รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 450 ยากจริง ท่านเซียนมีทางอื่นเตรียมไว้หรือไม่?

บทที่ 450 ยากจริง ท่านเซียนมีทางอื่นเตรียมไว้หรือไม่?

บทที่ 450 ยากจริง ท่านเซียนมีทางอื่นเตรียมไว้หรือไม่?

“เก้าแดนต้องห้าม?”

เมิ่งจีตาลุกวาว

เขาเคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของเก้าแดนต้องห้ามมาบ้าง เป็นสถานที่เก้าแห่งที่ทั้งลึกลับและอันตราย เขตหวงห้ามสำหรับสิ่งมีชีวิตทั้งปวง ผู้ใดที่ย่างกรายเข้าไปในเก้าแดนต้องห้ามล้วนต้องจบชีวิตลง เหลือไว้เพียงศพในนั้น ไม่มีผู้ใดได้รับการยกเว้น

ลือกันว่า แม้แต่ราชวงศ์อวี่ฮว่าซึ่งเคยรุ่งเรืองทรงพลังถึงขีดสุด ผู้กุมอำนาจบัญชาตระกูลเผ่าพันธุ์ทั้งปวง ถืออำนาจเด็ดขาดในใต้หล้า ยังยำเกรงในเก้าแดนต้องห้าม ไม่เคยส่งทหารสักนายเฉียดใกล้เก้าแดนต้องห้าม

นับแต่ยุคอนันตกาลอันยาวนานที่ผ่านมา ไม่รู้ผ่านไปแล้วกี่ยุคกี่สมัย เก้าแดนต้องห้ามนี้ ไม่ต้องคิดให้มากความก็รู้ว่ารากฐานที่มีเหลือล้นน่าทึ่งเพียงใด

หากได้รับการช่วยเหลือจากเก้าแดนต้องห้าม การสมานรอยร้าวย่อมมิใช่ปัญหา ซ่อมแซมได้แน่นอน

แต่สิ่งสำคัญคือ…เก้าแดนต้องห้ามยอมช่วยหรือไม่

เมิ่งจีไม่คิดว่าเก้าแดนต้องห้ามจะใจดีเกลี้ยกล่อมได้ง่าย เก้าแดนต้องห้ามลึกลับพิศวง มิใช่คนดีเป็นแน่ มิฉะนั้นก็คงไม่ถูกเรียกขานเป็นเขตหวงห้ามของสิ่งมีชีวิตทั้งปวง ผู้ใดหาญกล้าเข้าไปเป็นต้องตาย

“เฮ้อ นี่ก็เป็นวิธีที่จนปัญญาแล้ว”

ไป๋มู่ถอนหายใจ รู้ว่าเมิ่งจีคิดสิ่งใดอยู่

เขาเอ่ย “คนนอกรู้เรื่องของเก้าแดนต้องห้ามน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย แทบไม่ทราบอะไรเลย ทว่ายอดนิกาย ยอดเผ่าอย่างเราพอรู้เรื่องของเก้าแดนต้องห้ามอยู่บ้าง”

จากนั้น เขาจึงเล่าข้อมูลของเก้าแดนต้องห้ามที่เขารู้ให้ฟัง

“พวกเราไม่ทราบถึงจุดกำเนิดและที่มาที่ไปของแดนต้องห้ามเหล่านี้ แต่พวกเรารู้ว่าแดนต้องห้ามเหล่านี้มิใช่คนดี ที่ยังดำรงตนอยู่ในอาณาจักรแห่งนี้ รังแต่จะสร้างข้อเสียกับสิ่งมีชีวิตในอาณาจักรของเรา ไร้ซึ่งผลดี!”

ไป๋มู่กล่าว “ในทุกยุคสมัย มักมียอดฝีมือและบุตรแห่งสวรรค์น่าทึ่งมากมายหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยกะทันหัน…”

ยอดฝีมือและบุตรแห่งสวรรค์ที่หายตัวไปเหล่านี้ มิได้มีเวลาประจำ และมิได้หายไปพร้อมกัน ส่วนใหญ่เกิดขึ้นแบบปัจเจกบุคคล

“หากเป็นเวลาประจำ หรือหายไปด้วยกันเป็นจำนวนมาก ย่อมต้องเป็นที่จับตาของผู้คนในใต้หล้า ทว่าพวกเขาล้วนหายไปทีละคน ซ้ำยังเว้นระยะไปนาน ผู้คนในใต้หล้าจึงมิได้ผิดสังเกตอันใด…”

เพียงแต่ ก็ยังมีคนสังเกตเห็นเรื่องราวเหล่านี้!

“บรรพชนของเราสังเกตเห็น และเริ่มมีการสืบ พบว่ายอดฝีมือและบุตรแห่งสวรรค์เหล่านี้ล้วนถูกเก้าแดนต้องห้ามลอบจับตัวไป!”

ไป๋มู่มีสีหน้าเคร่งเครียด “แต่จากการสืบเสาะเชิงลึกของบรรพชนเรา ในทุกยุคสมัยต่างมีจลาจลทะมึนอุบัติ และมีสิ่งมีชีวิตตายไปเป็นจำนวนมาก เบื้องหลังจลาจลทะมึนเหล่านี้ ต่างมีเงาของแดนต้องห้ามคลี่ปกคลุม!”

เขาเล่าต่อ “แดนต้องห้ามเหล่านี้ล้วนมีมลทิน เต็มไปด้วยเลือด ถึงแม้ยังมิได้แสดงเขี้ยวคมต่อหน้าธารกำนัล แต่ถือเป็นภยันตรายอย่างใหญ่หลวงแน่นอน หากกำจัดออกไปไม่ได้ ไม่แน่ว่าวันไหนจะเข่นฆ่าผู้คนในอาณาจักรนี้ระลอกใหญ่!”

เหตุใดยอดนิกายและยอดเผ่าถึงเอาแต่เก็บตัว ไม่เป็นที่รู้จักของผู้คนในใต้หล้า

ทั้งหมดล้วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้!

“หลังจากบรรพชนของเราค้นพบความจริง รู้ว่าแดนต้องห้ามเหล่านี้เป็นภัยปานใด และรู้ว่าแดนต้องห้ามเหล่านี้โหดเหี้ยมเลือดเย็นเพียงใด ดังนั้น ความหมายในการดำรงอยู่ของเราจึงมีเพื่อขัดขวางจลาจลทะมึนที่มีแดนต้องห้ามเป็นสาเหตุ กระทั่งอาจถึงขั้นต้องกำจัดแดนต้องห้ามเหล่านี้ออกไป!”

บรรพชนของพวกเขาเคยไปเยือนเก้าแดนต้องห้าม และเปิดสงครามกับเก้าแดนต้องห้าม

ทว่า เก้าแดนต้องห้ามน่ากลัวสยดสยองเกินไป แม้กระทั่งบรรพชนของพวกเขาซึ่งมีพลังแกร่งกล้ายิ่งใหญ่กันถ้วนหน้ายังสู้ไม่ไหว ห่างชั้นกันมากและพ่ายแพ้ย่อยยับ

“หลังบรรพชนกลับมาก็สั่งให้พวกเราเร้นกายอำพรางตน ห้ามมิให้เปิดเผยการมีอยู่ออกไปแม้แต่น้อย สั่งให้พวกเราสั่งสมกำลัง รอจนวันใดมีพลังมากพอค่อยบุกไปยังแดนต้องห้ามโดยมิให้ตั้งตัว เพื่อขจัดแดนต้องห้ามให้สิ้นซาก”

ไป๋มู่เอ่ย “พวกเราทำตามคำสั่งบรรพชน เร้นกายอำพรางเต็มรูปแบบ ลบล้างร่องรอยทุกอย่างของเราในโลกนี้ พวกเราใช้ชีวิตในที่มืด ไม่เคยปรากฏกายในที่แจ้ง สั่งสมกำลังเพียงเพื่อกำจัดแดนต้องห้ามเหล่านี้!”

แต่การสั่งสมกำลังมากพอจะล่มแดนต้องห้ามนั้นง่ายเสียที่ไหน พวกเขาอำพรางตนมายุคแล้วยุคเล่า

ในยุคสมัยนี้ เก้าแดนต้องห้ามก่อการจลาจลทะมึนขึ้นมาแล้วเช่นเดียวกัน พวกเขาต่างเคยช่วยเหลือสิ่งมีชีวิตในอาณาจักรแห่งนี้จากที่ลับ ต้านทานจลาจลทะมึนอันเป็นฝีมือของเก้าแดนต้องห้าม ลดการบาดเจ็บล้มตายของสิ่งมีชีวิตในอาณาจักรนี้

ทว่า ความห่างชั้นระหว่างพวกเขาและเหล่าแดนต้องห้ามยังมีอยู่มากนัก พวกเขาทำได้เพียงเร้นกายต่อไป ไม่เคยเปิดศึกซึ่งหน้ากับเก้าแดนต้องห้าม

หากต้องเปิดศึกเต็มกำลังกับเก้าแดนต้องห้าม จุดจบของพวกเขามีแต่จะล่มสลาย ไม่มีทางเป็นอื่น

การสั่งสมกำลังในที่แจ้งย่อมเป็นจุดสนใจของบรรดาแดนต้องห้าม มิสู้สั่งสมกำลังในที่ลับ ด้านหนึ่งเพื่อมิให้เป็นที่สนใจของเหล่าแดนต้องห้าม อีกด้านหนึ่งเพื่อไม่ให้แดนต้องห้ามเหล่านี้ตั้งตัว

“เดิมทีพวกเราตั้งใจอำพรางตนต่อไป ทว่าเมื่อคราวยุคโบราณ อาณาจักรเทียนหยวนรุกรานเข้ามา พวกเขาโหดเหี้ยมอำมหิตอย่างยิ่งยวด ทันทีที่มาถึงก็ตั้งใจล้างบางสิ่งมีชีวิตทุกตนในอาณาจักรของเรา พวกเราจำต้องก้าวออกมา เข้าต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรเทียนหยวนเต็มรูปแบบ”

สงครามใหญ่ครานั้นแทบผลาญกำลังที่พวกเขาสั่งสมไว้ทั้งหมด ทำให้พวกเขาเสียหายถึงแก่นราก กำลังรบระดับสูงมากมายล้วนตายในสมรภูมิ

“หนนี้ เจตจำนงฟ้าดินส่งคำเตือน สิ่งมีชีวิตอาณาจักรเทียนหยวนกำลังจะบุกมาอีกครั้ง พวกเราจึงจำต้องก้าวออกมา”

ไป๋มู่ถอนหายใจ “เดิมทีอาณาจักรแห่งนี้ของเรามีการดำรงอยู่ของเก้าแดนต้องห้ามนับว่าย่ำแย่พอแล้ว บัดนี้มีแดนมรณาโผล่มาอีก…อาณาจักรแห่งนี้ของเราช่างอาภัพเสียจริง!”

หลังเมิ่งจีได้ฟังทั้งหมด อย่าให้พูดเลยว่าอัดอั้นตันใจเพียงใด

เขารู้ว่าเก้าแดนต้องห้ามมิใช่คนดี แต่คิดไม่ถึงว่าเก้าแดนต้องห้ามจะเป็นภัยใหญ่หลวงเยี่ยงนี้ เคยก่อจลาจลทะมึนมาหลายต่อหลายครั้ง ส่งผลให้สิ่งมีชีวิตนับคณาต้องหลั่งเลือดล้มตาย

เขาคิดไม่ถึงเช่นกันว่ายอดนิกายและยอดเผ่าจะเลือกเร้นกายอำพรางเพราะเหตุนี้

ยอดนิกายยอดเผ่าทั้งหลายต่างเคยต่อกรกับเก้าแดนต้องห้ามมาแล้วทุกยุคทุกสมัย ยอดนิกายแบบนี้ ยอดเผ่าแบบนี้ ควรค่าให้ผู้คนในยุคนี้เคารพนับถือยิ่ง!

ทว่า ผู้คนในโลกนี้กลับไม่เคยล่วงรู้เหตุการณ์เหล่านี้ ไม่รู้ว่ายอดนิกายและยอดเผ่าต่าง ๆ อุทิศตนอย่างไรบ้างในที่ลับ…

เขาถอนหายใจในใจอย่างหนักหน่วง รู้สึกลำบากใจเหลือแสน

หากไม่รีบซ่อมรอยร้าว รอยนั้นย่อมต้องขยายใหญ่ และยิ่งเปราะบางลงเรื่อย ๆ ถึงคราวนั้น คงได้โดนสิ่งมีชีวิตอาณาจักรเทียนหยวนทลายลงราบคาบ

ทันทีที่พลังคุ้มกันพังครืน พวกเขาไม่อาจหยุดยั้งการมาของสิ่งมีชีวิตอาณาจักรเทียนหยวนได้อีก สงครามก็คงปะทุคืบคลานออกไปในอาณาจักรนี้

แต่เก้าแดนต้องห้ามนั้นสยดสยองอันตรายขนาดไหน โอกาสที่พวกเขาจะได้รับความช่วยเหลือจากเก้าแดนต้องห้ามน้อยยิ่งกว่าน้อย

‘หรือท่านเซียนมีทางอื่นเตรียมไว้’

เมิ่งจีคิดในใจ รู้สึกว่าอย่างไรท่านเซียนก็ต้องตระเตรียมวิธีอื่นไว้

ท่านเซียนเมตตากรุณา ลำพังปุถุชนตายยังนึกปวดใจ แล้วไฉนเลยจะปล่อยให้สงครามแผ่ขยายในอาณาจักรนี้

หากสงครามปะทุในแดนดินนี้ ต่อให้พวกเขาชนะในตอนท้าย ก็ต้องมีสิ่งมีชีวิตจำนวนมากในอาณาจักรนี้ตายตกกันอยู่ดี

ในความคิดของเขา ท่านเซียนไม่มีทางปล่อยให้เรื่องอย่างนี้เกิดขึ้น ต้องมีการเตรียมการแน่นอน!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท