เห็นใบหน้ามั่วเชียนเสวี่ยระบายไปด้วยรอยยิ้ม ถงจื่อจิ้งก็ลุกขึ้น ยิ้มน้อยๆ มองไปที่หนิงเซ่าชิง คล้ายกับเพิ่งเห็นว่าหนิงเซ่าชิงมาถึงเช่นกัน เขาโค้งกายทำความเคารพ “จื่อจิ้งคารวะพี่เขย พี่เขย จื่อจิ้งคิดถึงท่านมาก”
หนิงเซ่าชิงจิตใจสับสนวุ่นวายเล็กน้อย ใครต้องการให้เขาคิดถึงกัน!
เขาสามารถลงมือกับซูชีได้อย่างเปิดเผยและสมเหตุสมผล แต่กับถงจื่อจิ้งนั้นไม่ได้
เขาเอ่ยปากก็เรียกพี่เขย ปฏิบัติกับเขาต่อหน้ามั่วเชียนเสวี่ยอย่างมีมารยาทและสุภาพเรียบร้อย จะให้เขาแข็งใจทำร้ายคนที่ยิ้มแย้มกับตนเอง เขาจะลงมือเช่นไร
จึงยิ้มแห้งๆ รับคำ “อืม เด็กดี!”
มั่วเชียนเสวี่ยจะรู้ถึงความเคลื่อนไหวระหว่างสองบุรุษนี้เสียที่ไหน ในสายตาของนาง สองคนนี้ปรองดองกันมาก
“เซ่าชิง ท่านรู้ไหมว่า จื่อจิ้งเป็นคนบอกข้าถึงวิธีการใช้กระจกสร้างโรงเรือนเพาะปลูกพืชในฤดูหนาว เป็นอย่างไร จื่อจิ้งเก่งกาจใช่หรือไม่”
ใบหน้าที่เดิมอ่อนโยนของหนิงเซ่าชิงเย็บเยียบทันที! เมื่อได้ยินมั่วเชียนเสวี่ยใช้น้ำเสียงภาคภูมิใจสุดซึ้งชมเชยถงจื่อจิ้ง
ทั่วร่างพลันรู้สึกไม่ดีขึ้นมา!
ที่แท้ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นถงจื่อจิ้งคิดออกมา!
ลมเพชรหึงถูกแผ่ออกมาทันที…
ส่วนตอนที่เด็กแสบถงจื่อจิ้งเห็นหนิงเซ่าชิงใบหน้าบิดเบี้ยวอย่างชัดเจน ก็มีความสุขขึ้นมา!
มุมปากโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มกว้างกว่าเดิม
คราวนี้ เป็นรอยยิ้มจริงๆ แล้ว
เขาไม่ได้รังเกียจหนิงเซ่าชิงมากมายขนาดนั้น เพียงแต่ทุกครั้งที่หนิงเซ่าชิงมา ก็จะแย่งมั่วเชียนเสวี่ยกับเขา ทำให้เขารู้สึกไม่สบอารมณ์
แต่ก่อนตอนที่อยู่หมู่บ้านหวังจยา หลายครั้งที่พี่สาวเชียนเสวี่ยไม่สนใจแล้วทิ้งเขาเอาไว้ ล้วนเป็นเพราะกลอุบายเล็กๆ น้อยๆ ของบุรุษผู้นี้!
ถงจื่อจิ้งแค้นฝังใจมาก!
แม้สติปัญญาเขาจะเติบโตเต็มที่แล้ว แต่ยังคงมีนิสัยเด็กๆ อยู่
มั่วเชียนเสวี่ยที่จมอยู่ในภาพแบบร่างของโรงเรือนเพาะปลูกพืชผักอันงดงาม จึงไม่รับรู้ถึงคลื่นใต้น้ำตรงหน้าเลยสักนิด!
“เซ่าชิง ท่านว่าวิธีการของพวกเราดีหรือไม่ เยี่ยมไปเลยใช่หรือไม่”
นางร้อนใจอยากได้คำชื่นชมจากหนิงเซ่าชิง แบบนี้เป็นเรื่องที่น่าดีใจยิ่งกว่าการที่นางหาเงินทองได้มากมาย!
ส่วนหนิงเซ่าชิงที่ได้ยินมั่วเชียนเสวี่ยเอ่ยว่า ‘พวกเรา’ ก็มีท่าทางบ้าคลั่งทันที!
เสวี่ยเสวี่ยของเขาถึงกับเรียกตนเองกับบุรุษอื่นว่าพวกเรา!
นี่ทำให้คนรับได้ยากยิ่ง!
“ไม่ได้!”
“…หือ?”
มั่วเชียนเสวี่ยที่เดิมตื่นเต้นดีอกดีใจ เฝ้ารอคำชมจากหนิงเซ่าชิง แต่กลับคิดไม่ถึงว่า จะได้รับคำว่าไม่ได้ที่เย็นชาแข็งทื่อจากเขาแทน!
นี่จะให้นางรับไหวได้อย่างไร
“เซ่าชิง ท่านเอ่ยว่าอะไรนะ เหตุใดถึงไม่ได้เล่า”
หนิงเซ่าชิงที่ถูกอาการหึงครอบงำจนทำอะไรไม่ถูก จะเห็นความกระวนกระวายใจและผิดหวังในนัยน์ตามั่วเชียนเสวี่ยเสียที่ไหนกัน
“ไม่ได้! ข้าบอกว่าไม่ได้ก็คือไม่ได้! เชียนเสวี่ย เรื่องนี้ก็หยุดเพียงเท่านี้เถอะ”
ถ้าทำออกมาจริงๆ ถึงตอนนั้น เชียนเสวี่ยของเขาก็จะปรึกษานู่น ปรึกษานี่กับถงจื่อจิ้งกันสองคนทั้งวัน นี่คือสิ่งที่เขาไม่สามารถอดทนได้!
แม้ว่าในใจเชียนเสวี่ยของเขาจะมีเขาคนเดียว แม้ว่าเชียนเสวี่ยของเขาจะรู้สึกกับถงจื่อจิ้งเพียงแค่พี่สาวน้องชาย!
แต่เขาไม่อนุญาต!
เขาจะถูกความหึงทำให้ตนเองเป็นบ้าตาย!
“เซ่าชิง! เหตุใดจึงไม่ได้เล่า ข้าคิดว่าวิธีนี้ดีมาก! หลังจากสร้างโรงเรือนเพาะปลูกขึ้นมาแล้ว พวกเราจะต้องทำเงินได้มากมาย! อีกอย่างในฤดูหนาวก็สามารถได้กินพืชผักสดใหม่ นี่เป็นการริเริ่ม เป็นเรื่องที่มีความหมายมาก! เหตุใดท่านจึงบอกว่าไม่ได้กัน!”
ตอนนี้ น้ำเสียงของมั่วเชียนเสวี่ยก็ไม่ค่อยดีเช่นกัน
แน่นอนว่า ไม่ว่าผู้ใดที่ประสบกับเรื่องแบบนี้ ในใจต้องล้วนรู้สึกแย่ด้วยกันทั้งนั้น!
เรื่องที่น่ายินดีเรื่องหนึ่งถึงกับถูกหนิงเซ่าชิงปฏิเสธเช่นนี้! อีกทั้งเหตุผลที่กล่าวออกมาจะถูกก็ไม่ใช่ผิดก็ไม่เชิง เพียงแค่ไม่ได้ประโยคเดียว ก็ปฏิเสธผลลัพธ์ที่นางปรึกษาตลอดทั้งบ่ายกับถงจื่อจิ้งสองคน
จะมั่วเชียนเสวี่ยยอมได้อย่างไร
หนิงเซ่าชิงขมวดคิ้วแน่น
เมื่อถงจื่อจิ้งมา เชียนเสวี่ยก็ใช้น้ำเสียงที่ไม่ดีกับเขาเสียแล้ว แบบนี้จะยอมได้เช่นไร
ถ้าหากว่าสร้างโรงเรือนเพาะปลูกพืชผักออกมาจริงๆ เชียนเสวี่ย…เชียนเสวี่ยจะไม่…
ไม่ได้ ไม่ได้! ไม่ได้เด็ดขาด!
“ถ้าหากเชียนเสวี่ยชอบเงิน เช่นนั้นข้าจะพยายามหาเงินให้มากแน่นอน หลายปีมานี้ก็ใช้ชีวิตผ่านฤดูหนาวมากันแบบนี้ แม้ว่าจะไม่มีพืชผัก ก็ยังสามารถผ่านมาได้ด้วยดี เรื่องพวกนี้เชียนเสวี่ยไม่จำเป็นต้องกังวลไป สรุปแล้ว โรงเรือนเพาะปลูกพืชผักนี่ไม่ทำก็ไม่เป็นไร!”
“หนิงเซ่าชิง! ท่านเป็นอะไรกันแน่!”
มั่วเชียนเสวี่ยรู้สึกว่าตนเองจะเป็นบ้าแล้ว!
นางอยากจะเอ่ยว่า หนิงเซ่าชิง ท่านระดูมาเยือนใช่หรือไม่ เหตุใดวันนี้ถึงได้แปลกขนาดนี้?
จากความคิดของมั่วเชียนเสวี่ย นางมีสัมพันธ์แนบชิดกับเขาแล้ว ย่อมคิดไม่ถึงว่าหนิงเซ่าชิงจะหึงเด็กน้อยที่ไม่มีอะไรอย่างถงจื่อจิ้งอีก!
เห็นอยู่ชัดๆ ว่าตอนเช้าที่มาก็ไม่ได้มีเรื่องมากมายอะไรขนาดนั้น แม้ว่าความหมายในวาจาจะไม่ค่อยเห็นด้วยกับการที่นางจะสร้างโรงเรือนเพาะปลูกพืชผัก แต่กลับไม่ได้ขัดขวางอะไรมากนัก
เหตุใดเพียงแค่ระยะเวลาสั้นๆ ไม่กี่ชั่วยาม ถึงได้เปลี่ยนความคิดเสียเล่า
นี่…ยังไม่ทันได้แต่งงาน หนิงเซ่าชิงก็กล้าไม่ไว้หน้านาง ทั้งยังชี้ไม้ชี้มือควบคุมเรื่องของนางเช่นนี้ ในภายหน้าเมื่อนางแต่งเข้าจวนหนิงไป หนิงเซ่าชิงจะกักบริเวณนางอยู่ในเรือนหลัง ให้นางไม่ได้ออกนอกจวนไปตลอดชีวิตใช่หรือไม่!
ถ้าหากว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ แล้วนาง มั่วเชียนเสวี่ยจะนับเป็นตัวอะไรกัน?
เป็นนกขมิ้นที่หนิงเซ่าชิงเลี้ยงดูเอาไว้หรือ
น่ารังเกียจที่สุด!
มีคนอิจฉา ก็มีคนดื้อดึง ทำเรื่องที่สุดท้ายไม่เกิดประโยชน์
ดังนั้นจีงมีบางวาจาที่เอ่ยออกมาโดยไม่ผ่านกระบวนความคิด
“ข้าจะสร้างโรงเรือนเพาะปลูกพืชผัก นั่นเป็นเรื่องของข้า! ในเมื่อท่านไม่ยินยอม เช่นนั้นไม่ต้องมาดูก็ได้! ข้าไม่ต้องการความช่วยเหลือของท่าน!”
เอ่ยจบ มั่วเชียนเสวี่ยก็หันหลังไปอย่างไม่ยอมแพ้ ไม่มองหนิงเซ่าชิงอีก
นัยน์ตาหนิงเซ่าชิงมีความลนลานพาดผ่าน
แต่ทว่า อยู่ต่อหน้าถงจื่อจิ้ง หนิงเซ่าชิงอยากจะเอ่ยวาจาง้องอน ก็หาทางลงให้ตนเองไม่ได้อยู่บ้าง
ถงจื่อจิ้งไม่ได้มีเส้นสนกลในหรือต้องรักษาหน้าตามากขนาดนั้น เขาทนเห็นมั่วเชียนเสวี่ยเสียใจไม่ได้
จึงรีบก้าวขึ้นไปปลอบ “พี่สาว ท่านวางใจได้ จื่อจิ้งสนับสนุนท่าน! สำหรับเรื่องกระจก มอบให้จื่อจิ้งเถอะ! จื่อจิ้งจะต้องช่วยจัดการเรื่องนี้ให้พี่สาวเรียบร้อยแน่นอนขอรับ!”
หนิงเซ่าชิงโมโหจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน!
“ยังคงเป็นจื่อจิ้งที่รู้ใจพี่สาว และก็มีเพียงจื่อจิ้งที่รักพี่สาว ไม่เหมือนใครบางคน! เชอะ!” มั่วเชียนเสวี่ยกำลังโมโห วาจาที่เอ่ยออกมามีการประชดประชันสามส่วน และเจือไปด้วยการเสียดสีสามส่วน
ใบหน้าหนิงเซ่าชิงที่เดิมเย็นชาอยู่แล้ว ก็เย็นเยียบขึ้นอีกสามส่วน
มองแผ่นหลังเด็ดเดี่ยวของมั่วเชียนเสวี่ยแล้ว จะรุกก็ไม่ได้ จะถอยก็ไม่ได้เช่นกัน จึงชะงักอยู่ตรงนั้น
เดิม เมื่อครู่เขายังคิดจะเข้าไปง้อมั่วเชียนเสวี่ย แต่หลังจากได้ยินมั่วเชียนเสวี่ยเอ่ยออกมาเช่นนั้น ใจก็ท้อแท้อยู่บ้าง
เขาจะไม่รักนางได้อย่างไร
เขาย่อมรู้ว่านางมีความมุ่งมั่นไม่แพ้บุรุษ แต่นี่ไม่ใช่ว่าเขาปวดใจที่นางทำงานหนักมากเกินไปหรอกหรือ