จิตใจของเหลิ่งกวงพังทลายลง ราวกับสัมผัสได้ถึงจิตสังหารเข้มข้นของฉู่ขวงทะลุผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์!
เหลิ่งกวงใช้เวลาไปตั้งครึ่งชั่วโมง เพื่อคิดหาคำตอบ!
ปรากฏว่า เหลิ่งกวงคิดอยู่นาน ในนิยายกลับเอ่ยมาประโยคหนึ่ง
‘เหลิ่งกวงเป็นบาบูนขนหยิก’
ในความคิดของเหลิ่งกวง ลิงและบาบูนขนหยิกเป็นสายพันธุ์เดียวกัน
และนี่คือความชั่วร้ายของรูปแบบผู้เล่าเรื่องที่เชื่อถือไม่ได้!
คุณสามารถก่นด่านักเขียน แต่ก็ต้องยอมรับว่าคำอธิบายของผู้เขียนนั้นไร้ที่ติ!
คำให้การของคาเธอร์คือ
ไม่เห็นคนข้ามสะพานแม้แต่คนเดียว
ไม่มีคนข้ามสะพานแม้แต่คนเดียวจริงๆ
ก็เพราะเหลิ่งกวงเป็นลิง เป็นบาบูนขนหยิก ไม่ใช่คนน่ะสิ!
และเหลิ่งกวงซึ่งเป็นบาบูน ก็สามารถข้ามสายเคเบิลไปอีกฝั่งได้อย่างง่ายดาย
นี่เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล และสอดคล้องกับตรรกะ
เพียงแต่ออกจะอเนจอนาถไปหน่อย!
มิน่าล่ะถึงมีคนเรียกฉู่ขวงว่าเจ้าแก่!
สมแล้วที่โดนเรียกว่าเจ้าแก่ หน้าไม่อายจริงๆ!
และที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ ต่อให้เหลิ่งกวงจะพยายามหาข้อบกพร่อง แต่ในเนื้อเรื่องก็ได้อธิบายมาทีละข้อ
‘ในเรื่องไม่มีสักประโยคที่เขียนจากลิงให้เป็นคน ฉะนั้นจึงไม่นับว่าหลอกลวงผู้อ่าน’
‘นอกจากนั้น ในหนังสือยังมีคำใบ้ว่าเหลิ่งกวงซึ่งอายุมากแล้วกำลังแทะเมล็ดพืช เด็กๆ เปลือยกายวิ่งเล่นไปทั่ว นี่เป็นข้อบ่งชี้อย่างชัดเจนว่าพวกเขาเป็นลิงไม่ใช่หรือ’
‘ตระกูลเหลิ่งกวงมองว่าคนนอกเป็นอันตราย ทำไมล่ะ เรื่องนี้ก็บอกเป็นนัยแล้วว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาและผู้คน ยังคงเป็นความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสัตว์’
‘…’
รูปแบบผู้เล่าเรื่องที่เชื่อถือไม่ได้ที่เลวร้าย!
ไร้ซึ่งข้อบกพร่อง!
เพียงแต่ตอนจบนี้ง่ายดายเกินไป จนกลายเป็นการหลอกลวง หลอกลวงจนทำให้กระบวนการขบคิดของผู้มีใจรักวรรณกรรมสืบสวนสอบสวนสูญสิ้นความหมาย!
เหลิ่งกวงยิ่งคิดยิ่งโมโห
ทว่าไม่ใช่เหลิ่งกวงเพียงคนเดียว
เพราะเขาเป็นบาบูนตัวหนึ่ง…
แฮ่ หยอกเล่นน่า
ไม่ใช่เหลิ่งกวงเพียงคนเดียวจริงๆ เพราะชั่วขณะนั้น ผู้อ่านซึ่งเพิ่งอ่านเรื่องสะพานแขวนตงตงหล่นลงมาจบ ก็กำลังกรีดร้องอยู่หน้าคอมพิวเตอร์!
‘เจ้าแก่ฉู่ขวงจงใจหลอกคนอ่าน!’
‘ให้ตายเถอะ คุณเหลิ่งกวงเป็นลิงตัวหนึ่ง ใครจะเข้าใจบ้างว่าฉันงงแค่ไหนตอนอ่านเจอประโยคนี้!’
‘รูปแบบผู้เล่าเรื่องที่เชื่อถือไม่ได้หลอกลวงผู้อ่านชัดๆ! ตอนแรกฉันก็ไม่เห็นด้วย ตอนนี้ฉันยอมรับแล้ว!’
‘ฉู่ขวงโคตรเจ้าเล่ห์!’
‘วดฟ นี่มันเรียกว่าสืบสวนสอบสวนได้เหรอเนี่ย’
‘เหลิ่งกวง: รู้สึกว่าโดนหมิ่นประมาท’
‘ฉู่ขวงทำแบบนี้กับเหลิ่งกวงก็แรงเกินไป เหลิ่งกวงวิจารณ์รูปแบบผู้เล่าเรื่องที่เชื่อถือไม่ได้แค่ไม่กี่ประโยคเอง’
‘แรงเกินไปตรงไหน แรงกว่าที่เขาเขียนบรรยายตัวเองหรือเปล่า เขียนให้ตัวเองตายไปอีก แถมยังทำให้ผู้อ่านรู้สึกว่าหมอนี่สมควรตายด้วยซ้ำไป!’
‘เอาเถอะ ผมยอมแพ้ เจ้าฉู่ขวงนี่มันรู้งานจริงๆ!’
‘ฉันอ่านถึงครึ่งเรื่อง ก็คิดว่านี่เป็นนิยายสืบสวนสอบสวนของจริง แถมอุตส่าห์ไขคดีอย่างจริงจัง ปรากฏว่าฉู่ขวงดันทำตลบหลังฉันจนไขว้เขว ปวดหลังไปหมดแล้วเนี่ย’
‘แปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร เปี่ยมไปด้วยความสนุกสนาน’
‘เชื่อผมเถอะ นับตั้งแต่เรื่องนี้ คนอ่านที่ชื่นชอบนิยายสืบสวนสอบสวนแบบดั้งเดิม จะเริ่มประณามฉู่ขวงว่าเป็นพวกนอกรีตในแวดวงนิยายสืบสวนสอบสวน’
‘ใช่เลย ฉู่ขวงนี่แหละคือเจ้าพ่อแห่งรูปแบบผู้เล่าเรื่องที่เชื่อถือไม่ได้’
‘…’
มีเรื่องหนึ่งที่ผู้อ่านไม่อยากยอมรับแต่ก็จำเป็นต้องยอมรับ
เป็นรูปแบบผู้เล่าเรื่องที่เชื่อถือไม่ได้เหมือนกัน แต่เรื่องนี้เดาตัวฆาตกรได้ยากกว่าฆาตกรรมโรเจอร์ แอ็กครอยด์มากทีเดียว!
ฆาตกรรมโรเจอร์ แอ็กครอยด์ยังมีคนเดาออก ทว่าเรื่องนี้กลับทำให้ผู้อ่านพ่ายแพ้ยับเยิน!
ไม่นานก่อนหน้านี้ มีผู้อ่านหลายคนป่าวประกาศว่า ไม่ว่าฉู่ขวงจะเล่นรูปแบบผู้เล่าเรื่องที่ไม่น่าเชื่อถืออย่างไร พวกเขาก็เดาคำตอบได้ทั้งนั้น…
ทว่ามีผู้อ่านบางคนที่ทนไม่ไหว รู้สึกว่าสะพานตงตงหล่นลงมานั้นน่าเบื่อเหลือเกิน พร้อมทั้งสาปส่งไปหนึ่งยกเช่นเดียวกับเหลิ่งกวง
อย่างน้อยในวันนี้ คนที่รู้สึกเช่นเดียวกับเหลิ่งกวงก็มีตั้งมากมาย
ก่อนหน้านี้ฆาตกรรมโรเจอร์ แอ็กครอยด์เป็นเพียงข้อถกเถียง
เรื่องสะพานแขวนตงตงหล่นลงมานั้นก่อให้เกิดข้อถกเถียงอย่างชัดเจน!
มีคนคิดว่านี่เป็นผลงานที่ฉู่ขวง ‘แสดงความน่ารัก’ ออกมา เล่นปริศนาลับสมองเย้าหยอกผู้อ่าน
มีคนคิดว่า นิยายเรื่องนี้น่าเบื่อ และเล่นกับแนวสืบสวนสอบสวนจนกลายเป็นเรื่องตลก
……
ในฐานะนักบ่นแห่งวงการนิยายสืบสวนสอบสวน เหลิ่งกวงไม่ใช่คนประเภทที่ถูกตลบหลังแล้วหัวเราะเอิ๊กอ๊ากชอบใจ
ดังเช่นประโยคนั้น
เขาไม่สนใจเรื่องที่ตนเป็นลิงบาบูนได้ แต่ไม่อาจยอมรับการทำให้วรรณกรรมสืบสวนสอบสวนกลายเป็นมุกตลกเช่นนี้ได้!
ฉะนั้นเขาจึงเดือดดาลขึ้นมา โพสต์บทความขนาดยาวลงบนปู้ลั่ว
‘ฆาตกรซึ่งเป็นบุคคลที่หนึ่งในฆาตกรรมโรเจอร์ แอ็กครอยด์ผมยังทนได้ แต่ลิงที่ก่ออาชญากรรมนี่มันบ้าอะไรกัน เมาหรือเปล่าครับเนี่ย’
‘เป็นรูปแบบที่เกินจริงและยอมรับไม่ได้!’
‘นี่เป็นการดูหมิ่นวรรณกรรมสืบสวนสอบสวน เห็นได้ชัดว่าการวางแผนคดีนั้นสูงล้ำ ทำไมต้องเลือกจัดการกับผลลัพธ์ด้วยการทำให้กลายเป็นเรื่องตลกด้วย’
‘เสียดายพรสวรรค์เสียยิ่งกระไร!’
‘นักเขียนที่มีพรสวรรค์ไม่เอาแต่ใจตัวเองแบบนี้! ถ้าคุณเข้าใจวรรณกรรมสืบสวนสอบสวนจริงๆ ก็จงจริงจังกับมัน!’
‘ผม เหลิ่งกวง ขอเปิดการประชันวรรณกรรมสืบสวนสอบสวนกับคุณอย่างเป็นทางการ!’
‘…’
ครั้งนี้เหลิ่งกวงโมโหสุดขีด ถึงกับเปิดศึกทางวรรณกรรมกับฉู่ขวง!
ประชันวรรณกรรมเป็นธรรมเนียมในแวดวงวรรณกรรมของเยี่ยนโจว
ก็เหมือนกับการประลองวรยุทธ์ในนิยายกำลังภายใน
นั่นก็คือการประชันวรยุทธ์
ในเมื่อมีการประชันวรยุทธ์ ก็ย่อมมีการประชันวรรณกรรม
ในวงการวรรณกรรม มีสิ่งที่เรียกว่า ‘การประชันวรรณกรรม’ พอดี
โดยเฉพาะในวงการวรรณกรรมของเยี่ยนโจวบนบลูสตาร์ มักจะมีการประชันวรรณกรรมของนักเขียนประเภทเดียวกันอยู่บ่อยครั้ง
ชาวเยี่ยนค่อนข้างชื่นชอบวรรณกรรมรูปแบบนี้
ที่บอกว่าบุ๋นไร้ที่หนึ่ง บู๊ไร้ที่สอง ในทัศนะของชาวเยี่ยนนั้นเป็นเรื่องไร้สาระทั้งเพ
ในเมื่อคนสายวรรณกรรมดูแคลนกันเอง งั้นก็ดวลกันสักตั้งให้รู้แพ้รู้ชนะไปเลยสิ!
นี่คือเหตุผลที่การประชันวรรณกรรมเป็นที่นิยมในหมู่ชาวเยี่ยน
รูปแบบของการประชันวรรณกรรมนั้นแสนเรียบง่าย ถึงขั้นแลดูไร้เดียงสา นั่นก็คือนักเขียนทั้งสองคนเผยแพร่ผลงานในช่วงเวลาเดียวกัน เพื่อให้โลกภายนอกประเมินว่าใครเหนือกว่ากัน
รูปแบบของการประชันวรรณกรรมนั้นมีอิทธิพลบางอย่างต่อบลูสตาร์
ทว่านอกจากเยี่ยนโจวแล้ว พื้นที่อื่นๆ ไม่ได้มีท่าทีกระตือรือร้นกับการประลองด้านวรรณกรรมทำนองนี้สักเท่าไหร่ นอกเสียจากว่านักเขียนทั้งสองคนไม่ลงรอยกันจริงๆ จึงจะจัดการประชันวรรณกรรม
เหลิ่งกวงไม่ใช่คนเยี่ยน ฉะนั้นเขาจึงไม่ได้ใส่ใจกระแสการประชันวรรณกรรมเลย
ครั้งนี้เขาหัวเสียกับฉู่ขวงมาก ถึงได้ท้าดวลกับฉู่ขวงเช่นนี้!
ตอนนี้จึงไม่ใช่การถกเถียงแบบแบ่งขั้วอีกต่อไป
เหลิ่งกวงบ่นก็ส่วนบ่น ยังไม่ถึงขั้นอยากท้าดวลกับใคร ตอนนี้เขาถึงขั้นท้าดวลกับฉู่ขวงแล้ว…
ในวงการพากันตกใจ บรรดาผู้ชื่นชอบนิยายสืบสวนสอบสวนก็ตะลึงไปเช่นกัน!
หลังจากนั้น ทุกคนก็พลันครึกครื้นกันขึ้นมา
‘โกรธจัดเลยสิท่า?’
‘ฮ่าๆๆๆ ฉู่ขวงรับคำท้าไหมนะ’
‘ถ้าฉู่ขวงรับคำท้าจริงๆ ละก็ สนุกแน่!’
‘การประชันวรรณกรรมเป็นธรรมเนียมของเยี่ยนโจว นักเขียนของทางนั้นใครเหม็นหน้าใครก็ท้าดวล ทวีปอื่นบนบลูสตาร์ไม่ค่อยมีนักเขียนเปิดการประชันวรรณกรรม นี่คงจะเป็นครั้งแรกที่เหล่าเหลิ่งเล่นแบบนี้’
‘เหลิ่งกวงนี่เป็นหัวหอกขบวนการต่อต้านรูปแบบผู้เล่าเรื่องที่เชื่อถือไม่ได้!’
‘ที่จริงผมว่าการตอบโต้แบบนี้ของเหลิ่งกวงมากเกินไป อย่าลืมว่าฉู่ขวงที่เป็นนักเขียนในนิยายสาปส่งรูปแบบผู้เล่าเรื่องที่เชื่อถือไม่ได้มากขนาดไหน’
‘ฉันสนับสนุนเหลิ่งกวง!’
‘เฮ้อ อย่าว่าแต่เหลิ่งกวงเลย ผมนี่สาวกเจ้าแก่ฉู่ขวง ตอนนี้ยังอยากทุบหลังเขาสักป้าบ!’
‘สนับสนุนการประชัน!’
‘…’
ไม่ต้องบอกก็รู้
คนที่สนับสนุนเหลิ่งกวงมีมากมาย
หลังจากที่เหลิ่งกวงส่งคำท้าประชันวรรณกรรม ทุกคนก็อดสงสัยไม่ได้ว่า ฉู่ขวงจะรับคำท้านี้หรือไม่
………………………………………………………