นางช่างโง่เขลาที่เสียมารยาทต่อพระชายา และหลงลืมไปว่าฝ่าบาทจะมองเรื่องนี้ออก
ฝ่าบาทแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเขาไม่ชอบนาง
เมื่อนึกดูให้ดี เขาก็ไม่เคยหันมามองนางเลยแม้แต่ครั้งเดียว
บางทีถ้านางไม่ได้รับมอบหมายให้สืบเรื่องของเฮ่อเหลียนกวงเย่า เขาก็อาจจะลืมชื่อของนางไปแล้วด้วยซ้ำ
พวกนางเป็นเพียงเครื่องมือสำหรับเขา ไม่ว่าจะเป็นนางหรือเฮยจูก็ตาม…
เมื่อหลานเหลียนคิดถึงเรื่องนี้ ในที่สุดนางก็ตระหนักถึงฐานะของตัวเองได้ นางคุกเข่าลงพร้อมกับโขกศีรษะลงกับพื้นทันที ”พระชายาเพคะ หม่อมฉันจะไม่มีวันทำเช่นนั้นอีกแล้ว! ขอพระชายาและฝ่าบาทได้โปรดมอบโอกาสให้กับหม่อมฉันด้วยเถิดเพคะ! ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปหม่อมฉันจะทำแค่ในสิ่งที่ข้ารับใช้สมควรทำเพคะ! หม่อมฉันจะไม่คิดเลยเถิดไปเช่นนั้นอีกแล้ว!”
ชายคนนั้นเป็นเหมือนพระจันทร์ที่แขวนอยู่บนท้องฟ้าอันห่างไกล เขาไม่มีทางเป็นของนางได้
แม้เขาจะยิ่งใหญ่เพียงใด แต่มันก็เป็นความจริงที่ว่าเขาเป็นของคนอื่น
นางเคยพบเจอผู้ชายมามากมาย ต่อให้ในสายตาของคนอื่นนั้นพวกเขาจะดูสมเป็นวีรบุรุษเพียงใด แต่พวกเขาต่างก็เป็นแค่ผู้ชายเฮงซวยที่ทิ้งภรรยาของตัวเองกันทั้งนั้น
ฝ่าบาทเป็นเพียงคนเดียวที่ต่างออกไปจากคนเหล่านั้น…
บางทีนี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้นางตกหลุมรักเขา
แต่มันก็สายเกินไป…
นางไม่คิดว่าพระชายาจะเก็บคนที่คิดเช่นนั้นกับองค์ชายสามอยู่ในวังหลวง
แค่การที่พระชายาเข้ามาห้ามไม่ให้องค์ชายสามลงมือสังหารนางก็นับว่าใจกว้างมากพอแล้ว ดังนั้นการปล่อยให้นางอยู่ในวังหลวงต่อย่อมไม่อาจเป็นไปได้
พระชายาอาจจะคิดหาข้ออ้างเพื่อไล่นางออกเอาไว้แล้ว…
หลานเหลียนก้มหน้าลง พลางยิ้มอย่างขมขื่น
แต่คาดไม่ถึงว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยกลับส่งเสียงอืมตอบรับออกมาเบาๆ
หลานเหลียนเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจ ดวงตาของนางไหววูบราวกับไม่อยากเชื่อ
แน่นอนว่าไป๋หลี่เจียเจวี๋ยย่อมไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจนั้น และใช้นิ้วสะกิดข้อมือของเฮ่อเหลียนเวยเวยเป็นการเตือน
เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้ว่าชายคนนี้จำเป็นต้องมีคนปลอบให้เขาสงบลง นางจึงเขย่งปลายเท้าขึ้นลูบศีรษะของเขาเหมือนกับกำลังบอกว่า ’ไม่เป็นไร’
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยรู้สึกขำ นี่นางทำเหมือนเขาเป็นสัตว์เลี้ยงหรือ
หลานเหลียนตกตะลึง ”ทำไม ทำไมท่านถึงยอมให้หม่อมฉันอยู่ที่นี่ต่อล่ะเพคะ” นางไม่คิดว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยจะใจดีถึงขนาดตัดสินใจเช่นนั้น เพราะนางรู้ว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยไม่ใช่คนที่จะรับมือได้ง่ายๆ หากดูจากสิ่งที่นางพูดเมื่อครู่
“ถ้ารักเขาจริง เจ้าก็จะยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องเขา” เฮ่อเหลียนเวยเวยกล่าวเบาๆ ”อันที่จริงข้าจะไล่เจ้าออกไปก็ได้ แต่ทันทีที่เจ้าพ้นไปจากประตู ประการแรกเจ้าจะต้องรู้สึกคับแค้นใจในสิ่งที่เกิดขึ้น และประการที่สอง ข้ากลัวว่าเขาจะลงมือต่อหน้าข้า มือของเขาเปื้อนเลือดมามากแล้ว ให้มันเปื้อนน้อยลงหน่อยจะดีกว่า”
แต่อย่างไร ความรักใคร่ห่วงใยทั้งหมดที่นางมีนั้นก็ล้วนแต่มีให้กับฝ่าบาททั้งสิ้น
ในที่สุดหลานเหลียนก็ตระหนักได้ถึงจุดอ่อนของตัวเองหลังจากได้ฟังคำพูดของเฮ่อเหลียนเวยเวย
เมื่อเทียบกับพระชายาแล้ว ความรักที่นางมีให้องค์ชายสามก็เรียกได้ว่าไร้ความหมาย
นางมักจะคิดมาตลอดว่าตัวเองเป็นคนฉลาด
แต่ตอนนี้ เมื่อนางมองไปที่เฮ่อเหลียนเวยเวยที่ยืนอยู่ข้างไป๋หลี่เจียเจวี๋ยด้วยท่าทางสุขุมเยือกเย็น นางก็รู้ว่าความคิดนางยังตื้นเขินเกินไป
นางเคยคิดว่าจะรอจนกว่าเขาจะหันกลับมามองนางให้ดีเสียก่อน
แต่ตอนนี้นางไม่คิดเช่นนั้นอีกแล้ว
นางไม่มีความกล้าหาญอย่างเฮ่อเหลียนเวยเวย หัวใจของนางเต้นระรัวทุกครั้งที่นางยืนอยู่ข้างกายขององค์ชายสาม และนางก็ยังรู้สึกกลัวเขาไปพร้อมกัน
อย่างไรเสียการติดตามรับใช้องค์ชายสามก็เหมือนกับการติดตามรับใช้เสือร้าย
แต่เฮ่อเหลียนเวยเวยกลับไม่ได้เป็นอย่างนาง นางแทบจะสว่างไสวยิ่งกว่าองค์ชายสามเสียอีก
หากพิจารณาจากบทสนทนาในวันนี้ ทุกอย่างที่นางกล่าวออกมานั้นก็ล้วนแต่พูดเพื่อรักษาชื่อเสียงของเขาทั้งสิ้น
หลานเหลียนยอมรับว่านางคงไม่มีทางทำเช่นนั้นได้ เพราะนางไม่เคยมองเขาในมุมนี้มาก่อน
พูดอีกอย่างก็คือ สิ่งเดียวที่นางสนใจก็คือนางจะเอาเขามาเป็นของตัวเองได้หรือไม่ แต่นางกลับไม่เคยนึกถึงความรู้สึกที่มีให้เขาเลย
เฮ่อเหลียนเวยเวยเป็นทายาทที่แท้จริงของตระกูลเฮ่อเหลียน และสมกับเป็นคนที่จะสามารถทำให้ตระกูลเฮ่อเหลียน ’คืนชีพ’ กลับมาจริงๆ
“พระชายาเพคะ!” หลานเหลียนเงยหน้าขึ้นด้วยสายตาชื่นชมอย่างแน่วแน่ ”ได้โปรดพาหม่อมฉันไปร่วมการประชุมประจำตระกูลด้วยเถิดเพคะ หม่อมฉันรู้ว่าจะจัดการกับเฮ่อเหลียนกวงเย่าได้อย่างไร”
เฮ่อเหลียนเวยเวยมองนางแล้วยิ้มออกมา ”หากเป็นเรื่องของเฮ่อเหลียนกวงเย่าละก็ ข้าไม่จำเป็นต้องใช้เจ้าอีกต่อไปแล้วล่ะ”
นิ้วของหลานเหลียนแข็งทื่อ นางเอ่ยด้วยความยากลำบากว่า ”พระชายายังไม่เชื่อในตัวหม่อมฉันหรือเพคะ หรือท่านคิดว่าหม่อมฉันเปลี่ยนเร็วเกินไป หม่อมฉันเพียงแค่เข้าใจทุกอย่างได้อย่างกะทันหันเท่านั้นเพคะ หม่อมฉัน…”
“เปล่า” เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่รอให้หลานเหลียนพูดจนจบ นางหาวแล้วเอ่ยว่า ”ข้าหมายความเช่นนั้นจริงๆ ที่บอกว่าเจ้าไม่จำเป็นต้องจัดการกับเฮ่อเหลียนกวงเย่าอีกต่อไปแล้ว ข้ามีวิธีจัดการกับเขาอยู่แล้ว ข้าต้องการให้เจ้าไปจัดการกับคนอื่นต่างหาก เมื่อถึงเวลานั้นมันจะต้องสนุกมากแน่!”
ดวงตาของหลานเหลียนเป็นประกายทันทีที่นางได้ยินเช่นนั้น ”พระ… พระชายาเพคะ ท่านหมายความว่าท่านจะพาหม่อมฉันไปร่วมการประชุมประจำตระกูลด้วยหรือเพคะ”
“ใช่” เฮ่อเหลียนเวยเวยตอบเสียงเบา เปลือกตาของนางปิดลงอย่างเหน็ดเหนื่อย
หลานเหลียนกล่าวขอตัวเพราะรู้ว่าอยู่ต่อไปก็คงไม่สะดวกนัก ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ความประทับใจที่หลานเหลียนมีต่อเฮ่อเหลียนเวยเวยก็เปลี่ยนไป ทุกครั้งที่นางเจอใคร นางก็มักจะเอ่ยชื่นชมเฮ่อเหลียนเวยเวยไปเสียทุกครั้ง
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ เขาเคยคิดว่าของขวัญชิ้นนี้จะสร้างปัญหาให้กับนางจนกระทั่งเขาได้ยินที่เฮ่อเหลียนเวยเวยพูด และทำให้สัตว์ร้ายที่อยู่ในร่างของเขาสงบลง
นางพยายามอย่างมากเพื่อปกป้องไม่ให้มือของเขาต้องเปื้อนเลือดอีกครั้ง
คราวหน้าก่อนที่เขาจะฆ่าใคร เขาอาจจะลองพิจารณาไว้ชีวิตคนคนนั้นดูก่อนสักครั้ง
“ทำไมท่านไม่พูดอะไรเลยล่ะ” เฮ่อเหลียนเวยเวยเอ่ยด้วยน้ำเสียงง่วงงุน นางซุกศีรษะเข้าหาท่อนแขนของเขา พร้อมกับถูใบหน้าเข้ากับแขนข้างนั้น ก่อนจะสะบัดหน้าไปมาเพื่อตั้งสติ
“อย่าสะบัดหน้าเช่นนั้น ถ้าง่วงก็ไปนอนเสีย” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยยื่นแขนออกมาอุ้มนางขึ้น
เฮ่อเหลียนเวยเวยหลับตา นางรู้สึกผ่อนคลายยิ่งนักเวลาที่ได้อยู่ในอ้อมแขนของเขา ตอนที่นางกำลังจะเคลิ้มหลับ นางก็พลันรู้สึกตัวว่าเขาอุ้มนางมาถึงเตียงแล้ว ”ไม่เอา… ข้าไม่อยากทำแล้ว ข้าอยากนอนเฉยๆ…” นางพูดโดยไม่รู้ตัวระหว่างที่คว้าแขนเสื้อของเขาไว้
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยมีสีหน้างุนงงอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจากนั้นเขาก็ระเบิดหัวเราะออกมาพลางจุมพิตที่ข้างใบหูของนางอย่างแผ่วเบา ”ก็ได้ ข้าจะไม่ขยับเขยื้อนและรอจนกว่าเจ้าจะตื่นก็แล้วกัน แต่เจ้าต้องยกแขนขึ้นให้ข้าช่วยถอดเสื้อคลุมตัวนอกออกก่อน ถ้าเจ้านอนหลับไปทั้งอย่างนี้คงจะไม่สบายตัวเท่าใดนัก”
เฮ่อเหลียนเวยเวยทำตามอย่างว่าง่าย เขาถอดเสื้อคลุมตัวนอกของนางออก จากนั้นนางก็ซุกตัวเข้ากับแผงอกของเขาอย่างสบายตัวพลางสูดกลิ่นไม้จันทน์จากตัวเขา
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยยกมือขึ้นกอดนางแน่น พร้อมกับพาดคางของตัวเองเอาไว้บนศีรษะของนาง เขาลูบศีรษะของนางเบาๆ ด้วยรอยยิ้ม ท่าทางของเขาในเวลานี้ทั้งดูอ่อนโยนผิดปกติแต่ก็ยังดูอันตรายอีกด้วย
ทำอย่างไรดี
เขาเริ่มปล่อยมือจากนางไม่ได้เสียแล้ว
วันหนึ่งหากเขาต้องไปนรกจริงๆ เขาอาจจะอยากพานางร่วมเดินทางไปพร้อมกับเขาเลยด้วยซ้ำ
มีคนบอกว่าความสัมพันธ์ส่วนใหญ่นั้นเป็นเรื่องของการเติมเต็มซึ่งกันและกัน
สำหรับเขาแล้ว เขาต้องการเพียงแค่กอดนางเอาไว้ให้แน่นตลอดไปเท่านั้น!
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยหายใจเข้าลึกเพื่อตั้งสติ และสะกดน้ำตาของตัวเองเอาไว้ เมื่อเขาลืมตาขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง เขาก็กลับมาดูสูงส่งและสง่างามดังเดิม
เขาเชยคางของนางขึ้นแล้วจุมพิตที่ริมฝีปากของนาง ”อย่าทรยศข้าล่ะ อย่าเด็ดขาด…”