เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค – ตอนที่ 451 ความโง่เขลาของสืออู่กับเตาหนูที่เหมือนท่อนไม้ (2)

ตอนที่ 451 ความโง่เขลาของสืออู่กับเตาหนูที่เหมือนท่อนไม้ (2)

ทั้งสองคนจูงมือกันเข้าไปให้ห้องโถง จย่าฮูหยินบ่นด้วยความเป็นห่วงมาตลอดทาง เป็นห่วงถึงการใช้ชีวิตในหลายวันนี้ของมั่วเชียนเสวี่ย กลัวว่านางจะได้รับความไม่เป็นธรรมแม้เพียงน้อยนิด

“ท่านแม่บุญธรรมวางใจได้เจ้าค่ะ เชียนเสวี่ยไม่เป็นอะไร ไม่เชื่อ ท่านดูสิเจ้าคะ”

มั่วเชียนเสวี่ยกลัวจย่าฮูหยินไม่เชื่อ จึงรีบลุกขึ้นหมุนตัวตรงหน้าจย่าฮูหยินรอบหนึ่ง ส่วนจย่าฮูหยินก็มองดูด้วยความจริงจังจริงๆ

หลังจากเห็นว่ามั่วเชียนเสวี่ยไม่เป็นอะไรจริงๆ หัวใจที่เปี่ยมไปด้วยความกังวลก่อนมาของจย่าฮูหยินก็ผ่อนคลายลง จ้องมองนางด้วยแววตาอ่อนโยน และพยักหน้า

เพียงแต่ แม้ว่าวางใจแล้ว แต่ปากก็ยังอดตำหนิราวกับสงสารไม่ได้ว่า “คุ้นชินกับการพักอยู่ที่บ้านไร่ที่นี่หรือไม่ แม่บอกให้เจ้าไปพักที่จวนจย่า เจ้าก็ไม่ยอม จู่ๆ ก็มาพักที่บ้านไร่นี่ มีของบางอย่างที่จะต้องเตรียมไม่เรียบร้อยแน่นอน ดูสิ แม่เอามาส่งให้เจ้าแล้ว!”

เอ่ยแล้ว จย่าฮูหยินก็จูงมือมั่วเชียนเสวี่ยไปชมสิ่งของมากมายที่นางนำมาให้

แนะนำสิ่งของไป พลางบอกถึงประโยชน์ใช้สอยของสิ่งเหล่านี้

ชิ้นใหญ่คือเตียงนอน ชิ้นเล็กคือไข่มุกต่างหู ของกิน ของใช้ อาภรณ์สวมใส่ จย่าฮูหยินล้วนเตรียมมาครบโดยไม่ขาดแม้แต่อย่างเดียว

มั่วเชียนเสวี่ยเห็นสิ่งของเหล่านี้แล้ว ก็เกิดความรู้สึกตื้นตันใจอย่างไม่ต้องสงสัย…ท่านแม่บุญธรรม ท่านแน่ใจหรือไม่ว่าคลังเก็บของจวนจย่าไม่ได้ถูกท่านนำของออกมาจนว่างเปล่า

รนจนจย่าฮูหยินแนะนำสิ่งของเหล่านี้จนหมด ก็เป็นเวลาหนึ่งชั่วยามหลังจากนี้แล้ว

ตอนนี้เป็นเวลาบ่าย แสงอาทิตย์กำลังแรง

ใช้มือบังเอาไว้ “ท่านแม่บุญธรรม พวกเราเข้าไปคุยกันด้านในเถอะเจ้าค่ะ แสงอาทิตย์แรงเช่นนี้ จะเผาเอาได้นะเจ้าคะ”

มั่วเชียนเสวี่ยประคองจย่าฮูหยินเข้าไปในห้องโถงอย่างเอาใจใส่ คิดถึงจย่าฮูหยินที่ยุ่งวุ่นวายกับการจัดการของพวกนี้แต่เช้า ทั้งยังรีบร้อนนำมาให้นาง ตอนนี้ต้องยังไม่ได้กินมื้อกลางวันแน่นอน

ดังนั้น จึงหันกลับไปสั่งชูอีกับสืออู่ให้ไปที่ห้องครัวเพื่อเตรียมมื้อกลางวันให้กับจย่าฮูหยิน

ทั้งยังกำชับให้พวกนางทำอาหารรสชาติอ่อนอย่างชัดเจน

ไม่ใช่ว่ามั่วเชียนเสวี่ยขี้เหนียว แต่นางรู้ว่า เมื่อถึงเวลากลางวัน ร่างกายก็แย่ลงเรื่อยๆ กินปลากินเนื้อย่อมดี แต่กลับไม่เหมาะสมกับคนชรา

ก่อนหน้านี้ แม้ว่าจะเป็นบุตรีบุญธรรมของจย่าฮูหยิน แต่เรื่องของจวนจย่า ถึงมือนางจะยาวแต่ก็ไม่สามารถยื่นเข้าไปยุ่มย่ามได้

แต่ในตอนนี้ไม่เหมือนกัน ตอนนี้จย่าฮูหยินมาที่บ้านไร่นาง นางจะต้องบำรุงจย่าฮูหยินให้ดี

สำหรับเรื่องนี้ จย่าฮูหยินไม่ได้คัดค้านอะไร

นางก็มักจะให้ท่านหมอตรวจบ่อยๆ ท่านหมอก็บอกว่าให้นางกับนายท่านกินอาหารรสอ่อนให้มาก

แต่กลับคิดไม่ถึงว่า มั่วเชียนเสวี่ยจะละเอียดรอบคอบขนาดนี้ ในใจจึงยิ่งชอบมั่วเชียนเสวี่ยมากขึ้น

ทั้งสองคนสนทนาเรื่องส่วนตัวกันอยู่พักหนึ่ง อาหารกลางวันก็เสร็จแล้ว

มั่วเชียนเสวี่ยสั่งให้คนยกอาหารทั้งหมดไปที่ศาลาริมน้ำด้านนอก ที่นั่นเย็นสบาย อากาศก็ดี ย่อมเป็นสถานที่ที่มีทิวทัศน์สวยงาม ซึ่งทำให้จิตใจเบิกบาน สบายอกสบายใจที่ดีที่สุดขณะกินข้าว

บ้านไร่บริเวณชานเมืองหลังนี้ดี พื้นที่กว้าง อากาศดี

เมืองหลวงในตอนนี้ นอกจากเต้าหู้ที่มั่วเชียนเสวี่ยทำให้ซูชีตอนอยู่ที่หมู่บ้านหวังจยาแล้ว ซีอิ๊วกับน้ำส้มสายชูยังไม่ได้แพร่กระจายไปเยอะ มีเพียงแค่ภัตตาคารใหญ่ๆ ที่ให้จัดส่ง

แม้ว่าจะเป็นจวนจย่าที่ร่ำรวยและมีอำนาจ ก็ไม่มีช่องทางที่จะได้รับเครื่องปรุงเหล่านี้ได้เช่นกัน

แต่เมื่อได้กินอาหารที่ใช้ซีอิ๊วและน้ำส้มสายชูที่ผลิตขึ้นมาในบ้านไร่ จย่าฮูหยินก็ชมไม่ขาดปาก!

โดยเฉพาะผักดองที่ผัดด้วยน้ำส้มสายชูสองสามอย่าง

คนที่อายุมาก เดิมก็ไม่ค่อยมีความอยากอะไร ทั้งยังเร่งเดินทาง ฮูหยินจย่าที่เดิมนึกว่ากินข้าวไม่ลง ก็กินมากขึ้นเล็กน้อย เพราะผักดองสองสามอย่างนี้

ในภายหลังเมื่อได้สนทนากัน จย่าฮูหยินก็ได้ยินมาว่าซีอิ๊วกับน้ำส้มสายชูนี้ มั่วเชียนเสวี่ยล้วนเป็นคนผลิตออกมา จึงตกตะลึงและนับถืออย่างยิ่ง!

สำหรับเรื่องนี้ มั่วเชียนเสวี่ยเพียงแค่ยิ้มๆ ไม่ได้รู้สึกทะนงตนแต่อย่างใด

ในเมื่อแม่บุญธรรมชอบ รอตอนนางกลับไป ก็ให้นางนำกลับไปด้วย

เห็นมั่วเชียนเสวี่ยที่ชนะก็ไม่ได้ทะนงตน พ่ายแพ้ก็ไม่ท้อแท้ใจแล้ว จย่าฮูหยินก็พอใจมากยิ่งขึ้น

เด็กสาวที่ดีเช่นนี้เป็นบุตรีบุญธรรมของนาง อย่างไรก็ล้วนเป็นนางที่มีหน้ามีตา

กินอาหารกลางวันเสร็จ อย่างไรจย่าฮูหยินก็อายุมากแล้ว อีกทั้งยังตื่นแต่เช้าตรู่เร่งเดินทางมาส่งของให้มั่วเชียนเสวี่ย ดังนั้นตอนนี้จึงรู้สึกเพลียมาก

มั่วเชียนเสวี่ยให้ข้ารับใช้เก็บกวาดห้องให้จย่าฮูหยินพักผ่อนในช่วงบ่าย

ตอนที่จย่าฮูหยินหลับในช่วงบ่าย มั่วเชียนเสวี่ยมองสิ่งของที่จย่าฮูหยินนำมาให้แล้วก็รู้สึกลำบากใจ

ของพวกนี้มากเกินไปแล้ว ทั้งยังผสมปนเป อะไรก็มี ชั่วขณะหนึ่งนางจึงไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี

มั่วเชียนเสวี่ยยืนอยู่ตรงนี้ด้วยความระทมทุกข์เล็กน้อย

ตอนนี้ ชุนเยี่ยนที่เข้ามารายงานเรื่องต้นผลไม้บนเขากับนางเพิ่งจะเงยหน้าขึ้น

มั่วเชียนเสวี่ยตาพลันทอประกายราวกับหมาป่าเห็นลูกแกะ!

ชุนเยี่ยนที่อยู่เฉยๆ ก็รู้สึกขนลุกบริเวณแผ่นหลัง!

ถามอย่างกระสับกระส่ายว่า “คุณหนูใหญ่ มีอันใดหรือเจ้าคะ”

มั่วเชียนเสวี่ยกลับไม่สนใจนาง เพียงแต่ดึงนางมาด้านหน้า “ชุนเยี่ยน เจ้ามาได้เวลาพอดีเลย! รีบช่วยข้าดูเร็วเข้าว่าของพวกนี้จะจัดเก็บรวมกันอย่างไร”

แม้ว่านางจะมีความสามารถ แต่ว่าของเยอะเกินไป จึงแสดงความสามารถนั้นไม่ออกจริงๆ! อีกอย่าง บ้านไร่บนภูเขาแห่งนี้ของนางที่ใดมีที่วาง ที่ใจเหมาะสมจะวางของ ชั่วครู่หนึ่งนั้นไม่รู้แน่ชัดจริงๆ

ความจริงตอนแรกชุนเยี่ยนก็ถูกของมากมายขนาดนี้ทำให้ตกใจสะดุ้งเช่นกัน!

แต่กลับดีใจอย่างยิ่ง

เรื่องของมั่วเชียนเสวี่ยในหมู่บ้านหวังจยา นางก็รู้ คุณหนูใหญ่ที่บิดามารดากลับลาลับไปแล้วทั้งคู่ จากนั้นก็มีผู้คนคิดจะทำร้ายนาง คราวนี้กระทั่งจวนก็ยังถูกเพลิงไหม้จนไม่เหลือเช่นนี้

มีแม่บุญธรรมที่รักและทะนุถนอมนางขนาดนี้คนหนึ่ง ชีวิตในภายหลังของคุณหนูใหญ่ก็น่าจะสบายขึ้นเล็กน้อย

“เจ้าค่ะ ในเมื่อคุณหนูใหญ่เอ่ยเช่นนี้ ชุนเยี่ยนก็จะลองจัดการดูสักครา” ชุนเยี่ยนรับคำอย่างมิอาจปฏิเสธได้

ตอนที่นางอยู่หมู่บ้านหวังจยา ก็เป็นผู้ดูแลมือดี เรื่องในร้านผลิตเต้าหู้ของหมู่บ้านหวังจยา ในภายหลังนางก็เป็นหัวหน้า

แม้ว่าจย่าฮูหยินจะส่งของมาเยอะ แต่ล้วนมีความเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน ย่อมไม่ยากเกินความสามารถของนาง เพียงแต่เปลืองแรงไปหน่อยเท่านั้นเอง

“คุณหนูใหญ่ให้แม่นางชูอีนำเครื่องประดับพวกนั้น และสมุนไพรบำรุงร่างกายบันทึกเข้าคลังก็พอ ที่เหลือก็มอบหมายให้ข้าจัดการได้เลยเจ้าค่ะ”

ชุนเยี่ยนมีฐานะเป็นชาวไร่ชาวสวน แม้จะลงนามในสัญญาขายตัวมาที่นี่ แต่กลับไม่ได้เป็นบ่าวไปทั่ว

แน่นอนว่ามั่วเชียนเสวี่ยไม่สนใจเรื่องพวกนี้

เดิมนางก็ไม่ได้ตั้งใจจะให้พวกเขาขายตัว แต่เพราะเรื่องของพ่อบ้านเฟิง ทำให้นางมีความรู้สึกไม่ปลอดภัยเท่านั้นเอง

แม้ว่านางจะให้พวกเขาลงนามในสัญญาขายตัว แต่สัญญาที่มีการเอ่ยถึงระยะเวลาที่กำหนดแบบนั้น สองฝ่ายมีความสัมพันธ์เป็นนายและบ่าวภายในระยะเวลาที่กำหนด แต่กลับไม่จำเป็นต้องไปขึ้นทะเบียนที่จวนราชการ เปลี่ยนให้เป็นทาสแบบนั้น

มีคำพูดนี้ของชุนเยี่ยน มั้วเชียนเสวี่ยก็โล่งใจ หลังจากกำชับชูอีให้คอยช่วยเหลือแล้ว ก็ไปทำเรื่องของตนเองต่อ

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

Status: Ongoing

เพราะสำลักน้ำชาจนขาดอากาศ(?)ทำให้ มั่วเชียนเสวี่ย สาวมั่นหัวการค้าทะลุมิติมาอยู่ในโลกยุคโบราณและในร่างของคนอื่น

แต่นั่นยังไม่น่าตระหนกเท่าการที่ร่างนี้กำลังจะแต่งงานเพื่อแก้เคล็ดให้กับชายหนุ่มที่ป่วยร่อแร่เต็มที!

ในโลกที่หากขาดที่พึ่งผู้หญิงก็สามารถถูกขายเป็นทาสได้ตลอดเวลาสามีคนนี้ของนางนับว่าเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลยทีเดียว

ทั้งมีความรู้ สุภาพและไม่ใช้กำลังแถมหน้าตายังหล่อเหลาอีกด้วย เสียตรงร่างกายอ่อนแอไปหน่อยเท่านั้น

ชีวิตครอบครัวชนบทแสนยากจนของนางจึงเริ่มขึ้นที่ตรงนั้น… แต่อย่างไรนางไม่ยอมงอมืองอเท้ารับชะตากรรมแบบนี้แน่

ในเมื่อนางมีความรู้ความสามารถยังต้องกลัวสร้างกิจการไม่ได้อีกหรือ?!

เส้นทางร่ำรวยสายนี้นางจะบุกเบิกมันขึ้นมาด้วยตนเอง! และหวังว่าทุกอย่างจะราบรื่นด้วยดี

เพราะเหมือน ‘ร่างนี้’ ของนางกับฐานะเดิมของสามีเหมือนจะไม่ค่อยธรรมดาเสียด้วยสิ…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท