เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค – ตอนที่ 463 คุณชายหนิงจอมเผด็จการ VS จื่อจิ้งผู้น่ารัก (1)

ตอนที่ 463 คุณชายหนิงจอมเผด็จการ VS จื่อจิ้งผู้น่ารัก (1)

กล่าวมากไปก็ไร้ประโยชน์

“บ่าวยินยอมขอรับ”

กุ่ยซาตื้นตันใจเสียจนน้ำตาเกือบจะหลั่งริน!

เขานึกว่าออกมาครั้งนี้ หัวหน้าตระกูลจะไม่ใช้เขาอีก อย่างไรเสียเรื่องที่เขาทำในครั้งที่แล้วก็เลินเล่อเกินไป! จนเกือบจะกลายเป็นความผิดอันใหญ่หลวง!

แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่า หัวหน้าตระกูลถึงกับยินยอมให้โอกาสเขาอีกครั้งหนึ่ง!

กลับไปอยู่ข้างกายคุณหนูใหญ่ตระกูลมั่ว นั่นอธิบายได้ว่าในใจของหนิงเซ่าชิง เขายังคงมีน้ำหนักอยู่อย่างไม่ต้องสงสัย!

แน่นอนว่าความตื่นเต้นในใจของกุ่ยซาไม่ได้มีเพียงแค่สาเหตุนี้

แต่ก่อน เขาไม่ยินยอมไปปกป้องมั่วเชียนเสวี่ย คราวนี้กลับยินยอมเป็นอย่างยิ่ง เพียงเพราะ…เพียงเพราะ…สามารถได้เห็นนางผู้นั้น

ไม่ต้องทำสิ่งใด เพียงแค่มองนางจากที่ไกลๆ ได้ยินเสียงของนางก็พอแล้ว

หนิงเซ่าชิงพยักหน้าเบาๆ ไม่ทันได้สังเกตเห็นอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของกุ่ยซา

สิ่งที่เขาคิดก็คือ ก่อนหน้านี้กุ่ยซาปกป้องมั่วเชียนเสวี่ยมาโดยตลอด ตอนนี้ในเมื่ออาการบาดเจ็บของกุ่ยซาดีขึ้นพอสมควรแล้ว ให้กลับไปปกป้องมั่วเชียนเสวี่ยต่อก็ไม่ผิดอะไร

ความจริงแล้ว เขายังคงกลัวว่าถ้าหากเขาเปลี่ยนคน ส่งคนอื่นไป จะทำให้มั่วเชียนเสวี่ยเกิดความรู้สึกว่ากำลังสอดแนมนาง

แค่กๆ…ความจริงแล้วก็ถือว่าเป็นการสอดแนมจริงๆ…

แต่บุรุษหยิ่งยโสเช่นหนิงเซ่าชิงจะยอมรับได้เช่นไร

ดังนั้นบุรุษที่ต้องการรักษาหน้าทั้งที่หึงหวงนั้นรับไม่ได้จริงๆ!

……

นายท่านผู้เฒ่าของตระกูลมั่วคนก่อนตายไปเช่นนี้ ในเมืองหลวงกลับไม่เกิดความวุ่นวายขึ้นมา

เดิมตระกูลมั่วก็เป็นตระกูลขุนนางที่ไม่ได้เข้าขั้น ประการแรกนายท่านผู้เฒ่านี้ก็ไม่ใช่หัวหน้าตระกูล ประการที่สองตายอย่างไร้ระดับเกินไปแล้ว

ร่ำสุราก็สามารถทำให้ตายได้!

คนแบบนี้ การตายแบบนี้ จะมีใครไปวิพากษ์วิจารณ์กัน?!

ศพของนายท่านผู้เฒ่าถูกส่งกลับไป ตระกูลมั่วจัดตั้งห้องโถงเซ่นไหว้ผู้ตาย มั่วจื่อถังสวมชุดไว้ทุกข์ คุกเข่าหลังเหยียดตรงอยู่หน้าห้องโถง

บิดาตายแล้ว เขาปวดใจราวกับถูกบิด

เขาอยากจะรู้สึกเกลียดมาก แต่เขากลับเกลียดไม่ลง

วันนั้นท่านพ่อเรียกเขาไปหอบรรพชน เอ่ยอยู่นานสองนานว่าเพื่อตระกูลมั่ว และเอ่ยถึงการตัดสินใจของตนเองอย่างเลือนราง

เขาเอ่ยเพียงแค่ว่าเรื่องของจวนกั๋วกงในครั้งที่แล้วได้รับคำสั่งจากฮ่องเต้

เขาเอ่ยเพียงแค่ว่าเรื่องในครั้งที่แล้วเกิดความผิดพลาด ฮ่องเต้เก็บตระกูลมั่วไว้ไม่ได้แล้ว เขาเข้าวังไปพบฮ่องเต้ เป็นผู้ที่รู้เหตุการณ์ หากฮ่องเต้ถือสา ไม่เพียงแต่จะไม่ยอมให้เขาได้มีชีวิต กระทั่งตระกูลมั่วก็จะพบหายนะไปด้วย

วันนั้น ท่านพ่อเขาไม่เอ่ยถึงมั่วเชียนเสวี่ยกับเขาสักประโยค แต่เขากลับรู้ว่าเรื่องนี้ ความคิดนี้ จะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับมั่วเชียนเสวี่ยแน่นอน

แต่ เขารู้แล้วจะทำอันใดได้?

ถ้าหากว่ามีคนหนึ่งปฏิบัติต่อเขาเหมือนกับที่ปฏิบัติต่อมั่วเชียนเสวี่ย การแก้แค้นของเขาจะมากกว่านี้สิบเท่า

ถ้าหากว่าคนที่ส่งนักฆ่าไปจัดการมั่วเชียนเสวี่ยหลายครั้งไม่ใช่ท่านพ่อเขาแต่เป็นคนอื่น เขาคงแก้แค้นคืนไปกว่าร้อยเท่าทั้งในที่แจ้งและในที่ลับนานแล้ว

แต่ชีวิตคนเราไม่มีคำว่าถ้าหาก มีเพียงแค่ผลที่เกิดขึ้นและผลพวงเท่านั้น

เดิมมั่วเชียนเสวี่ยตั้งใจให้อาซานไปส่งจดหมายที่ตนเองเขียนให้กับหนิงเซ่าชิง แต่กลับคิดไม่ถึงว่า ยังไม่ทันจะได้รับจดหมายตอบกลับ ก็ได้รับข่าวการตายของนายท่านผู้เฒ่ามั่วเสียก่อน

เมาตาย?

บางที คงจะไม่มีวิธีการตายที่ไม่ดึงดูดสายตาผู้คน และไม่ต่ำทรามที่ดีกว่านี้อีกแล้ว

เดิมนางนึกว่า เขาจะเลือกตายอย่างกะทันหันเพราะเป็นโรคอะไรพวกนี้เสียอีก

ข่าวการตายนี้ เดิมก็อยู่ในการคาดการณ์ แต่กลับทำให้มั่วเชียนเสวี่ยที่กำลังจมอยู่ในห้วงแห่งความยินดีเรื่องการสร้างโรงเรือนเพาะปลูกพืชเหม่อลอย

ต่อมาก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อย

และรู้สึกหดหู่อยู่บ้าง

มนุษย์เราก็เป็นเช่นนี้ ตอนที่เจ้าเกลียดเขา อยากให้เขาตาย แต่เมื่อเขาตายไปจริงๆ ก็จะเกิดความรู้สึกที่เอ่ยอะไรไม่ออกขึ้นมา

มั่วเชียนเสวี่ยสูดลมหายใจลึก บอกกับตนเอง ในเมื่อเขารักษาสัญญา เช่นนั้น เรื่องพวกนั้นที่ตระกูลมั่วได้กระทำกับนางในอดีต นางจะไม่ถือสาหาความ

ไม่ว่านายท่านผู้เฒ่ามั่วจะทำเรื่องเลวร้ายและทำความผิดไปมากเพียงใด เขามีความกล้าที่จะเสียสละชีวิตของตนเองเพื่อตระกูลในระยะยาว ก็ต้องเป็นคนที่แข็งแกร่งคนหนึ่ง และควรค่าที่จะได้รับการนับถืออยู่บ้าง

เพียงแต่หวังว่า มั่วจื่อถังจะไม่เกลียดนาง

แม้ว่านายท่านผู้เฒ่ามั่วสมควรจะได้รับกรรมที่ก่อเอาไว้ คิดไปคิดมาในใจมั่วเชียนเสวี่ยก็รู้สึกเป็นทุกข์อยู่บ้าง

นายท่านผู้เฒ่ามั่วไร้เมตตา นางกลับมิอาจไร้คุณธรรมด้วยได้ นางยังคงแซ่มั่ว

นึกถึงตรงนี้ มั่วเชียนเสวี่ยก็ให้คนไปส่งมอบกลอนคู่เพื่อไว้อาลัยผู้ถึงแก่กรรมในเมืองหลวง และส่งศพ

เมื่อทำเรื่องพวกนี้แล้ว ในใจนางก็สงบลงบ้าง

สั่งให้ข้ารับใช้ไปส่งกลอนคู่เพื่อไว้อาลัยผู้ถึงแก่กรรมและส่งศพในเมืองหลวงแล้ว แม้ว่าในใจมั่วเชียนเสวี่ยจะรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง แต่กลับเลี่ยงไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าชีวิตนั้นไม่เที่ยงเกินไปแล้ว!

ขณะที่เหลือบตาขึ้นมองด้วยสีหน้าเซื่องซึม ก็เห็นหนิงเซ่าชิงเดินเข้ามาในยามโพล้เพล้

มั่วเชียนเสวี่ยเอ่ยอย่างประหลาดใจ “เซ่าชิง ท่านมาได้อย่างไร ข้าเพิ่งส่งจดหมายไปให้ท่านเอง!”

ตอนที่หนิงเซ่าชิงก้าวข้ามประตูห้องเข้ามา ก็ได้ยินประโยคนี้ของมั่วเชียนเสวี่ย

ประโยคแรก หน้าเขาก็ดำทะมึน แต่ประโยคที่สอง ใบหน้าที่ดำทะมึนก็สดใสขึ้นมาทันที

เป็นหนิงเซ่าชิงมันไม่ง่ายเลยจริงๆ

ตอนเช้าที่อาซานมาส่งจดหมาย เขาก็มาที่นี่รอบหนึ่ง ตอนบ่ายเพิ่งจะกลับเมือง ก้นที่นั่งบนตั่งในเรือนหลักของเขายังไม่ทันจะร้อน ก็ได้รับข่าวว่าถงจื่อจิ้งมาเมืองหลวง

ช่วยไม่ได้ ฟ้ายังไม่มืด เขาก็มาอีกแล้ว

ถงจื่อจิ้งนั่งอยู่ข้างกายมั่วเชียนเสวี่ยไม่ห่างมาโดยตลอด มองมั่วเชียนเสวี่ย พลางแกะสลักตุ๊กตาในมือ

นั่นเป็นกระต่ายที่น่ารักตัวหนึ่ง

เดิมเขาคิดแกะสลักมาหยอกให้มั่วเชียนเสวี่ยอารมณ์ดี

แต่ หนิงเซ่าชิงกลับทำเหมือนถงจื่อจิ้งเป็นอากาศ เมินผ่านเขาเสียอย่างนั้น!

บางที การที่เขาเร่งเดินทางมาโดยเฉพาะ ก็เพื่อมาประกาศอธิปไตยของตนเองกับถงจื่อจิ้ง

ปรับสีหน้าของตนเองเรียบร้อยแล้ว หนิงเซ่าชิงก็แย้มรอยยิ้มจางๆ ที่เจิดจ้าให้กับมั่วเชียนเสวี่ย

“เสวี่ยเสวี่ย จดหมายที่ส่งให้ข้านั้นกล่าวอันใด”

เดิมอารมณ์มั่วเชียนเสวี่ยก็ไม่ใช่ว่าไม่ดี เพียงแค่โศกเศร้าเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นเล็กน้อยเท่านั้นเอง

คราวนี้ เมื่อได้ยินหนิงเซ่าชิงถามถึงเรื่องนี้ ก็มีฟื้นคืนจากความโศกเศร้าเสียใจขึ้นมา มีสีหน้าเบิกบานใจทันที!

นางเดินตรงเข้าไปกอดแขนหนิงเซ่าชิง เล่าสิ่งที่ถงจื่อจิ้งเอ่ยให้นางฟังไม่หยุด

ด้วยความดีใจจึงละเลยถงจื่อจิ้งที่อยู่อีกด้านไป

ส่วนหนิงเซ่าชิงที่เห็นสายตามั่วเชียนเสวี่ยไม่มีใครอื่นนอกจากเขา ทั้งยังกอดแขนตนเองอย่างออดอ้อนเช่นนี้แล้ว ก็ดีใจมากขึ้นไม่น้อย!

จึงเงยหน้าขึ้นโดยไม่รู้ตัว และเผยสีหน้ายั่วยุลำพองใจใส่ถงจื่อจิ้ง

ถงจื่อจิ้งกลับทำราวกับไม่ได้เห็นสีหน้าท่าทางนั้น เก็บตุ๊กตาแกะสลักในมือ และจิบน้ำไปอึกหนึ่ง

หมัดของหนิงเซ่าชิงคล้ายกับต่อยลงบนนุ่น

หลังจากมั่วเชียนเสวี่ยเอ่ยรัวเป็นพรวนจนจบ จึงนึกถึงถงจื่อจิ้งได้ขึ้นมากะทันหัน!

กระตุกมือหนิงเซ่าชิงเดินไปตรงหน้าถงจื่อจิ้ง “โอ๊ย! ใช่แล้ว เซ่าชิง จื่อจิ้งมาเมืองหลวงแล้ว!”

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

Status: Ongoing

เพราะสำลักน้ำชาจนขาดอากาศ(?)ทำให้ มั่วเชียนเสวี่ย สาวมั่นหัวการค้าทะลุมิติมาอยู่ในโลกยุคโบราณและในร่างของคนอื่น

แต่นั่นยังไม่น่าตระหนกเท่าการที่ร่างนี้กำลังจะแต่งงานเพื่อแก้เคล็ดให้กับชายหนุ่มที่ป่วยร่อแร่เต็มที!

ในโลกที่หากขาดที่พึ่งผู้หญิงก็สามารถถูกขายเป็นทาสได้ตลอดเวลาสามีคนนี้ของนางนับว่าเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลยทีเดียว

ทั้งมีความรู้ สุภาพและไม่ใช้กำลังแถมหน้าตายังหล่อเหลาอีกด้วย เสียตรงร่างกายอ่อนแอไปหน่อยเท่านั้น

ชีวิตครอบครัวชนบทแสนยากจนของนางจึงเริ่มขึ้นที่ตรงนั้น… แต่อย่างไรนางไม่ยอมงอมืองอเท้ารับชะตากรรมแบบนี้แน่

ในเมื่อนางมีความรู้ความสามารถยังต้องกลัวสร้างกิจการไม่ได้อีกหรือ?!

เส้นทางร่ำรวยสายนี้นางจะบุกเบิกมันขึ้นมาด้วยตนเอง! และหวังว่าทุกอย่างจะราบรื่นด้วยดี

เพราะเหมือน ‘ร่างนี้’ ของนางกับฐานะเดิมของสามีเหมือนจะไม่ค่อยธรรมดาเสียด้วยสิ…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท