เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค – ตอนที่ 476 คืนดี โลกของสตรีนิสัยน่ารังเกียจนั้นไม่มีใครเข้าใจ (3)

ตอนที่ 476 คืนดี โลกของสตรีนิสัยน่ารังเกียจนั้นไม่มีใครเข้าใจ (3)

หนิงเซ่าชิงประคองศีรษะมั่วเชียนเสวี่ยเอาไว้ แล้วแนบริมฝีปากลงมา

ใช้จุมพิตปิดเอาไว้

หนิงเซ่าชิง ท่านมันคนชั่วช้า มีสตรีอื่นแล้วยังจะกล้ามาลวนลามนางอีก!

มั่วเชียนเสวี่ยกัดลงไปอย่างแรง ครู่หนึ่งก็กัดริมฝีปากหนิงเซ่าชิงเอาไว้

หนิงเซ่าชิงเจ็บแปลบที่ริมฝีปาก แต่กลับไม่หยุดการเคลื่อนไหว

รู้สึกว่ามีรสเค็มปะแล่มๆ เข้าปาก มั่วเชียนเสวี่ยจึงปล่อยออกโดยไม่รู้ตัว

หนิงเซ่าชิงกอดสตรีในอ้อมแขนอย่างบรรยายความรู้สึกในใจออกมาไม่ถูก

กล่าวได้เพียงแค่ว่า ตื่นเต้นมาก และหวาดกลัวมากเช่นกัน!

เขาไม่สามารถทนให้มั่วเชียนเสวี่ยไปจากเขาได้ ถ้าหากว่ามีวันนั้นขึ้นมาจริงๆ เขาคิดว่าตนเองจะต้องฟั่นเฟือนแน่ๆ!

รับรู้ได้ถึงความเงียบของมั่วเชียนเสวี่ย

ครู่หนึ่ง ก็เอ่ยขึ้นว่า

“เชี่ยนเสวี่ย ข้าไม่ได้หลอกเจ้าจริงๆ ฟ้าดินเป็นพยานได้”

ก่อนหน้านี้มั่วเชียนเสวี่ยโมโหมากจริงๆ แต่ตอนนี้กลับมีสติขึ้นมากแล้ว

ไม่ใช่ยอมเพราะถูกจุมพิตจากหนิงเซ่าชิง กล่าวได้เพียงแค่ว่า เมื่อครู่ตอนที่นางกัดไปก็ได้ระบายความรู้สึกทางด้านลบออกไปบางส่วน ตอนนี้ก็ผ่านช่วงเวลาบรรเทาอารมณ์ปะทะกันแล้ว ทำให้สมองของตนเองแจ่มชัดมากขึ้น

ใช่แล้ว หนิงเซ่าชิงเป็นคนที่กล้าทำก็กล้ารับมาโดยตลอด จะทำเรื่องผิดคำสัญญา ไร้มโนธรรม ปากหวานก้นเปรี้ยวแบบนี้ได้อย่างไร

แต่สุดท้ายกลับยากจะกล้ำกลืนความโมโหนี้ลงไป

“เช่นนั้นทำไมท่านถึงไม่ผลักนางออก ท่านจะต้องสนใจนางแน่นอน!”

ในน้ำเสียง มีความโมโห แต่ก็มีความออดอ้อนที่เป็นเอกลักษณ์ของสตรีเช่นกัน

บางทีมั่วเชียนเสวี่ยคงจะไม่ทันสังเกต แต่หนิงเซ่าชิงกลับได้ยินชัดเจน

จึงรู้สึกโล่งใจทันที

เขากลัวจริงๆ ว่ามั่วเชียนเสวี่ยจะตั้งใจมุ่งไปยังเส้นทางนี้ โดยไม่สนใจเขาอีก

“เพราะว่าคิดถึงเจ้ามากเกินไป”

เอ่ยตอบไม่ตรงคำถามประโยคหนึ่ง

แต่กลับทำให้มั่วเชียนเสวี่ยเข้าใจทันที บนใบหน้ามีริ้วแดงอย่างหยุดไม่อยู่

เพราะคิดถึงเจ้ามากเกินไป ดังนั้นตอนที่สตรีนางนั้นตะโกนเรียกสามีจึงไม่รู้ตัวว่ากำลังเรียกข้า

เพราะคิดถึงเจ้ามากเกินไป ดังนั้นตอนที่สตรีนางนั้นพุ่งมาหาข้า จิตใจระแวดระวังที่ข้าภูมิใจมาตลอดกลับเกิดขัดข้องไปในตอนนั้น

เป็นเพราะกลัวว่าเจ้าจะเข้าใจผิดมากเกินไป ดังนั้นตอนที่สตรีนางนั้นกอดข้า ข้าจึงลืมดิ้นรน และสนใจเพียงแค่เจ้า

เพราะกลัวว่าเจ้าจะเข้าใจผิดเกินไป ดังนั้นข้าจึงไม่อาจอดกลั้นให้เจ้าเอ่ยวาจาว่าไม่รักข้าออกมาสักครึ่งคำ ถึงได้จุมพิตปิดปากเจ้า

“เถียงข้างๆ คูๆ กะล่อน” ถือว่า…ให้อภัยแล้ว?

ชั่วชีวิตนี้ของหนิงเซ่าชิงไม่อยากมีความรู้สึกที่สูญเสียไปแล้วได้กลับคืนมาใหม่อีก! เขาแค่ต้องการมีมั่วเชียนเสวี่ยไปตลอดชีวิตโดยไม่ต้องสูญเสียไป

มั่วเชียนเสวี่ยมองหนิงเซ่าชิงด้วยท่าทางจริงจัง

เห็นริมฝีปากของหนิงเซ่าชิงหลงเหลือร่องรอยที่ถูกนางกัดจนแตกแล้ว มั่วเชียนเสวี่ยก็หวั่นไหว น้ำเสียงก็อ่อนลงโดยไม่รู้ตัว

“หนิงเซ่าชิง ทำไมเมื่อวานท่านถึงได้มีท่าทีเช่นนั้น ก่อนหน้านี้ แม้ว่าท่านจะไม่เห็นด้วยกับการที่ข้าจะสร้างโรงเรือนเพาะปลูกพืชผัก แต่กลับไม่ได้ห้าม ทำไมตอนหลังถึงได้ห้ามเล่า อีกทั้งยังเอ่ยวาจาแบบนั้นกับข้า ท่านรู้หรือไม่ว่าข้าเสียใจมาก!”

สำหรับเรื่องนี้ หนิงเซ่าชิงทำได้เพียงแค่เหงื่อตกเงียบๆ…

จะให้เขาเรื่องนี้อธิบายเรื่องนี้กับเชียนเสวี่ยอย่างไร

ไม่อยากเอ่ยถึงมัน

แต่เห็นท่าทางของมั่วเชียนเสวี่ย หนิงเซ่าชิงก็อธิบายอย่างคลุมเครือไปประโยคหนึ่ง

“อิจฉา…”

อิจฉา?

นี่หมายความว่าอะไร นี่มันคำอธิบายอะไรกัน?

มั่วเชียนเสวี่ยแสดงออกว่าตนเองไม่เข้าใจมาก

“หมายความว่าอะไร”

“ไม่รู้ ไปคิดเอาเอง!” เขาไม่มีหน้าจะไปอธิบายว่าริษยาของเขาหมายความว่าอะไรกันแน่กับมั่วเชียนเสวี่ย

“…” ให้มั่วเชียนเสวี่ยไปคิดเอาเอง? ตอบมาสองคำไม่ตรงคำถามแบบนี้ จะให้นางคิดอย่างไร

“หนิงเซ่าชิง ท่านอธิบายให้ชัดเจนหน่อยว่าหมายความว่าอะไรกันแน่” นางขมวดคิ้ว มองหนิงเซ่าชิง ไม่เข้าใจเลยจริงๆ!

ส่วนมั่วเชียนเสวี่ยก็เป็นโรคย้ำคิดย้ำทำ ถ้าหากหนิงเซ่าชิงไม่เอ่ยถึง นางก็ไม่มีทางอยากรู้ขนาดนี้

แต่ในเมื่อเขาเอ่ยแล้ว แต่ยังไม่ได้เอ่ยถึงสาเหตุและเหตุผลออกมา นี่ย่อมทำให้มั่วเชียนเสวี่ยวุ่นวายใจเป็นอย่างยิ่ง!

ไม่รู้ว่าอิจฉาสองคำนี้หมายความว่าอะไร นางจะอึดอัดตาย!

“เสวี่ยเสวี่ยเด็กดี พวกเราไม่คุยเรื่องนี้ได้ไหม” หนิงเซ่าชิงกอดคนในอ้อมแขนแน่น หวังว่ามั่วเชียนเสวี่ยจะสามารถลืมเรื่องนี้ไปได้

“ไม่ได้! ท่านจำเป็นต้องเอ่ย!” นางไม่รู้แล้วจะตายจริงๆ!

หนิงเซ่าชิงหรี่ตา ตัดสินใจประทับริมฝีปากลงไปในวินาทีถัดไป…จุมพิตริมฝีปากเจ้า เจ้าจะได้ถามไม่ได้ ให้ความคิดของเจ้าหมุนรอบตัวข้า เจ้าจะได้ไม่คิดเรื่องที่ทำให้ข้าดูแย่อีก

มั่วเชียนเสวี่ยเบิกตากว้าง หมดวาจาจะกล่าว!

บุรุษผู้นี้ ไม่มีวิธีอื่นแล้วหรือไง!

แต่สุดท้าย ก็ลุ่มหลงอยู่กับจุมพิตของเขา

อารมณ์ปรารถนาเกิดขึ้นมาแล้ว จะยับยั้งชั่งใจเช่นไร

หนิงเซ่าชิงบอกแล้วว่า ไม่ต้องยับยั้งชั่งใจ!

ภายในร่างกายเรียกร้องว่าต้องการนาง! สติสัมปชัญญะก็กู่ร้องว่าต้องการนางเช่นกัน!

หนิงเซ่าชิงคลายอ้อมกอดมั่วเชียนเสวี่ยเล็กน้อย แตะเท้า ลอยตัวขึ้นไป และใช้ความเร็วสูงสุดลอยไปยังโรงเตี๊ยมที่ใกล้ที่สุด

มั่วเชียนเสวี่ยถูกจุมพิตของหนิงเซ่าชิงทำให้มึนงง จะยังใส่ใจเรื่องอื่นได้ที่ไหนกัน

เพียงแค่รู้สึกได้อย่างเลือนรางว่าพวกเขาคล้ายกับ

จากสถานที่เงียบสงบมาถึงสถานที่ที่มีเสียงคนโหวกเหวกโวยวาย จากนั้นก็ขึ้นๆ ลงๆ หลายครั้ง และกลับสู่ความสงบเงียบอีกครั้ง

มั่วเชียนเสวี่ยลืมตา ก็เห็นว่าพวกเขาทั้งคู่อยู่ในห้องแล้ว ดูจากการจัดวาง น่าจะเป็นโรงเตี๊ยม

นางตะลึงเล็กน้อย พวกเขาเข้ามาได้อย่างไร

“หนิงเซ่าชิง พวกเรามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”

ส่วนหนิงเซ่าชิงก็ลูบเรือนผมยาวนุ่มสลวยของนางด้วยความรักและทะนุถนอม ลมหายใจรินรดบริเวณจอนผม น้ำเสียงชวนให้หลงใหล

“เสวี่ยเสวี่ย สิ่งที่พวกเราต้องใส่ใจไม่ควรจะเป็นสิ่งนี้!”

จากนั้น นิ้วก็ขยับ เรือนผมสีอีกาที่เพิ่งจะสางเรียบร้อยก็ร่วงลงมาทั้งหมด ทำให้มั่วเชียนเสวี่ยกลายเป็นคนที่น่าหลงใหลมากกว่าเดิม

หนิงเซ่าชิงเชยคางนางขึ้น แนบริมฝีปากลงไป…

และในตอนนี้ หลงจู๊ที่อยู่ชั้นล่าง ก็มีสีหน้าราวกับเห็นผี

มองแท่งเงินที่วางอยู่บนโต๊ะคิดเงิน และมองกุญแจบนกำแพงด้านหลังที่หายไปอย่างน่าประหลาด เขาก็รู้สึกว่าท้ายทอยตนเองมีลมพัดวูบ

น่าสยดสยองเกินไปแล้ว!

เขาเพิ่งจะรู้สึกว่ามีลมหอบหนึ่งพัดผ่านไป คลับคล้ายคลับคลาว่าจะเห็นเงาคน แต่กลับเห็นไม่ชัดเจน ตอนที่มองดูอย่างละเอียดอีกครั้ง ก็ไม่มีคนแล้ว

และบนโต๊ะของเขา ก็ปรากฏเงินแท่งหนึ่ง กุญแจที่อยู่ตรงกำแพงด้านหลังหายไปพวงหนึ่ง…

กุ่ยซากับเตาหนูสองคนรู้สึกจริงๆ ว่า บางคนอยากหาเหาใส่หัว ไม่ให้เขาตายก็เป็นเรื่องที่ทำได้ยากมากจริงๆ

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

Status: Ongoing

เพราะสำลักน้ำชาจนขาดอากาศ(?)ทำให้ มั่วเชียนเสวี่ย สาวมั่นหัวการค้าทะลุมิติมาอยู่ในโลกยุคโบราณและในร่างของคนอื่น

แต่นั่นยังไม่น่าตระหนกเท่าการที่ร่างนี้กำลังจะแต่งงานเพื่อแก้เคล็ดให้กับชายหนุ่มที่ป่วยร่อแร่เต็มที!

ในโลกที่หากขาดที่พึ่งผู้หญิงก็สามารถถูกขายเป็นทาสได้ตลอดเวลาสามีคนนี้ของนางนับว่าเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลยทีเดียว

ทั้งมีความรู้ สุภาพและไม่ใช้กำลังแถมหน้าตายังหล่อเหลาอีกด้วย เสียตรงร่างกายอ่อนแอไปหน่อยเท่านั้น

ชีวิตครอบครัวชนบทแสนยากจนของนางจึงเริ่มขึ้นที่ตรงนั้น… แต่อย่างไรนางไม่ยอมงอมืองอเท้ารับชะตากรรมแบบนี้แน่

ในเมื่อนางมีความรู้ความสามารถยังต้องกลัวสร้างกิจการไม่ได้อีกหรือ?!

เส้นทางร่ำรวยสายนี้นางจะบุกเบิกมันขึ้นมาด้วยตนเอง! และหวังว่าทุกอย่างจะราบรื่นด้วยดี

เพราะเหมือน ‘ร่างนี้’ ของนางกับฐานะเดิมของสามีเหมือนจะไม่ค่อยธรรมดาเสียด้วยสิ…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท