ตอนที่ 409 ยอดฝีมือดับสูญ เสื้อคลุมธรรมดาตัวนั้น!
วูบ!
หนิงฝานชักกระบี่ต้าหลัวออกมา พลังกระบี่อันน่าสะพรึงกลัวแผ่ปกคลุมทันที จากนั้นเขาสับฟันออกไป!
ตู้ม!
หลังจากฟันกระบี่ออกไป แสงกระบี่ต้าหลัวสาดประกายเจิดจ้ากวาดออกไปทุกสารทิศ
ปัง! ปัง! ปัง!
ชั่วพริบตา สัตว์ประหลาดระดับกึ่งราชันจักรพรรดิที่พุ่งเข้ามาต่างถูกฆ่าล้างทั้งหมด แสงกระบี่ราวกับแสงทางช้างเผือก ไม่ว่าผ่านไปที่ใด สัตว์ร้ายทั้งหมดต่างถูกกำจัดจนสิ้น!
ตู้ม!!
ในที่สุด แสงกระบี่ก็ฆ่าสัตว์ประหลาดทั้งหมดในระยะสามพันลี้ หนิงฝานที่อยู่ตรงกลางของรัศมีสามพันลี้กลายเป็นพื้นที่ว่างเปล่าทันที
“บัดซบ!”
“ลูกพี่สุดยอด!!”
เมื่อเห็นพลังของกระบี่นี้ เหลยเหมิงและซวีคุนก็ตะโกนออกมาอย่างตื่นเต้น
แข็งแกร่งมาก!
กระบี่ของหนิงฝานแข็งแกร่งราวกับเทพเจ้า!
โฮก! โฮก! โฮก! โฮก!
แต่แม้ว่าหนิงฝานจะฆ่าสัตว์ประหลาดในระยะสามพันลี้ด้วยกระบี่เดียว ทว่าฝูงสัตว์ร้ายยังคงมีมากเกินไป หลังจากเสียงคำรามของสัตว์ร้าย พวกมันจำนวนมากพุ่งเข้าหาทั้งสามโดยไม่กลัวความตาย พริบตาเดียวพื้นที่ว่างเปล่าสามพันลี้ก็เต็มไปด้วยฝูงสัตว์ร้ายอีกครั้ง!
“ตามข้ามา!”
หนิงฝานไม่มีความกลัวแม้แต่น้อย เขาใช้กระบี่ต้าหลัวเพื่อเปิดเส้นทาง
ตู้ม!
กระบี่ฟาดฟันออกไป ปราณกระบี่สายหนึ่งยาวหนึ่งล้านจั้งพุ่งทะลวงแนวทัพฝูงสัตว์ร้ายโดยตรงเป็นระยะทางหลายพันลี้ เกิดเป็นพื้นที่ว่างเปล่าอีกครั้ง!
ครืน! กึก! ฟึ่บ!
ขณะที่หนิงฝานถือกระบี่เพื่อเปิดเส้นทาง ทั้งสามก็พุ่งตรงเข้าไปในส่วนลึกของฝูงสัตว์ร้ายราวกับกระบี่ที่คมกริบ!
เวลานี้ ในห้วงลึกของฝูงสัตว์ร้าย ร่างหลายร้อยร่างกำลังต่อสู้อย่างดุเดือดบนท้องฟ้าและพื้นดิน!
ในหมู่พวกเขามีเผ่ามนุษย์ เผ่าเทพ เผ่ามาร เผ่ายักษ์ ฯลฯ แม้ว่าพวกเขาจะดูแตกต่างกัน ทว่าแต่ละเงาร่างก็ทรงพลังอย่างยิ่ง อย่างน้อยพวกเขาทั้งหมดก็อยู่ขอบเขตกึ่งราชันจักรพรรดิเซียนสวรรค์ขั้นสี่!
และร่างสิบกว่าร่างที่เป็นผู้นำ อยู่ในขอบเขตกึ่งราชันจักรพรรดิเซียนขั้นห้า พวกเขาเป็นกลุ่มผู้มีความสามารถที่แข็งแกร่งที่สุดในด่านที่สิบ!
แม้ว่าเหล่ายอดฝีมือจะทรงพลัง แต่ฝูงสัตว์ประหลาดที่อยู่รอบตัวพวกเขากลับไม่มีที่สิ้นสุด!
นี่เพราะมีสัตว์ประหลาดที่ทรงพลังจากขอบเขตกึ่งราชันจักรพรรดิเซียนสวรรค์ขั้นสี่และขั้นห้า!
กลุ่มยอดฝีมือต่อสู้อย่างหนักแทบทุกลมหายใจ บางคนจะได้รับบาดเจ็บหรือถึงขั้นเสียชีวิต!
“ทุกท่าน ไม่ไหวแล้ว ฝูงสัตว์ร้ายนี้แข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนมาก พวกเราจำต้องล่าถอย!”
ตอนนี้ ชายร่างกำยำที่ถือกระบี่เหล็กทมิฬ หนึ่งกระบี่ฟันกึ่งราชันจักรพรรดิเซียนสวรรค์ขั้นห้า และตะโกนให้ยอดฝีมือรอบตัวเขาได้ยิน
ตู้ม!
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สตรีชุดเขียวนางหนึ่งก็โบกผ้าไหมสีขาวคล้ายเมฆ บีบคอสัตว์ประหลาดที่พุ่งเข้ามาพลางตอบว่า “กู่เจี้ยนเยวียน เจ้าพูดง่ายเสียจริง เราถลำลึกเข้ามาในกองทัพสัตว์ร้ายแล้ว! มีสัตว์ประหลาดมากมายไม่รู้จบ แล้วเราจะกลับไปในด่านได้อย่างไร!”
“นั่นสิ!”
“บุตรสวรรค์กู่ ให้ท่านพ่อของเจ้ามาช่วยเราเถอะ!”
“ใช่แล้ว พ่อของเจ้า ในฐานะผู้พิทักษ์ด่านที่สิบ มีหน้าที่ที่จะต้องปกป้องชีวิตของพวกเราเหล่ายอดฝีมือ!”
“ถูกต้อง! กู่เจี้ยนเยวียน รีบขอให้พ่อของเจ้าช่วยเราสิ!”
“…”
เวลานี้ ฝูงชนที่อยู่รอบ ๆ ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน
ทว่ากู่เจี้ยนเยวียนพูดอย่างเย็นชา “เจ้าคิดว่าพ่อของข้าไม่ต้องการมาช่วยข้าหรือ เงยหน้าขึ้นดูสิ พ่อของข้าก็อยู่ในการต่อสู้ที่หนักหน่วงเช่นกัน เขาจะมาช่วยเราได้อย่างไร!”
มีคนเงยหน้าขึ้นไปมอง แน่นอนว่า ในความว่างเปล่านอกอาณาเขต กู่เจิ้นโส่วโรมรันกับสัตว์ร้ายใหญ่ยักษ์สองตัว แล้วอีกฝ่ายจะมีพลังเหลือมาช่วยพวกเขาได้อย่างไร!
“มันจบแล้ว!”
“คราวนี้พวกเราจบสิ้นแล้ว!”
“บัดซบ! เหตุใดกองทัพสัตว์ร้ายถึงน่ากลัวเช่นนี้!”
“…”
ใบหน้าของยอดฝีมือทุกคนปรากฏความตื่นตระหนกและสิ้นหวัง!
พลันตอนนี้เอง เด็กชายในชุดดำคนหนึ่งกล่าวว่า “ไม่มีอะไรต้องกลัว องค์ราชันฮวงเทียนอาจารย์ของข้า เคยกล่าวไว้ว่าตั้งแต่เริ่มย่างก้าวในวิถีแห่งการฝึกยุทธ์ ต้องเตรียมพร้อมที่จะตาย! และอีกอย่างความตายไม่ได้น่ากลัว กลัวแต่ยังไม่ทันได้ตาย ใจก็ฝ่อไปเสียก่อน!”
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
สิ้นคำ เด็กชายชุดดำก็ยิ่งบ้าคลั่งมากกว่าเดิม แม้เขาจะเป็นเพียงมนุษย์ แต่ความแข็งแกร่งของเขากลับไม่ได้ด้อยไปกว่าคนรอบข้าง อีกทั้งพลังของเขายังแข็งแกร่งขึ้นถึงสามส่วน
“บัดซบ!”
“ศิษย์ขององค์ราชันฮวงเทียนผู้นี้ช่างวิปริตเสียจริง แม้ว่าเขาเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาและไม่มีความสามารถพิเศษ แต่ความแข็งแกร่งของเขานั้นช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก!”
“นั่นสิ! ว่ากันว่าเขามีร่างกายต้องห้าม เป็นเพียงเด็กกำพร้าที่องค์ราชันฮวงเทียนเจอในเส้นทางราชันจักรพรรดิเซียน เขาไม่มีภูมิหลัง ไม่มีต้นกำเนิด ไร้พรสวรรค์ แต่จู่ ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นมาเมื่อพันปีก่อน และได้เลื่อนขั้นเป็นยอดฝีมือขั้นหนึ่งแล้ว!”
“คนผู้นี้ไม่ฝึกยุทธ์ ไม่ฝึกวิชา แต่ฝึกฝนจิตใจ ใจไม่หวาดหวั่น ไม่เกรงกลัว อยู่ยงคงกระพัน!”
“มหาวิถีแห่งจิตใจงั้นหรือ? เป็นมหาวิถีที่มีเพียงไม่กี่คนที่ประสบความสำเร็จ!”
“…”
เมื่อมองไปที่ชายในชุดดำ ผู้คนมากมายที่อยู่รอบ ๆ ก็คุยกันอย่างลับ ๆ
ทว่าเด็กชายชุดดำฝึกฝนจิตใจของเขา ไม่หวาดกลัวต่อความตาย แต่ยอดฝีมือคนอื่น ๆ นั้นไม่ใช่!
เมื่อเวลาผ่านไป สถานการณ์ของยอดฝีมือก็ยากขึ้นเรื่อย ๆ และบางคนถูกสัตว์ประหลาดกัดกิน!
ไม่นาน ยอดฝีมือหลายร้อยคน มีมากกว่าครึ่งค่อย ๆ เสียชีวิตหรือบาดเจ็บ จนในที่สุดก็เหลือไม่ถึงหนึ่งร้อยคน
ยามนี้ แม้แต่กู่เจี้ยนเยวียน เทพธิดาหลิวอวิ๋นและศิษย์ขององค์ราชันฮวงเทียน ซึ่งเป็นผู้มีพรสวรรค์ทรงพลังที่สุดก็สู้ต่อไปไม่ไหวแล้วเช่นกัน
“ทุกท่าน ข้าเกรงว่าเราจะไม่สามารถรอดจากหายนะในวันนี้ได้แล้ว!”
“เฮ้อ! ข้าไม่นึกเลยว่าหลังจากเข้าสู่เส้นทางราชันจักรพรรดิเซียน ข้าจะต้องมาตายในด่านที่สิบ!”
“มีกระดูกคนตายมากมายในเส้นทางราชันจักรพรรดิ จากนี้ไปหนึ่งในนั้นก็คือข้าเอง!”
“ฆ่า ฆ่า ฆ่า! ถึงร่างกายจะตายแต่ใจข้าเป็นอมตะ!!”
“…”
ยอดฝีมือที่ยังมีชีวิตอยู่เต็มไปด้วยความสิ้นหวังและบ้าคลั่ง บางคนถึงกับอยากจะระเบิดตัวเอง!
ตู้ม!
ทันใดนั้นแสงกระบี่สาดประกายเจิดจ้ามาแต่ไกลลิบ เมื่อรวมกับแสงกระบี่แล้ว สัตว์ประหลาดราวกับคลื่นยักษ์พลันสลายกลายเป็นเถ้าถ่าน!
“นั่นคือ?!”
เมื่อทุกคนได้เห็นต่างก็ต้องตกใจ!!
เห็นชายคนหนึ่งในชุดคลุมธรรมดามาพร้อมกับกระบี่ในมือ เดินทอดน่องในฝูงสัตว์ร้ายราวกับสวนพักผ่อน ปลายกระบี่ชี้ไปที่ใด สัตว์ร้ายทั้งหมดล้วนถูกกำจัด!
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
แสงกระบี่สว่างวาบขึ้นทีละสาย สร้างความตื่นตะลึงในแววตาของกู่เจี้ยนเยวียน เทพธิดาหลิวอวิ๋นและยอดฝีมือคนอื่น ๆ!
เสื้อคลุมธรรมดานั้นดูเหมือนจะเป็นหนึ่งเดียวในสายตาของพวกเขา!
“สวรรค์!”
“คนผู้นี้คือใคร!!”
“กระบี่ของเขาแข็งแกร่งมาก!”
“กึ่งราชันจักรพรรดิเซียนสวรรค์ขั้นสี่? เป็นไปได้อย่างไร!”
“เขาคือยอดฝีมือที่ก้าวเข้ามาในเส้นทางราชันจักรพรรดิด้วยหรือ? จะมีบุตรแห่งสวรรค์ที่ทรงพลังเช่นนี้ได้อย่างไร!”
“…”
ตอนนี้ยอดฝีมือทั้งหมดต่างตกตะลึง!
แม้แต่กู่เจี้ยนเยวียน เทพธิดาหลิวอวิ๋นและศิษย์ขององค์ราชันฮวงเทียนก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น!
ในสายตาของพวกเขา ร่างในชุดคลุมธรรมดานั้นราวกับเทพสงครามจุติมายังโลก เป็นเสมือนราชันจักรพรรดิผู้สง่างามและน่าเกรงขาม!
ตู้ม!
หลังจากแสงกระบี่สาดส่องเข้ามาในดวงตาของทุกคน ก็ไม่มีสัตว์ประหลาดตัวใดอยู่ในระยะหนึ่งพันลี้รอบตัวพวกเขาอีก
พรึ่บ!
ลมหายใจต่อมา ร่างในชุดเสื้อคลุมธรรมดาก็พุ่งเข้ามา เขาเข้ามาใกล้ฝูงชนแล้ว ตามด้วยชายอีกคนและอสูรอีกหนึ่งตน
ชายผู้นั้นมองไปรอบ ๆ ฝูงชน และในที่สุดก็ถามว่า “พวกเจ้า…ผู้ใดคือศิษย์ขององค์ราชันฮวงเทียน”