รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 455 พี่น้องทั้งหลายไม่ต้องกลัว บุกลุยสังหารไปพร้อมกับข้า!

บทที่ 455 พี่น้องทั้งหลายไม่ต้องกลัว บุกลุยสังหารไปพร้อมกับข้า!

บทที่ 455 พี่น้องทั้งหลายไม่ต้องกลัว บุกลุยสังหารไปพร้อมกับข้า!

ท่ามกลางจักรวาลและดวงดารา มีเรือเดินสมุทรขนาดใหญ่กำลังแล่นไปข้างหน้า บนลำเรือมีคลื่นแสงกระเพื่อมออกมา แลดูศักดิ์สิทธิ์อย่างหาที่เปรียบมิได้

บนเรือมีเสียงฉินอันไพเราะเสนาะหูดังขึ้นมา ซ้ำยังนำพาซึ่งอารมณ์ความคะนึงหา ทำให้ผู้ฟังอดเกิดความหวนเฝ้าคิดถึงไม่ได้

เสี่ยวหยาสวมเสื้อสีคราม ท่าทางสูงส่งงดงาม ผิวขาวเนียนดั่งหยกมันแพะ ใบหน้าพิลาสล้ำชวนตะลึง นิ้วเรียวจรดเล่นบรรเลงฉินปี้เทียนชางไห่

ในอีกด้านหนึ่ง หลิงอินกำลังนั่งขัดสมาธิฝึกฝน บนร่างของนางมีแสงศักดิ์สิทธิ์เจิดจ้า

หลังจากบรรเลงเพลงจบแล้ว รอยยิ้มหวานงดงามก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเสี่ยวหยา ดวงตาของนางสดใสจนกล่าวได้เลยว่านางเบิกบานใจแค่ไหน

ในตอนนั้นเอง หลินอินก็เสร็จสิ้นการฝึกฝน นางเปิดดวงตากระจ่างใสของตนขึ้น

“พี่หลินอิน ข้ามีข่าวดีจะบอกท่าน วิถีกู่ฉินของข้ามีความก้าวหน้ามากขึ้น ตอนนี้ข้าสามารถใช้เสียงฉินช่วยเหลือพี่ชายของข้าได้แล้ว!”

เมื่อเสี่ยวหยาเห็นว่าหลิงอินฝึกเสร็จแล้ว จึงรีบวิ่งไปกล่าวกับหลิงอินด้วยรอยยิ้ม

“แม้ว่าพลังของข้าจะมีอยู่อย่างจำกัด แต่อย่างน้อยก็สามารถช่วยชะลอการถูกกัดกร่อนจิตใจของพี่ชายได้บ้าง!”

นางพูดกล่าวด้วยความสุขอย่างมาก

“ดียิ่ง!”

หลิงอินเองก็ดีใจมากเช่นกัน นี่หมายความว่าพี่ชายของเสี่ยวหยาสามารถอดทนต่อได้นานขึ้น เพื่อที่พวกนางจะได้มีโอกาสช่วยเหลือพี่ชายของเสี่ยวหยามากขึ้น

ด้านนอกหมื่นอาณาจักร ณ แดนสังสารวัฏ

สมรภูมิครั้งใหญ่ยังคงปะทุ ทั้งยังรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ

แดนสังสารวัฏเชื่อมโยงเป็นเส้นทางเวียนว่ายของอาณาจักรนับหมื่น เบื้องหลังย่อมล้ำลึกอย่างถึงที่สุด แม้ว่าอาณาจักรแดนต้องห้ามต้องการจะฆ่าล้างทำลายแดนสังสารวัฏ ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแต่อย่างใด

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ที่แห่งนี้ยังเป็นอาณาเขตของแดนสังสารวัฏ นับเป็นข้อได้เปรียบ ทำให้อาณาจักรแดนต้องห้ามยากลำบากยิ่งกว่าเดิมในการจะทำลายแดนสังสารวัฏ

สมรภูมิครั้งนี้ไม่มีทางจบลงได้อย่างง่ายดาย เว้นแต่อาณาจักรแดนต้องห้ามจะถอนทัพกลับไป

ทว่าในตอนนี้สิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรแดนต้องห้ามต่างกำลังต่อสู้อย่างดุเดือด ดูเหมือนว่าพวกมันจะไม่มีแผนการถอนทัพกลับไปในเร็ววัน

พวกมันจะถอนทัพได้อย่างไร!

พวกมันใช้กองกำลังแทบทั้งหมดยกทัพมาอย่างยิ่งใหญ่ หากต้องถอนทัพกลับไป พวกมันคงไม่เต็มใจเป็นอย่างยิ่ง

การต่อสู้เกิดขึ้นทุกหนแห่ง โลหิตเปรอะเปื้อนแต่งแต้มสีแดงบนจักรวาลหมื่นดารา สิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนสิ้นชีพลงที่นี่ ดาวดวงแล้วดวงเล่าถูกทำลายลงอย่างต่อเนื่องในการปะทะ

“ผิด ผิดแล้ว ความคิดของข้านั้นผิด!”

ระหว่างการต่อสู้อันดุเดือด จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงพลันนึกถึงบางสิ่งขึ้นมาก่อนกล่าวในใจ

เขาแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ในบริเวณสมรภูมิแห่งนี้ เขาแทบไม่มีคู่ต่อกร ขอบเขตของเขาอยู่เหนือยิ่งกว่าศัตรูทั้งหมด

ทว่าเขาไม่ได้สำแดงขอบเขตที่แท้จริงออกมา แต่กำลัง ‘แอบอู้งาน’ อยู่

เขากลายเป็นคนของท่านเซียนไปนานแล้ว ไม่ได้ทำงานให้กับแดนสังสารวัฏอีกต่อไป ไม่จำเป็นต้องต่อสู้อย่างสุดชีวิต เพียงแค่ต่อสู้บ้างก็พอแล้ว

และระหว่างกำลังต่อสู้ เขาก็ครุ่นคิดเกี่ยวกับวิธีการทำสิ่งต่าง ๆ ให้ท่านเซียนมากยิ่งขึ้น

เขาสังหารผู้ตรวจการไปแล้ว ทำให้ตัวตนจ้าวตำหนักยังไม่ถูกเปิดเผย

แต่เขาก็ไม่เต็มใจที่จะทำหน้าที่แทนจ้าวตำหนักย่อยผู้นี้ เขาต้องการจะเข้าไปด้านในตำหนักหลัก

หลังจากสามารถเข้าไปในตำหนักหลักแล้ว ทั้งอำนาจและตำแหน่งของเขาจะต้องสูงกว่าเดิมอย่างแน่นอน เมื่อถึงเวลานั้นตัวเขาก็จะสามารถทำสิ่งต่าง ๆ ให้ท่านเซียนได้มากขึ้น

ก่อนหน้านี้เขาคิดจะใช้ตัวตนของ ‘จ้าวตำหนัก’ ผู้นี้ปีนป่ายเข้าไปในตำหนักหลัก

ด้วยเหตุนี้ ก่อนที่เขาจะสังหารผู้ตรวจการ เขาจึงทำการค้นวิญญาณของผู้ตรวจการเพื่อเรียนรู้เรื่องเกี่ยวกับจ้าวตำหนักผู้นี้เพิ่มเติม เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวตนถูกเปิดเผย

ทว่าหลังจากเขาได้ขบคิด ก็พบว่าไม่สามารถทำเช่นนี้ได้

หากเขาไม่เข้าไปในตำหนักหลักก็แล้วไป ตัวตนของเขามีโอกาสเกินครึ่งที่จะไม่ถูกเปิดเผย แต่หากเขาวางแผนจะเข้าไปในตำหนักหลัก เขาจะต้องละทิ้งตัวตน ‘จ้าวตำหนัก’ ผู้นี้

ตำหนักหลักนั้นไม่ธรรมดาสามัญ ที่แห่งนั้นมีผู้ปกครองที่แท้จริงของดินแดนสังสารวัฏอยู่ ขอบเขตความแข็งแกร่งของคนผู้นั้นลึกล้ำจนไม่อาจหยั่งถึง

ต่อหน้าตัวตนเช่นนั้น ไม่ว่าเขาจะสามารถปลอมตัวได้ดีแค่ไหน ก็มีโอกาสเกินครึ่งที่ไม่อาจหลุดรอดไปได้ มีความเป็นไปได้อย่างมากที่จะถูกเปิดโปง

ดังนั้นเขาจึงต้องละทิ้งตัวตนของ ‘จ้าวตำหนัก’ ผู้นี้ไป

‘ยังดีที่ข้าสามารถตระหนักได้ไว ตอนนี้ไม่ใช่โอกาสที่ดีที่สุดแล้วหรือ? ปล่อยให้ ‘จ้าวตำหนัก’ ผู้นี้ตายลงไปในการต่อสู้ ก่อนจะใช้โอกาสนี้ ให้ตัวตนที่แท้จริงของข้าได้รับตำแหน่งนี้’

จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงคิด ในใจของเขาปรากฏแผนการขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

การสู้รบเกิดขึ้นทั่วทุกหนแห่ง ทั้งยังเกิดการตายขึ้นทุกที่ การที่ ‘จ้าวตำหนัก’ จะสิ้นชีพลงเป็นเรื่องปกติอย่างยิ่งไม่ใช่หรือ?

เมื่อ ‘จ้าวตำหนัก’ ตายแล้ว ขอเพียงแค่เขามีผลงานในการต่อสู้ครั้งใหญ่ เขายังจะต้องกังวลว่าจะไม่สามารถรับตำแหน่งแทนอีกหรือ?

‘เพื่อความมั่นใจอีกหน่อย จะต้องใช้โอกาสนี้ส่งจ้าวสังสารวัฏทั้งหมดไปตาย!’

เขากล่าวขึ้นมาในใจอีกครั้ง

ในหนึ่งตำหนักจะมีจ้าวสังสารวัฏอยู่จำนวนมาก เขาเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ตัวตนที่เป็นรองเพียงจ้าวตำหนัก ทั้งยังมีโอกาสได้รับการแต่งตั้งให้เป็นจ้าวตำหนักคนใหม่

“เหล่าพี่น้องทั้งหลาย ทุกคนตามข้าบุกตะลุยไป พวกบัดซบนี่บังอาจบุกมาหมายทำลายแดนสังสารวัฏ พวกเราจะยอมทนได้อย่างไร? แม้ต้องต่อสู้หลั่งเลือดจนตายก็ต้องปกป้องแดนสังสารวัฏของพวกเราเอาไว้ให้ได้!”

จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงตะโกนออกมาเสียงดังด้วยความฮึกเหิม เรียกให้จ้าวสังสารวัฏคนอื่นบุกตะลุยไปพร้อมกับเขา

“จ้าวตำหนักกล่าวถูกแล้ว!”

“ฆ่าพวกมัน!”

“ข้ามาแล้ว!”

เลือดลมภายในใจของจ้าวสังสารวัฏถูกจุดขึ้นมา พวกเขาต่างตามจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงบุกตะลุยขึ้นไปทันที

“ดีมาก วันนี้ไม่เราก็พวกมันที่ต้องตาย! ฆ่า!”

จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงตะโกนเสียงดัง ก่อนจะนำจ้าวสังสารวัฏบุกลุยเข้าไปข้างหน้า

ผู้แข็งแกร่งจากอาณาจักรต้องห้ามต่างพากันตกตะลึง

สถานการณ์นี้มันอะไรกัน?

เหตุใดคนผู้นี้จึงเปลี่ยนเป็นห้าวหาญ เลือดร้อนขนาดนี้?

ก่อนหน้านี้ก็ยังไม่เห็นจะห้าวหาญ เลือดร้อนเช่นนี้!

ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!

เสียงระเบิดดังสนั่นต่อเนื่อง จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงนำจ้าวสังสารวัฏหลายคนพุ่งบุกไปด้านหน้า พวกเขายิ่งสังหารยิ่งเข้าไปลึกมากขึ้นเรื่อย ๆ จนด้านหลังพวกเขาแทบจะไม่มีสมาชิกของแดนสังสารวัฏอยู่เบื้องหลัง รอบตัวล้วนเป็นสิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรเก้าแดนต้องห้าม

“ท่านจ้าวตำหนัก พวกเราบุกสังหารมาลึกเกินไปแล้วหรือไม่?”

มีจ้าวสังสารวัฏผู้หนึ่งกล่าวออกมา ภายในใจของเขาหวาดกลัวเป็นอย่างมาก พวกเขาเข้ามาลึกเกินไปแล้ว หากมีสิ่งใดผิดพลาดพวกเขาจะต้องตายลงที่นี่อย่างแน่นอน

“ลึกเกินไป? จะสังหารแม่ทัพของศัตรูได้อย่างไรหากไม่เข้าไปลึก ๆ?”

จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงตะโกนออกมาเสียงดัง “อย่าได้เกรงกลัว อย่าได้ขลาดเขลา พวกเราเป็นคนของแดนสังสารวัฏ หากตายเป็นเป็นผีของแดนสังสารวัฏ! วันนี้พวกเราจะสู้จนถึงที่สุดเพื่อแดนสังสารวัฏ!”

“จ้าวตำหนักยังไม่หวาดกลัว แล้วเหตุใดพวกเราจึงต้องกลัวด้วย?”

“ใช่แล้ว!”

“ฆ่า!”

“พวกเรายินดีจะติดตามจ้าวตำหนักไปสังหารศัตรู!”

เลือดลมในใจของจ้าวสังสารวัฏถูกจุดขึ้นมาอีกครั้ง พวกเขาพุ่งเข้าไปบุกฆ่าสังหารกับจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงลึกเข้าไปยิ่งขึ้น

“ดีมาก แดนสังสารวัฏจะไม่มีวันลืมพวกเจ้า พวกเจ้าทุกคนล้วนจะกลายเป็นวีรชนแห่งแดนสังสารวัฏ!”

จักรพรรดิหวงหลงบุกลุยเข้าไปอย่างห้าวหาญพร้อมพูดเสียงดังกับจ้าวสังสารวัฏ

หลังจากนั้นเขาก็มองไปทางผู้แข็งแกร่งของอาณาจักรต้องห้ามคนหนึ่ง แล้วกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “เจ้าเป็นเพียงแค่มดปลวก กลับกล้าคิดจะทำลายแดนสังสารวัฏหรือ? วันนี้ข้าจะแสดงให้เจ้าเห็นว่าแดนของพวกเราทรงพลังมากเพียงใด เจ้าจะต้องถูกสังหารลงที่นี่!”

“หืม?”

ผู้แข็งแกร่งจากอาณาจักรต้องห้ามผู้นั้นสังหารคู่ต่อสู้ของเขาจนตายด้วยการลงมือครั้งเดียว สายตาจับจ้องไปทางจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงด้วยสีหน้าแปลกประหลาดเล็กน้อย

“มองอะไร ไม่ว่าอย่างไรหัวสุนัขของเจ้าก็จะถูกตัดลงในวันนี้!”

จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงตะโกนออกมาเสียงดัง

ไม่ใช่แล้ว!

จ้าวตำหนักฮึกเหิมเกินไปแล้วหรือเปล่า!?

ด้านหลังจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลง จ้าวสังสารวัฏพากันหวาดกลัวจนแข้งขาสั่น

พวกเขาจะไม่หวาดกลัวได้อย่างไร!

ผู้แข็งแกร่งจากอาณาจักรต้องห้ามผู้นั้นที่จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงตะโกนใส่ โคจรลมปราณออกมาอย่างไม่ปิดบัง ดูเหมือนว่าจะเป็นถึงขั้นตี้จวิน!

“เอาความกล้ามาจากที่ใดกัน! จ้าวตำหนักเองก็เป็นเพียงแค่ตี้หวงผู้หนึ่งเท่านั้น!”

จ้าวสังสารวัฏทั้งหลายร้องไห้ออกมาอย่างไร้น้ำตา ภายในใจต่างร่ำร้องออกมา

ขอบเขตของพวกเขาต่ำกว่า เป็นเพียงแค่ขั้นตี้หวง!

ไปยั่วยุตี้จวินผู้หนึ่งเช่นนี้ นับเป็นการรนหาที่ตายอย่างไม่ต้องสงสัย!

“พี่น้องทั้งหลายสู้ไปพร้อมกับข้า สับไอ้สารเลวผู้นี้ให้ตาย!”

จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงราวกับไม่รับรู้ถึงพลังอันน่าสะพรึงกลัวของผู้แข็งแกร่งจากอาณาจักรต้องห้ามผู้นั้น จึงตะโกนให้จ้าวสังสารวัฏทั้งหลายมาร่วมต่อสู้กับเขา

ทุกคนต่างพากันร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวด

พวกเขาต้องการจะกล่าวออกมาเป็นอย่างมากว่า จ้าวตำหนัก ท่านอยากตายก็อย่ารนหาที่ตายเช่นนี้เลย!

พวกเขาช่างโชคร้ายเสียจริง เหตุใดจึงต้องมีคนผู้นี้เป็นจ้าวตำหนัก?

จะเลือดร้อน*[1]เกินไปแล้ว!

[1] เลือดร้อน (打过) ในที่นี้ หมายถึง เล่นหมากล้อมแล้วบุกเข้าไปลึกหรือเร็วเกินไปแล้ว

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท