บทที่ 478 สะดุ้งขึ้นมาจากความตายด้วยความตื่นเต้น ชีวิตข้าจะไม่ต้องดับสิ้นแล้ว!
ดินแดนของตระกูลหลีเจริญรุ่งเรืองสง่างาม ไม่เสียทีที่เป็นถึงกองกำลังโบราณ ทั้งยิ่งใหญ่และน่าตื่นตะลึง
มีสิ่งมีชีวิตจำนวนไม่น้อยต้องการจะไปยังเมืองนภา ตระกูลหลีเป็นผู้ที่ได้รับหน้าที่พิเศษในการดูแลค่ายกลเคลื่อนย้ายที่หลิงอินกับเสี่ยวหยาพร้อมด้วยสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ กำลังมุ่งเข้าไป
ราคาในการใช้งานนับว่าไม่ต่ำ หนึ่งครั้งจำเป็นต้องจ่ายหินเทวะนับร้อยก้อน หินเทวะเหล่านี้เต็มไปด้วยพลังเทวะมากมาย นับว่าเป็นสิ่งที่มีระดับสูงเป็นอย่างมาก จำเป็นต่อการฝึกฝนของผู้ที่อยู่ในขอบเขตสูง
ทว่าสำหรับหลิงอินแล้ว หินเทวะไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด ก่อนหน้านี้นางได้รวบรวมหินเทวะจำนวนมากจากดวงดาวที่พังทลาย
หลังจากส่งหินเทวะออกไปแล้ว หลิงอินและเสี่ยวหยาก็มาถึงลานขนาดใหญ่ ด้านหน้าของพวกนางมีสิ่งมีชีวิตจำนวนไม่น้อยกำลังต่อแถว ค่ายกลเคลื่อนย้ายของตระกูลหลีไม่สามารถเคลื่อนย้ายพวกเขาทั้งหมดไปพร้อมกันในคราวเดียวได้
พวกนางไม่เร่งร้อน ใช้เวลาต่อแถวที่นี่ก็ยังคงเร็วกว่าเหาะเหินไปด้วยตนเองไม่รู้ตั้งกี่เท่า เมืองนภาอยู่ไกลจากสถานที่แห่งนี้มากเกินไป
เมื่อคิดเช่นนี้แล้ว ตระกูหลีเรียกเก็บหินเทวะร้อยก้อนก็ไม่นับว่าแพงเกินไปมากนัก อย่างไรเสียเคลื่อนย้ายไปไกลเช่นนี้ ค่ายกลเคลื่อนย้ายจะต้องกินพลังเป็นอย่างมาก
“นายน้อยเฮ่อต้องการไปเมืองนภาอย่างนั้นหรือ?”
มีเส้นแสงพุ่งมาจากที่ไกลลิบ จากนั้นก็มีร่างของชายหนุ่มผู้หนึ่งลงมาหยุดอยู่ข้างผู้อาวุโสตระกูลหลี ส่วนผู้อาวุโสตระกูลหลีก็รีบทำความเคารพชายหนุ่มทันที
ชายหนุ่มผู้นี้หล่อเหลาเป็นอย่างมาก ดวงตาเปล่งประกายเป็นพิเศษ รอบกายมีแสงนักบุญลอยอยู่เลือนราง ท่วงท่าสง่างามเปี่ยมด้วยเสน่ห์
เขาคือบุตรชายคนเล็กของประมุขตระกูลหลีนามว่าหลีเฮ่อ พรสวรรค์ในการฝึกฝนของเขานับว่าสูงเป็นอย่างยิ่ง เขาสามารถบรรลุขอบเขตนักบุญตั้งแต่อายุยังน้อย ทั้งยังเป็นถึงราชันนักบุญผู้หนึ่ง
“อืม”
เขาพยักหน้าเล็กน้อย ทว่าเมื่อเขากำลังจะพูดอะไรออกมา สัตว์อสูรตัวเล็ก ๆ ในอ้อมแขนของเขาก็ส่งเสียงร้องออกมาอย่างแผ่วเบา
มันเป็นสัตว์อสูรตัวเล็กที่มีขนสีเหลืองทั่วทั้งตัว เป็นสีเหลืองทองอร่ามราวกับทองคำ ดวงตาเองก็ประหนึ่งทำจากทองคำเปล่งประกายเป็นพิเศษ จมูกของมันกระดุกกระดิกไปมาเหมือนกำลังได้กลิ่นอะไรสักอย่าง
“เจ้าว่าอย่างไรนะ? พวกนางมีโอสถเทียนตี้อยู่กับตัว?”
หัวใจของหลีเฮ่อสั่นสะท้าน เขาไม่เคยคิดไม่เคยฝันมาก่อนว่าสัตว์อสูรตัวน้อยในอ้อมแขนของเขาจะส่งข่าวเช่นนี้มา
สัตว์อสูรตัวน้อยในอ้อมแขนของเขานั้นไม่ธรรมดา สายเลือดของมันมีความพิเศษเป็นอย่างมาก มันสามารถได้กลิ่นสมบัติล้ำค่าทุกชนิด และในตอนนี้สัตว์อสูรตัวน้อยก็ได้กลิ่นโอสถเทียนตี้จากบนร่างหลิงอินและเสี่ยวหยา
สมุนไพรระดับเทียนตี้ สามารถยืดอายุขัยของผู้ที่อยู่ขั้นเทียนตี้ได้ สมุนไพรระดับนี้มีค่าสูงลิ่วจนไม่อาจประเมินได้
แม้ตระกูลหลีของพวกเขาจะสืบทอดกันมาอย่างยาวนาน กระทั่งปัจจุบันยังคงมีขั้นเทียนตี้อยู่ในเมือง ถึงเช่นนั้นตระกูลของพวกเขาก็ยังไม่เคยครอบครองสมุนไพรขั้นเทียนตี้มาก่อน
อาณาจักรอวี้ซวีของเขาไม่ใช่อาณาจักรเล็ก ๆ แต่เป็นส่วนของอาณาจักรเก้าตอนบนที่เต็มไปด้วยกองกำลังอันแข็งแกร่งมากมาย ทว่ากลับมีสมบัติระดับเทียนตี้อยู่น้อยนิด
เมื่อใดก็ตามที่โอสถเทียนตี้ปรากฏขึ้นมาก็จะเกิดการแย่งชิงอันดุเดือด ตระกูลหลีของพวกเขาไม่เคยแย่งชิงมันมาได้สำเร็จ ล้มเหลวไปเสียทุกครั้ง
“สวรรค์ต้องการจะช่วยเหลือตระกูลหลีใช่หรือไม่? เวลาของท่านบรรพจารย์ใกล้จะหมดลงเต็มที กลับมีโอสถเทียนตี้มาส่งถึงที่!”
ภายในใจของหลีเฮ่อบ้าคลั่งไปด้วยความสุข ครั้งนี้โอสถเทียนตี้ปรากฏขึ้นมาในตระกูลหลี ผู้ใดจะยังสามารถฉกฉวยไปจากพวกเขาได้? โอสถเทียนตี้นี้จะต้องเป็นของตระกูลหลี
“ใจเย็น อย่าพึ่งแหวกหญ้าให้งูตื่น ต้องลองสอบถามเบื้องลึกเบื้องหลังของพวกนางก่อน ดูว่าพวกนางมีภูมิหลังอย่างไร”
เขาคิดกับตัวเอง
หลังจากนั้นเขาก็ทะยานตรงไปหาหลิงอินและเสี่ยวหยา
“คำนับคุณชายตระกูลหลี!”
“คำนับคุณชายหลี!”
สิ่งมีชีวิตจำนวนไม่น้อยพากันเอ่ยทักทายหลีเฮ่อด้วยความเคารพ หลีเฮ่อมีชื่อเสียงอยู่ไม่น้อย พวกเขาทุกคนล้วนรู้จักหลีเฮ่อ
หลีเฮ่อพยักหน้าเล็กน้อยตอบรับคำทักทาย จากนั้นจึงเดินไปหาหลิงอินและเสี่ยวหยาพร้อมกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “สวัสดีแม่นางทั้งสอง”
หลิงอินพยักหน้าเล็กน้อยให้กับหลีเฮ่อ
ญาณสัมผัสของนางกล้าแกร่งเกินไป นางสามารถรับรู้ได้ถึงการจ้องมองของหลีเฮ่อตั้งแต่ก่อนหน้านี้ เพียงแต่นางไม่รู้ว่าหลีเฮ่อต้องการสิ่งใด
“สวัสดีคุณชาย”
เสี่ยวหยาตอบรับหลีเฮ่ออย่างสุภาพ
“แม่นางทั้งสองเองก็จะเดินทางไปเมืองนภาหรือ?”
หลีเฮ่อแย้มยิ้มและกล่าวออกมาอย่างสุภาพ “ด้านหน้ามีคนต่อแถวรออยู่จำนวนไม่น้อย ต้องใช้เวลานานพอสมควรจึงจะถึงแม่นางทั้งสอง เช่นนั้นแม่นางทั้งสองไปพักเสียหน่อยจะดีกว่า ค่อยกลับมาเมื่อถึงตาของแม่นาง”
เขากล่าวต่อ “แม่นางทั้งสองอย่าได้เข้าใจผิดไป ข้าเห็นว่าแม่นางทั้งสองมีบรรยากาศสูงส่งแตกต่างออกไป มองคราแรกก็รับรู้ได้ว่าไม่ธรรมดาสามัญ จะต้องมีชาติกำเนิดสูงส่งเป็นแน่แท้ เมื่อแม่นางทั้งสองมาถึงตระกูลหลีของพวกเราแล้ว ข้าย่อมไม่สามารถละเลยแม่นางได้ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาทของตระกูลหลี”
เขาต้องการจะสืบเบื้องลึกเกี่ยวกับหลิงอินและเสี่ยวหยา ลองดูว่าหลิงอินและเสี่ยวหยาจะมาจากกองกำลังโบราณแห่งอื่นหรือไม่
ถ้าหากหลิงอินและเสี่ยวหยามาจากกองกำลังโบราณอื่น ๆ คงจะเป็นเรื่องยุ่งยากมาก อย่างไรเสียเขาก็วางแผนที่จะแย่งชิงโอสถเทียนตี้มาจากหลิงอินและเสี่ยวหยา ดังนั้นเขาจึงต้องระมัดระวังกองกำลังที่อยู่เบื้องหลังของพวกนาง
หลิงอินยิ้มแล้วตอบกลับไปอย่างมีมารยาท “คุณชายสุภาพยิ่งนัก แต่พวกเราสองคนสามารถรออยู่ตรงนี้ได้ อย่างไรเสียพวกเราก็เป็นผู้ฝึกตน เพียงเสียเวลารอเหมือนกับทุกคนย่อมไม่เป็นอะไร”
แม้ว่านางจะไม่รู้ว่าหลีเฮ่อต้องการสิ่งใด แต่นางก็เป็นถึงจ้าวสูงสุดแห่งโบราณกาล นางผ่านประสบการณ์เรื่องราวต่าง ๆ มามากมาย จึงไม่ไว้ใจหลีเฮ่อแต่โดยง่าย
นางไม่เอ่ยสิ่งใดเกี่ยวกับเบื้องหลังของตนเองกับเสี่ยวหยาสักคำ
“เข้าใจแล้ว”
หลีเฮ่อยิ้ม ไม่ได้ถามอะไรต่อไปอีก
เขาสัมผัสได้ถึงคำเตือนจากหลิงอิน เกรงว่าหากเขายังคงซักไซ้ต่อไปจะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น กระตุ้นความสงสัยของหลิงอิน
หลังจากนั้นเขาจากออกไปทันที
“มาหาโดยไร้เหตุผล เกรงว่าสิ่งที่ต้องการจะไม่ใช่เรื่องดี…”
หลิงอินหรี่ตาลง คิดขึ้นมาในใจอย่างเงียบงัน
นางไม่ได้กลัว เพียงแต่นางก็ไม่อยากสร้างปัญหายุ่งยาก
แม้ว่านางจะกระจ่างแจ้งดี แต่หลายครั้งก็ไม่อาจลงมือได้ตามอำเภอใจ…
อย่างไรเสียโลกแห่งการฝึกตนก็ไม่ได้สวยงาม เต็มเปี่ยมไปด้วยอันตรายทุกหนแห่ง
ทันทีที่หลีเฮ่อจากไป เขาก็เข้าไปยังส่วนลึกของตระกูลเพื่อพบพ่อของตนผู้เป็นประมุขแห่งตระกูลหลี
เขารีบเล่าสิ่งที่เขาพบให้ท่านพ่อของเขาฟัง
“ว่าอย่างไรนะ!”
ผู้เป็นพ่อตกตะลึงด้วยความไม่คาดฝัน
เขาจะคาดฝันได้อย่างไรว่าโอสถเทียนตี้ที่ตระกูลหลีไม่อาจแย่งชิงมาได้หลายครั้งจะปรากฏขึ้นมาในดินแดนของพวกเขา?
ทว่าเขาไม่ได้ตื่นเต้นดีใจจนตัวสั่นเหมือนหลีเฮ่อ
อย่างไรเสียเขาก็เป็นถึงประมุขตระกูล มีความคิดรอบคอบมากกว่าหลีเฮ่อ
คนธรรมดาจะครอบครองโอสถเทียนตี้ได้อย่างไร?
ไม่มีทางเป็นไปได้!
หลิงอินและเสี่ยวหยาจะต้องไม่ธรรมดาเป็นอย่างมาก!
เมื่อโอสถเทียนตี้ปรากฏขึ้นในตระกูลเช่นนี้ เขาไม่อาจแน่ใจได้ว่ามันเป็นพรหรือคำสาป!
“ข้าจะไปพบท่านบรรพจารย์!”
เขาไม่กล้ารั้งรอ รีบลุกขึ้นตรงไปพบท่านบรรพจารย์ที่ใกล้หมดอายุขัยอย่างรวดเร็ว
ในไม่ช้าเขาก็มาถึงเบื้องหน้าบรรพจารย์
“เจ้ามาพบข้าด้วยเรื่องอันใด?”
บรรพจารย์ขั้นเทียนตี้ที่นอนอยู่บนเตียงตื่นขึ้นจากการนิทรา เสียงของเขาแก่ชราเป็นอย่างยิ่ง ผมของเขาบางจนแทบไม่หลงเหลืออยู่ ร่างกายผอมแห้งคล้ายจวนเจียนจะหมดอายุขัยเต็มที
“มีโอสถเทียนตี้ปรากฏขึ้นในตระกูล!”
ประมุขตระกูลหลีรายงานทุกอย่างให้ท่านบรรพจารย์ฟัง
“ว่าอย่างไรนะ!”
บรรพจารย์ขั้นเทียนตี้ลุกขึ้นจากเตียงทันทีที่ได้ยิน ท่าทางใกล้ตายสูญสลายไปทันควัน เขาจ้องเขม็งไปที่ประมุขตระกูลหลีด้วยประกายวับวาวราวกับจะกินคนเข้าไป
โอสถเทียนตี้ปรากฏขึ้นอย่างไม่คาดฝัน!
อีกทั้งยังปรากฏขึ้นในดินแดนของตระกูลหลีอีกด้วย!
ชีวิตของเขาจะไม่ดับสิ้นแล้ว!