ตอนที่ 496 ตรวจสอบสินค้า
ตอนบ่าย หลินม่ายพาเฉินเฟิงและสหายน้องชายสองคนของเขา ขับรถบรรทุกไปที่สถานีรถไฟเพื่อรับสินค้า
ไม่ว่าจะเป็นเครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว หรือนาฬิกา พวกมันล้วนไม่ใช่สิ่งของที่กินพื้นที่ รถบรรทุกแค่หนึ่งคันจึงสามารถขนสินค้าทั้งหมดกลับไปได้ในคราวเดียว
รอบนี้หลินม่ายไม่ได้ขนสินค้ากลับไปเก็บไว้ที่โกดังในตลาดสดฝูตัวตัว แต่ขนไปเก็บไว้ที่โรงงานตัดเสื้อUniqueแทน
โกดังสินค้าของตลาดสดฝูตัวตัวเต็มไปด้วยข้าวสาร แป้ง น้ำมัน และผลิตภัณฑ์อาหารอีกจำนวนมาก จนไม่มีพื้นที่เหลือพอให้วางสินค้าอื่นแล้ว
เฉินเฟิงจัดการทุกอย่างด้วยตัวเอง สั่งให้สหายน้องชายสองสามคนขนของทั้งหมดไปเก็บไว้ที่ห้องทำงานของหลินม่าย
ในขณะที่หลินม่ายกำลังจะแกะกล่องบรรจุนาฬิกา เถาจืออวิ๋นก็เดินเข้ามาถามว่า “รอบนี้เธอได้ของดีอะไรมาจากกรมศุลกากรบ้าง?”
หลินม่ายเงยหน้าขึ้นมองเธอ ก่อนจะถามด้วยความประหลาดใจ “ทำไมพี่ถึงยังอยู่ที่โรงงานอีก?”
เถาจืออวิ๋นทำสีหน้างงงวย “ถ้าไม่ให้ฉันอยู่ในโรงงานในเวลาทำงาน แล้วจะให้ฉันไปที่ไหนล่ะ?”
หลินม่ายเอ่ย “ฉันอนุญาตให้พี่หยุดงานแล้วไม่ใช่เหรอ?”
สีหน้าเถาจืออวิ๋นจริงจัง “เธอบอกให้ฉันหยุดงานตั้งแต่วันพรุ่งนี้ไม่ใช่หรือไง?”
ผู้หญิงคนนี้ซื่อตรงเกินไปจริง ๆ
หลินม่ายถึงกับก่ายหน้าผากตัวเอง
เมื่อหันไปอีกที ก็เห็นว่าในขณะที่เธอกำลังคุยกับเถาจืออวิ๋น เฉินเฟิงได้เปิดกล่องลังทั้งหมดที่บรรจุนาฬิกาออกเรียบร้อยแล้ว
ภายในลังยังมีกล่องกำมะหยี่สีแดงกุหลาบเล็ก ๆ อีกหลายกล่องวางซ้อนกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
ส่วนอีกลังหนึ่งก็มีกล่องกำมะหยี่สีดำวางซ้อนกันอยู่อย่างเป็นระเบียบเช่นเดียวกัน
แค่เห็นบรรจุภัณฑ์อันสวยงามก็รู้แล้วว่าเป็นสินค้าระดับไฮเอนด์
เถาจืออวิ๋นหยิบกล่องสี่เหลี่ยมสีแดงกุหลาบขึ้นมาดูอย่างอยากรู้อยากเห็น ระหว่างที่เปิดกล่องก็ถามไปด้วยว่า “มีอะไรอยู่ในนี้น้า?”
พอเปิดฝากล่องออกแล้ว เห็นว่าข้างในเป็นนาฬิกาข้อมือผู้หญิงที่มีตัวเรือนเล็กบาง จึงอดไม่ได้ที่จะอุทานขึ้นว่า “นาฬิกาเรือนนี้สวยจังเลย!”
นาฬิกาข้อมือผู้หญิงเรือนนั้นสวยจริง ๆ หน้าปัดเป็นทรงวงรีเล็ก ๆ ส่วนขอบประดับด้วยพลอยเทียมล้อมหน้าปัดเป็นวงกลม
สายนาฬิกาสีทองแสดงให้เห็นถึงสไตล์ที่แปลกใหม่ แถมยังมีขนาดบางมาก
ถ้าเป็นนาฬิกาที่ผลิตในประเทศ หรือแม้แต่เอานาฬิกาที่ผลิตจากเซี่ยงไฮ้ไปเปรียบเทียบกับนาฬิกาที่ผลิตจากฮ่องกงเรือนนี้ ยังมองเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน
นาฬิกาที่ผลิตในประเทศเป็นเหมือนผู้หญิงในชนบท เรียบง่ายและแข็งแกร่ง
ในขณะที่นาฬิกาซึ่งผลิตจากฮ่องกงมีลักษณะบอบบางกว่า ราวกับเป็นคุณหนูทายาทตระกูลดัง สวยงามและสูงเพรียว
เถาจืออวิ๋นลองทาบนาฬิกาเรือนนั้นไว้บนข้อมือตัวเอง ปรากฏว่ามันสามารถขับเน้นให้ข้อมือขาวผ่องและเรียวยาวมากขึ้น มีเสน่ห์น่าค้นหา
พอได้สวมแล้วก็อาลัยอาวรณ์ไม่อยากถอดออก ลองถามหลินม่ายดูว่า “เธอขายให้ฉันสักเรือนสิ?”
หลินม่ายส่ายหน้า “ไม่ได้ ฉันกลัวว่านาฬิกาพวกนี้อาจไม่เพียงพอกับความต้องการของตลาดด้วยซ้ำ”
เฉินเฟิงเหลือบมองเธอแวบหนึ่ง แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
เถาจืออวิ๋นเลยจำใจถอดนาฬิกาเรือนนั้นออก แล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดหน้าปัดนาฬิกาให้สะอาดเอี่ยมดังเดิม
จากนั้นก็วางลงในกล่องกำมะหยี่ ปิดฝาแล้ววางลงในกล่องลังนั้นอีกครั้ง ก่อนจะหันไปดูว่าภายในกล่องลังอื่น ๆ ยังมีสมบัติอะไรซ่อนอยู่อีก
หลินม่ายหยิบกล่องกำมะหยี่สีดำเล็ก ๆ ขึ้นมาเปิดฝาออก เห็นว่ากล่องพวกนี้บรรจุนาฬิกาข้อมือสำหรับผู้ชาย
หน้าปัดทรงกลมฝังด้วยพลอยเทียมทรงกลมเช่นเดียวกัน มองแวบแรกก็สัมผัสถึงความหรูหราได้ทันที
เถาจืออวิ๋นเห็นว่ากล่องอื่น ๆ บรรจุสินค้าจำพวกผลิตภัณฑ์ดูแลผิว เครื่องสำอาง และแชมพูอีกจำนวนหนึ่ง
แต่ฉลากทั้งหมดเป็นภาษาต่างประเทศล้วน ๆ ยกเว้นเครื่องสำอาง เธอรู้ว่าอะไรเป็นอะไรโดยที่ไม่จำเป็นต้องอ่านฉลากด้วยซ้ำ
สำหรับผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและแชมพู หล่อนอาศัยการคาดเดาจากรูปภาพบนบรรจุภัณฑ์
ผู้หญิงนอกจากจะชอบเสื้อผ้าและเครื่องประดับแล้ว ยังชอบผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและเครื่องสำอางมาก ๆ
เถาจืออวิ๋นเองก็ไม่มีข้อยกเว้น
หล่อนโน้มตัวไปกระซิบกับหลินม่ายด้วยรอยยิ้ม “ถ้าอย่างนั้นเธอพอจะขายเครื่องสำอาง สกินแคร์ กับแชมพูพวกนี้ให้ฉันหน่อยได้ไหม?”
รอบนี้หลินม่ายอนุญาตอีกฝ่ายอย่างใจกว้าง “ได้สิ พี่อยากได้อะไรบ้างล่ะ?”
ในขณะที่พูดแบบนี้ เธอก็เหลือบไปเห็นว่าเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่กำลังพูดถึงอยู่นั้นห่อหุ้มด้วยกล่องบรรจุภัณฑ์ทุกชิ้น
บรรจุภัณฑ์แบบนี้เรียกได้ว่าธรรมดามากถ้าอยู่ในยุคปัจจุบันเมื่อในชาติที่แล้วของหลินม่าย แต่สำหรับยุคนี้แล้วถือเป็นอะไรที่แปลกใหม่
เนื่องจากเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลผิวซึ่งผลิตในประเทศไม่มีการบรรจุหีบห่อแต่อย่างใด เน้นขายเป็นชิ้นเดี่ยว ๆ
หลินม่ายคิดว่า สินค้านำเข้าที่มีบรรจุภัณฑ์หน้าตาหรูหราทั้งหมดนี้ ไม่ว่าจะแจกเป็นของขวัญหรือวางขายเป็นสินค้าทั่วไปก็ตาม หญิงสาวที่มีฐานะร่ำรวย หรือสาว ๆ ที่รักสวยรักงามทั้งหลายจะต้องกรูเข้ามาจับจองเป็นเจ้าของแน่นอน
เถาจืออวิ๋นหยิบเครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว และแชมพูเท่าที่ตัวเองต้องการ แล้วเดินกลับไปที่ห้องทำงานของตัวเองอย่างมีความสุข
เฉินเฟิงมองไปทางเครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว และแชมพูพวกนั้น ถามหลินม่ายว่า “เธอคิดจะเอาของพวกนี้ไปแจกฟรีหมดเลยเหรอ?”
หลินม่ายส่ายหน้า “ซะที่ไหนล่ะ?”
สินค้านำเข้าพวกนี้มูลค่ารวมกันตั้ง 1.8 ล้านหยวนเชียวนะ ถ้าเอาไปแจกฟรีทั้งหมด เธอไม่ใจกว้างไปหน่อยเหรอ…
เธอชี้ไปที่ตลับแป้ง กล่องเครื่องสำอาง และลิปสติก “ของพวกนั้นต่างหากที่ฉันจะใช้เป็นของขวัญโปรโมชั่น ส่วนของอย่างอื่น ฉันวางแผนไว้ว่าจะตั้งชั้นวางเล็ก ๆ ไว้ตามซูเปอร์มาร์เก็ตต่าง ๆ รวมถึงร้านค้าในเครือUniqueทั้งหกสาขาเพื่อขาย”
เฉินเฟิง “ทำไมถึงไม่เปิดเคาน์เตอร์พิเศษไว้ในตลาดฝูตัวตัวด้วยล่ะ? วัน ๆ หนึ่งมีลูกค้าแวะเวียนมาที่ตลาดของเราตั้งเยอะแยะ!”
หลินม่ายไม่เห็นด้วย “ต่อให้คลื่นฝูงชนจะมหาศาลแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์ คนที่ไปตลาดสดส่วนใหญ่เป็นแม่บ้านธรรมดา ไม่ได้ร่ำรวยอะไรมากมาย พวกหล่อนไม่ยอมควักเงินจำนวนมากเพื่อเครื่องสำอางหรือสกินแคร์ราคาแพง ๆ แบบนี้แน่ อยากขายของก็ต้องดูกลุ่มเป้าหมายด้วย ไม่งั้นเสียเวลาเปล่า”
ขณะที่อธิบายอยู่นั้น จู่ ๆ เธอก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ แล้วโน้มตัวไปลากกล่องลังกล่องหนึ่งเข้ามาใกล้ ๆ จัดการเปิดออก จากนั้นก็หยิบผลิตภัณฑ์ที่หน้าตาคล้ายคลึงกับยาสีฟันออกมา พลิกอ่านฉลากทั้งซ้ายขวา
สักพักก็พึมพำออกมาว่า “ทำไมจื่อฉิงถึงเอาของพรรค์นี้มาด้วยนะ”
เฉินเฟิงขยับเข้าไปใกล้แล้วเอียงคอมองตาม “สินค้าตัวนี้มีอะไรผิดปกติงั้นเหรอ?”
หลินม่ายพยักหน้า “มันคือผลิตภัณฑ์เสริมอึ๋มน่ะ”
การขยายขนาดทรวงอกยังไม่เป็นที่นิยมในประเทศจีนยุคนี้
ไม่ต้องพูดถึงการเสริมทรวงอก สมัยนี้ผู้หญิงคนไหนมีหน้าอกหน้าใจใหญ่โตเกินไป ก็จะถูกคนอื่นชี้ชวนให้มองแล้วหันไปกระซิบกระซาบกัน ราวกับว่าผู้หญิงคนนั้นทำผิดศีลธรรมอย่างนั้นแหละ
เพราะฉะนั้นมันจึงถือเป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับเฉินเฟิง “เสริมอึ๋ม? คืออะไรอีกล่ะนั่น?”
หลินม่ายขยายความเป็นภาษาที่เข้าใจได้ง่าย “ตัวช่วยทำให้นมโตขึ้นน่ะ”
เฉินเฟิงถึงกับตะลึงเมื่อได้ยินแบบนั้น ชาวต่างชาติต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ ถึงได้คิดค้นผลิตภัณฑ์ประเภทนี้ออกมา!
หลินม่ายเดาว่าเคอจื่อฉิงอาจจะหยิบสินค้ามาผิด เนื่องจากแปลภาษาอังกฤษไม่ออก
ดูแค่ภายนอก คนแปดในสิบต้องคิดว่าผลิตภัณฑ์เสริมอึ๋มเป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวแน่อยู่แล้ว
แต่สินค้าที่รับซื้อจากกรมศุลกากรมาแล้วไม่สามารถส่งคืนได้ เธอจึงทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมรับความโชคร้าย
หลินม่ายรีบตรวจสอบดูว่ายังมีครีมเพิ่มขนาดทรวงอกอยู่อีกกี่ลัง เพื่อคำนวณเม็ดเงินที่สูญเสียไป
ถ้ามีของพวกนี้เป็นหมื่น ๆ กล่อง นั่นหมายความว่าเธอเสียเงินเกือบหมื่นหยวนไปฟรี ๆ
หลังจากตรวจสอบ เธอพบว่ามีแค่กล่องเดียวเท่านั้นที่บรรจุครีมเสริมหน้าอกไว้เต็มลัง ส่วนสินค้าอีกกล่องไม่มีอะไรผิดพลาด
นั่นแปลว่าเคอจื่อฉิงไม่ได้จัดสินค้าให้เธอผิดเพราะแปลภาษาอังกฤษไม่ออก แต่อาจเป็นความสะเพร่าของเจ้าหน้าที่ขนส่งเอง
โชคดีที่มีครีมเสริมขนาดทรวงอกแค่ลังเดียว นับได้สามร้อยหลอด
ไม่ว่ากรมศุลกากรจะยินดีคืนเงินให้หรือเปล่า แต่การสูญเงินในครั้งนี้ยังไม่ใช่เรื่องใหญ่
หลินม่ายแบ่งนาฬิกาออกมาสามสิบเรือน จากนั้นก็ส่งมอบส่วนที่เหลือให้เฉินเฟิง
เสร็จเรียบร้อยแล้วก็เรียกหาเสิ่นเสี่ยวผิง กำชับให้หล่อนแยกกล่องกระดาษที่บรรจุครีมเสริมขนาดทรวงอกเอาไว้ต่างหาก ห้ามขายเด็ดขาด
รอให้ผู้จัดการโรงงานกลับมา ค่อยบอกให้อีกฝ่ายจัดการตั้งชั้นวางสำหรับขายเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลผิวตามซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านค้าในเครือทั้งหมด
เมื่ออธิบายงานแล้ว เธอก็เดินไปที่ห้องทำงานของเถาจืออวิ๋น
เถาจืออวิ๋นถือกระจกทรงกลมขนาดเล็กไว้ในมือ อีกมือก็วาดทรงคิ้วด้วยดินสอเขียนคิ้ว
พอเห็นหลินม่ายเดินเข้ามาก็ส่งยิ้มอย่างเก้อเขินให้ ถามว่า “ฉันเขียนคิ้วสวยไหม?”
หลินม่ายพยักหน้า “ดูดีเลยล่ะ”
คนส่วนใหญ่บอกว่าดินสอเขียนคิ้วสีน้ำตาลจะช่วยให้คิ้วดูเป็นธรรมชาติ เธอว่าดินสอเขียนคิ้วสีดำต่างหากทำให้ทรงคิ้วดูเป็นธรรมชาติมากกว่า
เถาจืออวิ๋นวางดินสอเขียนคิ้วลง “เธอมีอะไรหรือเปล่า?”
หลินม่ายพยักหน้า ลากเก้าอี้อีกตัวหนึ่งมานั่งลงตรงข้ามเธอ
จากนั้นก็หยิบสมุดภาพออกมาจากกระเป๋า “ฉันลองออกแบบเสื้อผ้าสไตล์ใหม่ ๆ สำหรับเปิดตัวคอลเลคชั่นในวันชาติไว้หลายแบบ เลยอยากเอามาให้พี่ดู ว่ามีแบบไหนบ้างที่สามารถเอาไปต่อยอดได้”
เถาจืออวิ๋นหยิบสมุดภาพมาจากมือเธอ พิจารณาอย่างระมัดระวังไปทีละหน้า
มีทั้งชุดเดรส กระโปรงสั้น และเสื้อกันลม ที่เหมาะสำหรับสวมใส่ในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง
ถึงเถาจืออวิ๋นจะทึ่งกับแบบเสื้อทุกตัว แต่สิ่งที่ทำให้หล่อนประหลาดใจมากที่สุดก็คือเสื้อกันลมยีนที่มีฮู้ดหรือปกเสื้อ
เถาจืออวิ๋นประทับใจจนเอ่ยปากชมเปาะ “สมองเธอนี่ทำมาจากอะไรกันนะ อะไรเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้เธอวาดแบบเสื้อผ้าออกมาได้สร้างสรรค์ขนาดนี้! โดยเฉพาะหมวกอันนี้ เธอคิดขึ้นมาได้ยังไงกัน?”
ไม่จำเป็นต้องคิดด้วยซ้ำ เธอก็แค่เลียนแบบมาจากความทรงจำในชาติที่แล้ว
ถึงอย่างนั้นหลินม่ายกลับสงวนท่าทางสงบเสงี่ยม ตอบคำถามอย่างเรียบง่าย “ลองวาดมั่ว ๆ ดูน่ะ”
เถาจืออวิ๋นกลอกตาขึ้นเพดานทันที
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ทดลองใช้ดูไหมคะว่าจะใหญ่ขึ้นจริงหรือเปล่า แต่เราว่ามันเน้นกระชับผิวทรวงอกไม่ให้หย่อนคล้อยมากกว่านะ
ไหหม่า(海馬)