บุปผาลิขิตแค้น – ตอนที่ 440 วังหลวง

ตอนที่ 440 วังหลวง

เวลา​ผ่าน​ไป​วันแล้ววันเล่า​ ​ฉู่​ซิว​หยง​มายัง​หน้า​ตำหนัก​ทรง​งาน​ของ​ฮ่องเต้​อีกครั้ง​ ​ก่อน​จะ​ถูก​ฮ่องเต้​ปฏิเสธ​การ​เข้าเฝ้า​อีกครั้ง

ฉู่​ซิว​หยง​ไม่ได้​ร้อนใจ​แต่อย่างใด​ ​เขา​ส่ง​ฎีกา​หลาย​เล่ม​ให้​ขันที​แล้ว​จากไป

บรรดา​ขันที​นอก​ตำหนัก​มอง​เขา​อย่างไร​้​ความสงสาร​ ​หาก​มี​แต่เพียง​ความเคารพ​ ​นับแต่​ฮ่องเต้​ทรง​หาย​ดี​และ​ปลด​องค์​รัชทายาท​ ​อารมณ์​ของ​พระองค์​ก็​ไม่ดี​ขึ้น​แม้แต่น้อย​ ​ไม่​เพียง​ไม่​ทรง​พบ​ท่าน​อ๋อง​ฉี​ ​แม้แต่​ท่าน​อ๋อง​เยียน​ ​ท่าน​อ๋อง​หลู​หรือ​บรรดา​พระสนม​ก็​ไม่​ทรง​พบ​ ​ท่าน​อ๋อง​เยียน​ ​ท่าน​อ๋อง​หลู​ทั้ง​ตื่นตระหนก​ทั้ง​หวาดกลัว​จึง​ไม่​มา​ ​มี​เพียง​ท่าน​อ๋อง​ฉี​ที่​ทรง​ปฏิบัติ​เหมือนเคย​ ​เสด็จ​มาถ​วาย​บังคม​ทุก​เช้า​ ​ทรง​งาน​ของ​ตนเอง​อย่างสม่ำเสมอ

ท่าน​อ๋อง​ฉี​สุขุม​เช่นนี้​เสมอมา​ ​อีกทั้ง​ยัง​เป็นการ​อยู่​เคียงข้าง​ฮ่องเต้​ ​บรรดา​บุตร​จะ​หลบหน้า​เพียง​เพราะ​บิดา​อารมณ์ไม่ดี​อย่างนั้น​หรือ

เสียง​ชื่นชม​ท่าน​อ๋อง​ฉี​นับวัน​ยิ่ง​มากขึ้น​ ​แม้แต่​บรรดา​ขุนนาง​ก็​ต่าง​เล่าลือ​ลับหลัง​ ​หาก​มี​การ​แต่งตั้ง​องค์​รัชทายาท​ใหม่​ ​ท่าน​อ๋อง​ฉี​เหมาะสม​ที่สุด

ฮ่องเต้​มอง​ขันที​จิ้น​จง​ถือ​ฎีกา​ของ​ฉู่​ซิว​หยง​เข้ามา​ ​พลัน​พูดเสี​ยง​เรียบ​ ​“​ข้า​ดูถูก​เขา​เกินไป​เสีย​จริง​ ​เดิมที​คิด​ว่า​เขา​อ่อนแอ​ที่สุด​ ​ไม่​คิด​ว่า​จิตใจ​ของ​เขา​จะ​แน่วแน่​ที่สุด​ ​อีกทั้ง​ยัง​มี​ความปรารถนา​ที่​ยิ่งใหญ่​เพียงนี้​”​ ​พูด​พลาง​ยิ้ม​เย็น​ ​“​แต่ว่า​ก็​ไม่​แปลก​ ​เจ้า​ยัง​จำได้​หรือไม่​ ​นับแต่​เขา​ต้อง​พิษ​ ​ไม่ว่า​จะ​เจ็บ​เพียงใด​ก็​ไม่เคย​ร้องไห้​ออกมา​ ​เวลา​นั้น​เขา​อายุ​เพียง​เท่าใด​ ​ประโยค​นั้น​กล่าว​ไว้​ว่า​อย่างไร​ ​อดทน​ใน​เรื่อง​ที่​ผู้อื่น​อดทน​ไม่ได้​ย่อม​ไม่ธรรมดา​”

ประโยค​นี้​ขันที​จิ้น​จง​ไม่​อาจ​พูด​ต่อ​ได้​ ​ทำได้​เพียง​ก้มหน้า​พูดเสี​ยง​เบา​ ​“​ฝ่า​บาท​ ​อย่า​ทรง​คิด​เรื่อง​เหล่านี้​เลย​”​ ​ดังนั้น​เขา​จึง​กล่าวถึง​เรื่อง​น่ายินดี​ ​“​ทาง​ซีจิ​งมี​ข่าวดี​ ​กองกำลัง​ของ​ซี​เหลียง​พ่ายแพ้​อย่างต่อเนื่อง​พ่ะ​ย่ะ​ค่ะ​”

เมื่อ​ได้ยิน​เรื่อง​นี้​ ​สีหน้า​ของ​ฮ่องเต้​ไร้​ซึ่ง​ความดีใจ​ ​หากแต่​ยิ่ง​เย็นชา​มากขึ้น

กองทัพ​ซี​เหลียง​บุกรุก​เพราะ​ความ​โง่เขลา​ของ​องค์​รัชทายาท​ ​ส่วน​กองทัพ​เหนือ​ที่​เคลื่อน​กำลัง​ไป​ปะทะ​กับ​กองทัพ​ของ​ซี​เหลียง​เป็นฝี​มือ​ของ​ฉู่​อวี​๋​หยง

คน​หลัง​ยิ่ง​ทำให้​ฮ่องเต้​ทรง​โกรธเคือง

“​มี​แม่ทัพ​หน้ากาก​เหล็ก​ที่มา​กค​วาม​สามารถ​อยู่​ ​ข้า​ไม่​กังวล​ซี​เหลียง​”​ ​ฮ่องเต้​พูดเสี​ยง​เย็น​ ​“​เวลานี้​ข้า​กลับ​กังวล​ตัวเอง​ ​และ​วัง​หลวง​แห่ง​นี้​เสียมา​กก​ว่า​”

ขันที​จิ้น​จง​ก้มหน้า​ ​“​องค์​ชาย​หก​ทรง​ไม่ได้​ ​เรื่อง​ของ​ซีจิ​งก​็​เป็น​เพราะ​เรื่อง​เร่งด่วน​…​”

ฮ่องเต้​ตบ​โต๊ะ​ ​“​เจ้า​ยัง​แก้ตัว​แทน​เขา​อีก​!​”

ขันที​จิ้น​จง​คุกเข่า​พลัน​กล่าวว่า​กระหม่อม​มีความผิด​หลายครั้ง

ฮ่องเต้​ไม่ได้​มอง​เขา​ ​เพียงแค่​พูดเสี​ยง​เย็นชา​ ​“​เขา​เป็น​คน​อย่างไร​ ​ข้า​รู้ดี​แก่​ใจ​ยิ่งนัก​ ​ไม่มี​เรื่อง​ที่​เขา​ไม่กล้า​ทำ​”​ ​พูดถึง​ตรงนี้​ก็​หัวเราะ​ออกมา​ ​“​บรรดา​โอรส​ของ​ข้า​ ​มี​ผู้ใด​ไม่กล้า​สังหาร​บิดา​ ​สังหาร​ฮ่องเต้​”

ขันที​จิ้น​จง​คุกเข่า​ร้องไห้​สะอึกสะอื้น

​“​ฝ่า​บาท​ ​อย่า​ทรง​คิด​เลย​พ่ะ​ย่ะ​ค่ะ​ ​พระองค์​ไม่​เพียง​ทรง​เป็น​บิดา​ ​แต่​ยัง​ทรง​เป็น​ฮ่องเต้​ ​ผู้​ที่​เป็น​ฮ่องเต้​ย่อม​ต้อง​โดดเดี่ยว​และ​ลำบาก​”

เมื่อ​ฟัง​คำพูด​ของ​ขันที​จิ้น​จง​ ​ฮ่องเต้​รู้สึก​อยาก​ร้องไห้​ ​แต่​เมื่อย​กมือ​เช็ด​กลับ​ไม่​พบ​น้ำตา​แต่อย่างใด​ ​อาจ​เป็น​เพราะ​น้ำตาไหล​จน​แห้ง​หมด​ใน​ช่วงเวลา​ที่​ป่วย​แล้ว​กระมัง

“​คนใน​วัง​เก็บกวาด​เรียบร้อย​แล้ว​หรือไม่​”​ ​เขา​ถาม​เสียงเย็น

ขันที​จิ้น​จง​ตอบรับ​ ​“​ฝ่า​บาท​ทรง​วาง​พระทัย​ ​ทาง​พระสนม​สวี​และ​พระสนม​เสียน​เก็บกวาด​เรียบร้อย​แล้ว​พ่ะ​ย่ะ​ค่ะ​”

ฮ่องเต้​หยิบ​ฎีกา​เล่ม​หนึ่ง​ขึ้น​มายก​ไว้​ตรงหน้า​ ​ใบหน้า​ครึ่งหนึ่ง​อยู่​ภายใต้​เงา​ ​เสียงเย็น​ชาดัง​ขึ้น​จาก​ด้านหลัง​ฎีกา​ ​“​ข้า​คิด​ว่า​พวก​นาง​อยาก​ไป​อยู่​กับ​ฮองเฮา​ใน​ตำหนัก​เย็น​แล้ว​”

บรรยากาศ​ภายใน​วังหลัง​ตึงเครียด​ ​ทาง​ตำหนัก​เย็น​ยิ่ง​พบเห็น​ร่องรอย​ของ​คน​ได้​น้อย​ ​ขันที​ผู้​หนึ่ง​ปีน​ข้าม​กำแพง​จาก​ด้านนอก​เข้ามา​ ​เดิน​มาจนกระทั่ง​ถึง​ตำหนัก​ที่​ฮองเฮา​พำนัก​อยู่​ก็​ไม่​พบ​ผู้คน

ขันที​มอง​เข้าไป​ด้านใน​ ​เห็น​หญิง​ชรา​นาง​หนึ่ง​กำลัง​ก่อไฟ​ต้ม​ข้าวต้ม

ขันที​ผงะ​ไป​ ​เขา​แทบจะ​จำ​ไม่ได้​ว่านา​งคือ​ฮองเฮา​ ​เดิมที​ฮองเฮา​ก็​ไม่ได้​ภาพลักษณ์​สง่างาม​มาก​นัก​ ​แต่ก่อน​มี​เครื่องแต่งกาย​และ​เครื่องประดับ​ ​เวลานี้​ไม่มี​สิ่ง​เหล่านั้น​จึง​ดู​แก่​ชรา​ขึ้น​อย่างมาก

“​ฮองเฮา​”​ ​เขา​เดิน​เข้าไป​อย่างรวดเร็ว​ ​“​พระองค์​ทรง​ทำ​อัน​ใด​พ่ะ​ย่ะ​ค่ะ​”

ฮองเฮา​ไม่​แม้แต่​จะ​เงยหน้า​ ​อีกทั้ง​ไม่สน​ใจ​ว่า​ผู้ใด​มา​ ​นาง​เพียงแค่​พูด​ ​“​กินข้าว​”

ขันที​มอง​หม้อ​เหล็ก​ใบ​เล็ก​บน​เตา​ ​ไม่รู้​ข้างใน​กำลัง​ต้ม​สิ่งใด​ ​เขา​อด​ที่จะ​ปิด​จมูก​ไม่ได้​ ​“​ฮองเฮา​ ​สิ่ง​นี้​เสวย​ได้​หรือ​พ่ะ​ย่ะ​ค่ะ​ ​รสชาติ​คง​แย่มาก​ใช่​หรือไม่​พ่ะ​ย่ะ​ค่ะ​”

ฮองเฮา​ยิ้ม​เย็น​ ​“​เพียงแค่​กิน​ได้​ก็​พอ​ ​กิน​ก็​เพื่อมี​ชีวิต​อยู่​ ​ข้า​ไม่มีทาง​ปล่อย​ให้​ตนเอง​หิวโหย​ ​ข้า​ต้อง​มีชีวิต​อยู่​รอ​องค์​รัชทายาท​ขึ้น​ครองราชย์​ ​เมื่อถึง​เวลา​นั้น​ ​ข้า​ก็​คงจะ​เป็น​พระ​พันปี​”​ ​นาง​ใช้​ช้อน​เหล็ก​คน​หม้อ​อย่างแรง​ ​พลาง​กัดฟัน​พูด​ ​“​ให้​หญิง​ต่ำทราม​อย่าง​พระสนม​สวี​และ​พระสนม​เสียน​ล้วน​คุกเข่า​อยู่​ใต้เท้า​ของ​ข้า​”

ขันที​พูดเสี​ยง​เบา​ ​“​ฮองเฮา​ ​พระองค์​ยัง​ไม่​ทรง​ทราบ​หรือ​พ่ะ​ย่ะ​ค่ะ​ ​องค์​รัชทายาท​ถูก​ปลด​แล้ว​”

ใบหน้า​ของ​ฮองเฮา​หันค​วับ​ ​ในที่สุด​ก็​มอง​มาทาง​เขา​ ​ดวงตา​ภายใต้​ผม​กระเซิง​นั้น​โหดเหี้ยม​ ​“​บังอาจ​ ​เจ้า​พูดเหลวไหล​เรื่อง​ใด​กัน​!​”​ ​พูด​พลาง​ยก​ช้อน​เหล็ก​ตี​เขา​ ​“​จิ​่น​เอ๋อร​์​ของ​ข้า​เป็น​องค์​รัชทายาท​แต่กำเนิด​ ​หาก​ไม่ใช่​จิ​่น​เอ๋อร​์​ ​ฮ่องเต้​คงมี​ชีวิต​อยู่​ไม่ได้​ถึง​ทุกวันนี้​ ​เขา​คง​ถูก​บรรดา​ท่าน​อ๋อง​สังหาร​ไป​นาน​แล้ว​!​ ​บังอาจ​ปลด​จิ​่น​เอ๋อร​์​ ​ฮ่องเต้​ก็​อย่า​คิด​จะ​อยู่ดี​!​”

ขันที​มอง​นาง​ที่​กำลังจะ​เสียสติ​ ​เขา​เกรง​ว่า​จะ​ดึงดูด​ผู้อื่น​มา​ ​จึง​รีบ​ยอมรับผิด​ ​“​กระหม่อม​พูด​ผิด​ไป​แล้ว​ ​องค์​รัชทายาท​ยัง​ทรงอยู่​ดี​พ่ะ​ย่ะ​ค่ะ​”

ฮองเฮา​จึง​เก็บ​ช้อน​เหล็ก​กลับ​ไป​อย่างแรง​ ​จากนั้น​คน​หม้อ​เหล็ก​พร้อม​พึมพำ​ ​ไม่สน​ใจ​ขันที​ผู้​นี้​อีก

ขันที​ผู้​นั้น​มอง​ซ้าย​ขวา​ ​ก่อน​จะ​หยิบ​ผ้า​ขาว​ผืน​หนึ่ง​ออกมา​จาก​แขน​เสื้อ​ ​จากนั้น​รัด​คอ​ของ​ฮองเฮา​อย่างกะทันหัน

ฮองเฮา​ไม่ทัน​ตั้งตัว​ ​ล้ม​ไป​ทาง​ด้านหลัง​พร้อม​ช้อน​เหล็กใน​มือ​ ​ส่วน​อีก​มือหนึ่ง​ยื่น​ไป​จับ​ผ้า​ขาว​ ​แม้​ขันที​ผู้​นั้น​จะ​ผอมแห้ง​ ​แต่​มี​กำลัง​มาก​ ​เขา​ลาก​ฮองเฮา​ถอยหลัง​จนถึง​ข้าง​เสา​ต้นหนึ​่ง​ ​เอนหลัง​พิง​เสา​ ​ก่อน​จะ​ออกแรง​…

ฮองเฮา​ส่งเสียง​ด้วย​ความ​ทรมาน​ ​ขา​ทั้งสอง​ข้าง​ค่อยๆ​ ​หยุด​ดิ้น​ ​มือ​ที่จับ​ช้อน​เหล็ก​ก็​ค่อยๆ​ ​คล้อย​ต่ำ​ลง​ ​ก่อนที่​ช้อน​เหล็ก​จะ​หล่น​ลงพื้น​เสียงดัง

ขันที​ปล่อยมือ​ออก​ ​พลัน​มอง​ฮองเฮา​ที่​ล้ม​ลง​อย่าง​อ่อนระทวย​ ​ความโหดเหี้ยม​บน​ใบหน้า​หาย​ไป​ ​เหลือ​เพียง​ความเศร้า​โศก

“​ตาย​เสียเถิด​”​ ​เขา​บ่นพึมพำ​ ​“​บุตรชาย​ของ​ท่าน​ยัง​ต้องการ​ให้ท่าน​ตาย​ ​มีชีวิต​อยู่​จะ​มีความหมาย​ใด​”

ถึงแม้​ข้าวของ​ตำหนัก​เย็น​จะ​ส่ง​มาสาม​วันที​สี่​วัน​หน​ ​แต่​พวกเขา​ก็​ไม่มีทาง​ปล่อย​ให้​ฮองเฮา​หิว​ตาย​ ​วันนี้​เป็น​วันที่​ควร​ส่ง​ข้าว​ ​บรรดา​ขันที​ที่​ทำหน้าที่​ส่ง​ข้าว​หิ้ว​ถัง​ไม้​ ​ขับไล่​บรรดา​ขันที​และ​นางใน​ของ​ตำหนัก​เย็น​ที่​วิ่ง​แห่​กัน​เข้ามา​แย่ง​กิน​เมื่อ​ได้ยิน​เสียง​ประตู​เปิด​ ​พวกเขา​เดิน​มาจนกระทั่ง​ถึงที่​พำนัก​ของ​ฮองเฮา

“​ฮองเฮา​”​ ​พวกเขา​ตะโกน​อย่าง​รำคาญ​ ​“​ถึง​เวลา​เสวย​แล้ว​พ่ะ​ย่ะ​ค่ะ​”

ทันทีที่​สิ้น​เสียง​ ​พวกเขา​ไม่เห็น​ฮอง​เอา​เดิน​ออกมา​ ​เมื่อ​เงยหน้า​ขึ้น​เห็น​กระโปรง​พลิ้วไหว​อยู่​ตรงหน้า​ ​เงยหน้า​ขึ้นไป​อีก​ก็​พบ​กับ​ฮองเฮา​ที่​แขวนคอ​อยู่​บน​คาน​ ​ใบหน้า​นั้น​มอง​พวกเขา​จาก​ที่สูง​ราวกับ​ภูตผี​ปีศาจ

บรรดา​ขันที​โยน​ถัง​ไม้​ลง​เสียงดัง​ ​เสียง​กรีดร้อง​ดัง​ไป​ทั่ว​ตำหนัก​เย็น

“​ฮองเฮา​ทรง​ปลิด​ชีพ​ตนเอง​แล้ว​…​”

เมื่อ​ฉู่​อวี​๋​หยง​ได้ยิน​ข่าว​ ​เขา​กำลัง​อยู่​ระหว่างทาง​ไป​ซีจิง​ ​เขา​นั่ง​อยู่​ริม​กองไฟ​ ​พลาง​มอง​ผล​ซาน​จา​ที่​สุก​เต็มที่​จาก​วัด​ถิ​งอ​วิ​๋น​หลังจากที่​ใช้​ม้าเร็ว​ส่ง​มา

“​พอ​เถิด​ ​ดู​มาทั​้ง​วัน​ยัง​ไม่พอ​อีก​หรือ​”​ ​หวัง​เจียน​พูด​อย่าง​อารมณ์เสีย​ ​“​เวลา​ใด​แล้ว​ ​ยัง​ให้​คน​ไป​เก็บ​ผลไม้​จาก​วัด​ถิ​งอ​วิ​๋​นมา​อีก​”

ใบหน้า​ขาว​ของ​ชายหนุ่ม​ภายใต้​แสงไฟ​ ​ไม่มี​ความ​น่ากลัว​เหมือน​วันที่​สะบัด​ดาบ​ตัดหัว​คน​ ​ดวงตา​ของ​เขา​สว่างไสว​ ​มุม​ปาก​มี​รอยยิ้ม​บาง​ ​มือถือ​ผล​ซาน​จา​หมุน​อยู่​ตรงหน้า

“​ไม่ใช่​เวลา​ที่​ต้อง​กังวล​แล้ว​”​ ​เขา​พูด​ ​“​ทาง​ซีจิ​งมี​เฉิน​เลี่ย​หู่​ก็​วางใจ​ได้​แล้ว​”

หวัง​เจียน​ขมวดคิ้ว​ ​“​หาก​เฉิน​เลี่ย​หู่​หลอกลวง​องค์​หญิง​จิน​เหยา​เล่า​ ​หาก​เขา​หันกลับ​มา​โจมตี​พวกเรา​ ​อย่า​ว่าแต่​ซีจิง​ ​เมืองหลวง​ก็​ย่อม​ต้อง​ตกอยู่ในอันตราย​”

ฉู่​อวี​๋​หยง​พูด​ ​“​พูด​เรื่อง​ใด​กัน​ ​ท่าน​ดูถูก​คุณหนู​ตัน​จู​อีกแล้ว​”

“​เรื่อง​นี้​เกี่ยว​อัน​ใด​กับ​เฉิน​ตัน​จู​!​ ​ข้า​กำลัง​พูดถึง​บิดา​ของ​นาง​!​”​ ​หวัง​เจียน​โมโห​อย่างมาก​ ​เหตุใด​จึง​หนี​ไม่​พ้น​เฉิน​ตัน​จู​!​ ​“​บิดา​ของ​นาง​ยัง​ไม่ต้องการ​นาง​ ​เมื่อถึง​เวลา​ ​เขา​คงมา​ตัดหัว​บุตรสาว​ที่​อกตัญญู​ผู้​นี้​ที่​เมืองหลวง​พอดี​”

ฉู่​อวี​๋​หยง​ยื่น​ผล​ซาน​จา​เข้าใกล้​ริมฝีปาก​ ​“​เจ้า​ลืม​ที่​คุณหนู​ตัน​จู​เคย​พูด​แล้ว​หรือ​ ​แม้นาง​จะ​ไม่น่า​เอ็นดู​เพียงใด​ ​แต่​นาง​ก็​เป็น​สมบัติ​ล้ำค่า​ของ​บิดา​นาง​”​ ​ก่อน​จะ​กัด​ลง​ไป​ ​รสชาติ​เปรี้ยวหวาน​ทำให้​คิ้ว​ของ​เขา​ขมวด​ขึ้น​มา​ ​“​คุณหนู​ตัน​จู​ไม่ได้​หลอก​ข้า​ ​ไม่อร่อย​เอา​เสีย​เลย​…​”

คุณหนู​ตัน​จู​พูดจา​เหลวไหล​มากมาย​ ​เขา​จะ​จำได้​อย่างไร​ ​หวัง​เจียน​กลอกตา​ ​ในขณะที่​กำลังจะ​พูด​บางอย่าง​ ​เฟิง​หลิน​ก็​เดิน​ออกมา​ท่ามกลาง​ความมืด​อย่างรวดเร็ว

“​องค์​ชาย​ ​ฮองเฮา​ทรง​ปลิด​ชีพ​ตนเอง​แล้ว​พ่ะ​ย่ะ​ค่ะ​”

หวัง​เจียน​ผงะ​ ​ฉู่​อวี​๋​หยง​ที่​กำลัง​เคี้ยว​ผล​ซาน​จา​ผงะ​ ​ก่อน​จะ​ลุก​พรวด​ขึ้น

“​กลับ​เมืองหลวง​”​ ​เขา​พูด

เมื่อ​ทิ้ง​ประโยค​นี้​เอาไว้​ ​คน​ก็​เดินผ่าน​กองไฟ​พุ่งตัว​เข้าไป​ใน​ความมืด​ ​เสียง​ม้า​ดัง​ขึ้น​ใน​ยาม​ราตรี

หวัง​เจียน​ลุกขึ้น​ยืน​อยู่​ข้าง​กองไฟ​ด้วย​ความ​ผงะ​ ​“​ฮองเฮา​ตาย​แล้ว​ ​ท่าน​รีบ​อัน​ใด​กัน​”​ ​จากนั้น​จึง​กระจ่าง​ว่า​ฉู่​อวี​๋​หยง​รีบ​อัน​ใด​ ​สีหน้า​ของ​เขา​แย่​ลง​อย่างมาก

“​ข้า​เคย​บอกว่า​ชาติ​นี้​ข้า​ไม่​อยาก​ขี่ม้า​เร็ว​อีกแล้ว​”

“​อีกทั้ง​ยัง​เพื่อ​เฉิน​ตัน​จู​!​”

บุปผาลิขิตแค้น

บุปผาลิขิตแค้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท