บุปผาลิขิตแค้น – ตอนที่ 442 เข้าวัง

ตอนที่ 442 เข้าวัง

เมื่อ​ข่าว​สงคราม​ซี​เหลียง​ส่ง​มา​ ​ฮ่องเต้​ส่ง​กองทัพ​เหนือ​สาม​กอง​ออก​ไป​นั้น​ ​เมืองหลวง​ก็​สั่งห้าม​ผู้คน​ออกจาก​จวน​เวลา​ค่ำคืน​แล้ว

เวลานี้​มี​งาน​พระศพ​ฮองเฮา​ ​บน​ท้องถนน​ใน​ยามค่ำคืน​ยิ่ง​เงียบสงัด

เสียง​เกือกม้า​ของ​องครักษ์​จึง​ดัง​เป็นพิเศษ​ผ่าน​ค่ำคืน​และ​กำแพง​จวน​ ​อีกทั้ง​ยัง​ชัดเจน​ขึ้น​เมื่อ​ฟัง​จาก​ภายใน​จวน​ของ​องค์​ชาย​ห้า

ตาม​เสียง​ตะโกน​อย่าง​บ้าคลั่ง​ของ​องค์​ชาย​ห้า​ ​บรรดา​บุรุษ​ที่​รายล้อม​เขา​ก็​โยน​คบเพลิง​ลงพื้น​ราวกับ​ตัดสินใจ​บางอย่าง​ได้

พื้นดิน​ราวกับ​ลุกเป็นไฟ

“​องค์​ชาย​ ​ทรง​ตัดสิน​พระทัย​แล้ว​จริง​หรือ​พ่ะ​ย่ะ​ค่ะ​”​ ​บุรุษ​ผู้​หนึ่ง​ถาม

องค์​ชาย​ห้าม​อง​ไฟ​ที่​ลุกโชน​ ​พูด​อย่าง​โกรธแค้น​ ​“​เสด็จ​พี่​กับ​เสด็จ​แม่​ถูก​ทำร้าย​ ​ข้า​จะ​มีชีวิต​อยู่​เพื่อ​สิ่งใด​!​”

แต่​เล็ก​จน​โต​ ​เสด็จ​แม่​ก็​ทรง​เอ่ย​กับ​เขา​ ​เสด็จ​พี่​เป็น​คนที​่​เขา​ใกล้ชิด​ที่สุด​บน​โลก​นี้​ ​เขา​ต้อง​ใช้ชีวิต​ปกป้อง​เสด็จ​พี่

เขา​ไม่​อาจ​ช่วย​เสด็จ​พี่​ได้​ใน​หลายครั้ง​ ​เวลานี้​เสด็จ​พี่​กับ​เสด็จ​แม่​ถูก​คน​ทำร้าย​ ​แต่​ยัง​คิด​เพียง​ให้​เขา​หนี​ไป

เมื่อ​ไม่มี​เสด็จ​พี่​และ​เสด็จ​แม่​ ​เขา​ก็​ไม่รู้​จะ​มีชีวิต​อยู่​อย่างไร

“​ไม่มี​ชีวิต​รอด​ด้วยกัน​ก็​ตาย​ด้วยกัน​!​”​ ​เขา​พูด​อย่างชัดเจน

คนที​่​เป็น​ผู้นำ​กัดฟัน​ ​“​องค์​รัชทายาท​ทรง​มีพ​ระ​คุณ​กับ​พวกเรา​ ​พวกเรา​ก็​ไม่​อยาก​ทิ้ง​เขา​เช่นเดียวกัน​ ​เหมือน​ที่​องค์​ชาย​ห้า​ทรง​พูด​ ​ไม่มี​ชีวิต​รอด​ด้วยกัน​ก็​ตาย​ด้วยกัน​”

คน​รอบด้าน​ต่าง​ตะโกน​ขึ้น​อย่าง​ฮึกเหิม

ในเมื่อ​ตัดสินใจ​แล้วก็​เป็นเรื่อง​ง่าย

“​องค์​ชาย​ ​ฝ่า​บาท​ทรง​ส่ง​คน​มา​จับ​องค์​ชาย​ไม่ใช่​หรือ​ ​พวกเรา​จะ​ใช้​โอกาส​ติดตาม​ท่าน​เข้า​วัง​หลวง​”​ ​ชาย​ที่​เป็น​ผู้นำ​พูด​ ​“​เข้า​วัง​หลวง​ไป​สังหาร​ฉู่​ซิว​หยง​ ​ให้​ฝ่า​บาท​ทรง​คืน​ตำแหน่ง​ให้​องค์​รัชทายาท​”

องค์​ชาย​ห้า​ยิ้ม​เย็น​ ​“​มาถึง​ขั้น​นี้​แล้ว​ ​ยัง​คิด​จะ​คืน​ตำแหน่ง​ให้​องค์​รัชทายาท​อย่าง​เดียว​หรือ​ ​เสด็จ​พ่อ​ทรง​ชรา​แล้ว​ ​ถึง​ได้​หลงกล​แผนการ​ของ​ฉู่​ซิว​หยง​จน​ปลด​เสด็จ​พี่​ ​ให้​เขา​รีบ​ลง​จาก​บัลลังก์​ไป​ใช้ชีวิต​ใน​บั้นปลาย​เสียเถิด​”

การสังหาร​ท่าน​อ๋อง​ ​บีบบังคับ​ฮ่องเต้​ ​หาก​อยาก​จะ​มีชีวิต​อยู่​ต่อไป​ ​ต้อง​เปลี่ยน​ฮ่องเต้​จึง​จะ​ได้

ชาย​ที่​เป็น​ผู้นำ​มอง​ท้องฟ้า​ยามค่ำคืน​ ​เขา​ฟัง​เสียง​เกือกม้า​ที่​ชัดเจน​ขึ้น​เรื่อยๆ​

“​ได้​!​”​ ​เขา​พูดเสี​ยง​เบา​ ​“​พวกเรา​จะ​คุ้มครอง​องค์​ชาย​ห้า​เข้า​วัง​หลวง​ ​ช่วย​องค์​รัชทายาท​!​”

ตาม​คำพูด​ของ​เขา​ ​คน​รอบด้าน​เปิด​ผ้า​ดำ​ออก​ ​คบไฟ​ที่​ลุกโชน​ส่องสว่าง​คันธนู​ใหญ่​หลาย​คัน

“​ไม่เลว​”​ ​องค์​ชาย​ห้า​เดิน​เข้ามา​ดู​ ​พยักหน้า​อย่าง​พอใจ​ ​“​พวก​เจ้า​นำ​อาวุธ​หนัก​ใน​ค่ายทหาร​ออกมา​ได้​”

ชาย​ที่​เป็น​ผู้นำ​ยิ้ม​อย่าง​ได้ใจ​ ​“​เดิมที​ไม่​คิด​ว่า​จะ​ราบรื่น​เพียงนี้​ ​แต่​บังเอิญ​ประสบ​กับ​การบุก​รุกข​อง​ซี​เหลียง​ ​กองทัพ​เหนือ​มี​การเคลื่อนไหว​ ​ทาง​เมืองหลวง​วุ่นวาย​…​อย่างไร​แล้ว​โจว​เสวียน​ก็​ยัง​เด็ก​ ​ไม่​อาจ​ควบคุมสถานการณ์​ได้​ ​ทุกหน​แห่ง​ล้วน​มีข้อบกพร่อง​”

“​ใช่​”​ ​อีก​คน​ก็​อด​พูด​ไม่ได้​ ​“​หาก​แม่ทัพ​หน้ากาก​เหล็ก​ยังอยู่​ ​อย่า​ว่าแต่​ธนู​ใหญ่​ ​พวกเรา​คงจะ​เข้ามา​ไม่ได้​เสียด​้วย​ซ้ำ​”

ดังนั้น​แม่ทัพ​หน้ากาก​เหล็ก​ตาย​ได้ดี​เสีย​จริง

องค์​ชาย​ห้า​หัวเราะ​ร่า​ ​“​มัน​แสดงถึง​สิ่งใด​ ​แสดงถึง​องค์​รัชทายาท​เป็น​โอรส​แห่ง​สวรรค์​ที่แท้​จริง​!​”​ ​เขา​จับ​คันธนู​หนึ่ง​ขึ้น​มา​ ​“​ผู้ใด​ก็​กีดขวาง​เขา​ไม่ได้​!​”

นอกจาก​ทหาร​องครักษ์​ที่​รีบเร่ง​ออกจาก​วัง​หลวง​แล้ว​ ​บน​ท้องถนน​ก็​เต็มไปด้วย​ทหาร​และ​ม้า​ที่​เดิน​ตรวจตรา​ทั่วเมือง

“​ระวังตัว​ให้​มากกว่า​นี้​”​ ​แม่ทัพ​ตะโกน​ด้วย​เสียงทุ้ม​ขณะที่​เขา​ขี่ม้า​เดิน​ไปร​อบ​ด้าน​ ​“​พวก​ซี​เหลียง​คิด​จะ​บุกรุก​ไม่ใช่​แค่​วัน​หรือ​สอง​วัน​แล้ว​ ​แม้ว่า​พวกเขา​จะ​ถูก​กีดขวาง​ไว้​นอก​ซีจิง​ ​แต่​อาจมี​สายลับ​แอบ​เข้ามา​ใน​เมืองหลวง​ ​อีกทั้ง​ยัง​มีเรื่อง​งาน​พระศพ​ของ​ฮองเฮา​ ​พวกเรา​ต้อง​ตรวจสอบ​และ​ป้องกัน​อย่างเคร่งครัด​”

บรรดา​ทหาร​ต่าง​ตอบรับ​อย่าง​พร้อมเพรียง​ ​พวกเขา​แบ่ง​ออก​เป็น​สี่​ขบวน​กระจาย​ไป​คนละ​ทิศทาง​ ​ด้านหลัง​มีเสียง​เกือกม้า​ดัง​ขึ้น​ ​ทหาร​ขบวน​หนึ่ง​ใกล้​เข้ามา

“​ท่าน​โหว​โจว​ให้​พวกเรา​มา​เสริม​กองกำลัง​”​ ​แม่ทัพ​พูด​ขึ้น​ ​พลัน​ยกธง​ส่าย​ไปมา

แม่ทัพ​คน​แรก​จำ​ธง​ได้​ ​เขา​พยักหน้า​ ​คราวนี้​โจว​เสวียน​ไม่ได้​รับมอบหมาย​ให้​ไป​ซีจิง​ต่อสู้​กับ​ชาว​ซี​เหลียง​ ​ฮ่องเต้​ให้​เขา​นั่ง​บัญชาการ​ใน​เมืองหลวง​เพราะ​เชื่อใจ​เขา​ ​อย่างไร​แล้ว​ระยะนี้​เมืองหลวง​ก็​เกิดเรื่อง​ขึ้น​มากมาย

“​พวกเรา​จะ​ไป​เมือง​ใหม่​”​ ​แม่ทัพ​ที่มา​เสริม​นั้น​พูด​ต่อ​ ​“​ภายใน​เมือง​มอบให้​พวก​ท่าน​ดูแล​”

แม่ทัพ​คน​แรก​ตอบรับ​ ​เรียก​กองกำลัง​ขบวน​หนึ่ง​ที่​กำลังจะ​แยก​ออก​ไป​กลับมา​ ​มอง​กองกำลัง​ขบวน​ใหม่​นี้​มุ่งหน้า​ไป​ยัง​เมือง​ใหม่

เวลานี้​เมือง​ใหม่​เจริญรุ่งเรือง​มาก​แล้ว​ ​แต่​เนื่องจาก​มีคำ​สั่งห้าม​ออกจาก​จวน​ใน​ยามวิกาล​ ​ร้านค้า​ปิดประตู​ ​บน​ท้องถนน​ไร้​ซึ่ง​ผู้คน​ ​ถึงแม้​ภายใน​เรือนจำ​นวน​มากมี​ไฟ​สว่างไสว​ ​แต่​ล้วน​กลายเป็น​ดวงไฟ​เล็ก​ๆ​ ​อยู่​ภายใน​ ​ความมืด​มิด​แทบจะ​กลืน​กิน​ทั่ว​ถนน

เมื่อ​กองกำลัง​ขบวน​นี้​เดินทาง​ผ่าน​ถนน​หนึ่ง​ ​บน​ถนน​มีเสียง​ตะโกน​ดัง​ขึ้น​ ​ภายใน​ความมืด​มี​กองกำลัง​สวม​ชุด​เกราะ​อยู่

“​ผู้ใด​กัน​”​ ​ทหาร​ที่​ลาดตระเวน​ตะโกน​ถาม

“​องครักษ์​”​ ​ภายใน​ความมืด​มี​คน​เดิน​ขึ้นหน้า​แสดง​ป้าย​คาด​เอว​ ​“​ฝ่า​บาท​มี​รับสั่ง​ให้​คุมตัว​องค์​ชาย​ห้า​เข้า​วัง​หลวง​ ​ผู้​ไม่เกี่ยว​ข้อง​หลบหลีก​ไป​ให้​หมด​”

พวกเขา​คงจะ​ถามถึง​พระราชสาส์น​ของ​ฮ่องเต้​…​คน​ผู้​นี้​มือหนึ่ง​ถือ​ป้าย​คาด​เอว​ ​อีก​มือจับ​ไว้​ที่​เอว​ ​เวลานี้​พวกเขา​ยัง​ไม่ได้​รับพระ​ราช​สาส์น​ ​หวัง​ว่า​จะ​สามารถ​รับมือ​ได้​เมื่อ​บอกว่า​ฝ่า​บาท​ไม่​ทรง​มอบ​พระราชสาส์น​มา​ให้

แต่​สิ่ง​ที่​ทำให้​เขา​ประหลาดใจ​คือ​ ​บรรดา​ทหาร​ลาดตระเวน​เพียงแค่​มอง​ป้าย​คาด​เอว​จาก​ระยะไกล​ ​จากนั้น​จึง​ถอยหลัง​ไป

คนที​่​ถือ​ป้าย​คาด​เอว​โล่งใจ​ ​ในขณะที่​กำลังจะ​ถอยหลัง​กลับ​เข้า​ความมืด​อย่าง​ช้าๆ​ ​นั้น​ก็​มีเสียง​ดัง​ขึ้น​มาจาก​ส่วนลึก​ใน​ยามค่ำคืน​ด้านหลัง​ ​ปะปน​ด้วย​เสียง​กระแทก​และ​เสียง​ตะโกน​ของ​คน​…

ถึงแม้​เสียง​เหล่านี้​ถูก​ข่ม​ลง​ไป​อย่างรวดเร็ว

แต่​…

คนที​่​ถือ​ป้าย​คาด​เอว​เกร็ง​แผ่น​หลัง​อีกครั้ง​ ​หาก​ทหาร​ลาดตระเวน​เหล่านี้​ต้องการ​ตรวจดู​…

เพียงแต่​บรรดา​ทหาร​ลาดตระเวน​เหล่านี้​เหมือน​จะ​ไม่สน​ใจ​ ​พวกเขา​ถอยหลัง​หลบหลีก

มัน​ทำให้​คนที​่​เฝ้า​อยู่​บน​ท้องถนน​ใน​เดิมที​ตกตะลึง​เล็กน้อย

คน​ผู้​หนึ่ง​ใน​เงามืด​ถาม​ขึ้น​ ​“​ทหาร​ด้านล่าง​ของ​เสี้ยว​เว​่​ยป​ระ​ตู​เมือง​ยโส​โอหัง​เสมอมา​ ​ไม่มี​เรื่อง​ก็​ยัง​จะ​หาเรื่อง​ ​เหตุใด​เวลานี้​ได้ยิน​การเคลื่อนไหว​จึง​ไม่​ถาม​ไม่สน​ใจ​”

แม้​จะ​กลบเกลื่อน​เสียง​เหล่านั้น​อย่างไร​ ​หาก​เป็น​ทหาร​ย่อม​สังเกต​ได้​ว่า​มี​คน​กำลัง​ต่อสู้​กัน

คนที​่​ถือ​ป้าย​คาด​เอว​เข้าใจ​ ​เขา​พูดเสี​ยง​เบา​ ​“​องค์​ชาย​ห้า​เป็น​นักโทษ​ ​เวลานี้​องค์​รัชทายาท​ถูก​ปลด​แล้ว​ ​ฮองเฮา​สิ้นพระชนม์​แล้ว​ ​พวกเขา​อาจ​เข้าใจผิด​ว่าการ​คุมตัว​เข้า​วัง​หลวง​ของ​ฮ่องเต้​มีความหมาย​อย่าง​อื่น​”

อาทิ​คาดโทษ​ ​หาก​เป็นการ​คาดโทษ​ ​องค์​ชาย​ห้า​ย่อม​ต้อง​ขัดขืน​ ​มี​ขัดขืน​ย่อม​มี​การปะทะ​…

บรรดา​ทหาร​ลาดตระเวน​ยโส​ไม่​อยาก​เกี่ยวข้อง​กับ​เรื่อง​ของ​ราชวงศ์

ทหาร​ลาดตระเวน​เหล่านี้​ถอย​ไป​เฝ้า​อย่างสงบ​อยู่​ด้าน​ข้าง​ ​ปล่อย​ให้​เสียง​การปะทะ​จาก​ระยะไกล​ดัง​ขึ้น​และ​เงียบ​ลง​ ​ยามค่ำคืน​ตก​อยู่​ใน​ความ​เงียบสงัด​ ​จากนั้น​เสียง​เกือกม้า​ก็​ดัง​ขึ้น​อีกครั้ง​…

องครักษ์​สวม​ชุด​เกราะ​นับ​สิบ​ขี่ม้า​มา​ ​ความมืด​และ​หมวก​ปิดบัง​ใบหน้า​ของ​พวกเขา​ ​มี​เพียง​คนที​่​ถูก​มัด​เอาไว้​บน​ม้า​ตัวตรง​กลาง​ที่​เด่นชัด

เขา​สวม​ชุด​ผ้าป่าน​ ​ผมเผ้า​กระเซิง​เล็กน้อย​ ​ใบหน้า​ที่​ถูก​ส่อง​ด้วย​คบเพลิง​นั้น​มี​คราบเลือด​เปรอะเปื้อน​อยู่​ ​สีหน้า​ของ​เขา​โหดเหี้ยม

เขา​คือ​องค์​ชาย​ห้า​ที่​ไม่เห็น​หน้า​มานาน

บรรดา​ทหาร​ลาดตระเวน​ที่​เห็น​องค์​ชาย​ห้า​ยิ่ง​หลีก​ไป​สอง​ข้างทาง​ ​ปล่อย​ให้​พวกเขา​เคลื่อนตัว​ผ่าน​ไป

องครักษ์​สอง​คน​ท้าย​ขบวน​แอบ​หันหลัง​กลับมา​มอง​ ​เห็น​ทหาร​ลาดตระเวน​ขบวน​นี้​ตรวจตรา​ต่อ​หลังจาก​พวกเขา​จาก​มา

พวกเขา​สบตา​กัน​ ​ทำ​สัญลักษณ์​มือ​เป็น​เชิง​ว่า​ทำสำเร็จ​ ​คบเพลิง​สั่น​ไหว​ ​ส่อง​ให้​เห็น​ใบหน้า​ได้ใจ​ภายใต้​หมวก​ของ​พวกเขา​ ​รวมทั้ง​เสื้อผ้า​ที่​แตกต่าง​กัน​ภายใต้​ชุด​เกราะ​…

ชุด​เกราะ​เหล่านี้​ไม่ใช่​ของ​พวกเขา​ ​อีกทั้ง​พวกเขา​ก็​ไม่ใช่​องครักษ์​จริงๆ

องครักษ์​ที่​มุ่งหน้า​มาคุม​ตัว​ถูก​หลอกล่อ​ให้​เข้าไป​ใน​จวน​ของ​องค์​ชาย​ห้า​ก่อนหน้านี้​ ​คันธนู​ที่​รอ​อยู่​นั้น​ยิง​ออกมา​ทันที​ ​มี​คนตาย​ในทันที​ ​แต่​ก็​มี​คนตาย​จาก​การถู​กดาบ​ฟัน​ ​จากนั้น​ถูก​ถอด​ชุด​เกราะ​และ​อาวุธ​โยน​เข้า​ห้อง​ที่ว่างเปล่า

ต่อมา​เป็นการ​ผ่าน​ด่าน​ประตู​วัง​หลวง​ก็​จะ​สามารถ​เข้า​วัง​หลวง​ได้​อย่างราบรื่น

วัง​หลวง​ไม่ได้​ถูก​ความมืด​มิด​กลืน​กิน​ ​ทั้ง​ภายใน​และ​ภายนอก​เต็มไปด้วย​คบเพลิง​ที่​ลุกโชน​ ​ทำให้​ทั้ง​ภายใน​และ​ภายนอก​วัง​หลวง​เหมือน​กลางวัน​ที่​สว่างไสว

เมื่อยื​นอยู​่​บน​กำแพง​วัง​ ​สามารถ​มองเห็น​กองกำลัง​ที่​เดิน​ขวักไขว่​ไปมา​อยู่รอด​้าน​ใน​ของ​วัง​หลวง​ได้​อย่างชัดเจน

โจว​เสวียน​หรี่​ตาลง​ ​เมื่อม​อง​ผ่าน​ความสว่าง​ตรงหน้า​ไป​ยัง​ทิศทาง​ของ​เมือง​ใหม่​ ​เขา​ราวกับ​เห็น​แสงไฟ​ระยิบระยับ​สว่าง​ขึ้น​ ​บน​ใบหน้า​ของ​เขา​ปรากฏ​รอยยิ้ม

“​ไป​”​ ​เขา​หันหลัง​พลัน​พูด​ ​“​ข้า​จะ​ไป​เฝ้า​ประตู​วัง​”

บรรดา​ทหาร​ข้าง​กาย​ต่าง​รายล้อม​ ​เมื่อ​เดิน​ไป​ถึง​ประตู​วัง​ ​ชิง​เฟิ​งก​็​วิ่ง​เข้ามา​จาก​ด้านนอก​ ​“​นาย​น้อย​”

โจว​เสวียน​มอง​เขา​ลงมา​จาก​ม้า​ ​พลัน​ขมวดคิ้ว​ ​“​ไม่ได้​ให้​เจ้า​ไป​เฝ้า​อยู่​นอกเมือง​หลวง​หรือ​”

ชิง​เฟิ​งม​อง​เขา​ด้วย​สีหน้า​ซับซ้อน​ ​“​นาย​น้อย​ ​ให้​ข้า​อยู่​กับ​ท่าน​เถิด​”

“​ข้า​ไม่ใช่​เด็ก​สาม​ขวบ​”​ ​โจว​เสวียน​รำคาญ​ ​“​เวลานี้​สิ่ง​ที่​เจ้า​ต้อง​ทำไม​่​ใช่​ติดตาม​ข้า​ ​หากแต่​ทำงาน​ให้​ข้า​”

“​แต่​เห็นได้ชัด​ว่านา​ยน​้อย​ไม่​ให้​ข้า​ทำงาน​”​ ​ชิง​เฟิง​ตะโกน​ ​พลัน​จับ​โจว​เสวียน​เอาไว้​ ​“​นาย​น้อย​ ​ท่าน​มีเรื่อง​ใด​ปิดบัง​ข้า​”

โจว​เสวียน​หัวเราะ​ ​“​พูด​เรื่อง​ใด​กัน​ ​เหตุใด​ข้า​ต้อง​ปิดบัง​เจ้า​”

ชิง​เฟิง​จับ​เขา​ไม่​ปล่อย​ ​หากแต่​เข้าใกล้​มากขึ้น​ ​“​ท่าน​บอก​ข้ามา​ ​ก่อนหน้านี้​มี​กองกำลัง​หนึ่ง​เข้า​เมือง​ ​ข้า​ไม่เคย​เห็น​มาก​่อน​ ​พวกเขา​เป็น​ผู้ใด​กัน​”

โจว​เสวียน​มอง​เขา​ ​“​ใน​ค่าย​มี​คน​จำนวนมาก​ ​ข้า​ยัง​จำ​ไม่​หมด​ ​เจ้า​ไม่เคย​เห็น​ก็​ไม่​แปลก​”

“​นาย​น้อย​ ​ข้า​ติดตาม​ท่าน​ตั้งแต่​วัน​แรก​ที่​ท่าน​เข้า​ค่ายทหาร​!​”​ ​ชิง​เฟิง​ตะโกน​ ​องครักษ์​หนุ่ม​ที่​อารมณ์ดี​อยู่​เสมอ​เศร้าโศก​ในเวลานี้​ ​“​ข้า​ไม่มีทาง​ไม่รู้​จัก​กองกำลัง​ที่​ถือ​คำสั่ง​ของ​ท่าน​ได้​!​ ​นาย​น้อย​ ​ท่าน​กำลัง​ทำ​สิ่งใด​อยู่​กัน​แน่​ ​ระยะนี้​กองกำลัง​ข้าง​กาย​ท่าน​เปลี่ยนแปลง​อยู่​เสมอ​ ​กองกำลัง​เหล่านี้​มาจาก​ที่ใด​กัน​”

โจว​เสวียน​มอง​เขา​ราวกับ​ขุ่นเคือง​ ​“​ไม่มี​เรื่อง​ใด​ปิดบัง​เจ้า​ได้​เลย​เสีย​จริง​”​ ​แต่​ก็​ราวกับ​หมดหนทาง​ ​“​ได้​ ​ข้า​บอก​เจ้า​…​”

เมื่อ​พูดถึง​ตรงนี้​ ​ชิง​เฟิง​จึง​หยุด​ฟัง​ ​แต่​ในเวลานี้​ ​มือ​ของ​โจว​เสวียน​ยกขึ้น​อย่างรวดเร็ว​ ​พลัน​กระแทก​เข้ากับ​หลัง​คอ​ของ​เขา​ ​ร่างกาย​ของ​ชิง​เฟิ​งอ​่อ​นระ​ทวย​ ​ล้ม​ลง​บน​ตัว​ของ​โจว​เสวียน

ร่างกาย​ของ​โจว​เสวียน​เหยียด​ตรง​ ​สีหน้า​เรียบ​เฉย

ก่อนหน้านี้​ตอนที่​ชิง​เฟิง​พูดเสี​ยง​ดัง​ ​รวมถึง​ตอนที่​โจว​เสวียน​ตีชิง​เฟิง​จน​สลบ​ ​ไม่ว่า​จะ​เป็น​ทหาร​ที่​ยืน​อยู่​ข้าง​ตัว​ ​หรือว่า​เป็น​ทหาร​ที่​ยืน​เฝ้า​อยู่​สอง​ข้าง​ของ​ประตู​วัง​ก็​ราวกับ​ไม่เห็น​หรือไม่​ได้ยิน​สิ่งใด

จนกระทั่ง​โจว​เสวียน​พูด​ ​“​นำ​ตัว​เขา​ไป​ขัง​ใน​ค่าย​”​ ​บรรดา​ทหาร​จึง​ตอบรับ

มีท​หาร​สอง​คน​เดิน​เข้ามา​ลาก​ชิง​เฟิ​งอ​อก​ไป​ ​ร่าง​ของ​โจว​เสวียน​ก็​เอน​ตาม​ไป​ด้วย​ ​เขา​ก้มหน้า​มอง​ ​ที่แท้​มือ​ของ​ชิง​เฟิง​เกี่ยว​อยู่​ที่​สาย​คาด​เอว​ของ​เขา​…​ราวกับ​ไม่ยอม​ปล่อยไป

โจว​เสวียน​เหลือบมอง​ชิง​เฟิง​ ​เขา​เคย​มีส​หาย​มากมาย​ ​แต่​นับจาก​ท่าน​พ่อตาย​ ​เขา​ก็​เหลือ​ตัว​คนเดียว​ ​จะ​ว่า​ไป​หลาย​ปีนี​้​ ​คนที​่​อยู่​เคียงข้าง​เขา​ก็​คือ​ชิง​เฟิ​ง.​..

ชิง​เฟิง​ ​โจว​เสวียน​ยื่น​ไป​ดึง​มือ​ของ​อีก​ฝ่าย​ออก​ ​คง​ต้องโทษ​ที่​เจ้า​โชคร้าย​ ​ติดตาม​เขา​มานาน​หลาย​ปี​ ​มี​ความสามารถ​แต่​ไม่มี​โอกาส​ได้​สร้าง​ความดี​ความชอบ​ ​สุดท้าย​ยัง​ต้อง​เดือดร้อน​…

หลังจาก​ค่ำคืน​นี้​ ​ขอให้​เจ้า​โชคดี​ ​สามารถ​มีชีวิต​ต่อ​ได้

เมื่อ​ความคิด​นี้​แล่น​ผ่าน​ ​โจว​เสวียน​จึง​พูดเส​ริม​ขึ้น​ ​“​มัด​เขา​แล้ว​ขัง​เอาไว้​”

ทหาร​สอง​คน​ตอบรับ​ ​พลัน​ลาก​ชิง​เฟิง​จากไป

โจว​เสวียน​เบน​สายตา​กลับมา​ ​เขามอง​ทหาร​อีก​คน​ข้าง​กาย​ ​ก่อน​จะ​มอง​บรรดา​ทหาร​ที่​เฝ้า​อยู่​ที่​ประตูเมือง​ ​ชิง​เฟิง​พูด​ถูก​ ​ทหาร​เหล่านี้​ล้วน​เป็น​คนที​่​พวกเขา​ไม่รู้​จัก​ ​เพราะว่า​ทหาร​เหล่านี้​เป็นกอง​กำลัง​ที่​ท่าน​อ๋อง​ฉี​องค์​ก่อน​ซ่อน​เอาไว้​

ตอนที่​เขา​บุก​จับกุม​ท่าน​อ๋อง​ฉี​ ​เขา​ไม่ได้​ประหาร​ท่าน​อ๋อง​ฉี​ ​ท่าน​อ๋อง​ฉี​จึง​มอบ​กองกำลัง​ที่ซ่อน​เอาไว้​ให้​แก่​เขา​…​แน่นอน​ภายใน​กองกำลัง​นี้​ย่อม​มีสา​ยลั​บที​่​ท่าน​อ๋อง​ฉี​แทรกแซง​เอาไว้​ ​แต่​หลังจาก​ผ่าน​การกวาดล้าง​หลาย​รอบ​ ​กองกำลัง​ส่วนใหญ่​ก็​กลายเป็น​ของ​เขา​แล้ว​ในเวลานี้

นับแต่​แม่ทัพ​หน้ากาก​เหล็ก​ตาย​ ​เขา​ครอบครอง​อำนาจ​ทหาร​ ​สลับ​ปรับเปลี่ยน​ไป​อย่าง​ช้าๆ​ ​กองกำลัง​เหล่านี้​ก็​สามารถ​เฝ้า​ระวัง​เมืองหลวง​ได้​อย่างเข้มงวด​ใน​เวลา​ที่​วิกฤต​แล้ว

ซึ่ง​หมายความว่า​ ​วันนี้​เวลานี้​ ​วัง​หลวง​อยู่​ภายใน​การควบ​คุม​ของ​เขา​แล้ว

โจว​เสวียน​หยิบ​ตรา​คำสั่ง​ออกมา​ ​“​เฝ้า​เมืองหลวง​ไว้​อย่างเข้มงวด​ ​ผู้ใด​ก็​ไม่​อาจ​เข้าออก​ได้​”

ทหาร​รับ​ตรา​คำสั่ง​จากไป

จากนั้น​มี​กองกำลัง​หนึ่ง​ใกล้​เข้ามา​ ​โจว​เสวียน​มอง​ไป​ ​ก่อน​จะ​เห็น​องค์​ชาย​ห้า​ที่อยู่​ท่ามกลาง​องครักษ์​ ​เขา​ตะโกน​ ​“​อามู​่​”

องค์​ชาย​ห้าม​อง​เขา​อย่าง​เย็นชา​ ​พลาง​ถ่มน้ำลาย

โจว​เสวียน​ก็​ถ่มน้ำลาย​กลับ​อย่าง​ไม่​เกรงใจ​ ​เขา​ชี้นิ้ว​ ​“​ลง​ม้า​ ​เจ้า​นักโทษ​!​”

ไม่ต้อง​ให้​ทหาร​เฝ้า​เมืองขึ้น​หน้า​ ​บรรดา​องครักษ์​ก็​ลง​จาก​ม้า​ ​พลัน​ดึง​องค์​ชาย​ห้า​ลงมา​ทันที​…​เกรง​ว่า​หาก​ช้า​ไป​เพียง​ก้าว​เดียว​จะ​ถูก​ทหาร​เฝ้า​ประตูเมือง​เข้าใกล้

“​โจว​เสวียน​ ​เจ้า​อย่า​ได้ใจ​ไป​”​ ​องค์​ชาย​ห้า​ตะโกน​ด่า​ด้วย​ความโกรธ

โจว​เสวียน​ยิ้ม​อย่าง​มีนัย​ ​“​ข้า​ไม่ได้​ถูก​ปลด​เป็น​สามัญชน​ ​เหตุใด​จึง​ได้ใจ​ไม่ได้​”

องค์​ชาย​ห้า​ทำท่า​อยาก​จะ​กระโจน​เข้ามา​กัด​เขา​ ​แต่​เสียดาย​ที่​ถูก​บรรดา​องครักษ์​จับตัว​เอาไว้​แน่น

โชคดี​ที่​โจว​เสวียน​ก็​รู้​ว่า​เวลานี้​ไม่เหมาะสม​กับ​การ​ถกเถียง​ ​เขา​ไม่​พูดมาก​บอก​ให้​พวกเขา​เข้า​วัง​ ​แม้แต่​พระราชสาส์น​ก็​ไม่ได้​ตรวจดู​ ​ยิ่ง​ไม่สน​ใจ​จำนวน​องครักษ์​จะ​มากขึ้น​หรือไม่

บรรดา​องครักษ์​โล่งใจ​อีกครั้ง​ ​พวกเขา​คุมตัว​องค์​ชาย​ห้า​เดิน​เข้าไป​อย่าง​ไม่​ตระหนก

โจว​เสวียน​มอง​แผ่น​หลัง​ของ​พวกเขา​ ​มุม​ปาก​เผย​รอยยิ้ม​เย้ยหยัน

ประตู​วัง​หลวง​ปิด​ลง​อย่าง​ช้าๆ​ ​เรื่อง​สนุก​เริ่ม​ขึ้น​แล้ว

แต่ว่า​ก่อน​ดู​เรื่อง​สนุก​ ​ยัง​มี​อีก​เรื่อง

โจว​เสวียน​เดิน​เข้าไป​ใน​วัง​หลวง​ ​ไม่นาน​นัก​ก็​มาถึง​สำนัก​ราชทัณฑ์

ทาง​นี้​ยังคง​มืดมิด​เหมือนเคย​ ​เงียบสงัด​ราวกับ​ไร้​ผู้คน

แต่​มัน​ก็​ไร้​ผู้คน​จริงๆ

โจว​เสวียน​ยืน​อยู่​ใน​ห้องขัง​พร้อมกับ​คบเพลิง​ใน​มือ​ ​มองดู​ห้อง​ที่ว่างเปล่า​ด้วย​สีหน้า​ดำทะมึน

เฉิน​ตัน​จู​เล่า​…

บุปผาลิขิตแค้น

บุปผาลิขิตแค้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท