รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 460 เจ้าแมวโง่ ข้ายังอยากเห็นเจ้าแปลงกายเป็นมนุษย์!

บทที่ 460 เจ้าแมวโง่ ข้ายังอยากเห็นเจ้าแปลงกายเป็นมนุษย์!

บทที่ 460 เจ้าแมวโง่ ข้ายังอยากเห็นเจ้าแปลงกายเป็นมนุษย์!

ลั่วสุ่ยมองที่มัจฉาสัตมายา ภายในใจเกิดความรู้สึกลังเลมากขึ้นเรื่อย ๆ

สุดท้ายนางก็ตัดสินใจจะขอร้องความเมตตาจากท่านเซียน ขอร้องไม่ให้ท่านเซียนมอบมัจฉาสัตมายาให้ต้าเต๋อ แล้วปล่อยมัจฉาสัตมายาให้มีชีวิตรอดอยู่ต่อไป

ในตอนนั้นเองมัจฉาสัตมายาก็คล้ายจะสัมผัสได้ถึงความคิดของลั่วสุ่ย มันจึงส่ายหางราวกับบอกว่าอย่าทำเช่นนั้น

หลังจากนั้นมันก็ว่ายไปที่ถึงก้นถัง ไม่หันไปมองลั่วสุ่ยอีก

‘เสี่ยวชี*[1]…’

ภายในใจของลั่วสุ่ยถอนหายใจด้วยความหนักอึ้ง

นางรู้ว่ามัจฉาสัตมายาคิดถึงนาง เกรงว่าจะพลอยทำให้นางเดือดร้อน

ทว่านางก็ตัดสินใจแล้วว่าจะขอร้องท่านเซียนให้กับมัจฉาสัตมายา ไม่ยอมให้มัจฉาสัตมายากลายเป็นกับแกล้มสุราของต้าเต๋อ

อีกด้านหนึ่ง ขณะที่หลี่จิ่วเต้ากำลังกินเค้ก เขาก็บังเอิญเห็นแมวน้อยสีขาวกระโดดขึ้นไปบนถังน้ำจากมุมหางตา

เขายังสังเกตเห็นอีกด้วยว่าเจ้าแมวสีขาวตัวน้อยดูไม่ค่อยจะมีความสุข

‘ไม่มีความสุขเพราะได้ยินว่าข้าจะมอบปลาให้กับต้าเต๋อเช่นนั้นหรือ?’

เขากล่าวขึ้นภายในใจพร้อมรอยยิ้ม แมวขาวตัวน้อยนี้แสนรู้จริง ๆ

ปลาเป็นอาหารของแมวขาวตัวน้อย ตอนนี้เจ้าแมวขาวตัวน้อยกระโดดขึ้นไปบนถังน้ำแล้วมองปลาด้วยความเศร้าสร้อย เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะไม่มีความสุขที่เขาต้องการจะมอบปลาให้ผู้อื่น

‘เอาล่ะ เจ้าแมวน้อยเฉลียวฉลาดถึงเพียงนี้ น่าจะสามารถเดินไปบนเส้นทางฝึกตนได้จริง ๆ’

หลี่จิ่วเต้าคิดในใจ

ก่อนหน้านี้เขารู้สึกว่าเสี่ยวไป๋ฉลาดเฉลียวเป็นอย่างมาก อาจสามารถก้าวเข้าสู่เส้นทางฝึกตนได้ ทั้งยังเคยคิดจะขอให้เซี่ยเหยียนช่วยลองดู ทว่าหลายครั้งที่ได้พบกับเซี่ยเหยียน เขากลับลืมพูดถึงเรื่องนี้

“ตอนนี้ก็ดีเหมือนกัน”

หลี่จิ่วเต้ารู้สึกว่าตอนนี้ก็ไม่เลว ทั้งอันหลายเสวี่ย ต้าเต๋อ และพวกอ้ายฉานต่างอยู่บนเส้นทางแห่งการฝึกตน ดังนั้นพวกเขาเองก็สามารถช่วยดูได้ว่าเสี่ยวไป๋สามารถฝึกตนได้หรือไม่

คิดเช่นนี้แล้ว เขาจึงเอ่ยเรียกเสี่ยวไป๋ “เสี่ยวไป๋ มานี่สิ”

เมื่อได้ยินท่านเซียนเรียกนาง หัวใจของลั่วสุ่ยก็เต้นระรัว

นางกระโดดลงจากถังน้ำด้วยความกระวนกระวาย ก่อนจะวิ่งไปหาท่านเซียน

“มาสิ ขึ้นมา”

หลี่จิ่วเต้าตบต้นขาให้ลั่วสุ่ยกระโดดขึ้นมา

ลั่วสุ่ยไม่เข้าใจสาเหตุ แต่ก็ยังทำตามความต้องการของท่านเซียน กระโดดขึ้นจากพื้นไปอยู่บนตักของท่านเซียน

หลี่จิ่วเต้าอุ้มเสี่ยวไป๋ขึ้นมา ก่อนจะมองทางพวกเซี่ยเหยียนและอันหลานเสวี่ย แล้วกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “พวกเจ้าคิดว่าเสี่ยวไป๋มีจิตวิญญาณหรือไม่?”

เซี่ยเหยียนและคนอื่น ๆ รู้สึกสับสนขึ้นมาทันทีหลังจากได้ยินท่านเซียนพูด

เสี่ยวไป๋มีจิตวิญญาณหรือไม่?

แน่นอนว่าย่อมต้อมมี!

ยิ่งไปกว่านั้นเสี่ยวไปยังแข็งแกร่งและทรงพลังเป็นอย่างมาก เกรงว่าสายเลือดของสิบสัตว์ร้ายบรรพกาลยังอาจไม่ดีเท่านาง

เหตุใดท่านเซียนจึงกล่าวออกมาเช่นนี้กัน?

ถึงแม้จะสับสน แต่เมื่อควรตอบก็ยังต้องตอบ พวกเซี่ยเหยียนจึงพากันพยักหน้าทีละคนแล้วบอกว่าเสี่ยวไป๋มีจิตวิญญาณกล้าแกร่งอย่างมาก

“ข้าเองก็คิดเช่นนั้น”

หลี่จิ่วเต้ากล่าวด้วยรอยยิ้ม “พวกเจ้าคิดว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่เสี่ยวไป๋จะสามารถเดินบนเส้นทางการฝึกตน?”

เป็นไปได้หรือไม่ที่จะสามารถเดินบนเส้นทางการฝึกตน?

พวกเซี่ยเหยียนยิ่งสับสนมากขึ้น ไม่เข้าใจว่าท่านเซียนหมายถึงสิ่งใด

เสี่ยวไป๋ได้เริ่มเดินบนเส้นทางการฝึกตนไปนานแล้ว!

และตอนนี้ขอบเขตของเสี่ยวไป๋ก็ไม่อาจทราบได้ว่าสูงล้ำมากเพียงใด เกรงว่าจะสูงไปไกลลิบ

ลั่วสุ่ยได้ยินท่านเซียนพูดเช่นนี้แล้ว หัวใจก็เต้นกระหน่ำขึ้นมาอีกครั้ง

ท่านเซียนไม่ได้ต้องการจะส่งนางออกไปให้ฝึนตนข้างนอกใช่หรือไม่?

เป็นเวลานานมากแล้ว ท่านเซียนไม่เคยกล่าวถึงการฝึกตนอะไรกับนางเลย ปฏิบัติกับนางประหนึ่งเป็นเพียงแมวธรรมดาทั่วไป

ด้วยเหตุนี้ นางจึงไม่กล้าพูดหรือแสดงการฝึกฝนใด ๆ ออกมาต่อหน้าท่านเซียน ทำตัวเป็นเพียงสัตว์เลี้ยงธรรมดาทั่วไปตามความต้องการของท่านเซียน

ทว่าเมื่อฟังความหมายจากคำพูดของท่านเซียนในตอนนี้ หมายความว่าท่านเซียนต้องการให้นางเริ่มเดินบนเส้นทางแห่งการฝึกตน ไม่ต้องการให้นางเป็นเพียงแมวเลี้ยงธรรมดา ๆ อีกต่อไป

นะ…นี่ต้องการจะให้นางไปจริงหรือ?

ท่านเซียนโกรธเพราะนางต้องการขอร้องแทนมัจฉาสัตมายาหรือไม่?

แม้ว่านางจะยังไม่ได้ขอร้องท่านเซียน หรือพูดเรื่องนี้กับมัจฉาสัตมายา ทุกอย่างล้วนเป็นสิ่งที่นางคิดขึ้นมาในใจ

ทว่าท่านเซียนคือผู้ใด?

ท่านเซียนเป็นผู้ล่วงรู้ทุกสิ่ง!

เกรงว่าแม้จะเป็นเพียงความคิดในใจ นางก็ไม่สามารถปิดบังท่านเซียนได้อยู่ดี!

ชั่วขณะหนึ่ง นางไม่อาจบรรยายความรู้สึกภายในใจของตนเองได้ นางโศกเศร้าเป็นอย่างมาก หากให้กล่าวสิ่งที่นางไม่เต็มใจทำมากที่สุด นั่นคือการไปจากท่านเซียน!

นี่ไม่เกี่ยวกับผลประโยชน์อันไร้ที่สิ้นสุดที่ได้รับจากการติดตามท่านเซียน แม้ว่าจะไม่ได้รับสิ่งใดเลยจากการอยู่ข้างกายท่านเซียน นางก็ไม่เต็มใจจะไปจากท่านเซียนอย่างถึงที่สุด!

หลังจากติดตามข้างกายท่านเซียนมานาน นางก็เกิดความผูกพันลึกซึ้งต่อท่านเซียนแล้ว!

อีกด้านหนึ่ง มัจฉาสัตมายาที่อยู่ในถึงน้ำก็ได้ยินสิ่งที่ท่านเซียนพูดเช่นกัน

พี่ลั่วสุ่ยถูกมันลากไปพัวพันด้วยงั้นหรือ!?

มันรู้สึกอึดอัดใจเป็นอย่างยิ่ง มันกระโจนไปมาในถึงน้ำอย่างแรง ต้องการจะกระโดดจากถังน้ำไปขอร้องท่านเซียนไม่ให้ทำกับพี่ลั่วสุ่ยเช่นนี้ มันเต็มใจจะแบกรับทุกอย่างเอาไว้เอง แม้ว่ามันจะต้องถูกต้าเต๋อตุ๋นหรือต้มก็ตาม มันแค่ต้องการจะขอร้องให้พี่ลั่วสุ่ยได้อยู่ที่นี่ต่อ

น่าเสียดาย ที่มันไม่สามารถกระโดดออกจากถังน้ำได้ด้วยตนเอง ไม่ว่ามันจะดิ้นรนมากเพียงใดก็ตาม

บุ๋ง บุ๋ง!

พวกเจ้าช่วยข้าด้วย!

มัจฉาสัตมายาพูดกับปลาตัวอื่น หวังให้พวกปลาช่วยส่งมันออกไปด้านนอกถังน้ำ

ไม่ได้ พี่ชี!

ท่านเซียนอยู่ที่นี่ พวกเราจะกล้าทำเช่นนั้นได้อย่างไร!?

ปลาตัวอื่นเองก็ไม่กล้าช่วยเหลือ

หากช่วยเหลือ ก็เกรงว่าจะไม่ต่างอะไรกับการรนหาที่ตาย

พวกมันไม่กล้า

“เมี้ยว ๆๆ”

ลั่วสุ่ยร้องออกมาในอ้อมแขนของท่านเซียน แววตาของนางเปี่ยมด้วยความไม่เต็มใจ หัวของแมวน้อยมุดกลับเข้าไปในอ้อมแขนของท่านเซียน นางไม่ต้องการจะจากท่านเซียน ไม่ต้องการไปจากที่นี่

“เหตุใดจึงไม่เต็มใจเช่นนี้”

หลี่จิ่วเต้ายิ้มเมื่อเห็นความไม่เต็มใจในดวงตาของเสี่ยวไป๋ เขายิ่งรู้สึกว่าเสี่ยวไป๋มีจิตวิญญาณ ราวกับสามารถเข้าใจสิ่งที่เขาพูดได้จริง ๆ

เสี่ยวไป๋คิดว่าเขาจะส่งมันออกไปอย่างนั้นหรือ

“เจ้าแมวโง่ ข้าทำเช่นนี้ก็เพื่อเจ้า หากเจ้าสามารถฝึกฝนได้ก็นับเป็นเรื่องดีอย่างยิ่งไม่ใช่หรือ ตัวข้าแม้อยากฝึกก็ไม่อาจฝึกตนได้”

หลี่จิ่วเต้าลูบหัวแมวสีขาวพร้อมกล่าว “ข้าไม่ต้องการส่งเจ้าออกไป แค่คิดว่าเจ้ามีจิตวิญญาณ สามารถฝึกตนได้ ข้าต้องการให้เซี่ยเหยียนช่วยเหลือเจ้า ไม่ได้บอกว่าจะส่งเจ้าไป เว้นแต่ว่าเจ้าจะไม่ต้องการกลับมาที่นี่อีกหลังจากก้าวเข้าสู่เส้นทางการฝึกตนแล้ว”

เขาหัวเราะออกมา “ถ้าเจ้าสามารถฝึกตนได้จริง ๆ ก็อย่าลืมกลับมาที่นี่ล่ะ ข้าเองก็อยากเห็นเช่นกันว่าเมื่อเจ้าฝึกตนจนสามารถแปลงกายเป็นมนุษย์ได้จะเป็นเช่นไร!”

ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้!

ภายในใจของลั่วสุ่ยตื่นเต้นจนไม่อาจบรรยายออกมาได้ นางเข้าใจเรื่องราวทุกอย่างแล้ว

ก่อนหน้านี้ นางต้องการจะแปลงกายเป็นมนุษย์ทุกวันเพื่ออยู่ข้างกายท่านเซียน ทั้งยังต้องการให้ท่านเซียนสอนนางวาดภาพเล่นฉิน ดูเหมือนว่าท่านเซียนจะรู้อยู่แต่แรกแล้วว่านางต้องการสิ่งใด และนี่เป็นการทำให้สิ่งที่นางปรารถนาเป็นจริง!

นางตื้นตันใจเป็นอย่างมาก ท่านเซียนใจดีกับนางยิ่ง!

เข้าใจแล้ว!

เข้าใจเป็นอย่างมาก!

อีกด้านหนึ่ง เซี่ยเหยียนเองก็เข้าใจเรื่องราวทุกอย่างเช่นกัน

ความสำเร็จในปัจจุบันของลั่วสุ่ยล้วนถูกท่านเซียนประทานให้ ท่านเซียนจะไม่รู้เรื่องราวของลั่วสุ่ยได้อย่างไร นี่เป็นเพราะท่านเซียนต้องการให้ลั่วสุ่ยสามารถแปลงกายเป็นมนุษย์ ไม่ต้องเป็นเพียงแมวเลี้ยงธรรมดา ๆ อีกต่อไป!

“เสี่ยวไป๋มีจิตวิญญาณแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง เมื่อข้ากลับจะพาเสี่ยวไป๋ไปด้วย เสี่ยวไป๋จะได้สามารถเข้าสู่เส้นทางการฝึกตนได้ เมื่อถึงเวลาข้าจะให้นางแปลงกายเป็นมนุษย์มาหาคุณชาย”

เซี่ยเหยียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม

[1] ชี (七) เป็นคำเรียกมัจฉาสัตมายา ซึ่ง ‘สัตตะ’ แปลว่า เจ็ด

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท