ตอนที่ 464 ผ้าพันคอเสื่อมคุณภาพ
หลังอาหารมื้อเย็น หลินม่ายกับฟางจั๋วหรานออกไปที่ตลาดสดฝูตัวตัวด้วยกัน ซื้ออาหารเสริมและผลไม้จำนวนมากเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นลำไย พุทราแดง และอีกหลายอย่าง
วันต่อมา พอสมาชิกครอบครัวทั้งสามคนของฟู่เฉียงกำลังจะเดินทางกลับบ้าน หลินม่ายก็มอบอาหารเสริมกับผลไม้ที่ซื้อมาจากตลาดฝูตัวตัวให้พวกเขาด้วย
ฟู่เฉียงและพ่อแม่ปฏิเสธไม่ยอมรับของเหล่านี้ท่าเดียว เอาแต่พูดว่าพวกเขาติดหนี้หลินม่ายมากเกินไป จึงไม่อยากรับของจากหลินม่ายเพิ่มอีก
ท้ายที่สุดคุณปู่ฟางและคุณย่าฟางก็ต้องเข้ามาช่วยเกลี้ยกล่อม ทั้งสามจึงยอมรับอาหารเสริมกับผลไม้ทั้งหมดไว้ด้วยใบหน้าแดงก่ำ
นอกจากนี้ หลินม่ายยังแอบยัดเงินให้ฟู่เฉียงอีกหนึ่งร้อยหยวน ให้เขาไปซื้อเนื้อสัตว์มาทำอาหารให้พ่อแม่บ่อย ๆ
ถึงแม้ว่าโรคภัยของพ่อแม่เขาจะหายเป็นปกติแล้ว แต่ก็ยังต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่งกว่าร่างกายจะกลับมาฟื้นตัวอย่างเต็มที่
ระหว่างช่วงพักฟื้น พวกเขาจะต้องกินแต่อาหารที่มีประโยชน์ ถึงจะหายวันหายคืน
หลังจากนั้นทั้งสามก็ขอตัวไปขึ้นรถโดยสารทางไกลที่สถานีขนส่ง ไม่ลืมขอบคุณทุกคนด้วยความซาบซึ้งเป็นอย่างยิ่ง
หลินม่ายปั่นจักรยานไปที่โรงงานตัดเสื้อ เรียกรวมผู้ปฏิบัติงานหลายคนในแต่ละส่วนงานให้มาประชุมย่อย ยกเว้นก็แต่เฉินเฟิง
เฉินเฟิงเป็นคนเดียวที่ไม่จำเป็นต้องเข้าประชุมร่วมกับคนอื่น คนแบบเขาหรือจะสนใจนั่งฟังคนอื่นร่ายสุนทรพจน์ให้ฟัง?
เขายินดีเข้าร่วมประชุมแค่หนึ่งครั้งต่อสัปดาห์เท่านั้น และจะไม่เข้าร่วมการประชุมใด ๆ ก็ตามที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่เขารับผิดชอบ
หลินม่ายเองก็ไม่เคยนับเขาเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา แต่ให้เกียรติเขาในฐานะหุ้นส่วน
ในเมื่อเขาไม่อยากเข้าร่วมประชุมย่อยอื่น ๆ ถ้าไม่ใช่วันจันทร์ เธอก็ทำได้แค่ตามใจเขา
วันนี้เถาจืออวิ๋นพูดเป็นคนแรก หล่อนแจ้งความคืบหน้าว่าตัวเองได้ประสานงานกับโรงงานตัดเสื้อของรัฐแห่งที่สามเรียบร้อยแล้ว พวกเขาเริ่มการทำงานตั้งแต่บ่ายวานนี้
เจิ้งซวี่ตงมองไปทางเถาจืออวิ๋น ถามว่า “ผมวางแผนไว้ว่าจะเปิดร้านเสื้อผ้า Unique พร้อมกันในวันเทศกาลไหว้พระจันทร์ กำลังการผลิตของโรงงานตัดเสื้อ OEM แห่งใหม่ของคุณ สามารถรองรับอุปทานเสื้อผ้าของแต่ละสาขาได้มากแค่ไหน?”
เถาจืออวิ๋นพยักหน้า “ก่อนที่ฉันจะติดต่อกับโรงงานตัดเสื้อ OEM แห่งที่สาม ฉันได้คำนวณปริมาณความต้องการของเสื้อผ้าสำหรับแต่ละสาขาในเครือแล้ว เพียงพอแน่นอนค่ะ”
หล่อนยิ้มแล้วพูดต่อ “นึกไม่ถึงว่าร้านUniqueสาขาใหม่ของเราจะเปิดตัวกันเร็วขนาดนี้ ฉันคิดว่าคงต้องรอจนกว่าจะถึงวันชาติแล้วค่อยเปิดตัวซะอีก”
เหรินเป่าจูกับคนอื่น ๆ พากันเสริม “ฉันก็เหมือนกัน”
หลินม่ายถาม “ร้านเสื้อผ้าในเครือUniqueทั้งหมดตกแต่งภายในเสร็จแล้วเหรอคะ?”
เจิ้งซวี่ตงพยักหน้า “เราแค่ทาสีขาว ปูกระเบื้องใหม่ และติดตั้งหลอดไฟเท่านั้นเอง เป็นธรรมดาที่การตกแต่งจะเสร็จไวขนาดนี้ ไม่ใช่เฉพาะร้านเสื้อผ้าUniqueที่เสร็จสมบูรณ์เท่านั้นนะครับ แม้แต่ร้านเปาห่าวซือสาขาใหม่ก็ตกแต่งเสร็จพร้อมเปิดตัวในวันเทศกาลไหว้พระจันทร์เช่นเดียวกัน”
หลินม่ายพยักหน้า “ดีเลย”
จากนั้นเธอหันไปบอกเหรินเป่าจูว่าหลังจบการประชุมเมื่อใด เธอจะให้เจิ้งซวี่ตงส่งมอบร้านค้าเสื้อผ้าในเครือUniqueซึ่งปรับปรุงเสร็จเรียบร้อยแล้วให้ เพื่อที่ต่างฝ่ายจะได้จัดการเปิดตัวร้านในวันไหว้พระจันทร์
นั่นก็เพราะเหรินเป่าจูเป็นรองผู้จัดการโรงงานตัดเสื้อUnique จึงมีหน้าที่รับผิดชอบในการดูแลร้านค้าในเครือUniqueทั้งหมด
เหรินเป่าจูตอบรับอย่างขันแข็ง ก่อนจะแจ้งความคืบหน้าให้ทุกคนทราบอย่างมีความสุขว่า เมื่อวานนี้หล่อนจัดการสั่งทำป้ายให้กับร้านค้าส่งเสื้อผ้าบนถนนฮั่นเจิ้งเรียบร้อยแล้ว
ทันทีที่กลับมาถึงโรงงาน พนักงานส่งเสริมการขายหลายคนก็โทรมาบอกข่าวว่าเกิดเหตุการณ์ใหญ่โตขึ้นกับผ้าพันคอสี่เหลี่ยมผืนน้อยที่นำเข้าจากฮ่องกง ซึ่งซีม่านใช้เป็นของแถมเมื่อลูกค้าซื้อครบโปรโมชั่น
โฮ่วซินอี้เคาะนิ้วลงกับโต๊ะรัว ๆ “เกิดเรื่องอะไรขึ้น รีบเล่าให้พวกเราฟังเร็ว”
เหรินเป่าจูกลอกตามองเขา “รีบร้อนอะไรกัน? ฉันเองก็กำลังพูดถึงเรื่องนี้อยู่ไม่ใช่เหรอ?”
จากนั้นหล่อนก็เล่าต่อไป
เรื่องของเรื่องก็คือ ก่อนหน้านี้มีลูกค้าจำนวนมากซื้อเสื้อผ้าจากร้านซีม่านเพื่อหวังจะรับผ้าพันคอนำเข้าที่เป็นของแถม แต่หลังจากหลาย ๆ คนเอาไปซัก บางผืนก็เสียรูปทรง บางผืนก็ขาดวิ่น
นี่แสดงให้เห็นว่าผ้าพันคอที่ทำจากผ้าไหมพวกนั้นถูกเก็บไว้มานานเกินไป จนเนื้อผ้าเปื่อยยุ่ยไปหมดแล้ว
ช่วงบ่ายของเมื่อวานนี้ ลูกค้าหลายคนพากันมาเอาเรื่องร้านซีม่านถึงที่ เพื่อขอคำชี้แจงว่าทำไมผ้าพันคอถึงเสื่อมคุณภาพ
ทางร้านซีม่านชี้แจงเพียงว่าผ้าพันคอที่พวกเขาแจกฟรีไม่ได้เสื่อมคุณภาพ แต่ลูกค้าซักไม่ถูกวิธี ทำให้เนื้อผ้ามีสภาพเป็นแบบนั้น
ทั้งสองฝ่ายโต้เถียงกันอย่างดุเดือด
หลินม่ายไม่ค่อยสนใจเรื่องของคนอื่นเท่าไรนัก กังวลแค่อย่างเดียวก็คือมีนักข่าวจากสำนักข่าวไหนเข้ามาสัมภาษณ์หรือตีแผ่เปิดโปงแล้วหรือยัง
เหรินเป่าจูตอบ “นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เรากับซีม่านต่อสู้ทางการค้ากันทั้งแบบเปิดเผยและแบบลับหลัง พนักงานขายตลอดจนพนักงานประชาสัมพันธ์ของเราต่างเรียนรู้วิธีตอบโต้ซีม่าน พอซีม่านกับลูกค้าของพวกเขากล่าวโทษกันไปมาแบบนี้ สิ่งที่พนักงานขายของเราทำเป็นอย่างแรกคือโทรแจ้งให้สำนักหนังสือพิมพ์ทราบ พอพวกเขารู้เรื่อง นักข่าวหลายคนต่างก็กระจายกันไปตามร้านซีม่านสาขาต่าง ๆ ทันทีเพื่อขอสัมภาษณ์ จริง ๆ บทความก็ตีพิมพ์ลงในหน้าหนังสือพิมพ์อยู่นะคะ คุณหลินยังไม่ได้อ่านเหรอ?”
เมื่อเช้านี้ครอบครัวของฟู่เฉียงกำลังจะเดินทางกลับบ้าน หลินม่ายจึงเอาแต่วุ่นวายอยู่กับการเตรียมอาหารเช้ามื้อใหญ่เพื่อเลี้ยงส่งพวกเขา
เธอยิ้มอย่างเก้อเขิน “เมื่อเช้าฉันยุ่งมาก เลยไม่มีเวลาอ่านหนังสือพิมพ์น่ะ”
เถาจืออวิ๋นใช้ปากกาในมือชี้ไปทางหลินม่าย “ฉันออกแบบเสื้อผ้าคอลเลคชันใหม่ต้อนรับเทศกาลไหว้พระจันทร์ไว้แล้ว เธอก็อย่าลืมหาเวลาว่างไปถ่ายโปสเตอร์ด้วยล่ะ”
หลินม่ายส่งเสียงตอบรับ
หลังจบการประชุม หลินม่ายรอให้เหรินเป่าจูกับเจิ้งซวี่ตงส่งมอบร้านเสื้อผ้าUniqueกันจนแล้วเสร็จก่อน จากนั้นก็พาเหรินเป่าจูไปยังร้านใหม่ที่เพิ่งเซ็นสัญญาเช่าเมื่อวานนี้
เจิ้งซวี่ตงดำเนินการรวดเร็วเกินคาด หน้าร้านมีการเปลี่ยนป้ายชื่อแล้วเรียบร้อย
พื้นร้านถูกปูกระเบื้องใหม่ทั้งหมด ผนังร้านก็ถูกทาสีใหม่เรียบร้อย การตกแต่งแค่ไม่กี่อย่าง กลับทำให้บรรยากาศร้านเปลี่ยนไปจากเดิมเหมือนสร้างใหม่
บนถนนสายนี้ไม่มีร้านค้าไหนที่มีมาตรฐานการค้าสูงไปกว่าร้านของเธออีกแล้ว ราวกับร้านของเธอเป็นร้านขายเสื้อผ้าสตรีแบบไฮเอนด์
หลินม่ายมอบหมายงานให้เหรินเป่าจูทำการเปิดร้านอย่างเร็วที่สุดภายในเที่ยงวันนี้ อาจแบ่งพนักงานขายจากสาขาอื่นในบริเวณใกล้เคียงให้เวียนมาช่วยชั่วคราวสักสองสามวัน
หลังจากนั้นเธอคิดว่าจะรับสมัครหญิงสาวที่สามารถอดทนต่อความกดดันได้ประมาณหนึ่ง อารมณ์ดี หน้าตาสวยผ่องใส พูดเก่ง และมีรูปร่างดีมาเป็นนางแบบเสื้อผ้า พร้อมกับควบงานขายในร้านขายส่งไปด้วย
คุณสมบัติของพนักงานขายประจำร้านค้าส่งเสื้อผ้า ย่อมสูงกว่าพนักงานขายประจำร้านค้าปลีกทั่วไปเป็นธรรมดาอยู่แล้ว
แค่สวยอย่างเดียวไม่พอ จะต้องมีทักษะการเจรจาที่เฉียบขาดด้วย
นอกจากนี้แล้วยังต้องมีความจำดีเป็นพิเศษ สามารถจำเสื้อผ้าได้ทุกรูปแบบ รวมถึงจำหมายเลขสินค้าที่เกี่ยวข้องได้
เมื่อไหร่ก็ตามที่มีลูกค้ามาสั่งซื้อเสื้อผ้า พนักงานขายจะต้องค้นหาสินค้าในคลังที่ตรงตามความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว เพื่อที่จะลูกค้าจะได้ไม่ต้องรอนาน
ส่วนเหตุผลว่าทำไมพวกเธอถึงต้องมีรูปร่างดี ก็เพราะหลินม่ายตั้งใจจะให้พวกเธอสวมใส่เสื้อผ้าที่มีขายในระหว่างทำงาน เป็นหุ่นโชว์ที่มีชีวิต
ถ้าหุ่นโชว์ไม่สวยพอ ไหนเลยจะสร้างแรงดึงดูดให้กับลูกค้าได้
พอลูกค้าที่มาจับจ่ายซื้อของเดินผ่านหน้าประตูร้าน แล้วเห็นว่าเสื้อผ้าตัวที่พนักงานสวมอยู่ดูดีแค่ไหน พวกเขาก็จะให้ความสนใจและเข้ามาเลือกชมสินค้าอย่างไม่ลังเล
ทั้งหมดทั้งมวลที่พูดมาทำให้เธอจำเป็นต้องสรรหาพนักงานขายที่มีรูปร่างดีและหน้าตาดีเป็นหลัก เพื่อให้ความสวยของพวกเธอดึงดูดใจลูกค้า
กลยุทธ์นี้ก็มาจากประสบการณ์ในชาติที่แล้วของหลินม่ายเช่นกัน
ยุคสมัยนี้ ยังไม่มีร้านค้าส่งเสื้อผ้าร้านไหนบนถนนฮั่นเจิ้งที่ใช้กลยุทธ์การขายแบบเดียวกันนี้
ร้านค้าเอกชนหลายที่ไม่ยอมรับสมัครพนักงานขายด้วยซ้ำ แต่ใช้วิธีชวนญาติ ๆ หรือมิตรสหายมาช่วยกันขายแทน เพราะกลัวว่าเงินทองอาจรั่วไหลไปสู่คนนอก
ยิ่งเงื่อนไขที่ว่าพนักงานขายต้องหน้าตาดี ยิ่งเป็นเรื่องยากเข้าไปใหญ่ ที่สำคัญคือทัศนคติในการบริการของร้านค้ากลุ่มนี้ค่อนข้างแย่ ลูกค้าพูดอะไรไม่เข้าหูหน่อยก็พร้อมจะด่าแล้ว
ไม่ต้องพูดถึงชาตินี้ สมัยที่ยังมีชีวิตอยู่ในชาติก่อน หลินม่ายก็ไม่ค่อยชอบทัศนคติของอุตสาหกรรมงานบริการในเจียงเฉิงสักเท่าใด
ย่านการค้าที่นี่ยังตามหลังย่านการค้าในมณฑลกวางตุ้งและมณฑลเจ้อเจียงอยู่หลายขุม ที่นั่นไม่ว่าธุรกิจจะประสบความสำเร็จหรือไม่ก็ตาม สีหน้าของพ่อค้าแม่ค้าทุกคนต่างประดับไปด้วยรอยยิ้ม
หลินม่ายจำตอนที่ตัวเองเดินทางไปเที่ยวเป่ยไห่ซึ่งอยู่ในเขตกวางสีเมื่อชาติที่แล้วได้
ตามรายทางข้างถนนเต็มไปด้วยแผงขายเครื่องประดับมุก
ถึงในตอนนั้นเธอจะมีฐานะค่อนข้างดีพอสมควร แต่ผู้หญิงก็ติดนิสัยในการซื้อของแบบต่อรองราคา
ดังนั้นเธอและเพื่อน ๆ จึงเลือกซื้อของพร้อมกับต่อรองราคาไปด้วย ร้านนี้ไม่ได้ก็ย้ายไปอีกร้านหนึ่ง โดยที่ไม่มีเจ้าของร้านคนไหนโกรธเลย ทุกคนต่างทักทายพวกเธอด้วยรอยยิ้ม
ต่างจากพ่อค้าแม่ค้ารายย่อยในเจียงเฉิง สำหรับสินค้าประเภทเดียวกันแล้ว ถ้าลองต่อราคาจากหัวถนนไปจนสุดปลายถนน อาจจะโดนเจ้าของร้านเอาไม้ไล่ฟาดได้
หลินม่ายรักเจียงเฉิงมากก็จริง แต่ต้องยอมรับว่าธุรกิจในพื้นที่ยังมีข้อบกพร่องอยู่มาก
นี่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้พ่อค้าชาวฮั่นไม่สามารถแข่งขันกับพ่อค้าชาวกวางตุ้งหรือเจ้อเจียงได้
และเป็นเหตุผลที่ทำให้หลินม่ายกำหนดคุณสมบัติไว้สองเงื่อนไขในการรับสมัครพนักงานขายประจำร้านค้าส่งเสื้อผ้า
หลังจากมอบหมายงานเสร็จแล้ว หลินม่ายก็เดินออกจากร้าน แวะซื้อซุปถั่วเขียวเย็นหนึ่งชามจากคุณป้าชาวกว่างสี
จากนั้นก็ซื้อหนังสือพิมพ์ฉู่เป้าฉบับหนึ่งจากแผงขายหนังสือพิมพ์เคลื่อนที่ซึ่งอยู่ไม่ไกล แล้วอ่านหนังสือพิมพ์ขณะดื่มซุปถั่วเขียวไปพลาง ๆ
พาดหัวข่าวบนหน้าแรกตีพิมพ์บทความเกี่ยวกับข้อพิพาทระหว่างแบรนด์ซีม่านและผู้บริโภค เนื่องจากผ้าพันคอที่พวกเขานำมาแจกฟรีด้อยคุณภาพ
จากบทความ สำนักอุตสาหกรรมและพาณิชย์ได้เข้ามายึดผ้าพันคอสี่เหลี่ยมผืนเล็กพวกนั้นไปตรวจสอบแล้ว เพื่อดูว่ามันมีปัญหาด้านคุณภาพจริงหรือไม่
ถ้าตรวจสอบพบว่ามีปัญหาด้านคุณภาพจริง ไม่เพียงแต่ซีม่านจะถูกสั่งปรับอย่างหนักเท่านั้น แต่ซีม่านยังต้องจ่ายค่าชดเชยให้กับผู้บริโภคอีกด้วย
มุมปากหลินม่ายยกขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะอ่านหนังสือพิมพ์ต่อไป
ในหน้าสุดท้ายของหนังสือพิมพ์ มีการเผยแพร่จดหมายขอโทษอย่างเป็นทางการของกวนหย่งหัวต่อหลินม่ายและร้านเสื้อผ้าUnique
คราวนี้รอยยิ้มมุมปากของหลินม่ายยิ่งยกสูงขึ้นอย่างสะใจ
หลังดื่มซุปถั่วเขียวจนหมด เธอก็ขอซื้อหนังสือพิมพ์ทั้งหมดจากคุณตาเจ้าของแผงขายหนังสือพิมพ์ทันที
คุณตาเจ้าของแผงหนังสือพิมพ์ดีใจมาก เขาอาสาช่วยเธอขนหนังสือพิมพ์ทั้งหมดไปส่งให้เธอถึงที่ร้านด้วยความเอาใจใส่
เหรินเป่าจูเพิ่งเขียนประกาศรับสมัครเสร็จและติดไว้ที่หน้าประตูร้านเรียบร้อย เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเหมาหนังสือพิมพ์มาหลายฉบับ จึงถามด้วยความประหลาดใจ “ทำไมคุณซื้อหนังสือพิมพ์มามากมายขนาดนี้ล่ะคะ?”
หลินม่ายเม้มริมฝีปากเป็นรอยยิ้ม “จะมีเหตุผลอะไรอีกถ้าไม่ใช่เพื่อทำลายร้านฝั่งตรงข้าม!”
เธอจงใจเลือกหน้าแรกที่ตีพิมพ์พาดหัวข่าวใหญ่ว่าซีม่านมีประเด็นพิพาทกับผู้บริโภค กับหน้าที่มีจดหมายขอโทษของกวนหย่งหัว แล้วจัดการติดไว้หน้าประตูร้านของตัวเอง
เมื่อวานนี้ หลังจากหลินม่ายและเหรินเป่าจูเซ็นสัญญาเช่าร้านเครื่องเขียนลี่หวา ข่าวดังกล่าวก็รู้ไปถึงหูของเกาจื้อหย่วนและลูกน้องอย่างรวดเร็ว
พวกเขาคอยจับตามองทุกความเคลื่อนไหวของร้านUniqueโดยไม่ให้คลาดสายตา
พอเห็นว่าหลินม่ายกำลังแปะหนังสือพิมพ์ติดไว้หน้าร้าน ลูกน้องคนหนึ่งของเถ้าแก่เกาก็เดินย่างสามขุมเข้ามาทันที
พอเห็นว่าเนื้อหาในหนังสือพิมพ์มีเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องอื้อฉาวของซีม่าน เขาก็โกรธเป็นฟืนไฟ
ผู้ชายคนนั้นชี้หน้าหลินม่ายพร้อมกับตะคอกใส่ “ฉีกหนังสือพิมพ์พวกนั้นทิ้งเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นอย่าได้หาว่าฉันทำตัวหยาบคาย!”
หลินม่ายไม่หวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย เอียงศีรษะพร้อมกับเหล่ตามองเขา “ฉันไม่ฉีกออกแน่! อยากรู้เหมือนกันว่านายจะทำตัวหยาบคายใส่ฉันยังไงบ้าง”
เหรินเป่าจูกลัวว่าหลินม่ายจะเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้แสดงออกทางสีหน้า
หล่อนกลอกตา ก่อนจะหันไปพูดกับลูกน้องของเถ้าแก่เกาด้วยประโยคอันคลุมเครือ “พวกเรากล้ามาเปิดร้านบนถนนฮั่นเจิ้งก็เพราะพอมีคนหนุนหลังอยู่บ้าง ฉันแนะนำว่านายอย่ากระทืบเท้าบนแผ่นเหล็ก(1)เลยจะดีกว่า!”
ลูกน้องของเถ้าแก่เกามองหน้าหลินม่ายกับเหรินเป่าจูด้วยความสงสัย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ร้านUniqueไม่เพียงสามารถตั้งหลักได้อย่างมั่นคงในเจียงเฉิงเท่านั้น แต่ยังได้รับความนิยมจากคนส่วนใหญ่ นอกจากนี้ เขายังกังขาอยู่บ้างว่าภูมิหลังของผู้หญิงสองคนนี้อาจไม่ธรรมดา
ไม่อย่างนั้นพวกเธอจะกำราบแบรนด์เสื้อผ้าของฮ่องกงลงอย่างอยู่หมัดได้อย่างไร
เขาไม่กล้าทำอะไรกับหลินม่ายและเหรินเป่าจูก็จริง แถมยังหยุดการกระทำของหลินม่ายไม่ได้ แต่เขาสามารถฉีกหนังสือพิมพ์พวกนั้นออกได้นี่นา
ในขณะที่ลูกน้องของเถ้าแก่เกากำลังจะก้าวออกไปฉีกหน้าหนังสือพิมพ์ หลินม่ายก็เข้ามาขัดจังหวะ
เธอพูดเป็นเชิงขู่ “อยากรังควานฉันมากใช่ไหม งั้นนายก็ลองฉีกหนังสือพิมพ์ออกจากหน้าร้านฉันดูสิ ฉันจะได้เอาเรื่องนี้ไปร้องเรียนต่อเลขาธิการคณะกรรมาธิการพรรคฯ ส่วนนายก็รอรับผลที่ตามมาได้เลย! ถ้าไม่เชื่อก็หัดหาข้อมูลใส่หัวไว้ซะบ้าง ครั้งล่าสุดที่ห้างเจียงเฉิงพยายามจะกีดกันร้านฉันออกจากพื้นที่ นายรู้ไหมว่าสุดท้ายแล้วทำไมพวกเขาถึงไม่กล้าทำแบบนั้น?!”
เหรินเป่าจูยิ้มเยาะก่อนจะพูดต่อว่า “เป็นเพราะเลขาธิการคณะกรรมาธิการพรรคฯ ออกหน้าด้วยตัวเองยังไงล่ะ ห้างสรรพสินค้าพวกนั้นถึงไม่กล้ารังแกร้านUniqueของเราอีก”
พอได้ยินแบบนั้นแล้ว ลูกน้องของเถ้าแก่เกาก็ยิ่งไม่กล้าทำอะไรผลีผลาม แต่เขาเองก็ไม่ยอมแพ้ หยิบยกเหตุผลมาอ้าง “การที่คุณติดเนื้อหาพวกนี้ไว้หน้าประตูร้าน ก็ถือเป็นการสร้างความเสื่อมเสียให้กับร้านซีม่านเหมือนกัน ต่อให้เลขาธิการคณะกรรมาธิการพรรคฯ ได้รับเรื่องร้องเรียน ก็ต้องตัดสินกันตามเนื้อผ้า”
หลินม่ายตอบกลับพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้น “บทความทั้งสองหน้าตีพิมพ์โดยสำนักหนังสือพิมพ์ทั้งหมด พวกเราไม่ได้บิดเบือนเนื้อหาข้างในซะหน่อย ถ้านายอยากเรียกร้องความยุติธรรมมากนัก งั้นก็ไปที่สำนักหนังสือพิมพ์โน่นเลยสิ ไปขอร้องให้พวกเขาหยุดตีพิมพ์เรื่องฉาว ๆ พวกนี้ มาหาเรื่องฉันให้มันได้อะไรขึ้นมา? แต่แย่หน่อยนะที่รายงานข่าวทั้งหมดเป็นความจริง ต่อให้นายไปร้องเรียนก็เปล่าประโยชน์ ถึงบทความสองหน้านี้จะสร้างความเสื่อมเสียให้กับร้านซีม่าน แต่เรื่องที่เกิดขึ้นก็เป็นเพราะซีม่านทำตัวเองไม่ใช่หรือไง?”
ลูกน้องของเถ้าแก่เกาพูดไม่ออก ทำได้แค่กลับไปรายงานเรื่องนี้ให้เถ้าแก่เการับรู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เถ้าแก่เการู้เรื่องนี้แล้ว แต่เขาเองก็ทำอะไรไม่ได้
หลินม่ายแปะหนังสือพิมพ์ไว้หน้าร้านของตัวเอง ถึงแม้เนื้อหาในนั้นจะสร้างความเสื่อมเสียอย่างมากต่อกิจการร้านเสื้อผ้าซีม่านซึ่งเขาเป็นตัวแทนจำหน่าย แต่ทุกอย่างก็เป็นความจริงล้วน ๆ แล้วเขาจะไปทำอะไรหลินม่ายได้!
ในเมื่อทำอะไรไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นก็ยอมอยู่เฉย ๆ เสียดีกว่า
………………………………………………………………………………………………………………………….
กระทืบเท้าบนแผ่นเหล็ก หมายถึง การเข้าใจไปว่าคนอื่นอ่อนแอกว่าจึงจะรังแกยังไงก็ได้ แต่ความจริงแล้วอีกฝ่ายแข็งแกร่งกว่ามาก และอาจย้อนไปทำลายตัวเองในภายหลัง
สารจากผู้แปล
ซีม่านโดนหนักแล้ว จะแก้เกมยังไงหนอ ในเมื่อตัวเองไม่สุจริตมาตั้งแต่แรก
ไหหม่า(海馬)