รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 469 แดนบรรพโกลาหล ดินแดนที่เคยรุ่งโรจน์เรืองรองครั้งอดีตกาล!

บทที่ 469 แดนบรรพโกลาหล ดินแดนที่เคยรุ่งโรจน์เรืองรองครั้งอดีตกาล!

บทที่ 469 แดนบรรพโกลาหล ดินแดนที่เคยรุ่งโรจน์เรืองรองครั้งอดีตกาล!

จะเป็นไปได้อย่างไร!?

เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับบรรพชนจากอาณาจักรของเขา แต่ไม่ว่าอย่างไรท่านบรรพชนก็ไม่อาจกลายเป็นเพียงกระต่ายตัวหนึ่งได้อย่างแน่นอน!

จ้าวสมุทรรีบสลัดความคิดไร้สาระออกจากหัวของตนเอง พยายามไม่คิดถึงมันอีก

ถ้านี่เป็นเรื่องจริงจะหมายความว่าอย่างไร?

หมายความว่า…เขาสังหารท่านบรรพชนของตนไปแล้ว!

มะ ไม่ ไม่ ไม่มีทางเป็นไปได้!

“ด้านหลังหลุมดำนั่นคือสิ่งใด? ผู้ใดอยู่เบื้องหลังทะเลต้องห้ามของพวกเจ้า?”

เมิ่งจีมองไปที่จ้าวสมุทร หลังพบว่าด้านในหลุมดำมีเส้นทางอยู่สายหนึ่งที่ไม่รู้ว่าเชื่อมต่อกับสถานที่แห่งใด เขาจึงเกิดความอยากรู้อยากเห็นขึ้นมา

จ้าวสมุทรหายใจออกมา เขารู้ดีว่าไม่มีทางปิดซ่อนได้ จึงบอกสถานที่ที่ถูกเชื่อมต่อ และยังกล่าวถึงเบื้องหลังของทะเลต้องห้าม

“ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่นี่ แต่เป็นสิ่งมีชีวิตที่มาจากภายนอก!?”

รูม่านตาของเมิ่งจีหดตัวลง ในใจรู้สึกเหลือเชื่ออยู่บาง ทะเลต้องห้ามที่ดำรงอยู่มาตั้งแต่ยุคอนันตกาลแท้จริงแล้วมาจากนอกอาณาจักร นี่จะให้เขาคาดคิดมาก่อนได้อย่างไร?

ทะเลต้องห้ามได้มายังอาณาจักรของพวกเขาแล้วดำรงอยู่ผ่านเวลามานานนับไม่ถ้วน ไม่รู้ว่าทะเลต้องห้ามกำลังวางแผนการอะไรอยู่!?

อาณาจักรแห่งนี้มีสิ่งใดที่สามารถดึงดูดทะเลต้องห้ามได้!?

“ที่แห่งนั้น…”

จ้าวสมุทรตอบ ไม่ปิดบังสิ่งใด

เขารู้แจ้งอย่างชัดเจนว่าเขาไม่มีทางปิดบังสิ่งใดได้ ตอนนี้ทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของพวกเมิ่งจี

“ฟ้าดินล้วนถือกำเนิดจากความโกลาหล…”

จ้าวสมุทรเล่าทุกสิ่งที่รู้ออกมา

ท่ามกลางจักรวาลอันไร้ที่สิ้นสุด เดิมทีแล้วมีเพียงแต่ความโกลาหล ก่อนจะกำเนิดเป็นโลกหรือก็คืออาณาจักรขึ้นมาทีละอาณาจักร ก่อกำเนิดสิ่งมีชีวิตขึ้นมาทีละเผ่าจากการเปลี่ยนแปลงของความโกลาหล หลังจากนั้นความโกลาหลก็หายไป จักรวาลถูกจัดเรียงขึ้นใหม่

“ทว่าพลังโกลาหลยังคงไม่สูญสลายไปจนหมด ภายในยังคงมีแกนกลางความโกลาหลหลงเหลืออยู่ พวกเราเรียกขานว่า แดนบรรพโกลาหล”

จ้าวสมุทรเล่าต่อ “สถานที่อันเป็นต้นกำเนิด สถานที่อันเป็นจุดสูงสุดอย่างแท้จริง สถานที่ที่ทุกสิ่งล้วนเหนือเกินกว่าจะจินตนาการถึง…”

ดินแดนอันเป็นแกนกลางความโกลาหล ไม่ต้องคิดอะไรมากก็สามารถรู้ได้ว่ามันจะเหนือชั้นมากเพียงใด อย่างไรเสียทุกสิ่งล้วนเกิดมาจากใจกลางความโกลาหล

อาณาจักรแห่งนั้นเคยเจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมากครั้งอดีตกาล เป็นอันดับหนึ่งอย่างแท้จริง อยู่เหนือกว่าทุกอาณาจักร

“ดินแดนที่ถูกเรียกขานว่าเป็นอาณาจักรเก้าตอนบนในปัจจุบัน ก็เคยเป็นเพียงดินแดนแห่งหนึ่งของอาณาจักรแห่งนี้…”

คำบอกเล่าของจ้าวสมุทรสามารถทำให้คนฟังตกใจตายได้ เมิ่งจีและคนอื่น ๆ พากันเปลี่ยนสีหน้าทันทีหลังได้ยิน

อาณาจักรเก้าตอนบนมีต้นกำเนิดจากอาณาจักรแห่งนี้ ทั้งยังเคยเป็นถึงหนึ่งในดินแดนของอาณาจักรแห่งนี้!

ข้อมูลนี้สามารถสร้างความตกตะลึงเป็นอย่างมาก ทำให้ความรู้ความเข้าใจพวกเขาพลิกกลับ

สวรรค์! อาณาจักรแห่งนี้ในช่วงรุ่งโรจน์จะน่าสะพรึงกลัวถึงเพียงใด!

“แต่น่าเสียดายที่เกิดเหตุการณ์ประหลาดครั้งใหญ่ขึ้นในอาณาจักร จนสุดท้ายก็สูญสิ้นความรุ่งโรจน์ทั้งปวง อาณาจักรเก้าตอนบนเองก็แยกตัวออกมาจากอาณาจักรแห่งนี้ กลายเป็นหนึ่งอาณาจักรเอกเทศ ก่อนจะเป็นอาณาจักรเก้าตอนบนที่อยู่เหนือนับหมื่นอาณาจักร”

จ้าวสมุทรกล่าวต่อ

ทะเลต้องห้ามนั้นเก่าแก่เป็นอย่างมาก ล่วงรู้ความลับในอดีตกาลมากมายที่คนทั่วไปไม่รู้

เกิดเหตุการณ์แปลกประหลาดครั้งใหญ่ เก้าอาณาจักรตอนบนแยกตัวออกมา ความรุ่งโรจน์ของอาณาจักรมอดดับ ฟ้าดินเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ค่อย ๆ เสื่อมโทรมลงทุกยุคทุกสมัย

“เหตุการณ์แปลกประหลาดครั้งใหญ่คือสิ่งใด ไม่มีผู้ล่วงรู้แน่ชัด เวลาล่วงผ่านมานานเกินไป ความจริงมากมายถูกกลบฝังเอาไว้ มีหลายสิ่งหลายอย่างถูกทำลายไปในเหตุการณ์แปลกประหลาดเป็นจำนวนมากจนไร้หนทางสืบสาว แต่สิ่งหนึ่งที่สามารถแน่ใจได้คือ แกนกลางความโกลาหลจะต้องอยู่ในอาณาจักรแห่งนี้ ไม่เช่นนั้นอาณาจักรแห่งนี้คงไม่อาจรุ่งโรจน์ขนาดนั้นได้ในครั้งอดีต ซ้ำยังถูกเรียกขานว่าเป็นอาณาจักรแห่งแรกของจักรวาล!”

จ้าวสมุทรเล่าว่าก่อนจะเกิดเหตุการณ์แปลกประหลาดครั้งใหญ่ เซียนอาจมีตัวตนอยู่จริง ทั้งยังอาจดำรงอยู่ในอาณาจักรแห่งนี้

“ด้วยความรุ่งโรจน์ถึงเพียงนั้น ไม่มีทางที่เซียนจะไม่ถือกำเนิดขึ้นมา! พวกข้าถึงกับเกิดความสงสัยว่าภพเซียนที่คนรุ่นหลังพูดถึงกัน จะเป็นดินแดนที่ถูกแยกออกมาจากอาณาจักรแห่งนี้ด้วย!”

จ้าวสมุทรพูดเรื่องน่าตื่นตะลึงขึ้นมาอีกครั้ง

ความโกลาหลกลายเป็นสรรพสิ่ง พลังทุกอย่างล้วนเกิดจากพลังโกลาหล ความเป็นอมตะเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น

จากการสำรวจของพวกเขาแล้ว อาณาจักรแห่งนี้เคยเปี่ยมด้วยพลังโกลาหลจำนวนมาก เหนือยิ่งกว่าอาณาจักรใด เป็นเหตุให้คาดเดากันว่าดินแดนบรรพโกลาหลตั้งอยู่ที่อาณาจักรแห่งนี้

เปี่ยมด้วยพลังโกลาหลเช่นนี้ จะต้องมีสสารนิรันดร์อย่างแน่นอน คงจะเป็นเรื่องแปลกประหลาดหากไม่มีเซียนถือกำเนิดขึ้นมาในอาณาจักรแห่งนี้!

“แปลกประหลาดเป็นอย่างมาก ที่ร่องรอยของเซียนสูญสลายไปจนหมดสิ้น เรื่องราวของเซียนถูกผู้คนเล่าขานไม่รู้กี่ยุคกี่สมัย แต่กลับไม่อาจพบพานได้มานานแล้ว กลายเป็นเพียงตำนานสืบต่อมาเท่านั้น…”

จ้าวสมุทรเล่าต่อ

หลังจากเหตุการณ์แปลกประหลาดครั้งใหญ่ ความจริงทั้งหลายก็ถูกกลบฝังเอาไว้ ทว่ายังคงมีเรื่องราวบางอย่างที่สามารถสืบเสาะหาได้

หากแต่เรื่องของเซียนนั้นไร้ซึ่งร่องรอยใด ราวกับไม่เคยมีอยู่ตั้งแต่แรก ทำให้ผู้คนไม่อาจจะเชื่อ

จะไม่มีได้อย่างไร?

ปราณโกลาหลมหาศาลปกคลุม สสารนิรันดร์เปี่ยมล้น มันเป็นไปได้อย่างไรที่เซียนจะไม่ถือกำเนิดขึ้นมา?

แต่อันที่จริงแล้ว พวกเขาพบร่องรอยว่าอาณาจักรแห่งนี้เคยมีปราณโกลาหลอยู่จำนวนมหาศาล รวมทั้งสสารนิรันดร์ ทว่ากลับไม่พบร่องรอยใดเกี่ยวกับเซียนแม้แต่น้อย…

“ไม่รู้ว่าด้วยเหตุใด หลังจากเหตุการณ์แปลกประหลาดครั้งใหญ่ ในอาณาจักรแห่งนี้ก็ไม่มีปราณโกลาหลอีก สสารนิรันดร์ที่มีอยู่ก็สูญสลายหายไป แต่ถึงเป็นเช่นนั้นพวกเราก็เชื่อว่าแดนบรรพโกลาหลยังคงไม่หายไป ทว่ายังคงอยู่ภายในอาณาจักรแห่งนี้!”

จ้าวสมุทรเล่าเหตุผลที่ทะเลต้องห้ามเข้ามายังอาณาจักรแห่งนี้ พวกเขาต้องการจะสืบเสาะหาแดนบรรพโกลาหล จากนั้นก็เข้าไปยังแดนบรรพโกลาหล!

“พวกเราวางแผนมาอย่างยาวนานก็เพื่อเข้าไปยังแดนบรรพโกลาหล อีกทั้งในช่วงนี้พวกเราสามารถสัมผัสได้ถึงปราณโกลาหลปรากฏขึ้นมามากกว่าเดิม แสดงให้เห็นว่าแดนบรรพโกลาหลมีโอกาสที่จะปรากฏขึ้นมาในอาณาจักรแห่งนี้!”

เขากล่าต่อ “แดนต้องห้ามที่อื่นเองก็ไม่ต่างไปจากพวกเรา ต้องการจะเข้าไปยังแดนบรรพโกลาหลเช่นเดียวกัน”

หลังจากเมิ่งจีและคนอื่น ๆ ได้ฟังแล้วก็พากันอ้างปากค้าง ภายในใจตกตะลึงจนไม่อาจบรรยายได้

จะไม่ให้ตื่นตะลึงได้อย่างไร?

ที่แท้อาณาจักรของพวกเขามีภูมิหลังใหญ่โตถึงปานนั้น ภพเซียนเองก็อาจเป็นดินแดนที่ถูกแบ่งออกไปจากอาณาจักรแห่งนี้!

“สสารนิรันดร์สูญสลายหายไป…เป็นไปได้หรือไม่ว่าภพเซียนจะนำสสารนิรันดร์ของอาณาจักรแห่งนี้ไปด้วย!”

ไป๋มู่อดกล่าวขึ้นมาไม่ได้

อย่างไรเสีย เซียนก็เป็นตัวแทนของความเป็นนิรันดร์ ภพเซียนก็ย่อมเป็นตัวแทนของดินแดนนิรันดร์ ความคิดของเขาน่าจะถูกต้อง เซียนคงจะนำสสารนิรันดร์ทั้งหมดไปเพื่อสร้างแดนนิรันดร์อย่างภพเซียน

“พวกเราก็คิดเช่นนั้น แต่ทว่าพวกเราไม่พบร่องรอยของเซียน ดังนั้นจึงไม่อาจแน่ใจว่าความคิดนี้ถูกต้องหรือไม่”

จ้าวสมุทรกล่าว

แท้จริงแล้วเขาก็ไม่รู้เรื่องราวนัก เขารู้เพียงว่าสถานที่แห่งนั้นจะต้องน่าตื่นตะลึงอย่างถึงที่สุด ทั้งยังอาจจะมีความเกี่ยวข้องกับเซียน แต่เรื่องอื่น เขาล้วนไม่รู้

ทว่าก่อนหน้านี้ตอนที่ท่านบรรพชนติดต่อมา เขาได้ถามท่านบรรพชนเกี่ยวกับสถานการณ์ของที่แห่งนั้น ท่านบรรพชนจึงเล่าเรื่องราวนี้ให้เขาฟัง

ท่านบรรพชนบอกเล่าเรื่องราวเหล่านี้ก็เพื่อให้เขาทราบถึงความยอดเยี่ยมของสถานที่แห่งนั้น ในขณะเดียวกันก็เพื่อให้เขาปกป้องส่วนลึกของทะเลต้องห้ามไว้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นส่วนลึกของทะเลต้องห้ามก็ไม่อาจถูกทำลายได้!

สิ่งที่อยู่ในส่วนลึกของทะเลต้องห้ามนั้นมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง นั่นเป็นสิ่งที่พวกเขาเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางเข้าสู่แดนบรรพโกลาหล

แต่ของสิ่งนั้นคืออะไร เขาเองก็ไม่รู้ ของสิ่งนั้นลึกลับเป็นอย่างมาก ทั้งยังถูกผนึกเอาไว้หลายชั้น

เมิ่งจีและคนอื่น ๆ ไม่เอ่ยสิ่งใด พวกเขายังคงย่อยข้อมูลที่เพิ่งได้รับรู้เมื่อสักครู่

ข้อมูลเหล่านี้ล้วนทำให้พวกเขาตกตะลึงมากขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้พวกเขาสงบใจไม่ได้!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท