มีพระราชโองการของฮ่องเต้ อีกทั้งเดิมฮ่องเต้ก็เป็นคนฉลาดคนหนึ่ง ตอนนี้ในเมื่อเป็นคนออกเงิน ก็คิดจะสร้างชื่อเสียงให้เต็มที่ ดังนั้นเหล่าขุนนางผู้ใต้บังคับบัญชาที่รับผิดชอบก่อสร้างจวนกั๋วกงพวกนั้นก็ไม่กล้ามักง่าย
แน่นอนว่า สาเหตุที่เหล่าขุนนางผู้รับผิดชอบก่อสร้างไม่กล้ามักง่ายไม่ได้เป็นเพราะฮ่องเต้เท่านั้น
จวนกั๋วกงกำลังดำเนินการก่อสร้างอย่างกระตือรือร้น มั่วเชียนเสวี่ยเดินไปรอบๆ ดูสภาพการณ์ และจากไปโดยไม่เอ่ยอันใดมากนัก
แต่ก่อนจะจากไป นางกลับไปพบอวิ๋นอิ๋ง
แม้อวิ๋นอิ๋งจะอยู่ในขอบเขตความสงสัยของนาง แต่ในใจมั่วเชียนเสวี่ยย่อมระมัดระวังด้วยเช่นกัน
กล่าวตามความจริง สำหรับอวิ๋นอิ๋ง หากนางหักหลังตนเองจริงๆ มั่วเชียนเสวี่ยก็คงผิดหวังมาก
อย่างไรเสีย นางก็เคยช่วยพวกนางสองแม่ลูกเต็มที่ ย่อมไม่หวังให้คนที่ตนเองเลี้ยงดูเป็นคนไม่รู้คุณคน!
อวิ๋นอิ๋งยังคงสงบนิ่งเหมือนดั่งคราแรก ปล่อยให้ทุกคนมองไม่ออกถึงความผิดปกติใดๆ แม้แต่น้อย
แต่เมล็ดพันธุ์แห่งความสงสัยถูกฝังลงไปแล้ว เช่นนั้นก็ไม่มีทางที่จะถูกถอนออกไปได้อย่างง่ายดาย
“อวิ๋นอิ๋ง ตอนนี้ซีซีอยู่ที่บ้านไร่ สบายดีมาก เจ้าจะตามไปด้วยหรือไม่”
อวิ๋นอิ๋งยืนอยู่ด้านล่างของนาง ก้มหน้าลงเล็กน้อย เมื่อได้ยินก็เงยหน้ามองมั่วเชียนเสวี่ยแวบหนึ่ง ในตอนที่เห็นแววตาที่ปิดบังความรู้สึกอย่างแน่นหนาของนาง ก็ก้มหน้าลงไปอีกครั้ง
“ขอบ…คุณความเป็นห่วงของคุณหนูใหญ่เจ้าค่ะ แต่ที่จวนยังมีเรื่องมากมายต้องทำ บ่าวกลัวว่าพ่อบ้านจะไม่ไหว บ่าวอยู่ช่วยที่นี่ดีกว่าเจ้าค่ะ”
ที่สำคัญก็คือ เมื่ออยู่ที่นี่ นางยังสามารถเห็นเขาได้บ่อยๆ…
มั่วเชียนเสวี่ยเห็นว่าใช้บุตรีมาเกี่ยวเอาหัวใจอวิ๋นอิ๋งกลับมาไม่ได้ ก็ไม่เอ่ยอันใดให้มากความแล้ว
สุดท้ายก็รู้สึกผิดหวังในใจอยู่บ้าง
การกระทำในวันนี้ของนางก็เป็นแค่การหยั่งเชิงอวิ๋นอิ๋งเท่านั้น
ถ้าหากอวิ๋นอิ๋งสารภาพออกมาจริงๆ แม้ว่าจะปล่อยวางเรื่องจวนกั๋วกงไม่ได้ อย่างน้อยที่สุดนางก็จะตามตนเองกลับไปสักรอบ เยี่ยมซีซีก็ยังดี!
แต่ว่านางไม่!
ไม่ก็ไม่เป็นห่วงซีซีจริงๆ ไม่ก็…ระยะนี้นางจะมีเรื่องให้ทำอีก จึงจากไปไม่ได้จริงๆ!
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เรื่องในจวนก็คงต้องให้เจ้าสิ้นเปลืองความคิดแล้ว” สิ่งที่สมควรเอ่ย นางก็เอ่ยหมดแล้ว ส่วนอวิ๋นอิ๋งจะทำเช่นไร ก็เป็นเรื่องของนาง
หวังว่า อวิ๋นอิ๋งจะไม่ทำให้นางผิดหวังก็พอ
เร่งเดินทางจากจวนกั๋วกงไปยังบ้านไร่ชานเมือง ฟ้าก็มืดเล็กน้อยแล้ว
มั่วเชียนเสวี่ยที่นั่งอยู่ในรถม้า อ่อนเพลียอยู่บ้าง
วันก่อนเพิ่งมีความสุขกับหนิงเซ่าชิงไป อีกทั้งเขาก็ยังจัดเสียเต็มที่ขนาดนั้น เมื่อวานบวกกับวันนี้ นางไม่ว่างเลยสักนิด ร่างกายอ่อนล้าก็เป็นเรื่องสมควร
ระหว่างที่สะลึมสะลือ ตอนที่มั่วเชียนเสวี่ยรู้สึกว่าตนเองกำลังจะหลับแล้ว ภายในห้องโดยสารก็มีลมเย็นพัดมาวูบหนึ่ง ทำให้ความง่วงงุนของมั่วเชียนเสวี่ยหายไปในทันที!
การออกมาครั้งนี้ ข้างกายนางพาสืออู่กับอวี่เสวียนมาแค่สองคน ชูอีมีเรื่องต้องทำที่บ้านไร่ นางจึงไม่ได้พานางมาด้วย
สืออู่เป็นคนคึกคักรักอิสระ เห็นอวี่เสวียนขี่ม้า นางก็ร้องจะขี่ม้าด้วย ไม่มีหมัวมัวกับชูอีคอยควบคุม นางก็รู้สึกเป็นอิสระมากขึ้นเยอะเลย
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ตอนนี้ภายในรถมีเพียงแค่นาง มั่วเชียนเสวี่ยเพียงคนเดียว!
เสียงลมด้านนอกดังเข้าโสตประสาท…
มีความเคลื่อนไหวผิดปกติ!
ตายังไม่ลืม แต่มือกลับเคลื่อนไหวก่อน!
เข็มเงินปรากฏขึ้น
ตอนที่สัมผัสได้ถึงลมหนาวพัดผ่านไป มั่วเชียนเสวี่ยก็หมุนข้อมือ เข็มเงินเลื่อนออกมาอยู่ที่ปลายนิ้ว ส่วนนางก็แทงเข็มลงบนวัตถุที่ระบุไม่ได้ว่าคืออะไรตามทิศทางลม!
“เสวี่ยเสวี่ยคิดจะฆ่าสามีตนเองจริงๆ หรือ”
เสี้ยวพริบตานั้น ข้อมือของมั่วเชียนเสวี่ยก็ถูกคนบีบเอาไว้เบาๆ จากนั้นกลิ่นอายอันคุ้นเคย และน้ำเสียงอันอ่อนโยนก็ดังวนเวียนอยู่ที่ข้างหู
มั่วเชียนเสวี่ยลืมตาก็เห็นหนิงเซ่าชิงนั่งยองๆ อยู่ที่มุมห้องโดยสาร นิ้วเรียวยาวจับข้อมือมั่วเชียนเสวี่ยเอาไว้อย่างนุ่มนวล มองนางด้วยสีหน้ามีความสุข พลางยิ้มบางๆ
หากว่าเป็นก่อนเมื่อวาน มั่วเชียนเสวี่ยไม่มีทางลงมือ
แม้ว่านางจะอยู่ภายในรถม้าคนเดียว แต่ข้างนอกกลับมีองครักษ์อีกหลายคนติดตามมาด้วย ยังมีพวกสืออู่กับอวี่เสวียน สามารถเข้าใกล้รถม้าของนางเงียบๆ ได้ยังจะมีใครอีก
แต่สิ่งที่เรียกว่า เมื่อถูกงูกัดไปครั้งหนึ่ง ก็กลัวเชือกไปสิบปี!
“ท่านหาเรื่องตายหรือ!”
หัวใจของมั่วเชียนเสวี่ยยังคงเต้นอย่างรุนแรง!
เพราะเมื่อครู่สติของนางระแวดระวังมากเกินไป ถึงได้แยกแยะกลิ่นอายของหนิงเซ่าชิงไม่ออก
นึกกลัวขึ้นในภายหลังจริงๆ!
หากว่านางบังเอิญทำให้หนิงเซ่าชิงบาดเจ็บจะทำอย่างไร
กระทั่งคิด นางก็ไม่กล้าคิด
มองบนใส่หนิงเซ่าชิงด้วยแววตาขุ่นเคือง โมโหจนยากจะอดกลั้น
แต่ในสายตาหนิงเซ่าชิง ทั้งหมดนี้กลับเจือไปด้วยความอ่อนโยน และงดงามหยาดเยิ้มอย่างยิ่ง
จึงรู้สึกปากคอแห้งผากไปชั่วขณะ
จ้องมั่วเชียนเสวี่ยด้วยแววตาทอประกายลึกซึ้ง “เสวี่ยเสวี่ย…สามีคิดถึงเจ้าแล้ว…”
เอ่ยจบ ก็ออกแรงที่มือดึงมั่วเชียนเสวี่ยเข้ามาในอ้อมกอด โดยไม่สนใจว่ามั่วเชียนเสวี่ยยังไม่ได้เก็บเข็มเงินกลับไป
“ทิ่มตายได้นะ…ระวังเข็มเงินด้วย!” มั่วเชียนเสวี่ยกลับกลัวอยู่บ้าง รีบเก็บเข็มเงินเข้าไป และเข้าไปนั่งในอ้อมกอดของชายหนุ่ม ในเสี้ยววินาทีถัดจากที่เก็บเข็มเงินเรียบร้อยแล้ว
มั่วเชียนเสวี่ยหันหน้าไป มองบนอย่างตำหนิใส่หนิงเซ่าชิง
“เสวี่ยเสวี่ย…เสวี่ยเสวี่ย…”
“เซ่าชิง…อย่า…”
ด้านนอกยังมีคนอื่นนะ!
หนิงเซ่าชิงย่อมไม่ใช่คนที่ไม่รู้จักขอบเขตขนาดนั้น
เพียงแต่บุรุษที่เพิ่งจะผ่านการเสพสุขเช่นนั้นมา ควบคุมตนเองไม่ได้ไปชั่วขณะหนึ่ง ก็เป็นเรื่องที่พอจะให้อภัยได้ ในใจของหนิงเซ่าชิง มั่วเชียนเสวี่ยคือยาพิษของเขา
เพียงแค่พบกับมั่วเชียนเสวี่ย เขาก็ควบคุมตนเองไม่ได้!
แต่เขาก็รู้ว่าคืนวันนั้นรุนแรงเกินไป คาดว่าตอนนี้ ร่างกายนางคงจะไม่ค่อยสบายเท่าใดนัก
หนิงเซ่าชิงสูดกลิ่นหอมบนร่างนางเข้าไป และอาลัยอาวรณ์ที่จะเงยหน้าขึ้นจากลำคอนาง
“เสวี่ยเสวี่ย คิดถึงข้าไหม”
เสียงของหนิงเซ่าชิงที่เจือไปด้วยความแหบพร่านั้นเย้ายวนเป็นอย่างมาก
มั่วเชียนเสวี่ยหน้าแดงเล็กน้อย
แต่ก่อน แม้ว่าความรู้สึกระหว่างพวกเขาจะดีมาก แต่ตอนนี้กลับไม่เหมือนเมื่อก่อน
แต่ก่อนจะดีอย่างไร กลับไม่ได้มีความสัมพันธ์แนบชิดกัน แต่ตอนนี้ พวกเขาก็เป็นสามีภรรยาตามชื่อเรียกอย่างแท้จริงแล้ว
ระหว่างบุรุษกับสตรีก็เป็นเช่นนี้ ตอนยังไม่มีความสัมพันธ์แนบชิด กับตอนที่มี…แล้ว ความรู้สึกนั้นต่างกันราวฟ้ากับเหว
ต่อให้นางเป็นคนตรงไปตรงมาเพียงใด ในใจก็รู้สึกเขินอายเล็กน้อยอย่างเลี่ยงไม่ได้
เห็นมั่วเชียนเสวี่ยขวยอายอย่างหาได้ยาก หนิงเซ่าชิงก็รู้สึกว่าตนเองจะทนไม่ไหวแล้ว!
เขาบีบคางมั่วเชียนเสวี่ยเบามือ “บอกสิว่า คิดถึงข้าบ้างไหม…”