บุปผาลิขิตแค้น – ตอนที่ 435 คืนวัน

ตอนที่ 435 คืนวัน

แสงอาทิตย์​สาดส่อง​ลง​บน​แผ่นดินใหญ่​อีกครั้ง​ ​พร้อมทั้ง​นำ​ความอบอุ่น​มา​อันเป็น​ที่​ต้องการ​อย่างยิ่ง​ให้​กับ​คนที​่​นอน​อยู่​ริมฝั่ง

แต่​พระอาทิตย์​ห่างไกล​เกินไป​ ​องค์​หญิง​จิน​เหยา​ยังคง​ทำได้​เพียง​ขดตัว​เพราะ​ความ​หนาวเหน็บ

ไม่รู้​ว่า​เสียง​กระเทาะ​หิน​ดัง​ขึ้น​นาน​เพียงใด​ ​ในที่สุด​เสียงร้อง​ด้วย​ความดีใจ​ก็​ดัง​ขึ้น​ ​“​จุด​ติด​แล้ว​”

สายตา​ของ​นาง​มอง​ไป​ ​กอง​ฟาง​ใน​บริเวณ​ที่​ห่าง​ออก​ไป​ไม่​ไกล​มี​ควัน​ดำ​ลอยข​โมง​ ​เปลวเพลิง​ถูกจุด​ติด​ ​ใบหน้า​ซีดเซียว​ของ​จาง​เหยา​เงย​ขึ้น​ด้านหลัง​ควัน

“​องค์​หญิง​ ​มี​ไฟ​แล้ว​”​ ​เขา​พูด

องค์​หญิง​จิน​เหยา​มอง​จาง​เหยา​นำ​ไฟ​ที่​จุด​ติดกับ​ฟืน​ย้าย​มา​ข้าง​กาย​นาง​ทีละน้อย​ ​อันที่จริง​ไม่ต้อง​ยุ่งยาก​ ​นาง​ขยับ​เข้าไป​ก็​พอ​…​เพียงแต่​นาง​ไม่มีแรง​แล้ว​ ​แม้แต่​คลาน​ยัง​คลาน​ไม่ไหว​ ​ทำได้​เพียง​ให้​จาง​เหยา​อุ้ม​เอาไว้

ทั้งสอง​คน​แช่​อยู่​ใน​น้ำ​เป็นเวลา​นาน​ ​เสื้อผ้า​เปียกชื้น​ไป​ทั้งตัว​ ​จาง​เหยา​กังวล​ว่า​จะ​ล่วงเกิน​นาง​ ​องค์​หญิง​จิน​เหยา​ครุ่นคิด​พลาง​อยาก​หัวเราะ​ ​พวกเขา​ทั้งสอง​แช่​อยู่​ใน​น้ำ​เป็นเวลา​นาน​ ​นาง​เกาะติด​อยู่​บน​ตัว​เขา​ตลอดทั้ง​ทาง​ ​หาก​ล่วงเกิน​คง​ล่วงเกิน​ไป​นาน​แล้ว

ไม่จำเป็น​ต้อง​เอ่ยถึง​เรื่อง​เหล่านี้​เมื่อ​อยู่​ต่อหน้า​ความ​เป็นความ​ตาย

เปลวเพลิง​ทำให้​นาง​อบอุ่น​ขึ้น​ ​นาง​มอง​ไปร​อบ​ด้าน​ ​พูด​ด้วย​เสียงสั่น​เครือ​ ​“​มี​เพียง​พวกเรา​สอง​คน​แล้ว​หรือ​”

จาง​เหยา​พยักหน้า​ ​“​คง​ใช่​ ​คนอื่น​อาจ​ไม่ได้​กระโดด​ลง​น้ำ​มา​”

คนที​่​กระโดด​ลงมา​ก็​อาจ​ถูก​กระแสน้ำ​พัด​จน​หลง​ออก​ไป​…​เขา​ทำได้​เพียง​ปลอบ​ตัวเอง

องค์​หญิง​จิน​เหยา​สูด​ลมหายใจ​เข้า​ ​เวลานี้​อย่า​ได้คิด​เรื่อง​เหล่านี้​เลย

“​เวลานี้​พวกเรา​ถึงที่​ใด​แล้ว​”​ ​นาง​ถาม​ ​ถึงแม้นาง​จะ​ดู​แผนที่​เป็นเวลา​นาน​ ​แต่​หาก​เดินทาง​เอง​ ​นาง​ก็​ไม่รู้​ว่า​อยู่​ที่ใด​แม้แต่น้อย​ ​แม้แต่​ทิศเหนือ​ใต้​ออก​ตก​ก็​แยกแยะ​ไม่ได้

จาง​เหยา​พูด​ ​“​ใกล้​ถึง​ซีจิง​แล้ว​ ​องค์​หญิง​ทรง​พักผ่อน​ก่อน​ ​พวกเรา​จะ​เดินทาง​ต่อ​ ​ไม่นาน​ก็​จะ​พบ​เรือน​ของ​ผู้คน​”

เมื่อ​พบ​เรือน​ของ​ผู้คน​ก็​ส่งข่าว​ได้​แล้ว

องค์​หญิง​จิน​เหยา​ส่ายหน้า​อย่างแรง​ ​“​ไม่ต้อง​พักผ่อน​นาน​ ​หากิ​่ง​ไม้​ให้​ข้า​ ​ข้า​ประคอง​เดิน​ไป​ได้​”

ถึงแม้​จะ​มีชีวิตรอด​จาก​แม่น้ำ​ที่​เชี่ยวกราก​ ​แต่​ขา​ของ​นาง​ก็ได้​รับ​บาดเจ็บ

จาง​เหยา​ตอบรับ​ ​พลัน​วิ่ง​ไป​วิ่ง​มา​ ​ไม่​เพียง​หากิ​่ง​ไม้​จาก​ใน​ป่า​มา​เป็น​ไม้เท้า​ได้​ ​อีกทั้ง​ยัง​จับ​นก​และ​ไก่ป่า​ได้​ด้วย​ ​เขา​ทำความสะอาด​และ​ย่าง​พวก​มัน​อย่าง​คล่องแคล่ว​ ​เมื่อ​เนื้อ​สุก​ได้ที่​ ​องค์​หญิง​จิน​เหยา​ก็​สามารถ​ลุกขึ้น​มานั​่ง​ได้​แล้ว

นาง​นั่ง​พิง​ก้อนหิน​มอง​จาง​เหยา​ ​สีหน้า​ซีดเซียว​มีชีวิตชีวา​ขึ้น​มา​เล็กน้อย

“​จาง​เหยา​”​ ​นาง​พูด​ ​“​เจ้า​เก่ง​เสีย​จริง​”

จาง​เหยา​ที่​กำลัง​ฉีก​เนื้อไก่​ป่า​ได้ยิน​จึง​ส่งเสียง​สงสัย​ ​“​กระหม่อม​หรือ​ ​กระหม่อม​เก่ง​อัน​ใด​กัน​ ​ไร้​ชาติตระกูล​ ​ตนเอง​ก็​ไม่มี​ความสามารถ​ใด​…​อย่า​ชม​ว่า​กระหม่อม​มีความรู้​ ​หาก​ไม่ใช่​คุณหนู​ตัน​จู​ ​ความรู้​ของ​กระหม่อม​เท่ากับ​ไม่มี​”

องค์​หญิง​จิน​เหยา​หัวเราะ​ ​“​เจ้า​มอง​ทะลุปรุโปร่ง​ไป​เสีย​ทุกอย่าง​”

จาง​เหยา​ยื่น​เนื้อไก่​ป่า​ให้​นาง​ ​“​ดังนั้น​องค์​หญิง​อย่า​ทรง​ชมกระ​หม่อม​เลย​ ​สุดท้าย​แล้วก็​เป็น​แค่​เรื่อง​ของ​โชคชะตา​”

องค์​หญิง​จิน​เหยา​ยิ้ม​พลัน​พยักหน้า​ ​“​อืม​ ​พวกเรา​ล้วน​โชคดี​”

ทั้งสอง​คน​ไม่​พูด​อีก​ ​พวกเขา​ต่าง​ตั้งใจ​กิน​อาหาร​เพิ่มพลั​งกาย​ ​เมื่อ​เสื้อผ้า​ก็​กึ่ง​แห้ง​ภายใต้​แสงอาทิตย์​และ​เปลวเพลิง​ ​พวกเขา​ก็​รีบ​ออกเดินทาง​องค์​หญิง​จิน​เหยา​กำลังจะ​พยุง​กิ่งไม้​ลุกขึ้น​มา​เดิน

“​หาก​ท่าน​ทรง​เดิน​เช่นนี้​คงจะ​ช้า​กว่า​เดิม​”​ ​จาง​เหยา​พูด​ ​“​กระหม่อม​แบก​ท่าน​จะ​เร็ว​กว่า​เสียอีก​”

องค์​หญิง​จิน​เหยา​มอง​รูปร่าง​ผอมบาง​ของ​เขา​ด้วย​ความลังเล

“​องค์​หญิง​อย่า​ทรง​เห็น​ว่า​กระหม่อม​ผอม​”​ ​จาง​เหยา​สะบัด​แขน​ ​“​อันที่จริง​กระหม่อม​มี​กำลัง​มาก​”

องค์​หญิง​จิน​เหยา​ยิ้ม​ ​พลัน​พูด​ ​“​ข้าว​่า​เจ้า​อย่า​สนใจ​ข้า​เลย​ ​เจ้า​เดิน​ไป​ก่อน​ ​รีบ​ส่งข่าว​ออก​ไป​ ​เมือง​เฟิ​่ง​ห่าง​จาก​ซีจิง​ไม่​ไกล​ ​ข้า​กังวล​ว่า​จะ​ไม่ทันการ​”

จาง​เหยา​เงียบ​ไป​สักพัก​ ​ก่อน​จะ​พูดเสี​ยง​เบา​ ​“​องค์​หญิง​ ​อันที่จริง​เวลานี้​เรื่องสำคัญ​ไม่ใช่​การ​ส่งข่าว​ ​สงคราม​ไม่​อาจ​หลีกเลี่ยง​ได้​ ​เร็ว​ขึ้น​หนึ่ง​วัน​หรือ​ช้า​ลง​หนึ่ง​วัน​ไม่มี​ความหมาย​ ​แต่​องค์​หญิง​ยัง​ทรง​มีชีวิต​อยู่​ ​พระองค์​ทรง​สามารถ​ยืน​อยู่​ใน​ซีจิ​งอย​่าง​ปลอดภัย​จะ​มีความหมาย​มากกว่า​”

องค์​หญิง​จิน​เหยา​มอง​เขา​ ​พลัน​ยื่นมือ​ออก​ไป​ ​“​ความหวัง​ของ​ซีจิ​งอยู​่​บน​ไหล่​ของ​เจ้า​แล้ว​”

จาง​เหยา​เดิน​ไป​ตรงหน้า​นาง​ ​พลัน​หันหลัง​ ​“​กระหม่อม​สาบาน​ว่า​จะ​ไม่​ทำให้​องค์​หญิง​ผิดหวัง​”

องค์​หญิง​จิน​เหยา​ถูก​จาง​เหยา​แบก​ขึ้น​หลัง​ ​เดิน​เข้าไป​ใน​ป่า​ด้านหน้า​ ​นาง​มอง​แสงอาทิตย์​ท่ามกลาง​ป่าไม้​ ​ฟัง​จาง​เหยา​พึมพำ​กับ​ตนเอง​ ​“​ขอบคุณ​สวรรค์​”

องค์​หญิง​จิน​เหยา​อด​ถาม​ไม่ได้​ ​“​เจ้า​ขอบคุณ​สวรรค์​เรื่อง​ใด​”

จาง​เหยา​พูด​ ​“​ขอบคุณ​สวรรค์​ที่​ทำให้​กระหม่อม​มาที​่​นี่​”

องค์​หญิง​จิน​เหยา​อด​ยิ้ม​ไม่ได้​ ​“​เป็น​เช่นนี้​แล้ว​ ​เจ้า​ยัง​ขอบคุณ​สวรรค์​อีก​หรือ​”​ ​พูด​พลาง​ถอนหายใจ​ ​“​หาก​เจ้า​ไม่​มาก​็​คงจะ​ดี​”

ไม่ต้อง​ตก​อยู่​ใน​สถานการณ์​อันตราย​เช่นนี้

“​ดี​อย่างไร​”​ ​จาง​เหยา​พูด​ ​“​หาก​กระหม่อม​ไม่​มา​ ​เมื่อ​ได้ยิน​เรื่อง​ที่เกิด​ขึ้น​ ​กระหม่อม​ย่อม​จะ​กังวล​จน​ร้อนใจ​เหมือนกัน​ ​เวลานี้​ดี​แล้ว​ ​กระหม่อม​อยู่​ตรงนี้​ ​ภายในใจ​ก็​สบายใจ​อย่างมาก​”

องค์​หญิง​จิน​เหยา​ทั้ง​อยาก​หัวเราะ​ทั้ง​อยาก​ร้องไห้​ ​สุดท้าย​นาง​ไม่ได้​พูด​สิ่งใด​ ​หากแต่​โอบกอด​จาง​เหยา​แน่น​ขึ้น​…​อย่างนี้​สามารถ​ทำให้​จาง​เหยา​ผ่อนแรง​ที่​ใช้​ใน​การ​แบก​นาง

แสงอาทิตย์​ลับ​หาย​ไป​ ​ความมืด​ปกคลุม​แผ่นดินใหญ่​อีกครั้ง​ ​แต่​แผ่นดินใหญ่​ไม่ได้​สงบ​ลง​แม้แต่น้อย​ ​หากแต่​ดังก้อง​ไป​ด้วย​เสียง​เข่นฆ่า​ปะปน​ไป​ด้วย​เสียงร้อง​ไห้​ ​เสียง​ตะโกน​และ​เสียง​กรีดร้อง​ ​เมือง​ทาง​ด้านหน้า​ก็​ราวกับ​เตาไฟ​ที่​ลุกโชน​ ​ส่องสว่าง​ไป​ทั่ว​ท้องฟ้า​ยามค่ำคืน

องค์​รัชทายาท​ซี​เหลียง​มอง​ทิวทัศน์​ยามค่ำคืน​ที่​สร้าง​ขึ้น​จาก​กองกำลัง​ของ​ตนเอง​ ​แต่​เขา​ไม่ได้​เผย​รอยยิ้ม​ได้ใจ

“​หนึ่ง​วันหนึ่ง​คืน​แล้ว​ ​ยัง​เอา​เมือง​เฟิ​่ง​เล็ก​ๆ​ ​ไม่​ลง​อีก​!​”​ ​เขา​ตะโกน​ด้วย​ความขุ่นเคือง

องค์​หญิง​จิน​เหยา​ที่​เข้า​กรง​แล้วก็​หนีหาย​ไป

บางที​อาจ​ตาย​จาก​การก​ระ​โดด​แม่น้ำ​ไป​แล้ว​ ​แต่​สุดท้าย​ก็​ไม่มี​ร่าง​แขวน​ไว้หน้า​กองทัพ​เพื่อ​เหยียดหยาม​และ​ข่มขวัญ​ผู้คน​ของ​ต้า​เซี​่ย

แม่ทัพ​ผู้​หนึ่ง​คุกเข่า​ลง​ ​“​กระหม่อม​มีความผิด​”

ผู้ใด​จะ​คิด​ว่า​หลบซ่อน​อยู่​ลึก​เพียงนั้น​จะ​ถูก​คน​ต้า​เซี​่​ยพบ​เข้า​ ​ไม่​เพียง​ทำให้​องค์​หญิง​จิน​เหยา​หนี​ไป​ ​อีกทั้ง​ยัง​ทำให้​เมือง​เฟิ​่ง​เตรียมการ​รับมือ​กับ​สงคราม​เอาไว้​อีก

“​หลาย​ปีนี​้​ราชสำนัก​สะสม​กองกำลัง​ต่อต้าน​บรรดา​ท่าน​อ๋อง​ ​ไม่​คิด​ว่า​แม่ทัพ​หน้ากาก​เหล็ก​ก็​ยัง​ไม่​ละเลย​ชายแดน​”​ ​ท่าน​อ๋อง​ฉี​องค์​ก่อน​ถูก​หาม​ออกมา​จาก​กระโจม​ ​เขา​ชื่นชม​ทิวทัศน์​ตอนกลางคืน​ ​“​ดูเหมือน​ละเลย​ ​ปล่อย​ให้​พวก​ท่าน​สะสม​กองกำลัง​ให้​แข็งแกร่ง​ ​แต่​ความเป็นจริง​แล้วก็​ยัง​ป้องกัน​อยู่​เสมอ​”

ถึงแม้​เมือง​เฟิ​่ง​จะ​เล็ก​ ​ถึงแม้​จะ​เตรียมรับมือ​กับ​ข้าศึก​อย่างเร่งรีบ​ ​แต่​ก็​ไม่​อาจ​ถูก​บุกรุก​ได้​อย่างง่ายดาย

องค์​รัชทายาท​ซี​เหลียง​ยิ่ง​ขุ่นเคือง​ ​เขา​เตรียมการ​มานาน​เพียงนี้​ ​คง​ไม่​อาจ​ล้มเหลว​ได้​ตั้งแต่​เริ่มต้น​!

“​หาก​คืนนี้​บุก​เมือง​เฟิ​่ง​ไม่ได้​”​ ​เขา​ถีบ​แม่ทัพ​ที่​คุกเข่า​อยู่​ ​“​ข้า​จะ​ตัดหัว​ของ​เจ้า​ลงมา​ ​โจมตี​เมือง​เฟิ​่ง​ลงมา​ให้​ได้​ ​สังหาร​ทุกคน​ทิ้ง​ให้​หมด​”

แม่ทัพ​ก้มหน้า​ตอบรับ​ ​ในขณะที่​กำลังจะ​วิ่ง​จากไป​ ​เขา​ก็​ถูก​ท่าน​อ๋อง​ฉี​องค์​ก่อน​เรียก​เอาไว้

“​องค์​รัชทายาท​ ​ข้า​เคย​บอก​แล้ว​ ​เมือง​เฟิ​่​งก​็​เป็น​แค่​เมือง​เฟิ​่ง​”​ ​เขา​พูด​ ​“​อย่า​ได้เสีย​เวลา​กับ​ที่นี่​ ​ซีจิง​ถึง​จะ​มีความหมาย​”

เมือง​เฟิ​่ง​ยัง​โจมตี​ได้​ยาก​เพียงนี้​ ​ซีจิ​ง.​..​องค์​รัชทายาท​ซี​เหลียง​พึมพำ​ใน​ใจ​ ​เสด็จ​พ่อ​ทรง​ชรา​จน​เลอะเลือน​ไป​แล้ว​หรือ​ ​เพียงแค่​ถูก​ท่าน​อ๋อง​ฉี​องค์​ก่อน​ยุยง​ก็​หยิ่งผยอง​เสีย​แล้ว

“​องค์​รัชทายาท​ ​ความจริง​แล้ว​การ​โจมตี​เมือง​เฟิ​่ง​ไม่ใช่​เรื่อง​ยาก​สำหรับ​พระองค์​แล้ว​ ​มัน​ไม่​อาจจะ​รอดพ้น​ค่ำคืน​นี้​ไป​ได้​”​ ​ท่าน​อ๋อง​ฉี​องค์​ก่อน​พูดเสี​ยง​เรียบ​ ​“​ข้อได้เปรียบ​ของ​พวก​ท่าน​ใน​คราวนี้​คือ​จำนวน​คน​มาก​ ​อีกทั้ง​จู่โจม​อย่าง​ไม่ทัน​ตั้งตัว​ ​ดังนั้น​พระองค์​จึง​ยิ่ง​สมควร​ใช้เวลา​และ​กองกำลัง​ที่​เพียงพอ​จู่โจม​ซีจิ​งมา​กก​ว่า​ ​เมื่อถึง​เวลา​ ​ซีจิง​จะ​ใหญ่​กว่า​หรือ​มี​กองกำลัง​มากกว่า​เมือง​เฟิ​่​งมาก​เท่าใด​ ​ก็​เพียงแค่​รักษา​เมือง​ไว้​ได้มา​กก​ว่า​ไม่​กี่​วัน​เท่านั้น​”

องค์​รัชทายาท​ซี​เหลียง​ถาม​ ​“​กองกำลัง​ช่วยเหลือ​ของ​ต้า​เซี​่​ย.​..​”

“​หลาย​วันนี้​ไม่มีทาง​มี​กองกำลัง​ช่วยเหลือ​”​ ​ท่าน​อ๋อง​ฉี​พูด​ ​“​ข้า​บอก​แล้ว​ ​ข้า​จัดการ​ทาง​ต้า​เซี​่ย​เอาไว้​แล้ว​ ​คน​ของ​ข้า​จะ​ตัดขาด​ข่าว​ทุกอย่าง​เพื่อให้​โอกาส​องค์​รัชทายาท​ ​ดังนั้น​จึง​ต้อง​เร็ว​และ​กะทันหัน​ ​เมือง​อื่น​เรา​ไม่ต้องการ​ ​เรา​ต้องการ​เพียง​ซีจิง​เท่านั้น​”

องค์​รัชทายาท​ซี​เหลียง​พยักหน้า​ ​“​ได้​ ​ท่าน​อ๋อง​คุ้นเคย​กับ​ต้า​เซี​่ย​และ​ซีจิ​งมา​กก​ว่า​พวก​ข้า​ ​พวก​ข้า​จะ​ฟัง​ท่าน​”

ท่าน​อ๋อง​ฉี​องค์​ก่อน​ยิ้ม​ ​“​ใช่​ ​ข้า​คุ้นเคย​กับ​ซีจิ​งอย​่า​งมาก​ ​แม่ทัพ​และ​กองกำลัง​ของ​พวกเขา​ ​ข้ามั​่น​ใจ​ว่า​…​”​ ​พูดถึง​ตรงนี้​ ​รอยยิ้ม​ของ​เขา​ก็​ชะงัก​ไป​ ​“​มีสิ​่ง​ไม่​คาดคิด​”

องค์​รัชทายาท​ซี​เหลียง​มอง​เขา​ ​“​สิ่ง​ไม่​คาดคิด​ใด​”

ท่าน​อ๋อง​ฉี​องค์​ก่อน​มอง​ไป​ยัง​ท้องฟ้า​ยามค่ำคืน​ที่​ห่างไกล​ออก​ไป​ ​“​คน​ผู้​หนึ่ง​…​”

เสียง​ไอที​่​พยายาม​ข่ม​เอาไว้​ดัง​ขึ้น​ที่​ข้าง​หู​ ​องค์​หญิง​จิน​เหยา​รู้สึก​ว่า​ตนเอง​เหมือน​เรือ​เล็ก​ที่อยู่​กลาง​น้ำ​ ​นาง​ตื่นขึ้น​มาจาก​ความ​สะลึมสะลือ​ ​สิ่ง​แรก​ที่​เห็น​คือ​ความมืด​ ​สติ​ของ​นาง​ค่อยๆ​ ​ฟื้น​กลับมา

“​พวกเรา​เดิน​มานาน​แค่ไหน​แล้ว​”​ ​นาง​จับ​ไหล่​ของ​จาง​เหยา​ ​น้ำเสียง​แหบ​พร่า​ ​“​อาการไอ​ของ​เจ้า​เป็น​อย่างไร​ ​เจ้า​…​”

มือ​ของ​นาง​ออกแรง​สัมผัส​ถึง​ความร้อน​ระอุ​ผ่าน​เสื้อผ้า​ ​อุณหภูมิ​นี้​ผิดปกติ

“​รีบ​ปล่อย​ข้า​ลงมา​”​ ​จิน​เหยา​ดิ้นรน​พลาง​พูด

“​กระหม่อม​แค่​ไอ​เล็กน้อย​เท่านั้น​”​ ​จาง​เหยา​พูด​ด้วย​เสียง​แหบ​ ​“​แต่ก่อน​กระหม่อม​ก็​มี​…​”

“​ตัน​จู​รักษา​ให้​เจ้า​หาย​แล้ว​!​”​ ​องค์​หญิง​จิน​เหยา​ส่งเสียง​ดัง

จาง​เหยา​หมดแรง​จน​เดิน​เซ​ ​ทั้งสอง​คน​ล้ม​ลง​กับ​พื้น​ ​องค์​หญิง​จิน​เหยา​รีบ​จับ​หน้าผาก​ของ​เขา​ ​ร้อน​มาก

พวกเขา​แช่​อยู่​ใน​น้ำ​เป็นเวลา​นาน​ ​ทั้ง​หนาว​ทั้ง​หิว​ทั้ง​เดินทาง​ไม่​หยุด​ ​การ​เจ็บป่วย​ย่อม​ไม่​อาจ​หลีกเลี่ยง​ได้

“​เวลานี้​จะ​พักผ่อน​ไม่ได้​”​ ​จาง​เหยา​กัดฟัน​พูด​ ​“​เดิน​มานาน​เพียงนี้​แล้ว​ ​จะ​เสียแรง​เปล่า​ไม่ได้​ ​พวกเรา​อดทน​อีกหน่อย​”

ถึงแม้​…​แต่ว่า​ไม่มี​หนทาง​อื่น​ ​องค์​หญิง​จิน​เหยา​สูด​ลมหายใจ​เข้า​ ​“​ข้า​หา​ท่อนไม้​ ​ข้า​จะ​เดิน​เอง​ ​ให้​ข้า​พยุง​เจ้า​”

จาง​เหยา​ไม่​ยืนกราน​อีก​ ​ทั้งสอง​คน​หากิ​่ง​ไม้​จาก​รอบด้าน​ ​ต่าง​คน​ต่าง​ประคอง​กัน​ไว้​ ​พร้อมทั้ง​พยุง​ซึ่งกันและกัน​เดิน​ไป​ด้านหน้า​อย่าง​เชื่องช้า

“​จาง​เหยา​”​ ​องค์​หญิง​จิน​เหยา​พูด​ขึ้น​อย่างกะทันหัน​ ​“​ข้า​ก็​อยาก​ขอบคุณ​สวรรค์​”

จาง​เหยา​กระแอม​ไอ​พลาง​ถาม​ ​“​องค์​หญิง​ทรง​ขอบ​พระทัย​เรื่อง​ใด​”

องค์​หญิง​จิน​เหยา​พูด​ ​“​ขอบคุณ​ที่​ให้​เจ้า​มา​”

จาง​เหยา​ผงะ​ก่อน​จะ​ยิ้ม​ออกมา

“​หาก​เวลานี้​ไม่มี​เจ้า​”​ ​องค์​หญิง​จิน​เหยา​พูดเสี​ยง​แหบ​ ​“​ข้า​คง​เดิน​ไม่​ถึง​ตอนนี้​ ​ถึงแม้​ข้า​จะ​เดิน​มาถึง​ตอนนี้​ ​ข้า​ก็​คง​เดิน​ต่อไป​ไม่ไหว​แล้ว​”

นาง​ไม่​อาจ​สัมผัส​ได้​ถึง​มือ​ ​ขา​หรือ​ร่างกาย​ของ​ตนเอง​แล้ว​ ​นาง​ไม่รู้​ด้วยซ้ำ​ว่า​ตนเอง​ก้าว​ขาออก​ไป​ได้​อย่างไร

มือ​ของ​จาง​เหยา​กุมมือ​ของ​นาง​เอาไว้​ ​พูดเสี​ยง​เบา​ ​“​ไม่​เป็นอัน​ใด​ ​กระหม่อม​จูง​ท่าน​เดิน​”

องค์​หญิง​จิน​เหยา​มอง​ไป​ยัง​ท้องฟ้า​ยามค่ำคืน​ตรงหน้า​ ​นาง​สูด​จมูก​อย่างแรง​เพื่อ​กลั้น​น้ำตา​เอาไว้​ ​เวลานี้​ไม่ใช่​เวลา​แห่ง​การร้องไห้​ ​นาง​กุมมือ​ที่​ร้อนระอุ​ข้าง​นี้​กลับ

ไม่รู้​เดิน​มานาน​เพียงใด​ ​ไม่รู้​ว่า​ทั้งสอง​เหน็ดเหนื่อย​เกินไป​หรือไม่​ ​สายตา​ของ​พวกเขา​เลือนราง​ลง​เรื่อยๆ​ ​…

“​ด้านหน้า​คงมี​คน​แล้ว​ใช่​หรือไม่​”​ ​เสียง​ของ​จาง​เหยา​แผ่วเบา​ ​ฝีเท้า​ของ​เขา​ก็​เบาหวิว​ราวกับ​เหยียบ​อยู่​บน​ก้อน​เมฆ​ ​แต่​เขา​ยังคง​ออกแรง​เหยียบย่ำ​ ​“​ทาง​นี้​คงจะ​เป็น​แปลง​นา​”

แปลง​นา​หรือ​ ​อย่างนั้น​ย่อม​มี​ชุมชน​ ​องค์​หญิง​จิน​เหยา​มอง​ไป​ด้านหน้า​ที่​มืดสนิท​ ​มองไม่เห็น​แสงไฟ​แม้แต่น้อย​ ​ไม่มี​แม้แต่​เสียง​ไก่​ขัน​หรือ​หมา​เห่า​ ​ทุกหน​แห่ง​ล้วน​เงียบสงัด​…

นาง​ก้าว​เท้า​ไป​ด้านหน้า​ ​ทันใดนั้น​ใต้เท้า​ว่างเปล่า​ ​นาง​ล้ม​ลง​ไป​จน​ส่งเสียง​กรีดร้อง​ออกมา

“​องค์​หญิง​”​ ​จาง​เหยา​ตะโกน​ ​จับมือ​ของ​องค์​หญิง​จิน​เหยา​เอาไว้​แน่น​ ​ก่อน​จะ​ถูก​ลาก​ล้ม​ลง​ไป​บน​พื้น

เพิ่ง​ล้ม​ลง​ก็​มี​แห​ตกลง​มาค​ลุม​ตัว​คน​ทั้งสอง​เอาไว้

“​มี​คน​ตกลง​ไป​ใน​กับดัก​แล้ว​!​”

“​กับดัก​ทำงาน​แล้ว​!​”

มีเสียง​ดัง​ตามมา​ ​เสียง​นี้​สูง​ต่ำ​ไม่​เท่ากัน​ ​บ้าง​เสียงแหลม​บ้าง​เสียงอ่อน​เยาว์​ ​ฟัง​ดูเหมือน​จะ​ตื่นเต้น​เล็กน้อย​…

คบเพลิง​สว่าง​ขึ้น​ ​ทั้งสอง​จำเป็นต้อง​หลับตา​ลง​ ​ไม่​อาจม​อง​แสงไฟ​นี้​ได้​โดยตรง

“​ผู้ใด​กัน​!​”

สำเนียง​ต้า​เซี​่ย​!​ ​จาง​เหยา​ลืมตา​ขึ้น​ ​“​ที่นี่​คือ​ที่ใด​ ​ข้า​เป็น​ ​ข้า​เป็น​องครักษ์​ของ​องค์​หญิง​!​”

เขามอง​เห็น​คนที​่​ถือ​คบเพลิง​ตรงหน้า​…​เด็ก​หรือ

เด็ก​ที่​ถือ​คบเพลิง​สอง​คน​อายุ​ราว​สิบ​ขวบ​ ​บน​ตัว​ของ​พวกเขา​ปกคลุม​ด้วย​ใบไม้​ ​บน​หัว​สวม​หมวก​ที่​ถัก​จาก​ใบไม้​ ​ใน​มือถือ​คบเพลิง​ ​หาก​มองผ่าน​ๆ​ ​อาจ​คิด​ว่า​ต้นไม้​ขนาดเล็ก​ถูก​ไฟไหม้

อัน​ใด​กัน​ ​จาง​เหยา​ผงะ​ไป​ ​ใบหน้า​ของ​เด็ก​สอง​คน​ก็​ผงะ​เช่นเดียวกัน​ ​องครักษ์​ของ​องค์​หญิง​หรือ​ ​พวกเขา​ราวกับ​ไม่เข้าใจ​ว่า​มัน​คือ​อัน​ใด

“​ผู้ใด​กัน​”​ ​เสียง​ชรา​ดัง​ขึ้น​จาก​ด้านหลัง

เสียง​นี้​ทำให้​เด็ก​สอง​คน​ตั้งสติ​กลับมา​ ​ตะโกน​ตอบ​ ​“​บอกว่า​เป็น​องครักษ์​ของ​องค์​หญิง​”

เมื่อ​ได้ยิน​ประโยค​นี้​ ​คบเพลิง​จำนวนมาก​ขึ้น​สว่าง​ขึ้น​มา​ ​จาง​เหยา​นอน​อยู่​บน​พื้น​ ​เห็น​ว่า​บริเวณ​นี้​เป็น​แปลง​นา​เหมือน​ที่​คิด​ ​บริเวณ​คันนา​ที่​ห่าง​ออก​ไป​ไม่​ไกล​มี​เจ็ด​แปด​คน​ยืน​อยู่​ ​มีทั​้ง​ชายหนุ่ม​ทั้ง​เด็ก​ทั้งคน​ชรา​ ​ใน​มือ​ของ​พวกเขา​ล้วน​ถือ​จอบ​เหล็ก​และ​เสียม​เหล็ก​ ​พลัน​มอง​มาทาง​นี้​ด้วย​ความกังวล

มี​ชาย​ชรา​เดิน​ออกมา​จาก​ท่ามกลาง​คน​เหล่านั้น​ ​ขา​ของ​เขา​กะเผลก​ ​แต่​เดิน​ได้​อย่างมั่นคง​และ​รวดเร็ว​ ​ไม่นาน​นัก​เขา​ก็​เดิน​มาถึง​ตรงหน้า​คน​ทั้งสอง​ ​พลัน​มอง​พวกเขา​จาก​ที่สูง​ ​คบเพลิง​ส่องสว่าง​เห็น​ใบหน้า​ชรา​ของ​เขา

จาง​เหยา​ยัง​ไม่ทัน​พูด​ ​องค์​หญิง​จิน​เหยา​ที่อยู่​ด้าน​ข้าง​ก็​ร้องไห้​ออกมา​ ​“​ท่าน​ลุง​เฉิน​หรือ​ ​ท่าน​คือ​ท่าน​ลุง​เฉิน​!​ ​ข้า​คือ​องค์​หญิง​จิน​เหยา​ ​ข้า​เป็น​สหาย​ของ​ตัน​จู​…​”

ท่าน​ลุง​เฉิน​?​ ​ตัน​จู​?​ ​จาง​เหยา​นอน​มอง​ชาย​ชรา​ผู้​นี้​จาก​บน​พื้น​ ​คน​ผู้​นี้​คือ​เฉิน​เลี่ย​หู่​?​ ​บิดา​ของ​เฉิน​ตัน​จู​?

ดี​แล้ว​ๆ​ ​จาง​เหยา​ถอนหายใจ​ยาว​ ​ก่อน​จะ​สลบ​ไป

บุปผาลิขิตแค้น

บุปผาลิขิตแค้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท