เมื่อได้ยินท่านอ๋องฉีองค์ก่อนชื่นชมความสามารถของโอรสและธิดาของฮ่องเต้ องค์รัชทายาทแห่งซีเหลียงก็ลังเลเล็กน้อย “ฮ่องเต้มีโอรสหกคน หากพวกเขาล้วนมีความสามารถร้ายกาจ คงยากที่จะโจมตี”
ท่านอ๋องฉีองค์ก่อนยิ้ม “องค์รัชทายาทวางใจ ในฐานะโอรสและธิดาของฮ่องเต้ มีความสามารถมากไม่ใช่เรื่องดีนัก แต่ก่อนข้าเคยทูลท่านอ๋องแล้ว ฮ่องเต้ประชวรก็คือความดีความชอบของบรรดาโอรส”
องค์รัชทายาทเข้าใจดีอย่างมากเกี่ยวกับเรื่องที่โอรสทำให้เสด็จพ่อประชวร เขายิ้มอย่างมีนัย “ฮ่องเต้ทรงชราแล้ว”
“ใช่ เวลานี้ฮ่องเต้แห่งต้าเซี่ยไม่เหมือนก่อนแล้ว” ท่านอ๋องฉีองค์ก่อนพูด “ดูแลตัวเองยังไม่ไหวแล้ว”
องค์รัชทายาทแห่งซีเหลียงหัวเราะร่า เขามองท่านอ๋องฉีองค์ก่อนที่ทั้งป่วยทั้งชราจนผอมแห้ง ก่อนจะแสร้งทำเป็นห่วงใย “องค์รัชทายาทของท่านถูกฮ่องเต้กักขังไว้ในเมืองหลวงเป็นตัวประกัน พวกข้าจะหาทางช่วยเขาออกมา”
ท่านอ๋องฉีองค์ก่อนยิ้มพลันโบกมือ “ในเมื่อโอรสคนนี้ถูกข้าส่งออกไปก็ถือว่าข้าไม่ต้องการแล้ว องค์รัชทายาทไม่ต้องสนใจ เวลานี้เรื่องสำคัญคือยึดซีจิงให้ได้”
องค์รัชทายาทแห่งซีเหลียงมองแผนที่หนังแกะที่วางอยู่บนโต๊ะ เขาใช้มือทำท่า ดวงตาเปล่งประกาย “มาถึงเมืองเฟิ่ง ห่างจากซีจิงเพียงแค่หนึ่งก้าวแล้ว” เรื่องที่วางแผนมานาน ในที่สุดก็เริ่มต้นได้แล้ว แต่…มือของเขาที่กำลังลูบคลำแผนที่หนังแกะลังเลเล็กน้อย “ถึงแม้แม่ทัพหน้ากากเหล็กตายแล้ว แต่กองกำลังของต้าเซี่ยในหลายปีนี้ยังแข็งแกร่งมาก ท่านอ๋องอย่างพวกท่านก็ถูกกำจัดโดยไม่ต้องสูญเสียกองกำลังแม้แต่น้อย กองกำลังของราชสำนักแทบจะไม่ได้สูญหาย เกรงว่าจะจู่โจมได้ยาก”
ดวงตาของท่านอ๋องฉีฉายแววดูถูก ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นเมตตายิ่งขึ้น “องค์รัชทายาททรงคิดมากไปแล้ว เป้าหมายของพวกท่านในคราวนี้ไม่ใช่การยึดครองต้าเซี่ยในคราวเดียว ยิ่งไม่ได้ต้องการทำสงครามกับต้าเซี่ยจนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งพ่ายแพ้ ข้าวต้องกินทีละคำ ทางต้องเดินทีละก้าว เพียงแค่ยึดครองซีจิงในคราวนี้ ใช้เมืองนี้เป็นเกราะป้องกัน เพียงแค่รักษาแต่ไม่บุกรุก ก็เหมือนกับปักมีดลงบนหัวใจของต้าเซี่ย มีดเล่มนี้ถืออยู่บนมือของพวกท่าน กรีดบ้างเป็นครั้งคราว ยั้งมือบ้างเป็นครั้งคราว ก็เหมือนกับที่พวกเขาพูดว่าส่งองค์หญิงไปอภิเษกกับองค์ชายของต้าเซี่ย แม้อภิเษกก็ยังทำสงครามต่อได้ ทำให้บาดแผลนี้ยิ่งยาวยิ่งลึก พลังของต้าเซี่ยจะได้รับความเสียหายอย่างมาก เมื่อถึงเวลานั้น…”
องค์รัชทายาทกระปรี้กระเปร่าขึ้นเมื่อได้ฟังคำสั่งสอนอันจริงใจของท่านอ๋องฉีองค์ก่อน แต่ว่าเขาก็ไม่ได้ฟังจนจบ คิดน้อยกว่าที่ท่านอ๋องฉีองค์ก่อนพูด เขายื่นมือชี้ตำแหน่งของซีจิงบนแผนที่หนังแกะ แม้ว่าจะไม่มีวันหลัง คราวนี้ได้ปล้นซีจิงสักครั้งก็คุ้มค่าแล้ว ที่แห่งนั้นเป็นถึงเมืองเก่าของต้าเซี่ย มีสมบัติและหญิงงามนับไม่ถ้วน
เขาปรบมือเรียกคนนำสุราเข้ามา “ถึงแม้ไม่อาจร่วมงานเลี้ยงกับองค์หญิงของต้าเซี่ย แต่พวกเราทานอาหารและดื่มเพื่อรักษากำลังใจของเรากันเถิด!”
จากนั้นกินเนื้อแพะที่ถูกส่งมาตรงหน้า
ท่านอ๋องฉีองค์ก่อนปรบมือหัวเราะร่า ถึงแม้เขาไม่อาจดื่มสุราได้ แต่ชอบดูคนดื่มสุรา ถึงแม้เขาไม่อาจสังหารคนได้ แต่ชอบดูผู้อื่นสังหารคน ถึงแม้เขาเป็นฮ่องเต้ไม่ได้ แต่ชอบดูผู้อื่นก็เป็นฮ่องเต้ไม่ได้เช่นเดียวกัน ดูบิดาและบุตรคู่อื่นเข่นฆ่ากัน ดูบ้านเมืองของผู้อื่นแตกสลาย…
…
กลางคืนปกคลุมค่ายใหญ่ กองไฟที่กำลังลุกโชนทำให้ถิ่นทุรกันดารในฤดูใบไม้ร่วงงดงามขึ้น กระโจมที่ปักหลักเหมือนจะอยู่ด้วยกัน แต่ก็มีทหารลาดตระเวนเป็นสิ่งบ่งบอกเขตแดน แน่นอนว่ามีทหารของต้าเซี่ยเป็นหลัก
นางในหลายคนยืนอยู่ในกระโจมพร้อมเสื้อผ้าในมือ มององค์หญิงที่นั่งตัวตรงด้วยความตื่นเต้นและสงสัย
องค์หญิงไม่ได้ประดับด้วยเพชรพลอยอย่างที่คิด ใบหน้าของนางดูเหนื่อยล้าเล็กน้อยภายใต้แสงไฟยามค่ำคืน
บรรดาขุนนางเมืองเฟิ่งกำลังถวายอาหารอันโอชะแด่องค์หญิง
เนื่องจากองค์หญิงไม่ได้ไปพักผ่อนในเมือง ทุกคนจึงพักอยู่ตรงนี้
“ไม่ต้องยุ่งยาก” องค์หญิงจินเหยาพูด “ถึงข้าจะเหนื่อยเล็กน้อย แต่ข้าไม่ได้ไม่เคยออกไปที่ใดมาก่อน อีกทั้งไม่ได้อ่อนแอด้วย ข้ามักจะขี่ม้าและยิงธนูในวังหลวง สิ่งที่ข้าถนัดที่สุดคือการชนมุม”
ชนมุมหรือ บรรดาขุนนางอดไม่ได้ที่จะสบตากัน ขี่ม้ายิงธนูก็แล้วไป แต่เรื่องหยาบคายอย่างการชนมุมเป็นเรื่องจริงหรือเท็จ
องค์หญิงจินเหยาไม่สนใจว่าพวกเขาจะเชื่อหรือไม่ นางก็ยอมรับนางในที่เหล่าขุนนางส่งมา พร้อมให้พวกเขาถอยไป หลังจากสรงน้ำอย่างเรียบง่าย อาหารก็ยังไม่ทันกิน นางรีบร้อนในการเขียนจดหมายให้คนจำนวนมาก…ฮ่องเต้ เสด็จพี่หก อีกทั้งยังมีเฉินตันจู
เรื่องที่ต้องการจะพูดมีมากมาย
อาทิการเดินทางในครั้งนี้ยากลำบากกว่าการเดินทางจากซีจิงไปเมืองหลวงในคราวนั้น แต่นางอดทนเอาไว้ได้ ร่างกายที่เคยประสบการล้มลุกมาไม่เหมือนเดิมเสียจริง อีกทั้งระหว่างทาง นางยังฝึกฝนการชนมุมทุกวัน เตรียมพร้อมที่จะปะทะกับองค์รัชทายาทซีเหลียงสักตั้งเมื่อเดินทางไปถึง…
อืม ถึงแม้เวลานี้ไม่ต้องไปซีเหลียงแล้ว แต่นางก็ยังสามารถปะทะกับองค์รัชทายาทซีเหลียง แม้จะแพ้ก็ไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือความกล้าในการประลอง
แน่นอน ยังมีคำกำชับของเสด็จพี่หก วันนี้นางให้คนไปดูมาแล้ว องค์รัชทายาทซีเหลียงนำผู้ติดตามมาราวร้อยคน เป็นหญิงสาวยี่สิบคน นอกจากนี้นางยังให้องครักษ์สิบคนที่หยวนไต้ฟูให้มาลาดตระเวน สืบความเคลื่อนไหวของคนซีเหลียง
เวลานี้เฉินตันจูจะเป็นอย่างไร เสด็จพ่อทรงคืนความบริสุทธิ์ให้เสด็จพี่หกแล้วหรือไม่
นอกจากนี้ มือที่ถือพู่กันขององค์หญิงจินเหยาชะงักลง เวลานี้จางเหยาพักอยู่ที่ใด ท่ามกลางป่าไม้หรือริมแม่น้ำ
บอกว่ามาส่งนาง แต่ก็ไปทำเรื่องที่ตนเองชอบอย่างเปิดเผย
คนผู้นี้ช่างน่าสนใจ มิน่าถูกเฉินตันจูมองว่าเป็นขุมทรัพย์
นางยิ้มพลันก้มหน้าเขียนจดหมายต่อ
แสงไฟส่องพรมที่ปูอย่างเร่งรีบในกระโจมที่แขวนธูปหอม ทั้งเรียบง่ายทั้งอบอุ่นอย่างประหลาด
…
เหมือนดังที่องค์หญิงจินเหยาคาดเดา จางเหยากำลังยืนอยู่ริมลำธารสายหนึ่ง ด้านหลังเป็นป่าทึบ ด้านหน้าเป็นหุบเขา
ค่ำคืนยามฤดูใบไม้ร่วงในเมืองเฟิ่งอากาศเริ่มหนาวเย็นแล้ว แต่จางเหยาไม่ได้จุดกองไฟ เขายืนแนบชิดก้อนหินเย็นเฉียบริมลำธารอย่างไม่ขยับเขยื้อนตัว เงี่ยหูฟังเสียงจากหุบเขาด้านหน้าในค่ำคืนที่มืดมิด
หุบเขาทั้งสูงทั้งชัน กลางคืนที่มืดมิดยิ่งน่ากลัว บางครั้งมีเสียงลมหรือเสียงนกที่ไม่รู้จักดังออกมา เมื่อยิ่งตกดึกฟ้ายิ่งมืด ท่ามกลางเสียงลมสามารถได้ยินเสียงปะปนมากยิ่งขึ้น ราวกับมีคนกำลังหัวเราะ…
ไม่ใช่ราวกับ แต่มีคนกำลังหัวเราะอยู่จริง อีกทั้งยังไม่ใช่แค่คนเดียว
จางเหยาสูดหายใจเข้าลึกๆ เขาเดินออกจากหลังโขดหิน เท้าเหยียบอยู่ในลำธาร เดินเข้าไปในหุบเขาอย่างช้าๆ เสียงน้ำสามารถกลบเสียงฝีเท้าของเขา อีกทั้งยังสามารถนำทางเขาในความมืด ไม่นานนักเขาก็มาถึงหุบเขา หลังจากเดินทางคดเคี้ยวสักระยะหนึ่ง เขาก็เห็นเปลวเพลิงส่องสว่างขึ้นภายในหุบเขาลึกที่มีลักษณะเหมือนท้องงู เปลวเพลิงก็คดเคี้ยวเหมือนงู ริมกองไฟมีบางคนกำลังนั่ง บางคนกำลังนอน…
พวกเขาสวมชุดหนา สวมหมวกปิดบังใบหน้า แต่คิ้ว ตาและจมูกที่เปิดเผยในบางครั้งเมื่อถูกไฟส่องแตกต่างจากใบหน้าของคนเมืองเฟิ่ง
พวกเขาเป็นคนซีเหลียง
คนซีเหลียงพบเห็นได้มากในต้าเซี่ยเนื่องจากมีการค้าขายแลกเปลี่ยน โดยเฉพาะเมืองเฟิ่งที่มีองค์รัชทายาทซีเหลียงเสด็จมาในเวลานี้
แต่คนซีเหลียงที่ทุกคนคุ้นเคยล้วนเดินขวักไขว่อยู่บนถนน อยู่ท่ามกลางสายตาของผู้คน
คนซีเหลียงที่ใดจะมาหลบซ่อนอยู่ในหุบเขาลึกเช่นนี้
จางเหยายืนอยู่ในลำธาร ร่างกายของเขาแนบชิดหน้าผาที่สูงชัน เขาเห็นคนซีเหลียงหลายคนลุกขึ้นยืนจากด้านหน้ากองไฟ เสื้อผ้าหละหลวม ด้านหลังแบกดาบสิบกว่าเล่ม…
ภายใต้เปลวไฟที่สาดส่อง ดาบเหล่านั้นประกายแสงเย็นวาบ
จางเหยาขนลุกตั้งแต่หัวจรดเท้า