เฉินตันจู!
ที่แท้เฉินตันจูอยู่ด้านหลังฉากกั้นตลอด!
ที่แท้ฮ่องเต้เป็นผู้จับเฉินตันจูไป
ฮ่องเต้ต้องการใช้เฉินตันจูมาข่มขู่ฉู่อวี๋หยง เห็นได้ชัดว่าเขาก็ระวังการมาของฉู่อวี๋หยง
สีหน้าที่เหม่อลอยของฉู่ซิวหยงยิ่งซีดเผือด เขาเดินขึ้นหน้า โจวเสวียนก็ตะโกนออกมา ร่างของเขากำลังจะกระโจนไปทางมั่วหลิน
ขันทีจิ้นจงเตะเขาล้มลงกับพื้น
“เสด็จพ่อ…” ฉู่ซิวหยงตะโกน “เรื่องเหล่านี้ไม่เกี่ยวกับคุณหนูตันจู!”
ฮ่องเต้ไม่สนใจพวกเขา เพียงแค่มองไปทางฉู่อวี๋หยง
ฉู่อวี๋หยงไม่พูด อีกทั้งไม่ตะโกนโหวกเหวก เขายกมือถอดหน้ากากเหล็กลงมา ถึงแม้ภายในตำหนักสว่างราวเวลากลางวัน แต่ทุกคนยังคงรู้สึกสว่างยิ่งขึ้น
ใบหน้านี้ไม่ใช่ใบหน้าชราของแม่ทัพหน้ากากเหล็ก ใบหน้านี้อ่อนเยาว์และงดงามราวกับภาพวาดภายใต้ชุดเกราะสีดำที่สอดประสานไปด้วยลวดลายสีทอง
“คุณหนูตันจู” เขายิ้ม ราวกับแสงแดดที่สาดลงบนพื้นหิมะ “ข้าเดาว่าเจ้าต้องถูกเสด็จพ่อทรงนำตัวไป”
เฉินตันจูส่งเสียงออกมา ดวงตาเบิกโตยิ่งขึ้น ราวกับกำลังทักทายเขาเช่นเดียวกัน
อีกทั้งยังดิ้นรนอย่างรุนแรง ไม่กลัวดาบที่จ่ออยู่บนคอแม้แต่น้อย
ตกใจกลัวจนเสียสติไปแล้วหรือ
“อย่ากลัว อย่ากลัว” ฉู่อวี๋หยงรีบพูดปลอบนาง “อย่าร้อนใจ อย่าร้อนใจ พวกเราฟังดูว่าเสด็จพ่อจะตรัสสิ่งใด”
ไม่รู้เพราะการปรากฏตัวของเฉินตันจู หรือเพราะฉู่อวี๋หยงถอดหน้ากาก เผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริง เวลาพูดแสดงสีหน้าออกมาหลากหลาย จึงแตกต่างจากคนที่เหิมเกริมและเย็นชาก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง
บรรยากาศภายในตำหนักก็แปลกประหลาดไปเพราะเหตุนี้ ดาบที่จ่ออยู่บนคอของเฉินตันจูก็ราวกับไม่น่ากลัวมากนักแล้ว
สีหน้าของฮ่องเต้ยิ่งแย่ลง “ฉู่อวี๋หยง ไม่ต้องเรียกเสด็จพ่อ ในสายตาของเจ้าไร้จักรพรรดิไร้บิดา ข้าถามเจ้า เวลานี้เจ้าจะยอมจำนน หรือมองดูคุณหนูตันจูหัวขาด”
ฉู่อวี๋หยงมองไปยังฮ่องเต้ “เรื่องนี้เป็นเรื่องระหว่างฝ่าบาทกับกระหม่อมในฐานะบิดาและบุตร จักรพรรดิและขุนนาง ไม่จำเป็นต้องดึงคุณหนูตันจูเข้ามาเกี่ยวข้อง”
ฮ่องเต้พูดเสียงเย็น “เป็นเรื่องระหว่างข้ากับเจ้าในฐานะบิดาและบุตร จักรพรรดิและขุนนางมีเฉินตันจูเกี่ยวข้องมานานแล้ว ก่อนหน้านี้เจ้าบอกว่า เพื่อคุณหนูตันจู เจ้าจะไม่เป็นแม่ทัพหน้ากากเหล็ก จะเป็นฉู่อวี๋หยง ข้าเชื่อเจ้า วันนี้ข้าถามเจ้าอีกครั้ง เจ้าจะเป็นฉู่อวี๋หยง เพื่อคุณหนูตันจู หรือเพื่อบัลลังก์นี้”
ฉู่อวี๋หยงมองไปทางเฉินตันจู
ฮ่องเต้ก็มองไปทางเฉินตันจู เฉินตันจูยังกำลังส่งเสียงอู้อี้ อีกทั้งยังดิ้นแรงกว่าก่อนหน้านี้ นางส่ายหน้าไม่หยุด…
นางกำลังบอกฉู่อวี๋หยงว่าไม่ต้องสนใจนางหรือ
คิดไม่ถึงเสียงจริง ฮ่องเต้ยิ้มเย็นภายในใจ เฉินตันจูไม่กลัวตายเพียงนี้หรือ เวลานี้แล้วนางไม่ควรจะร่ำไห้ ให้บิดาบุญธรรมผู้นี้สงสารหรือ
เมื่อความคิดของเขาแล่นผ่าน ทันใดนั้นเขาก็เห็นเฉินตันจูทำเรื่องที่ไม่กลัวตายกว่าเดิม คอของนางชนเข้าไปบนคมดาบของมั่วหลิน…
ในเวลาเดียวกัน ฉู่อวี๋หยงก็พุ่งตัวเข้ามาราวกับสายฟ้า
เสียงตะโกนของฮ่องเต้ก็ดังขึ้น “มั่วหลิน…”
ดาบของมั่วหลินถูกเบี่ยงออกทันที แรงที่ใช้มากเสียยิ่งกว่าตอนลงมีดตัดหัวคน ขาของเขาเซเล็กน้อย
ดาบเลี่ยงออกไปแล้ว ร่างของเฉินตันจูพุ่งไปด้านหน้า ไม่เพียงไม่หยุด ขาของนางยังออกแรง กระโจนตัวชนไปทางฮ่องเต้
เจ้าเด็กคนนื้จะใช้ชีวิตของตนเองแลกหรือ
ขันทีจิ้นจงอยู่ข้างกายเขา ผู้ใดจะทำร้ายเขาได้ เมื่อความคิดของฮ่องเต้แล่นผ่าน ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกเจ็บแปลบที่หน้าท้อง เขาก้มหน้ามองด้วยความเหลือเชื่อ ก่อนจะเห็นมีดสั้นเล่มหนึ่งแทงเข้ามา
นี่…
ในเวลาเดียวกันเฉินตันจูก็พุ่งชนเข้ามา ขันทีจิ้นจงกำลังจับนางด้วยมือหนึ่ง นาทีถัดมา สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป มืออีกข้างยกขึ้น จากนั้นร่างของคนผู้หนึ่งก็ลอยออกไป
“ฝ่าบาท!” ขันทีจิ้นจงตะโกนพลันทิ้งเฉินตันจูลง เขาพยุงฮ่องเต้เอาไว้
ฮ่องเต้ก้มหน้ามองท้อง มีดสั้นเล่มนั้นแทงเข้าไปจนมิดด้ามแล้ว เลือดสีแดงไหลออกมาเปรอะเปื้อนชุด
เหตุการณ์ที่เกิดอย่างกะทันหันนี้ทำให้คนในตำหนักต่างตกตะลึง พวกเขาไม่แม้แต่จะทันเห็นเหตุการณ์
เฉินตันจูพุ่งชนฮ่องเต้อย่างกะทันหัน ฉู่อวี๋หยงพุ่งตัวเข้าไป ฮ่องเต้ล้มลงในทันใด นอกจากนี้ยังมีอีกคนที่ถูกโยนออกไป…
คนผู้นั้น สายตาของทุกคนมองไปด้วยความสับสน คนผู้นั้นเหมือนจะเป็นโจวเสวียน
เกิดเรื่องใดขึ้น
โจวเสวียนรักเฉินตันจูมาก ดังนั้นจึงลอบสังหารฮ่องเต้เพื่อช่วยเฉินตันจูหรือ
“โจวเสวียน!” ขันทีจิ้นจงตะโกน หลายปีมานี้ เสียงของขันทีชราสั่นเครือปะปนไปด้วยเสียงสะอื้น เป็นครั้งแรกที่คำพูดของเขาที่ตะโกนออกมาเต็มไปด้วยความอาฆาต “มั่วหลิน! ฆ่าเขาเสีย!”
ดาบยาวของมั่วหลินสะบัด กระโจนไปทางโจวเสวียน
เฉินตันจูที่ถูกขันทีจิ้นจงจับและโยนกลิ้งอยู่บนพื้น เวลานี้ผ้าในปากของนางก็หลุดออก นางส่งเสียงออกมาหลังจากร้องอู้อี้
“ฉู่อวี๋หยง…” นางตะโกนด้วยแรงทั้งหมดที่มี
ฉู่อวี๋หยงที่เดิมทีมาถึงข้างกายของนางแล้วหันหลัง คันธนูในมือถูกโยนออกไป กระทบกับดาบที่กำลังจะฟันลงไปของมั่วหลินจนเกิดเสียงดัง
คนและดาบเอนเอียงไป ดาบหล่นลงข้างตัวของโจวเสวียน ทองและหินกระทบกันเกิดเป็นประกายไฟ
เมื่อเกิดการชะงักนี้ขึ้น คนของฉู่อวี๋หยงก็มาถึงทางนี้ เขาเหยียบโจวเสวียนที่อยู่บนพื้นเอาไว้ ส่วนดาบอีกเล่มในมือก็จ่อไปที่มั่วหลิน
สถานการณ์ภายในตำหนักแปลกประหลาด ด้านหนึ่งประจันหน้า อีกด้านหนึ่งโกลาหล
บรรดาขันทีและนางในร้องไห้อีกครั้ง ท่านอ๋องเยียนและท่านอ๋องหลูมองฮ่องเต้ที่ล้มลงอย่างช้าๆ กลัวจนถอยหลังไปกว่าเดิม
ขันทีจิ้นจงคุกเข่าอยู่บนพื้น พลันโอบฮ่องเต้เอาไว้ “ฝ่าบาท ฝ่าบาท” ก่อนจะตะโกนอีกครั้ง “หมอหลวงจาง หมอหลวงจาง”
หมอหลวงจางที่แขนได้รับบาดเจ็บจากลูกธนูมุ่งหน้ามาอย่างโซซัดโซเซ ใช้มือข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บกดแผลเอาไว้
มีดเล่มนั้นเคลื่อนที่ขึ้นลงตามการหอบหายใจของฮ่องเต้
“ยังดี ยังดี” หมอหลวงจางตะโกน “เกือบไปแล้ว อีกนิดก็ถูกบริเวณอันตรายแล้ว”
เรื่องนี้อาจเป็นเพราะเฉินตันจูพุ่งเข้ามาห้ามเอาไว้ ขันทีจิ้นจงคิดในใจ อีกทั้งยังเสียใจ เวลานั้นวุ่นวายเกินไป เขาก็อดไม่ได้ที่จะถูกการประจันหน้าของฉู่อวี๋หยงและฮ่องเต้ดึงดูดความสนใจ ไม่ทันได้สังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของโจวเสวียน…
โจวเสวียนเขา
เขา…
“อาเสวียน” เสียงของฮ่องเต้ดังขึ้นด้วยความเศร้าปนโกรธ “เจ้าฆ่าข้าเพื่อเฉินตันจูอย่างนั้นหรือ”
โจวเสวียนที่ถูกฉู่อวี๋หยงเหยียบอยู่บนพื้นส่งเสียงหัวเราะออกมา “ฝ่าบาททรงมีข้อสรุปอยู่ในพระทัยแล้วไม่ใช่หรือ กระหม่อมไม่ใช่พวกเดียวกับองค์รัชทายาทก็เป็นพวกเดียวกับฉู่ซิวหยง พวกเขาล้วนต้องการสังหารพระองค์ กระหม่อมสังหารพระองค์จะแปลกอย่างไร”
ฮ่องเต้หลับตาลง “ดี ดี บุตรชายสังหารข้า ข้าไม่ลงโทษพวกเขา แต่ขุนนางสังหารข้า ข้าสังหารเจ้าย่อมถูกต้องเหมาะสม…สังหารเขา”
ทันทีที่สิ้นเสียง เสียงของเฉินตันจูก็ดังขึ้น “ฝ่าบาท ทรงช้าก่อนเพคะ”
เสียงนี้ไม่ห่างจากหูมากนัก หูของฮ่องเต้สะเทือนด้วยเสียงอื้ออึง…ความเจ็บปวดบริเวณหน้าท้องไม่ได้ทำให้เขาสติเลือนราง หากแต่กระจ่างชัดยิ่งขึ้น ที่แท้เฉินตันจูดิ้นรนเช่นนี้ ส่งเสียงอู้อี้ไม่หยุด เพราะว่าสังเกตเห็นการกระทำของโจวเสวียนหรือ
เวลานั้นความสนใจของพวกเขาล้วนอยู่บนตัวนาง นางในฐานะผู้ชมกลับมองเห็นการกระทำของโจวเสวียน ดังนั้นจึงรีบร้อนที่จะตักเตือน? สุดท้ายนางไม่สนใจแม้จะต้องพุ่งชนดาบของมั่วหลินก็จะมาช่วย...
มือของฮ่องเต้คลำไปยังบาดแผล บริเวณนี้ หากตรงกว่านี้อีกเล็กน้อย ลึกกว่านี้อีกเล็กน้อย เขาคงจะจบชีวิตแล้วจริงๆ
เฉินตันจูเอ๋ยเฉินตันจู ฮ่องเต้ถอนหายใจยาว ไม่พูดอีก
ความจริงเฉินตันจูไม่รอเขาอนุญาตก็พูดขึ้นก่อนแล้ว “ฝ่าบาท ก่อนสังหารโจวเสวียน หม่อมฉันขอทูลถามแทนเขา”
ทูลถาม? แทนโจวเสวียน?
“เฉินตันจู!” โจวเสวียนตะโกน “หุบปาก! เรื่องของข้าไม่เกี่ยวกับเจ้า!”
เขาพูดพลันจะถีบฉู่อวี๋หยงออก แต่ฉู่อวี๋หยงฟาดดาบลงมาทันที ทำให้หัวไหล่และขาของเขาเจ็บปวดราวกับแตกหัก โจวเสวียนนอนขดตัวสั่นเทาอยู่บนพื้น
เฉินตันจูไม่สนใจทางด้านโจวเสวียน มือของนางถูกมัดเอาไว้ ด้านหน้ามีผ้าที่ถูกคายออกมา นางมองฮ่องเต้ด้วยความอนาถและเหน็ดเหนื่อย ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “ฝ่าบาท พระองค์เป็นผู้ฆ่าโจวชิงหรือไม่เพคะ”
โจวชิง! ร่างของฮ่องเต้สั่นเทา เขาลืมตาขึ้น มือที่คลำบาดแผลก็จับมีดสั้นเอาไว้
หมอหลวงจางตะโกนด้วยความตกใจ “ฝ่าบาท…อย่าทรงขยับมันพ่ะย่ะค่ะ…”
ฮ่องเต้ไม่สนใจหมอหลวงจาง มือของเขาจับมีดสั้นครึ่งท่อนเอาไว้แน่น มองไปยังท้องฟ้าด้านบน น้ำตาทำให้สายตาของเขาพล่ามัว
“อาเสวียน” เสียงของเขาไม่เย็นชา โกรธเคืองหรือแข็งกร้าวเหมือนก่อนหน้านี้ มีแต่ความแหบพร่าและไร้เรี่ยวแรง “เจ้า…เห็นจริงด้วย”