เมื่อองค์ชายห้าได้ยินผู้เป็นบิดากล่าวเช่นนั้นก็ลนลานและไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี
ในอดีตเขาสามารถจัดการทุกอย่างได้อย่างราบรื่นเพราะมีผู้เป็นมารดาหรือก็คือฮองเฮาคอยช่วยเหลือและแก้ไขปัญหามาตลอด
แต่วันนี้เขาเริ่มเกิดความสงสัยในตัวเองขึ้นมาเสียแล้ว!
เขาไม่เคยคิดว่าฮ่องเต้จะรู้ว่าเป็นเขา ทั้งหมดที่เขาทำก็แค่การเขียนจดหมายฉบับเดียว เขาทำถึงขนาดปลอมลายมือเลยด้วยซ้ำ
ทุกอย่างเป็นความผิดของผู้หญิงประหลาดที่ชื่อเฮ่อเหลียนเวยเวย!
คนปกติควรจะเก็บจดหมายไว้กับตัว และพยายามไม่เผชิญหน้ากันโดยตรงมิใช่หรือ
คาดไม่ถึงเลยว่านางจะนำจดหมายฉบับนั้นไปแสดงให้พี่สามดู!
นั่นมันตรรกะพรรค์ไหนกัน
นางไม่กลัวสิ่งที่พี่สามพูดในจดหมายฉบับนั้นหรือ
เฮ่อเหลียนเวยเวยต้องโง่ถึงเพียงใดถึงได้เผยอดีตอันน่ารังเกียจของตนให้พี่สามรู้
องค์ชายห้าพยายามตั้งสติอย่างเต็มที่ เขาคุกเข่าลงกับพื้น แล้วตอบด้วยเสียงอันสั่นเทา ”เสด็จพ่อ ข้าไม่ได้ตั้งใจที่จะตัดสินน้องเจ็ด และข้าก็ไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ องค์ชายทุกพระองค์ต่างก็มีกระดาษชนิดนี้อยู่ อาจมีขันทีในวังหลวงสักคนเก็บกระดาษที่ใช้แล้วขึ้นมาจากพื้นก็ได้นะพ่ะย่ะค่ะ ข้าเป็นคนหัวขี้เลื่อยจึงไม่อาจหาหลักฐานมาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองได้ นอกจากนั้นตลอดหลายปีที่ผ่านมา คนอื่นๆ ต่างก็อิจฉาการที่ลูกได้รับความเอ็นดูจากเสด็จพ่อมาตลอด ก่อนหน้านี้ก็เคยมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นมาก่อน ลูกไม่กลัวอะไรทั้งสิ้นพ่ะย่ะค่ะ สิ่งเดียวที่ลูกกลัวก็คือกลัวว่าท่านพ่อจะผิดหวังในตัวลูก และกลัวว่าความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกจะได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้เท่านั้น”
เขารู้ดีว่าทำไมผู้เป็นบิดาจึงวางตัวด้วยความระมัดระวังกับพี่สาม และรู้ดีว่าคำพูดนี้ของเขาอาจช่วยให้เขาพอมีหวังได้บ้าง
เป็นอย่างที่คิด ฮ่องเต้ใจเย็นลงเล็กน้อยหลังจากได้ยินคำพูดขององค์ชายห้า เป็นอย่างที่เจ้าห้าพูด มันอาจจะเป็นการเข้าใจผิดกันก็ได้ ถ้าเขาเข้าข้างคนที่อิจฉาเจ้าห้าและทำให้ความสัมพันธ์ฉันพ่อลูกระหว่างพวกเขาต้องพังทลาย มันก็จะเป็นไปตามแผนการของคนพวกนั้น
แต่ทันทีที่ฮ่องเต้เปลี่ยนมาคิดเช่นนี้ เขาก็ได้ยินเสียงเอะอะดังมาจากด้านนอกก่อนที่จะทันได้อ้าปากพูด
เขาเงยหน้าขึ้น และเห็นเจ้าเจ็ดที่ทั้งแข็งแรงและสง่างามแบกขันทีคนหนึ่งเข้ามา และโยนคนคนนั้นลงกับพื้นแล้วสั่งว่า ”เล่าทุกอย่างที่เจ้ารู้ให้เสด็จพ่อฟัง!”
ขันทีคนนั้นไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นขันทีคนสนิทที่รับใช้องค์ชายห้ามาอย่างยาวนาน
ขันทีคนนั้นถูกอัดจนน่วม เขาคู้ตัวอยู่บนพื้นเพราะไม่สามารถทนกับความทรมานนั้นได้
แต่มันก็เป็นเหตุผลที่ทำให้เขาคิดที่จะเปิดโปงองค์ชายห้า
จนกระทั่งถึงตอนนี้ เขาก็ยังไม่สามารถลืมสายตาชั่วร้ายของเฮ่อเหลียนเวยเวยคนที่ใครต่อใครต่างก็คิดว่านางคงไม่สามารถเอาตัวรอดในวังหลวงไปได้ และจะต้องประสบกับปัญหานานับประการหากไม่มีองค์ชายสามคอยปกป้อง ต่อให้เสียงของนางจะราบเรียบเพียงใด แต่แค่นั้นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เขาสะดุ้งสุดตัว
นางเอ่ยว่า ”ตระกูลของขันทีจางคงไม่รู้ถึงสิ่งที่ขันทีจางทำในวังหลวง หากพวกเขารู้ ท่านคิดว่าพวกเขาจะเสียใจเพียงใด”
นางกำลังข่มขู่เขา
ขันทีจางกุมมือเข้าหากันแน่น แต่เขาก็ไม่สามารถหยุดความหวาดกลัวที่พุ่งขึ้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจได้
ปฏิกิริยาแรกที่เขามีในเวลานี้คือการคิดว่าเรื่องคงเลวร้ายลงแน่
ไม่ว่าจะเป็นเขาหรือองค์ชายห้า พวกเขาสองคนต่างก็ประเมินเฮ่อเหลียนเวยเวยเอาไว้ต่ำเกินไป
นางไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดา ไม่ใช่คนที่รู้จักแค่กินกับนอน
กลอุบายที่นางมีนั้นชาญฉลาดกว่าขององค์ชายสามเสียอีก
สามีภรรยาคู่นี้เป็นคนชั่วร้าย พวกเขาวางแผนจัดการคนอื่นโดยไม่เว้นช่องว่างให้อีกฝ่ายได้หายใจเลยทีเดียว
มาถึงจุดนี้เขาจึงจำต้องเล่าทุกอย่างออกไป
ฮ่องเต้ใจเย็นลงแล้ว แต่แล้วเขาก็ได้ยินคำพูดของขันทีจางที่บอกว่าฮ่องเฮาเป็นคนแนะนำให้องค์ชายห้าติดสินบนบรรดาขันทีเพื่อสอดแนมอดีตฮ่องเต้ และใช้โอกาสนั้นในการสร้างความเคลือบแคลงใจให้เกิดขึ้นระหว่างองค์ชายสามและพระชายาสาม
โทสะของฮ่องเต้พุ่งสูงทันทีหลังจากฟังคำพูดของขันทีจางจบ เขาโยนถ้วยน้ำชาใส่องค์ชายห้า ”เจ้าคนชั้นต่ำ! เจ้าบอกว่าเจ้าไม่รู้เรื่องอะไรด้วย และบอกว่ามีคนจงใจสร้างความเข้าใจผิดระหว่างเจ้ากับข้า แต่เจ้ากลับยื่นมือเข้าไปยุ่งกับสิ่งที่ไม่ควรยุ่ง เจ้ากล้าทำเรื่องเช่นนี้ทั้งที่ข้ายังมีชีวิตอยู่หรือ ดี! ดีมาก!”
ในอดีตนั้นเขามักจะคิดอยู่เสมอว่าบุตรชายสุดที่รักของเขานั้นยังเด็ก และไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาสนิทกัน
เขานึกไม่ถึงเลยว่าบุตรชายตัวน้อยของเขาจะมีขุมกำลังของตัวเองอยู่ในวัง อายุน้อยถึงเพียงนี้แต่กลับมีความทะเยอทะยานยิ่งนัก!
เขารู้จักกระทั่งการติดสินบนขันที!
เขาพยายามวางแผนจะทำอะไร
ฮ่องเต้ทนให้องค์ชายแอบอ้างอำนาจของตนไม่ได้ การกระทำขององค์ชายห้าในครั้งนี้ได้ละเมิดข้อห้ามของเขาไปเสียแล้ว
ฮ่องเต้หยุดสอบปากคำองค์ชายห้าไปเสียดื้อๆ เขายกมือขึ้นนวดขมับด้วยความเดือดดาล ”พาตัวเขาออกไปแล้วโบยหวายห้าสิบทีเป็นการลงโทษ จากนั้นส่งตัวเขาไปอยู่ที่ตำหนักเย็นเป็นเพื่อนฮองเฮาที่อบรมเขามาเป็นอย่างดีซะ!”
“เสด็จพ่อ! เสด็จพ่อ!” ในตอนแรกนั้นองค์ชายห้ายังพยายามร้องขอความเมตตาอยู่ แต่หลังจากถูกโบยไปสองสามครั้ง ร่างกายอ่อนแอของเขาก็ไม่อาจทนรับความทรมานนั้นได้อีกต่อไป
ถูกโบยแค่นี้เขาก็จะตายแล้ว นับประสาอะไรกับการถูกโบยถึงห้าสิบทีเล่า!
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยมองภาพที่เกิดขึ้นพลางเล่นกับถ้วยชากระเบื้องเคลือบในมือเบาๆ รอยยิ้มของเขาดูชั่วร้าย…
ตอนนั้นเองที่องค์ชายห้าเพิ่งจะตระหนักได้ว่าคนที่เขาไปยั่วโมโหนั้นเป็นคนที่เขาไม่สามารถเอาชนะได้ คนคนนั้นรู้ว่าจะใช้คนอื่นกำจัดเขาโดยไม่ให้รู้ตัวได้อย่างไร
ทุกอย่างจบสิ้นแล้ว
อำนาจของตระกูลมู่หรงที่เหลืออยู่ถูกถอนรากถอนโคนออกไปจนหมดสิ้น และถูกแทนที่ด้วยคนของไป๋หลี่เจียเจวี๋ย
ตอนนี้เองที่ทุกคนเริ่มตระหนักถึงเรื่องนี้
ราชสำนักแตกกันเป็นฝักเป็นฝ่ายมานานหลายปี แต่ตอนนี้กำลังอำนาจเล็กๆ เหล่านั้นกลับหายไปโดยไม่รู้ตัว
หากมองกลับมาที่จักรวรรดิจ้านหลงในเวลานี้ จะเห็นว่านอกจากอำนาจที่สี่ตระกูลใหญ่มีอยู่ในมือแล้ว อำนาจที่เหลือทั้งหมดนั้นล้วนแต่กลับคืนมาอยู่ที่ราชวงศ์แล้ว
แผ่นดินกำลังจะถึงการเปลี่ยนแปลง!
เฮ่อเหลียนเวยเวยยิ้มออกมาอย่างนุ่มนวลหลังจากได้ยินเรื่องนี้ ”ไม่เลว หลังมีเรื่องขององค์ชายห้าเกิดขึ้น ในที่สุดเจ้าพวกที่คิดจะล้อเล่นกับข้าและองค์ชายสามก็จะได้อยู่เงียบๆ กันไปได้สักพัก”
ชิงจ้านตัวสั่นแล้วเอ่ยเสียงเบาว่า ”มันไม่ใช่เพียงแค่การโบยน่ะสิเพคะ องค์ชายห้ายังเป็นเพียงแค่เด็กที่ไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ความเจ็บปวดจากการถูกไม้โบยลงบนร่างนั่นก็เป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อย เขายังร้องไห้อยู่ทุกวันเพราะคิดว่าฮ่องเต้ไม่รักเขาแล้ว ยิ่งกว่านั้นพวกเขายังคิดที่จะส่งเขาไปอยู่ที่ตำหนักเย็น สำหรับเขาแล้ว มันคงเป็นเรื่องที่ทรมานยิ่งกว่าความตายเสียอีก…”
เฮ่อเหลียนเวยเวยเลิกคิ้ว แล้วกล่าวว่า ”ชิงจ้าน พวกเราต้องมาคุยกันดีๆ เสียแล้ว”
“เอ๋” ชิงจ้านไม่รู้ตัวว่าตัวเองกำลังเหม่ออยู่
เฮ่อเหลียนเวยเวยใช้นิ้วจิ้มเข้าที่ศีรษะของชิงจ้าน และบอกว่า ”ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นคนมีจิตใจอ่อนโยนตั้งแต่วันแรกที่ข้าได้พบเจ้า แต่มีแค่คนดีเท่านั้นที่สมควรได้รับความใจดีนั้น ในโลกใบนี้คนที่วางแผนจะเล่นงานคนอื่นย่อมได้รับผลกรรมของตัวเองในสักวัน พวกเราควรเห็นใจผู้ที่อ่อนแอก็จริง แต่ถ้าพวกเขาร้องไห้ขอความเห็นใจทั้งที่ตัวเองทำร้ายคนอื่น และรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้รับความยุติธรรมตอนที่ถูกลงโทษละก็ ข้าจะไล่พวกเขาออกไปเสีย! คนเราทำผิดพลาดกันได้ โดยเฉพาะกับคนที่ยังเด็ก ส่วนคนที่คิดว่าตัวเองได้รับความอยุติธรรมหลังจากที่พวกเขาทำผิดลงไปแล้วนั้น ข้าก็จะทำเป็นไม่เห็นพวกเขา คนบางคนคิดว่าพวกนางสามารถขโมยสามีของคนอื่นได้เพียงเพราะพวกนางเด็กกว่า และหลังจากที่พวกนางทำเช่นนั้น พวกนางก็จะร้องห่มร้องไห้และกล่าวว่าภรรยาคนแรกของคนคนนั้นเป็นฝ่ายมาหาเรื่องพวกนาง กับคนเช่นนั้น หากเจ้าปฏิบัติกับพวกเขาด้วยความโอบอ้อม มันก็รังแต่จะนำพาความทุกข์มาให้กับมิตรสหายของเจ้าเท่านั้น…”