมงำเสียงเบา “คนผู้นี้ผลักเขาแล้วก็ไม่พูดไม่จา แปลกคนเสียจริง”
นางกลับไม่รู้ว่า เป็นเพราะการผลักอย่างไม่สนใจผลลัพธ์ที่ตามมาในภายหลังของนางในวันนี้ จะเป็นการผลักชีวิตของตนเองออกไปด้วย
……
ผ่านยามเหม่า[1]ไปแล้ว
ภายในหอบรรพชนตระกูลมั่ว มีเสียงผู้คนดังสนั่นนานแล้ว
ทว่านับตั้งแต่หัวหน้าตระกูลมั่วมือถือกระบี่อาญาสิทธิ์ประจำตระกูลออกมายืนที่ตำแหน่งระดับสูงหอบรรพชน และยกมือขึ้น ภายในหอก็เงียบลง
หัวหน้าตระกูลมั่วยืนอยู่ด้านบน ออกคำสั่งตระกูลข้อแรกด้วยสีหน้าจริงจัง…
คำสั่งตระกูลข้อแรกถึงกับเป็น “นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป วาจาที่คุณหนูใหญ่มั่วเชียนเสวี่ยแห่งจวนเจิ้นกั๋วกงกล่าวมีอำนาจเท่ากับหัวหน้าตระกูลมั่ว ทั้งบนและล่างของตระกูลมั่วมิอาจต่อต้าน ผู้ที่ต่อต้านจะถูกขับออกจากตระกูลตามโทษดูหมิ่น”
สตรีนางหนึ่ง แม้ว่าจะมีฐานะสูงศักดิ์ แต่ในตระกูล วาจาที่เอ่ยกลับเทียบเท่าหัวหน้าตระกูล?
นี่มันแนวคิดอะไรกัน!
นี่มันดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยเหมาะสมเท่าใดนัก!
ด้านล่างย่อมมีเสียงซุบซิบดังขึ้น
ผู้อาวุโสใหญ่กับผู้อาวุโสรองอาศัยที่ตนเองอายุมาก ลำดับอาวุโสสูง หวนนึกถึงเหตุการณ์ที่มั่วเชียนเสวี่ยทำให้ตนเองดูแย่ต่อหน้าคนนอกเมื่อวาน ก็รู้สึกไม่พอใจ
หลังจากสบตากันแล้ว ก็พากันก้าวเดินออกไปตรงกลาง
ผู้อาวุโสใหญ่เอ่ย “วาจานี้ของหัวหน้าตระกูลกล่าวได้ไม่ถูกต้อง! สตรีนางหนึ่งมีสิทธิ์อำนาจกล่าววาจาในตระกูลเสียที่ใดกัน วาจาของนางจะเทียบเท่ากับหัวหน้าตระกูลได้อย่างไร น่าขันเสียจริง”
ผู้อาวุโสรองเอ่ย “ใช่แล้ว หากข่าวนี้แพร่ออกไป เกรงว่าคนนอกคงจะหัวเราะเยาะว่าตระกูลข้าไร้ผู้มีความสามารถ…”
ผู้อาวุโสใหญ่กับผู้อาวุโสรองกล่าว และแยกกันมองไปทางผู้อาวุโสท่านอื่นๆ ในตระกูลกับเหล่าคนที่มีอำนาจในการตัดสินใจ
เพียงแต่ตอนนี้กลับเกิดการเปลี่ยนแปลงฉับพลันโดยที่ใครก็คิดไม่ถึงขึ้นมาเหตุการณ์หนึ่ง
หัวหน้าตระกูลมั่วสีหน้าเปลี่ยน มือดึงกระบี่อาญาสิทธิ์ออกจากฝัก และร่ายกระบี่ไปสองครา
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพียงแค่เสี้ยวพริบตา
กล่าวว่าลอบโจมตี ก็ไม่ถือว่ามากเกินไป!
ผู้อาวุโสใหญ่กับผู้อาวุโสรองที่ไม่ได้เตรียมการป้องกัน ถูกกระบี่แทงเข้าร่างทั้งคู่
กระบี่นี้มาอย่างรวดเร็ว โหดเหี้ยม เสือกแทงเข้าที่หัวใจ
ก่อนตาย แววตาของผู้อาวุโสทั้งสองท่านเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
แม้ว่าพวกเขาจะสงสัยในวาจาของเขา แต่ก็ไม่ถึงกับต้องฆ่าทิ้ง
ไม่เพียงแต่ผู้อาวุโสทั้งสองท่านที่สงสัยก่อนตาย ทุกคนที่อยู่ในหอบรรพชนล้วนถูกเหตุการณ์นี้ทำให้นิ่งอึ้งไปแล้วเช่นกัน
แต่หัวหน้าตระกูลมั่วกลับไม่แม้แต่จะกะพริบตาสักนิด
ข้ารับใช้หลายคน คนส่งข่าว คนดูต้นทาง ยังมีองครักษ์ที่รู้เรื่องเกี่ยวกับวันนั้นที่คุณชายทั้งสามท่านของตระกูลมั่วไปขโมยตัวคุณหนูใหญ่ตระกูลมั่วออกมาจากจวนกั๋วกงเพื่อนำไปมอบให้กับคนลึกลับล้วนถูกเขาจัดการฆ่าทิ้งลับๆ แล้ว ตอนนี้เหลือเพียงแค่ผู้อาวุโสสองท่านนี้
เขาเดาได้ว่า พวกเขาสองคนจะก้าวออกมา
ภายในหอบรรพชน ต่อหน้าบุตรหลานทุกคนในตระกูล หัวหน้าตระกูลประกาศคำสั่งประจำตระกูล พวกเขาต่อต้านวาจาของหัวหน้าตระกูลทันที หากหัวหน้าตระกูลถือสา ก็สามารถใช้โทษดูหมิ่นจัดการได้
แน่นอนว่า ความผิดนี้จัดการถึงตายทันที ก็ไม่ได้ถูกไปเสียทั้งหมด
คำอธิบายเป็นการส่วนตัวนั้น เขาย่อมมีให้ แต่ทว่า อย่างไรเสีย เขาก็ไม่ตั้งใจที่จะมีชีวิตต่อไปอยู่แล้ว ยังต้องกลัวที่จะอธิบายอะไรอีก
ที่หัวหน้าตระกูลมั่วต้องการชีวิตของผู้อาวุโสทั้งสองท่าน ก็ไม่ได้เป็นเพราะเรื่องนั้นทั้งหมด
ในเมื่อเขาจะส่งมอบอำนาจ ผู้อาวุโสทั้งสองท่านนี้ก็เก็บเอาไว้ไม่ได้ ทั้งสองคนเป็นรุ่นลุงและอา ยามปกติไม่ค่อยเห็นเขาอยู่ในสายตา
หากไม่ใช่ว่าเขากระทำการใดล้วนเฉียบขาด โหดเหี้ยม จะสามารถข่มทั้งสองคนนี้ไว้ได้เช่นไร
ไม่เพียงแต่ผู้อาวุโสสองท่านนี้ เมื่อคืนเขายังสั่งให้คนนำจุดอ่อนของบุตรชายคนโต ที่เดิมเตรียมให้เป็นผู้สืบทอดมอบให้กับมั่วจื่อถัง
อย่าคิดว่า เขาเตรียมมอบตระกูลมั่วให้กับบุตรชายคนโตแล้ว เขาจะไม่ได้กำจุดอ่อนเขาเอาไว้
ไม่เพียงแต่จุดอ่อนของบุตรชายคนโต จุดอ่อนของผู้อาวุโสคนอื่นๆ เขาล้วนมอบให้กับมั่วจื่อถังทั้งหมด
ตอนนี้เขาจะมอบตระกูลมั่วที่สะอาดเรียบร้อย และปลอดภัย ไร้อันตรายใดๆ ให้กับมั่วจื่อถัง
ทุกครั้งที่เขาไปก่อเรื่องที่จวนกั๋วกง ผู้อาวุโสสองท่านนี้ล้วนตามไปด้วย ทั้งยังไม่ให้เกียรติมั่วเชียนเสวี่ยอย่างยิ่ง คิดว่ามั่วเชียนเสวี่ยคงรู้สึกผูกพยาบาทนานแล้ว
ไม่แน่ว่า มั่วเชียนเสวี่ยจะเอาใจใส่ตระกูลมั่วด้วยเห็นแก่ที่เขาจัดการได้เรียบร้อย
แม้ว่าจะไม่ใส่ใจ ขอเพียงไม่เหยียบย่ำ พวกเขาตระกูลมั่วก็ยังมีจวนกั๋วกงให้การดูแลในนาม ในภายหลังก็ได้ชื่อว่ามีความเกี่ยวดองกับตระกูลหนิง คิดว่าคงไม่มีใครกล้ามารังแกเช่นกัน
หัวหน้าตระกูลมั่วชูกระบี่อาญาสิทธิ์ในมือขึ้น “ที่เชิญกระบี่อาญาสิทธิ์ออกมาในวันนี้ เพราะมีเรื่องสำคัญจะแจ้งให้ทราบ ผู้อาวุโสสองท่านไม่รอให้หัวหน้าตระกูลกล่าวจบก็เอ่ยขัดขึ้นมา เช่นนี้ ไม่ให้เกียรติหัวหน้าตระกูล เป็นการกระทำที่ไม่ให้เกียรติ มีโทษดูหมิ่นหัวหน้าตระกูล ข้าประหารชีวิตทั้งสองคนนั้น คิดว่าทุกท่านที่อยู่ในเหตุการณ์มิมีผู้ใดเห็นต่างหรอกนะ”
แม้ว่าจะเห็นต่าง ก็ไม่กล้าเอ่ยออกมาหรอก!
ในใจของทุกคน เดิมหัวหน้าตระกูลมั่วเป็นคนน่าเกรงขาม โหดเหี้ยม เด็ดขาดคนหนึ่ง แม้ว่าจะเป็นบุตรของผู้อาวุโสใหญ่กับผู้อาวุโสรอง ก็ไม่กล้าหุนหันก้าวออกมา เมื่อเห็นกระบี่อาญาสิทธิ์เล่มนั้นในมือของหัวหน้าตระกูล ก็มิกล้ากล่าววาจาใด
แม้ว่าผู้อาวุโสสองคนนี้จะเฉลียวฉลาดและแข็งแกร่ง แต่ชนรุ่นหลังกลับไม่แข็งแกร่ง บุตรหลายคนล้วนเป็นคนธรรมดาที่ล้างผลาญ ทำตระกูลล่มจม ไม่รู้ว่าหัวหน้าตระกูลมั่วต้องเสียทรัพย์สินเงินทองตามล้างตามเช็ดให้พวกเขาไปมากเท่าไร
ไม่เช่นนั้น หัวหน้าตระกูลมั่วก็ไม่กล้าบั่นคอกลางห้องเช่นกัน
แม้ว่าบุตรหลายคนจะไม่พอใจ แต่หลังจากสบตากันแวบหนึ่ง ก็พากันคิดว่า…
มีบางเรื่องที่กล่าวต่อหน้าทุกคน
มีบางเรื่องที่สนทนากันเป็นการส่วนตัว
เชื่อว่า หัวหน้าตระกูลจะต้องมี “คำอธิบาย” ให้พวกเขาเป็นการส่วนตัวแน่นอน
บุตรหลานสายตรงของทั้งสองครอบครัวไม่กล่าวอันใด ผู้อื่นยิ่งไม่มีทางเอ่ยออกมา
หัวหน้าตระกูลมั่วประกาศเรื่องการตัดสินใจที่สำคัญเรื่องที่สองของเขาด้วยท่าทางที่เปี่ยมไปด้วยความมีชีวิตชีวา
“นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ตำแหน่งหัวหน้าตระกูลมั่วจะส่งมอบให้กับบุตรชายคนเล็กสุดของข้ามั่วจื่อถัง เขาเพียบพร้อมไปด้วยคุณธรรมและความรู้ความสามารถ ทั้งยังมีนิสัยซื่อสัตย์จริงใจ…”
ตระกูลมั่วเป็นตระกูลขุนนางที่ไม่เข้าขั้น เพียงเพราะหลายปีมานี้ได้รับการคุ้มครองจากจวนกั๋วกง ถึงได้เบียดเข้าไปอยู่ในสายตาของตระกูลขุนนางได้
แม้ว่าจะมีการคุ้มครองจากจวนกั๋วกง นับดูแล้วพอยอมรับว่าอยู่ในตระกูลขุนนางขั้นสองขั้นสามเท่านั้น
ตระกูลขุนนางเช่นนี้จะมีกฎตระกูลที่เข้มงวด มีประวัติอันยาวนาน และการส่งมอบตำแหน่งหัวหน้าตระกูลอย่างเคร่งครัด เหมือนกับตระกูลขุนนางเก่าแก่หรือตระกูลขุนนางขั้นหนึ่งเสียที่ไหนกัน
[1] ยามเหม่า คือ 05.00 – 06.59 น.