เฉินตันจูไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงแม้แต่น้อย หลังจากวันนั้นที่องค์หญิงจินเหยาจากไป นางก็ไม่ได้มาอีก นอกจากนี้ก็ไม่มีข่าวที่ใหม่กว่าส่งมาอีก
เฉินตันจูไร้ซึ่งความกังวลต่อเมื่อหลวง มีฉู่อวี๋หยงอยู่ ทุกเรื่องย่อมอยู่ในการควบคุม
หลายวันนี้นางคิดอยู่เพียงเรื่องเดียวคือแต่งงานกับจางเหยา
นับแต่พบกับจางเหยาและมีความคิดนี้ปรากฏขึ้น นางยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่าเหมาะสม
เมื่อได้ยินน้องสาวขยับเข้ามาพึมพำอีกครั้ง เฉินตันเหยียนจึงถามขึ้นด้วยรอยยิ้ม “เหมาะสมอย่างไร”
อายุหรือ
“นายน้อยจางโตกว่าเจ้าหลายปี” เฉินตันเหยียนพูด “องค์รัชทายาทก็โตกว่าเจ้าหลายปี”
เฉินตันจูรีบส่ายมือ “ไม่เหมือนกัน ไม่เหมือนกัน นับเช่นนี้ไม่ได้”
ฉู่อวี๋หยง ฮึ หากเขาสวมหน้ากากก็โตกว่านางอยู่มากโข
เรื่องชาติตระกูล?
“องค์รัชทายาททรงสูงส่ง เจ้าอยากบอกว่าตนเองเป็นบุตรสาวของขุนนางผู้มีโทษ ชาติตระกูลไม่เหมาะสม” เฉินตันเหยียนพูด “แต่นายน้อยจางมีชาติกำเนิดจากสามัญชน เจ้าเป็นชนชั้นสูง ชาติตระกูลก็ไม่เหมาะสมกันอยู่ดี”
เฉินตันจูส่ายมืออีกครั้ง “ไม่เหมือนกัน อีกอย่าง ข้าบอกว่าข้าเป็นบุตรสาวของขุนนางผู้มีโทษเป็นแค่การถ่อมตนเท่านั้น อีกอย่าง เวลานี้จางเหยามีความดีความชอบในการจัดการน้ำ เมื่อเขาเป็นราชการ ต่อไปเขาก็เป็นชนชั้นสูงเช่นเดียวกัน”
หากพูดถึงเรื่องความสัมพันธ์
เฉินตันเหยียนกัดเส้นด้ายให้ขาด พูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “เจ้าต่างรู้จักกับจางเหยาและองค์รัชทายาท อีกทั้งยังเผชิญกับประสบการณ์บางอย่าง ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เหตุใดข้าจึงไม่รู้สึกว่าผู้หนึ่งเหมาะสม อีกผู้หนึ่งไม่เหมาะสม”
ยิ่งไม่เหมือนกันกว่าเดิมอีก! เฉินตันจูพูด “ข้าคุ้นเคยกับจางเหยามากกว่า ข้ารู้จักเขามากกว่า”
นางรู้จักจางเหยาเป็นอย่างดี รู้จักกันมาตั้งแต่อดีตชาติ จนกระทั่งชาตินี้ยังเหมือนเดิม นางเพียงแค่มองก็ดูอีกฝ่ายออกอย่างทะลุปรุโปร่งแล้ว
ส่วนฉู่อวี๋หยง นางเพียงแค่เคยได้ยินชื่อนี้เมื่ออดีตชาติ เมื่อพบกันในชาตินี้ อีกฝ่ายมีสองใบหน้า มีสองตัวตน นางไม่อาจมองเขาได้อย่างทะลุปรุโปร่ง
เฉินตันเหยียนยิ้มพลันพินิจรองเท้าข้างหนึ่งที่ทำเสร็จ “การแต่งงานต้องดูที่คุ้นเคยหรือแปลกหน้าหรือ คนเราอย่าคิดจะมองผู้ใดจนทะลุปรุโปร่งได้” พูดพลันยิ้มเยาะเย้ยตนเอง
อาทิหลี่เหลียง นางคิดว่ามองเขาได้อย่างทะลุปรุโปร่งแล้ว คุ้นเคยเพียงนั้น เปิดเผยเพียงนั้น แต่ความเป็นจริงเล่า คนย่อมมีการเปลี่ยนแปลง
เฉินตันจูตำหนิตนเองเล็กน้อย เรื่องคู่ชีวิตของท่านพี่ไม่ราบรื่น นางไม่ควรมาพร่ำบ่นกับพี่สาว ขุดเรื่องที่พี่สาวเสียใจขึ้นมาอยู่ตรงนี้
“ท่านพี่วางใจเถิด” เฉินตันจูรีบพูด “ข้ารู้จักจางเหยาดี”
“ข้าไม่กังวล” เฉินตันเหยียนวางรองเท้าที่ทำเสร็จลง “แต่ว่านายน้อยจางอาจไม่รู้จักเจ้าดี”
เฉินตันจูเบ้ปาก “ท่านพี่ ข้าพูดชัดเจนเพียงนี้แล้ว ท่านยังไม่เข้าใจอีก ท่านได้ฟังที่ข้าพูดหรือไม่! ท่านไม่ต้องกังวล ข้าจะถามจางเหยาเอง” พูดพลางลุกขึ้นวิ่งออกไป
เฉินตันเหยียนเริ่มทำรองเท้าอีกข้าง นางยิ้มพลันส่ายหน้า “มีเรื่องใดฟังไม่เข้าใจกัน เพียงแค่เจ้าขี้ขลาด ไม่กล้าเชื่อคนผู้นั้น”
พูดพลางถอนหายใจออกมาอีกครั้ง น้องสาวของนางน่าสงสาร ดูภายนอกใจกล้าอาจหาญ แต่ความจริงแล้วระมัดระวังตัวอยู่เสมอ หวังว่าคนผู้นั้นจะสามารถปลอบประโลมนางได้
ในขณะที่เฉินตันจูกำลังครุ่นคิดว่าจะถามจางเหยาอย่างไร องค์หญิงจินเหยาก็พาจางเหยาเดินทางมา
“ไม่ได้ออกไปที่อื่นกันแล้วหรือ” เฉินตันจูตะลึงด้วยความดีใจไม่น้อย
องค์หญิงจินเหยาพูดด้วยรอยยิ้ม “คราวนี้ไปไม่ไกล ข้าจึงเรียกเขากลับมา” นางเหลือบมองจางเหยา “คุณหนูตันจูอยู่ตรงนี้ ต้องมาเยือนบ่อยๆ”
จางเหยายิ้มพลันตอบรับ
เฉินตันจูยิ่งดีใจ นางจับมือขององค์หญิงจินเหยาพลันพยักหน้า “องค์หญิงทรงกล่าวได้อย่างถูกต้อง องค์หญิงทรงดีต่อหม่อมฉันเสียจริง”
องค์หญิงจินเหยายิ้ม พลันนึกบางอย่างได้ “ได้ยินว่าดอกเหมยบนเขาซิ่วหลิ่งเบ่งบานแล้ว พวกเราไปชมดอกไม้กันเถิด อีกทั้งยังแช่บ่อน้ำร้อนได้”
เฉินตันจูย่อมไม่คัดค้าน “ถึงจะบอกว่ากลับบ้าน แต่เป็นครั้งแรกที่หม่อมฉันมาซีจิง ยังไม่เคยไปที่ใดมาก่อนเลย แต่ก่อนตอนเข้าร่วมงานเลี้ยงในวังท่านอ๋องอู๋ ได้ยินบรรดาหญิงงามของท่านอ๋องอู๋บอกว่าเขาซิ่วหลิ่งงดงามมาก”
องค์หญิงจินเหยาพูดด้วยรอยยิ้ม “ใช่ งดงามมาก มีภูเขา มีบ่อน้ำร้อน มีทิวทัศน์ที่งดงาม ดังนั้นมันจึงเป็นที่พักของบรรดาท่านอ๋องเมื่อเข้าเมืองหลวง ข้าไปปีละไม่ถึงสองครั้งเสียด้วยซ้ำ”
เฉินตันจูหัวเราะร่า “เอาเถิด เรื่องที่ผ่านไปแล้วไม่ต้องพูดถึงอีก พวกเรารีบไปกัน”
ในขณะที่กำลังจะออกไป นางครุ่นคิดบางอย่างได้จึงชะงักฝีเท้าลง
“หม่อมฉันไปเปลี่ยนชุด”
พูดพลางมองจางเหยาด้วยรอยยิ้ม พลันเรียกให้อาเถียนเข้ามา จากนั้นตนเองเดินเข้าห้องไป
อาเถียนเดินตามเข้าไปด้วยความดีใจ
องค์หญิงจินเหยาสงสัยเล็กน้อย นางหันไปมองจางเหยา “ชุดนางสะอาดอยู่แล้ว เหตุใดจึงต้องเปลี่ยน”
จางเหยาพูดด้วยท่าทางจริงจัง “มันเป็นการเคารพต่อองค์หญิง”
องค์หญิงจินเหยาเม้มปากยิ้ม
เฉินตันจูมีความเคารพมากเสียยิ่งกว่าที่องค์หญิงจินเหยาจินตนาการ เดิมทีคนทั้งสองยืนอยู่ในลาน คิดว่าอีกฝ่ายจะออกมาในไม่ช้า ไม่คิดว่าเฉินตันจูจะไม่ออกมาเสียที ทำได้เพียงนั่งลงดื่มชารอคอย
ในขณะที่กำลังดื่มชาถ้วยที่สอง เฉินตันจูถึงได้เดินออกมาจากในห้อง เมื่อเห็นลักษณะของเฉินตันจู องค์หญิงจินเหยาแทบจะพ่นชาในปากออกมา
หญิงสาวสวมชุดกระโปรงใหม่เอี่ยม ใบหน้าขาวสะอาดทาแก้มแดงและปากแดง สวมใส่กำไลหยกกำไลทอง ระยิบระยับจนทำให้คนตาลาย
“เจ้าจริงจังเกินไปหรือไม่” องค์หญิงจินเหยาพูดด้วยรอยยิ้ม ยื่นถ้วยชาให้จางเหยาที่กำลังจะลูบหลังให้นาง “ข้ารู้สึกว่าหากไม่จัดงานเลี้ยงให้เจ้าคงผิดต่อเจ้าอย่างมาก”
เฉินตันจูพูด “จัดงานเลี้ยงใดกัน เวลานี้วุ่นวายเพียงนี้ พวกเราออกไปเที่ยวเล่นได้ก็เพียงพอแล้ว”
ก็จริง แต่องค์หญิงจินเหยายังคงให้คำมั่นสัญญาอย่างใจกว้าง “รอบิดาของเจ้าได้รับชัยชนะกลับมา พวกเราจะจัดงานเลี้ยงใหญ่”
เฉินตันจูพยักหน้า คนทั้งสามออกจากจวน ในขณะที่กำลังจะขึ้นรถม้า เฉินตันจูก็หยุดลงอีกครั้ง นางหันไปมองจางเหยา “จางเหยา เจ้าจะนั่งรถหรือขี่ม้า”
จางเหยาตอบรับ “ข้าขี่ม้า”
เฉินตันจูพูด “อย่าขี่ม้าเลย อากาศหนาวเย็นเพียงนี้ เจ้านั่งรถของข้า” พูดพลางจับแขนเสื้อของเขาเดินไปทางรถของตนเอง
จางเหยาไม่อาจปฏิเสธ เขาถูกนางผลักขึ้นรถ
เมื่อขึ้นรถ หลบพ้นสายตาของผู้อื่น เรื่องบางเรื่องก็สามารถพูดด้วยได้แล้ว เฉินตันจูตัดสินใจ นางเป็นคนที่เด็ดขาดเสมอ
แต่เมื่อนางจะตามขึ้นไป ก็ถูกองค์หญิงจินเหยาดึงเอาไว้เสียก่อน
“รถเจ้าเล็กขนาดนี้ จะนั่งสองคนได้อย่างไร” นางขมวดคิ้ว “มา เจ้านั่งกับข้า รถของข้ากว้างขวาง”
พูดพลันจูงเฉินตันจูเดินไปทางรถม้าของตนเอง
“ข้ามีเรื่องจะพูดกับเจ้ามากมาย”
เดิมทีเฉินตันจูอยากจะพูดว่านางมีเรื่องจะพูดกับจางเหยา แต่เมื่อได้ยินองค์หญิงทรงพูดประโยคนี้ นางจึงกลืนคำพูดของตนเองเข้าไป เรื่องของนางไม่รีบมากนัก ฟังเรื่องที่องค์หญิงจะทรงพูดก่อนดีกว่า
คนทั้งสามนั่งรถสองคัน บรรดาองครักษ์ขององค์หญิงจินเหยาขี่ม้า อาเถียนไม่ได้นั่งรถ นางขี่ม้าตัวน้อยเดินตามจู๋หลิน คนทั้งขบวนมุ่งหน้าไปยังภูเขาซิ่วหลิ่งที่นอกเมือง
เพียงแค่อยู่ในราชนิเวศน์ก็สามารถสัมผัสได้ถึงความงามของภูเขาซิ่วหลิ่งได้แล้ว เมื่อทั้งสามคนปีนขึ้นไปถึงกลางเขาแล้วมองลงมา ดอกเหมยที่เบ่งบานมากมายยิ่งงดงามจนหาที่เปรียบไม่ได้
“พวกเราเข้าป่าเหมยกัน” องค์หญิงจินเหยาพูดอย่างอารมณ์ดี
เฉินตันจูยกกระโปรงเดินอย่างเหน็ดเหนื่อย นางก้มหน้ามองทางภูเขา “ยังต้องเดินลงไปอีกหรือ”
กว่าจะเดินขึ้นมาไม่ง่าย นางเหนื่อยอย่างมาก
องค์หญิงจินเหยายิ้ม “เจ้าสวมชุดแบบนี้ไม่สะดวกต่อการปีนเขา ย่อมต้องเหนื่อยเป็นธรรมดา” นางครุ่นคิดพลันชี้ไปยังศาลาด้านข้าง “เจ้านั่งพักตรงนี้ ข้าไปเด็ดกิ่งเหมยมาให้เจ้า”
เมื่อพูดจบ นางก็เดินตามทางเล็กเข้าป่าเหมยไป
เฉินตันจูกำลังจะตอบรับ ร่างของจางเหยาก็เดินผ่านนางไป “กระหม่อมไปด้วย”
“ได้…เพคะ” เฉินตันจูทำได้เพียงตอบรับ ก่อนจะโบกมือด้วยรอยยิ้ม “สองกิ่งก็พอแล้ว พวกท่านไม่ต้องเด็ดมามาก”
อาเถียนปูผ้าไหมไว้บนก้อนหิน พยุงเฉินตันจูให้นั่งลง ก่อนจะรื้อค้นสิ่งของในตะกร้า “คุณหนู กินของว่างหรือไม่เจ้าคะ”
“ราชนิเวศน์ทางนี้ยังเตรียมน้ำแกงหวานไว้ให้ ยังอุ่นอยู่เลยเจ้าค่ะ”
ภูเขาซิ่วหลิ่งเป็นพื้นที่ราชนิเวศน์ของราชวงศ์ ทางนี้ย่อมมีขันทีและนางใน ดังนั้นจึงเตรียมการไว้อย่างรอบคอบ
เฉินตันจูตอบรับ อาเถียนยื่นสิ่งใดให้นางก็กินสิ่งนั้น สายตาของนางจับจ้องเข้าไปในป่าเหมยอยู่เสมอ องค์หญิงจินเหยากับจางเหยายืนอยู่ด้วยกัน ไม่รู้ทั้งสองพูดคุยเรื่องใดจึงหัวเราะขึ้นมา เฉินตันจูก็อดหัวเราะตามไม่ได้
“เวลานี้ทั้งสองคนสนิทกันเสียจริง” นางพูด พลางเอามือยันคางเอาไว้ด้วยสีหน้าดีใจ “จางเหยาเป็นคนที่ทุกคนต่างชื่นชอบ”
องค์หญิงจินเหยาทางนั้นกำลังจะยื่นมือไปเด็ดกิ่งเหมยกิ่งหนึ่ง แต่กิ่งนั้นสูงเกินไป แม้จะเขย่งขาก็เอื้อมไม่ถึง จางเหยาจับกิ่งเหมยเอาไว้ แต่ไม่ได้เด็ดลงมา หากแต่กดให้มันต่ำลงเพื่อให้องค์หญิงจินเหยาเด็ดเอง องค์หญิงจินเหยาจับกิ่งเหมยเอาไว้ นาทีถัดมานางปล่อยมือด้วยความซุกซน กิ่งไม้ที่กระเด้งขึ้นมีกลีบดอกไม้สาดกระจายลงมา
องค์หญิงจินเหยาหัวเราะอย่างอารมณ์ดี จางเหยายื่นมือบังเอาไว้บนศีรษะขององค์หญิงจินเหยา เพื่อไม่ให้นางถูกกิ่งไม้แห้งและใบไม้ที่ร่วงหล่นลงมา
องค์หญิงจินเหยาเงยหน้า จางเหยาก้มหน้า ทั้งสองคนสบตากันแล้วยิ้มออกมา
เมื่อเฉินตันจูเห็นภาพนี้ นางก็ยิ้มขึ้นตาม แต่เมื่อยิ้มไปยิ้มมา สีหน้าของนางชะงักไป ราวกับมีแสงบางอย่างแล่นผ่านหน้า
“อาเถียน” นางลุกขึ้นยืน “ข้า…”
อาเถียนที่กำลังถือของว่างสองชิ้นครุ่นคิดว่าจะกินชิ้นไหนหันกลับมาเมื่อได้ยินเสียง “เกิดเรื่องใดขึ้นเจ้าคะ”
เฉินตันจูมองคนทั้งสองที่ยืนอยู่ในป่าเหมยกลางเขา พวกเขาเดินออกมาจากฝนดอกไม้แล้ว พวกเขาพูดคุยและหัวเราะเมื่อเดินอยู่ท่ามกลางป่าเหมย แต่ไม่ว่าพูดสิ่งใด หัวเราะเรื่องใด สายตาของคนทั้งสองยังคงติดหนึบอยู่ด้วยกัน
อาเถียนมองเฉินตันจูด้วยความสงสัย ก่อนจะเห็นคุณหนูยกมือขึ้นตบหน้าของตนเอง พลันร้องโอยออกมา
“คุณหนู” อาเถียนก็ร้องด้วยความตกใจ เกิดเรื่องใดขึ้นกัน
มือของเฉินตันจูนวดคลึงอยู่บนใบหน้า “ไม่มีอันใด มีแมลง”
ถึงแม้อากาศจะหนาว แต่ในภูเขาย่อมต้องมีแมลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อาเถียนรีบสะบัดแขนเสื้อเพื่อขับไล่แมลงที่มองไม่เห็น
เฉินตันจูหันหลังเดินไปยังทางภูเขาอีกทาง
“คุณหนู?” อาเถียนยกแขนเสื้อ “ท่านไปที่ใดเจ้าคะ” พูดพลันจะไล่ตามไป
เฉินตันจูโบกมือให้ด้านหลัง “อย่าตามมา ข้าขอเดินคนเดียว” พูดพลางยกชายกระโปรงวิ่งจากมา
บนทางภูเขาวิ่งได้ไม่เร็ว กระโปรงนี้ทั้งรัดทั้งแน่น เฉินตันจูเกือบจะสะดุดล้ม นางขุ่นเคืองจนกระทืบเท้า
ช่างน่าอายเสียจริง!
ในที่สุดเวลานี้นางก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดจางเหยาจึงมาเยี่ยมนาง เหตุใดท่านพี่จึงยิ้มเช่นนั้น อีกทั้งยังมีสายตาแปลกประหลาดของเสี่ยวเตี๋ย นอกจากนี้ยังมีท่าทางที่ทั้งผ่อนคลายและสนิทสนมระหว่างจางเหยากับองค์หญิงจินเหยา…
เห็นได้ชัดว่าจางเหยากับองค์หญิงจินเหยามีใจให้กัน
องค์หญิงจินเหยาบอกให้จางเหยามาเยี่ยมนาง แต่สายตาของจางเหยาไม่เคยมองมาที่นาง! แต่นางยังคงแต่งตัวด้วยชุดใหม่อย่างโง่เขลา
อีกทั้งนางยังเกือบบังคับให้จางเหยาแต่งงานกับนางบนรถ!
นางไม่ได้กำลังทำให้คนทั้งสอง ไม่ คนทั้งสามล้วนกระอักกระอ่วนหรือ
เฉินตันจูนั่งยองพลันใช้มือปิดหน้า นางมักจะบอกว่าตนเองมีความฉลาดเฉลียวอยู่เสมอ เหตุใดนางจึงมองไม่ออก นอกจากนางแล้ว คนข้างกายล้วนมองออกแล้วไม่ใช่หรือ!
“ตันจู?”
เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นจากด้านล่าง
เฉินตันจูผงะ มือที่ใช้ปิดบังใบหน้าเปิดออกเล็กน้อย ทำให้นางมองเห็นชายหนุ่มผู้หนึ่งที่ยืนอยู่บนทางด้านล่าง
ชายหนุ่มสวมชุดเรียบง่าย ยืนอยู่ท่ามกลางภูเขาในฤดูหนาว
เฉินตันจูลุกขึ้นยืนทันที นางขยี้ตาเพราะคิดว่าตนเองตาฝาด “องค์ชายสาม?”
ฉู่ซิวหยงยิ้มให้นาง “ข้าเอง”
เสียงดังฟังชัด คนก็ไม่ได้เลือนรางไป เป็นเขาจริงๆ เฉินตันจูตกตะลึงไม่น้อย นางยกกระโปรงเดินไปหาเขาอย่างรวดเร็ว “องค์ชายเสด็จมาได้อย่างไร พระองค์ไม่ได้…”
ไม่ได้ถูกปลดเป็นสามัญชนแล้วหรือ ไม่ได้ถูกขังเอาไว้หรือ
ฉู่ซิวหยงพูด “เวลานี้ข้าไม่ใช่องค์ชายแล้ว เจ้าเรียกข้าว่าฉู่ซิวหยงก็พอ ข้าเป็นสามัญชนธรรมดา อยากไปที่ใดก็ไปที่นั่น”
เฉินตันจูยืนอยู่ตรงหน้าเขา พินิจเขาอยู่สักพัก เหมือนต้องการพูดบางสิ่งแต่ก็รู้สึกไม่มีสิ่งใดให้พูด
ฉู่ซิวหยงมองนาง พลันยิ้ม “ชุดงดงามมาก”
เฉินตันจูรู้สึกน้อยใจขึ้นมาทันที นางตั้งใจเปลี่ยนชุดใหม่ แต่จางเหยาไม่แม้แต่จะมอง!
มีแต่องค์ชายสาม…
ใบหน้าของนางเผยรอยยิ้ม จัดการชุดกระโปรงที่ยับเยินและเปรอะเปื้อนเศษใบไม้ “ใช่หรือไม่ ชุดใหม่นี้ข้าตั้งใจเลือกมาก”