ทันทีที่ได้ฟังคำพูดของเฮ่อเหลียนเวยเวย ชิงจ้านก็อ้าปากขึ้น ”หม่อมฉัน…”
เฮ่อเหลียนเวยเวยตวัดสายตามองนาง แล้วบอกว่า ”ตอนนี้เจ้าทำงานให้ข้า ข้าไม่อยากให้ระหว่างองค์ชายสามและคนของข้ามีความเข้าใจผิดเกิดขึ้น เขาไม่ใช่คนเลือดเย็นและไม่ใช่คนที่รังแกคนอ่อนแอ แต่เป็นเพราะมีใครบางคนพยายามที่จะเสียมารยาทต่อเขาต่างหาก เขาถึงได้ลงมือกำจัดคนคนนั้นไป ในจักรวรรดิจ้านหลงนี้มีทั้งคนจากภายในและภายนอกวังหลวงพยายามฆ่าเขาอยู่แทบทุกวัน เวลานี้เขาเพียงแค่ทำตัวแข็งแกร่งขึ้นนิดเดียวเท่านั้น แต่เจ้ากลับเห็นว่าเขาเป็นคนโหดเหี้ยมไปเสียแล้ว เจ้าสงสารองค์ชายห้าเพราะเขาถูกปฏิบัติเช่นนั้นทั้งที่ยังเด็ก ดังนั้นขอข้าถามเจ้าหน่อย แล้วกับองค์ชายสามที่ถูกคนอื่นใส่ร้ายป้ายสีตั้งแต่เขายังเด็กล่ะ เขาจะไม่รู้สึกทุกข์ใจเหมือนกันหรือ ในเวลานั้นเขาไม่ได้เสียมารยาทต่อใครเลยด้วยซ้ำ กลับกัน อย่างที่เจ้าบอกว่าองค์ชายห้าคิดที่จะฆ่าคนโดยเจตนาตั้งแต่ยังเด็ก แต่เจ้ากลับพยายามที่จะปกป้องเขาเพราะบอกว่าเขายังเป็นแค่เด็กคนหนึ่ง หมายความว่าเขาสามารถที่จะแทงใครก็ได้ และคนที่ถูกเขาแทงก็ควรที่จะแสดงความเห็นใจกับการกระทำของเขาหรือ”
“หม่อมฉัน.. หม่อมฉัน..” ชิงจ้านรู้สึกละอายหลังจากได้ยินสิ่งที่เฮ่อเหลียนเวยเวยพูด การที่นางเห็นใจองค์ชายห้านั้นนับว่าไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย หลังจากพระชายาชี้ให้นางเห็น ในที่สุดนางก็ตระหนักได้ว่าตัวเองโง่เขลาเพียงใด แก้มของนางร้อนผ่าวระหว่างที่กล่าวว่า ”ยกโทษให้หม่อมฉันด้วยเพคะ พระชายา หม่อมฉันไม่มีความคิดเช่นนั้นอยู่ในหัวอีกแล้วเพคะ”
เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่ได้พูดอะไร แต่ในหัวใจของนางกลับรู้สึกเจ็บปวด
นางเคยเผชิญหน้ากับเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อนในสมัยที่นางยังอยู่ในยุคปัจจุบัน
ตอนที่นางตัดสินใจว่าจะล้างแค้น นางก็รู้ว่านางจะต้องลงมือด้วยตัวคนเดียว
ความสงสารเห็นใจเป็นเรื่องของคนอ่อนแอ
สำหรับเฮ่อเหลียนเวยเวย มันมีก็แต่เพียงเสียงวิพากษ์วิจารณ์และการปฏิเสธ
ถ้าคน ’อ่อนแอ’ ไม่ทำเรื่องน่ารังเกียจเช่นนั้นลงไป เฮ่อเหลียนเวยเวยก็คงไม่สนใจนางเลยด้วยซ้ำ!
เช่นเดียวกับตอนนี้ ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยทำอะไรผิดหรือ เขาผิดที่ปกป้องตัวเองหรือ แน่นอนว่าไม่
แต่แม้กระทั่งข้ารับใช้ของนางก็ยังเห็นเขาเป็นคนชั่วร้ายและโหดเหี้ยม
เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้สึกว่านางควรที่จะหยุดพูดถึงเรื่องนี้ ในเวลานี้ทั้งหมดที่นางต้องการก็คือรอให้เขากลับมาและสวมกอดเขาเท่านั้น..
เปาะ แปะ
สายฝนเริ่มโปรยปราย
ท้องฟ้าแปรเปลี่ยนเป็นมืดครึ้ม
ณ ตำหนักเฉียนชิง ฮ่องเต้กำลังฟังเสียงกรีดร้องขององค์ชายห้าอยู่ เขาถือถ้วยชาเอาไว้ในมือพลางมองไป๋หลี่เจียเจวี๋ย แล้วเอ่ยขึ้นว่า ”จุดประสงค์ที่เจ้านำจดหมายฉบับนี้มาก็เพื่อให้ข้าลงโทษน้องห้าของเจ้า เขาถูกตัดสินลงโทษแล้ว ตอนนี้เจ้าก็คงพอใจแล้ว”
“ไม่เลย” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ”แต่ในฐานะองค์ชาย เขาเองก็ไม่สมควรที่จะทำเช่นนั้น โทษนี้มันยุติธรรมกับเขาแล้วหรือ”
สำหรับเขาแล้ว คนประเภทนี้สมควรจะได้รับโทษตายสถานเดียว
แต่ตอนนี้เขากลับเพียงถูกโบยเท่านั้น เขาไม่รู้สึกพอใจกับมันเลยแม้แต่นิดเดียว
“สมกับเป็นเจ้า” ฮ่องเต้เยาะยิ้ม ”เจ้าไม่ได้เพียงแค่โหดเหี้ยมไร้เมตตากับการรับมือเรื่องต่างๆ แต่ยังสามารถมองข้ามพี่น้องของตนไปได้อีกด้วย ดูเหมือนเจ้าจะไม่เกรงกลัวสิ่งใดเลย แต่อย่างไรมือของเจ้าก็เปื้อนเลือดมาตั้งแต่อายุยังน้อย แล้วนับประสาอะไรกับตอนนี้”
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยจิบช้า แล้วตอบ ”เสด็จพ่อ ท่านไม่ควรอภัยโทษให้กับน้องห้า หากเขายังประพฤติตัวเช่นนี้ต่อ วันหนึ่งเขาอาจจะแย่งตำแหน่งรัชทายาทของข้าไปก็เป็นได้ ดูจากวิธีการที่เขาใช้ในครั้งนี้ คนที่สนใจในบัลลังก์ของท่านยิ่งกว่าข้าเห็นจะเป็นเขาเสียมากกว่า”
ฮ่องเต้รู้สึกหงุดหงิดทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น หลังจากไอออกมาอย่างแรง เขาก็ยื่นมือไปหยิบยาสมุนไพรขึ้นมากินอย่างรวดเร็ว เขาไม่สามารถทำอะไรไป๋หลี่เจียเจวี๋ยได้เลย และได้แต่มองเขาเดินสบายๆ ออกไปจากตำหนักมันน่าหงุดหงิดจริงๆ เขาคงกวาดชุดน้ำชาที่อยู่บนโต๊ะลงกับพื้นไปแล้วหากข้ารับใช้ไม่ได้ห้ามเขาเอาไว้เสียก่อน!
ปฏิกิริยาทั้งหมดของฮ่องเต้ล้วนแต่อยู่ใต้ความคาดหมายของไป๋หลี่เจียเจวี๋ย
แม้เขาจะเป็นบุตรชายของเขาเหมือนกัน แต่ระหว่างเขากับอีกฝ่ายก็มีระยะห่างคั่นอยู่
เขามักจะตามใจบุตรชายคนที่ห้าของตนอยู่เสมอ แต่ตอนนี้เมื่อธาตุแท้ของเด็กคนนั้นถูกไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเปิดโปงออกมา เขาก็รู้สึกผิดหวังเป็นธรรมดา บุตรชายของเขาคงเกลียดชังเขาอยู่เหมือนกัน
แต่ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ เขากลับรู้สึกชินชากับมันไปเสียแล้ว
หากเปรียบเทียบกับไป๋หลี่เจียเจวี๋ยที่ไม่ได้สนใจสิ่งใดมากนัก เฮ่อเหลียนเวยเวยที่นานทีปีหนจะโวยวายขึ้นมาสักครั้งกลับรู้สึกหัวเสียทันทีที่รู้บทสนทนาในตำหนักเฉียนชิง นางโมโหจนถึงกับกวาดทุกอย่างที่อยู่บนโต๊ะลงพื้นเลยทีเดียว
เมื่อเห็นนางในสภาพนั้น หยวนหมิงกับเสี่ยวไป๋ที่อยู่ในมิติสวรรค์ก็ถึงกับตกตะลึง
พวกเขาติดตามผู้หญิงคนนี้มาเป็นเวลานาน
ก่อนหน้านี้แม้ว่านางงจะตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายเพียงใด แต่นางก็ไม่เคยโมโหถึงเพียงนี้มาก่อน
บางทีอาจจะไม่มีใครเข้าใจความเจ็บปวดที่เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้สึกก็เป็นได้
คนเป็นพ่อกล้าพูดเช่นนั้นกับลูกชายแท้ๆ ของตัวเองได้อย่างไร
เขาไม่ได้ทำอะไรผิดเสียหน่อย
ทำไมเขาถึงต้องอดทนต่อคำตำหนินั้นด้วย
เฮ่อเหลียนเวยเวยกำมือเข้าหากัน ก่อนจะวางมันลงบนตัก สายตาของนางมืดมนและเย็นชาจนแม้แต่ข้ารับใช้ของนางก็ยังไม่กล้าก้าวเข้ามาใกล้
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยกลับมาและเห็นภาพนี้เข้าพอดี
ขันทีซุนกระซิบกับเขาว่า ”พระชายารู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับองค์ชายห้าแล้วพ่ะย่ะค่ะ…”
นิ้วของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยแข็งทื่อ มีหลายเรื่องที่เขาไม่อยากให้นางได้เห็น แต่อย่างไรเขาก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงมันได้
“เจ้า…” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยกำลังจะอ้าปากพูด
แต่ทันใดนั้นนางก็กอดเขาอย่างแรง
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยไม่เข้าใจว่าทำไมนางถึงทำเช่นนั้น แต่เขาก็ยอมรับอ้อมกอดนั้นด้วยความเต็มใจเพราะนางเป็นคนเริ่มกอดเขาก่อน แม้จะไม่รู้ว่าจุดประสงค์ของนางคืออะไรก็ตาม
“เกิดอะไรขึ้นหรือ” เขาพานางไปนั่งที่ตั่งด้วยกัน
เฮ่อเหลียนเวยเวยมองเขา แล้วเอ่ยว่า ”คราวหน้า ไม่ว่าท่านจะไปจัดการกับใคร ท่านต้องพาข้าไปด้วย ถ้าพวกเขากล้ารังแกท่าน มันต้องมาขออนุญาตจากปืนที่อยู่ในมือของข้าก่อน”
คนที่เผด็จการและทรงอำนาจอย่างนางย่อมไม่มีวันยอมให้คนรักของตัวเองต้องเสียใจอย่างแน่นอน
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยถึงกับงงกับคำพูดอันเหนือความคาดหมายของนาง เขายิ้มออกมา ดวงตาเต็มไปด้วยความอบอุ่น จากนั้นจึงกล่าวว่า ”เจ้าหมายถึงฮ่องเต้หรือ เขาพูดเช่นนั้นออกมาก็เพราะเขากลัวข้า เขาเกลียดชังข้าและเขาอยากกำจัดข้าออกไปให้พ้นทางเพราะเขากลัวว่าข้าจะสร้างผลกระทบกับตำแหน่งของเขา ถ้าหากองค์ชายห้าไม่ได้ทำความผิดพลาดร้ายแรงในครั้งนี้ เขาก็คงลังเลที่จะจัดการกับเขาเพื่อข้าแน่ วังหลวงเป็นสถานที่ที่น่าสนใจทีเดียว เขาระแวงทุกคน แต่กลับเก็บคนอกตัญญูและชั่วร้ายเอาไว้ข้างตัว”
เฮ่อเหลียนเวยเวยฟังที่เขาพูดเงียบๆ แม้ความโกรธของนางจะสงบลงแล้ว แต่ผมของนางก็ยังดูยุ่งเหยิงอยู่เล็กน้อย
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก้มหน้าลง แล้วจูบผมยาวของนาง เขายิ้มแล้วบอกว่า ”ไม่ต้องห่วง ข้าเปิดเผยทุกสิ่งออกไปให้ฝ่าบาทได้เห็นต่อหน้าแล้ว ดังนั้นคืนนี้เขาคงนอนไม่หลับไปตลอดทั้งคืน ส่วนน้องห้า สถานการณ์ในเวลานี้ของเขาก็จัดว่ากระอักกระอ่วนพอสมควร เรื่องนี้คงทำให้เขายิ่งรู้สึกอึดอัดใจยิ่งกว่าการถูกลงโทษอีกกระมัง”
“อืม” เฮ่อเหลียนเวยเวยยิ้ม นางมองเขาอยู่ครู่หนึ่ง และเอ่ยขึ้นว่า ”ความคิดของท่านโหดร้ายเอาการ”
ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก็รู้สึกเหมือนถูกไฟแผดเผา การเคลื่อนไหวของเขาหยุดชะงักไปกลางคัน แต่เขาก็ไม่ปล่อยให้เฮ่อเหลียนเวยเวยสังเกตเห็นมันได้…