เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค – ตอนที่ 454 ความวุ่นวายเกิดจากห้องใต้ดิน (1)

ตอนที่ 454 ความวุ่นวายเกิดจากห้องใต้ดิน (1)

มั่วเชียนเสวี่ยบิดคางหลุดออกจากการควบคุมของเขา แต่ปากกลับตอบตามความจริง “คิดถึง…”

จะไม่คิดถึงได้อย่างไร บุรุษที่พะเน้าพะนอนางลึกเข้ากระดูกขนาดนี้ บุรุษที่วางนางไว้ในหัวใจ นางจะไม่คิดถึงได้เช่นไร

นี่เป็นการพบหน้ากันครั้งแรกหลังจากผ่านสัมพันธ์แนบชิดกันมาของพวกเขา ความรู้สึกนุ่มนวลอ่อนหวานแผ่ออกมารอบกายทั้งสองคน…

“ข้าก็คิดถึงเจ้าเช่นกัน…”

เสียงหนิงเซ่าชิงอ่อนโยนอย่างยิ่ง ทำให้มั่วเชียนเสวี่ยละลายทันที

“…”

ตอนที่หนิงเซ่าชิงมา คนบังคับรถม้าก็เปลี่ยนเป็นเตาหนูนานแล้ว

สืออู่ที่เดิมขี่ม้า เห็นคนบังคับรถม้าเปลี่ยน รถก็เคลื่อนที่เร็วขึ้น อีกทั้งองครักษ์ทั้งหมดล้วนผ่อนฝีเท้าม้าให้ช้าลงมากอย่างเห็นได้ชัด

นางรับปากหมัวมัวไว้ว่าจะดูแลคุณหนูไม่ห่างแม้แต่ก้าวเดียว

ตอนออกเดินทาง นางก็รับปากชูอีว่า จะติดตามคุณไม่ห่างสักก้าวเดียวเช่นกัน

ดังนั้น จึงกระโดดลงไปนั่งข้างเตาหนูที่บังคับรถม้า

สีหน้าของเตาหนูยังคงเหมือนกับท่อนไม้ แต่ในใจเต้นตึกตัก

ด้านในมีเสียงต่างๆ ดังลอยมา

นอกห้องโดยสารรถ สืออู่จะซื่อบื้อเพียงใด ก็รู้ว่ากำลังทำอันใดกันอยู่ นางรับไม่ไหวจริงๆ ถึงได้ตัวสั่นระริก

เตาหนูก็เป็นคนซื่อบื้อคนหนึ่งเช่นกัน ไม่รู้ว่าสืออู่รับวาจาพลอดรักหวานซึ้งเช่นนี้ไม่ไหวถึงได้ตัวสั่น นึกว่านางหนาว เพราะถูกลมบนรถม้าพัดใส่

คนด้านในกำลังโอนอ่อนเอาอกเอาใจกัน เขาก็ไม่ต้องบังคับรถม้าให้วิ่งเร็วมาก ดังนั้นจึงลดความเร็วลง

“สวมสิ…จะได้อบอุ่น”

อบอุ่นบ้านเจ้าสิ!

สืออู่เงยหน้า ตวัดสายตามองเตาหนูแวบหนึ่ง

สำหรับบุรุษที่เหมือนกับท่อนไม้ ก้อนหินเช่นนี้ นางหมดวาจาจะกล่าวจริงๆ!

ฤดูร้อนเช่นนี้ สิ่งที่กลัวคือสวมเยอะไปแล้วจะร้อนเพียงอย่างเดียว ใครเขากลัวหนาวกัน

ยื่นมือไปกระชากเสื้อคลุมของเตาหนูออกแล้วโยนใส่หน้าเขา

อาภรณ์ตัวนั้นหล่นจากใบหน้าลงไปที่หน้าขา หัวใจเตาหนูได้รับบาดเจ็บ เป็นครั้งแรกที่เขาแสดงท่าทีเป็นมิตรต่อสตรีนางหนึ่ง

แต่ ท่อนไม้ก็คือท่อนไม้ แม้ว่าจะได้รับบาดเจ็บ อดกลั้นเอาไว้จนตายก็เอ่ยวาจาพะเน้าพะนอเด็กสาวดีๆ ออกมาไม่ได้สักครึ่งประโยค

เพียงแต่ใบหน้ามีรอยร้าวเล็กน้อย

สืออู่ย่อมแยกไม่ออกว่าสีหน้าเขามีรอยร้าวหรือไม่ เพียงแต่ตอบกลับอย่างไม่สบอารมณ์ไปประโยคหนึ่งว่า “ข้าถูกทำให้ขนลุก ไม่ได้หนาว เจ้าต่างหากที่หนาว!”

เอ่ยจบ ก็ไม่มองเตาหนู

เตาหนูก้มใบหน้าที่มีรอยร้าวลง และเงียบไป…

เขาเพียงแค่ใส่ใจสืออู่เท่านั้นเอง ส่วนเสียงภายในห้องโดยสาร…เขาได้ยินจนชินแล้วเข้าใจไหม

ในสายตาของเขานี่เป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้นเข้าใจไหม…

พวกเขามีใครถูกบีบบังคับให้ได้ยินเสียงอือๆ อาๆ ตลอดระยะเวลาของกิจกรรมเหล่านั้นด้วยความลำบากใจบ้าง?

เขาเป็นคนที่ต้องมาได้ยิน! คนที่ถูกบีบบังคับและโง่เง่าคนนั้นก็คือเขา!

เตาหนูกำลังคิดว่า ทำไมตอนแรกเขาไม่แอบหลบไปเงียบๆ? ตอนนั้น ก็ไม่มีใครเข้าไปทำลาย…

แต่ ความคิดก็คือความคิด

เขายังคงไม่กล้า

เพียงแค่คิดถึงบทลงโทษและการฝึกฝนอันวิปริตต่างๆ นาๆ พวกนั้นของหอลับ เขาก็ยืนนิ่งเป็นเสาเข็มอยู่ตรงนั้น ฟังเสียงตั้งแต่ต้นจนจบโดยไม่กล้าขยับแม้แต่น้อย…

ไม่ว่าคนภายนอกจะคิดเช่นไร แต่ความรักของสองคนภายในตัวรถกำลังพัฒนาไปอย่างรวดเร็วในตอนนี้

ทั้งสองคนไม่ได้ทำเรื่องล้ำเส้นอะไร หนิงเซ่าชิงเห็นอกเห็นใจมั่วเชียนเสวี่ย มั่วเชียนเสวี่ยร่างกายไม่อำนวยจริงๆ ดังนั้นพวกเขาสองคนจึงกอดกันเงียบๆ

แน่นอนว่า บางครั้งก็มีการจุมพิต ส่งเสียงที่ไม่กลมกลืนกับสถานที่อยู่บ้างออกมา

หลังจากจุมพิตเร่าร้อนผ่านไป ภายในรถม้าก็สงบเงียบโดยสิ้นเชิง

ยากที่ทั้งสองคนจะได้เพลิดเพลินไปกับช่วงเวลาสงบเงียบอันอบอุ่นเช่นนี้

“เซ่าชิง…ท่านรู้ไหมว่าเช้ามืดวันนี้ข้าฝันอะไร”

มั่วเชียนเสวี่ยพลันนึกถึงความฝันที่นางฝันขึ้นมา มุมปากก็โค้งขึ้นอย่างอดไม่อยู่

หนิงเซ่าชิงตระคองกอดนางไว้ในอ้อมแขน มือลูบเรือนผมยาวของมั่วเชียนเสวี่ย ได้ยินวาจานี้แล้วก็อยากรู้อยากเห็นมาก

“ฝันเห็นอะไรหรือ” มุมปากโค้งขึ้น นัยน์ตาเปี่ยมไปด้วยแววยั่วเย้า “คงไม่ใช่ว่าเสวี่ยเสวี่ยฝันถึงข้าหรอกนะ”

บุรุษผู้นี้เป็นเด็กแสบจากตระกูลใดกัน รีบมาลากเขาไปเดี๋ยวนี้!

มั่วเชียนเสวี่ยกลอกตามองบนใส่เขาอีกครั้ง

แต่ที่หนิงเซ่าชิงกล่าวมาก็ไม่ผิดจริงๆ ฝันถึงเขาจริงๆ แต่นอกจากฝันถึงเขาแล้ว ก็ยังฝันถึงคนอื่นด้วย…

นึกถึงความฝันนั้นแล้ว ใบหน้าของมั่วเชียนเสวี่ยก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

“ข้าฝันเห็นพวกเราอยู่ที่หมู่บ้านหวังจยา ใช้ชีวิตสุขสบาย และยังมีลูกอีกสามคน เด็กน้อยจ้ำม่ำน่ารักมากๆ! ท่านตามใจพวกเขาขนาดนั้น ทำให้ข้าริษยาแล้ว…”

ว่ากันว่ากลางวันคิดถึงสิ่งใด กลางคืนก็จะฝันถึงสิ่งนั้น แท้จริงแล้ว นี่คงเป็นสิ่งที่ในใจมั่วเชียนเสวี่ยปรารถนาสินะ

ได้ยินเช่นนั้น มือที่ลูบเรือนผมของหนิงเซ่าชิงก็ชะงัก พลันรู้สึกผิดต่อมั่วเชียนเสวี่ยขึ้นมา

ถ้าหากไม่ได้เป็นเพราะเขา มั่วเชียนเสวี่ย แม้ว่าจะเป็นบุตรีภรรยาเอกของจวนกั๋วกงจริงๆ ด้วยความคิดที่ไล่ตามความมั่นคงของนางเมื่อก่อน ก็เกรงว่าจะไม่มีทางเหยียบย่างบนเส้นทางมุ่งสู่เมืองหลวงเด็ดขาด และไม่มีทางใช้ชีวิตท่ามกลางภัยอันตรายแบบนี้เช่นกัน

แต่ทว่า เสวี่ยเสวี่ยของเขาเลือกที่จะมาอยู่ข้างกายเขา ทั้งที่ไม่ไยดีต่ออันตรายที่ยังมาไม่ถึง และอดทนสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยการรบราฆ่าฟันเช่นนี้

หนิงเซ่าชิงไม่อยากให้บรรยากาศกระอักกระอ่วน จึงยิ้มบางๆ เชยคางมั่วเชียนเสวี่ยเบาๆ “ที่แท้ในใจเสวี่ยเสวี่ยช่วยสามีวางแผนเรียบร้อยแล้วว่าจะให้กำเนิดบุตรสามคน…”

มั่วเชียนเสวี่ยนิ่งอึ้ง นี่นางถูกบุรุษชั่วร้ายหยอกล้อ จึงโผเข้าไปทำท่าจะกัดทันที “ท่านชั่วร้ายเกินไปแล้ว!”

ประกายในแววตาหนิงเซ่าชิงไหววูบ แต่กลับเลือกจะหลับตาลง น้ำเสียงราวกับเชลโลดังขึ้นแผ่วเบา “สามีชั่วร้ายแบบนี้…เช่นนั้น…เสวี่ยเสวี่ยชอบหรือไม่”

“…ชอบ…”

…….

ณ จวนว่าการแม่ทัพเก้าประตู

บนลานแสดงยุทธ์ ซูชีท้าประลองใต้เท้าน่าอู่ฉังอย่างกล้าหาญ

แต่ก่อนน่าอู่ฉังเป็นอดีตผู้บัญชาการองครักษ์วังหลวงประจำตัวฮ่องเต้ ฝีมือเขาย่อมไม่ด้อย

ภายใต้ท้องฟ้าช่วงกลางวัน ต่อหน้าเหล่าทหารจำนวนมาก แม้ว่าทั้งสองคนจะประมือกัน แต่กลับทำได้เพียงแค่พอเป็นพิธี

เมื่อเสร็จสิ้น น่าอู่ฉังยังคงยืนปรับลมหายใจอยู่บนลานแสดงยุทธ์ ซูชีกลับสะบัดพัดเดินจากไปด้วยท่าทางที่ชวนให้คนนับถือ

เบื้องหน้าไม่แบ่งแพ้ชนะ แต่ความจริงในสายตาทหารที่อยู่ลานแสดงยุทธ์ล้วนเข้าใจดีว่า รองแม่ทัพซูชีทำให้ใต้เท้าน่าตกตะลึง

แต่ก่อนซูชีไม่เห็นอำนาจหน้าที่ของรองแม่ทัพนี้อยู่ในสายตา รองแม่ทัพนี้เป็นเพียงแค่แผนรับมือที่เหมาะสมชั่วคราวเท่านั้น แต่ตอนนี้เขากลับชิงชังที่ตนเองไม่ได้กุมอำนาจไว้ในมือตนเองอย่างยิ่ง

การประลองฝีมือซึ่งหน้าน่าอู่ฉัง ก็เพราะในใจเขาโมโห

นึกถึงเพลิงไหม้ในคืนวันนั้น คนมากมายสามารถซ่อนตัวในเมืองหลวง เร้นกายเข้าไปในจวนกั๋วกงได้ เหตุการณ์รุนแรงขนาดนั้น เขากลับไม่รู้ ต้องเป็นเพราะน่าอู่ฉังเล่นตุกติกแน่นอน

ด้วยประสบการณ์ในกองทัพหลายปีของเขา ด้วยความสามารถของตระกูลซู ควบคุมน่าอู่ฉังให้เป็นเพียงหุ่นเชิด ควบคุมอำนาจของที่ว่าการแม่ทัพเด้าประตู ก็มีเพียงแค่ปัญหาเรื่องเวลา

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

Status: Ongoing

เพราะสำลักน้ำชาจนขาดอากาศ(?)ทำให้ มั่วเชียนเสวี่ย สาวมั่นหัวการค้าทะลุมิติมาอยู่ในโลกยุคโบราณและในร่างของคนอื่น

แต่นั่นยังไม่น่าตระหนกเท่าการที่ร่างนี้กำลังจะแต่งงานเพื่อแก้เคล็ดให้กับชายหนุ่มที่ป่วยร่อแร่เต็มที!

ในโลกที่หากขาดที่พึ่งผู้หญิงก็สามารถถูกขายเป็นทาสได้ตลอดเวลาสามีคนนี้ของนางนับว่าเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลยทีเดียว

ทั้งมีความรู้ สุภาพและไม่ใช้กำลังแถมหน้าตายังหล่อเหลาอีกด้วย เสียตรงร่างกายอ่อนแอไปหน่อยเท่านั้น

ชีวิตครอบครัวชนบทแสนยากจนของนางจึงเริ่มขึ้นที่ตรงนั้น… แต่อย่างไรนางไม่ยอมงอมืองอเท้ารับชะตากรรมแบบนี้แน่

ในเมื่อนางมีความรู้ความสามารถยังต้องกลัวสร้างกิจการไม่ได้อีกหรือ?!

เส้นทางร่ำรวยสายนี้นางจะบุกเบิกมันขึ้นมาด้วยตนเอง! และหวังว่าทุกอย่างจะราบรื่นด้วยดี

เพราะเหมือน ‘ร่างนี้’ ของนางกับฐานะเดิมของสามีเหมือนจะไม่ค่อยธรรมดาเสียด้วยสิ…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท