บทที่ 479 ข้าไม่ได้รับความเป็นธรรม ท่านบรรพจารย์แก่จนสมองเลอะเลือนไปแล้วหรือ?
“ที่เจ้ากล่าวมาล้วนเป็นความจริงอย่างนั้นหรือ?”
ดวงตาแก่ชราของบรรพจารย์ขั้นเทียนตี้จับจ้องไปทางประมุขตระกูลหลีด้วยแววตาราวกับจะสามารถกินคนเข้าไปได้ สีหน้าของเขาดูตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูกสั่นสะท้าน
เขาจะไม่ตื่นเต้นได้อย่างไร?
เวลาของเขาเหลืออีกไม่มากนัก กลับมีโอสถเทียนตี้ปรากฏขึ้นมาในตระกูลอย่างกะทันหัน เขาตื่นเต้นถึงเพียงนี้ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจแต่อย่างใด!
“ไม่จริง!”
ในขณะนั้นเองก็มีเสียงเย็นชาของหญิงสาวดังขึ้นมา
“ไม่จริง!? เจ้ากล้ามาล้อข้าเล่นอย่างนั้นหรือ!?”
บรรพจารย์ขั้นเทียนตี้จมอยู่ในความตื่นเต้นดีใจจนไม่ได้สังเกตว่ามันเป็นเสียงของหญิงหรือชาย เขาคิดว่ามันเป็นเสียงของประมุขตระกูล
นี่ทำให้เขาโกรธเกรี้ยวขึ้นมาทันที
“ไอ้สารเลวนี้ช่างรนหาที่ตาย!”
เขาตบประมุขตระกูลเสียกระเด็นปลิวออกไป ฟันของประมุขตระกูลถึงกับหลุดออกมา ในปากเต็มไปด้วยเลือด
“ท่านบรรพจารย์ ข้าไม่ได้เป็นคนพูด!”
ประมุขตระกูลหลีร่ำไห้ออกมา เมื่อครู่เขาไม่ได้เป็นคนพูดออกมา!
เขาโดนตบอย่างอยุติธรรม!
“ไม่ใช่เจ้าแล้วจะเป็นผู้ใด? ที่แห่งนี้ก็มีเพียงแค่ข้ากับเจ้าสองคน!”
บรรพจารย์ขั้นเทียนตี้โมโหเป็นอย่างมาก เมื่อเห็นว่าเขาใกล้ตายเต็มที ไม่น่าเกรงขามอีกต่อไป ถึงกับตั้งใจมาที่นี่เพื่อล้อเล่นเชียวหรือ?
“ถึงข้าใกล้จะตายแล้ว แต่ก็ไม่ยอมให้เด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่างเจ้ามาล้อเล่นเช่นนี้!”
เขาตรงไปหาประมุขตระกูลหลี ก่อนจะลงมือทุบตีอย่างแรง ทิ้งให้ประมุขตระกูลหลีเต็มไปด้วยบาดแผลและรอยฟกซ้ำ เลือดไหลนองไม่หยุด
ท่านบรรพจารย์แก่ชราจนสมองเลอะเลือนไปแล้ว!
ขนาดเสียงชายหญิงยังแยกไม่ออกแล้ว!
เสียงที่กล่าวว่า ‘ไม่จริง’ เมื่อครู่เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเป็นเสียงของสตรี!
ประมุขตระกูลหลีรู้สึกอึดอัดคับข้องใจเป็นอย่างยิ่ง เขายังไม่ทันได้พูดก็ถูกท่านบรรพจารย์ทุบตีอย่างรุนแรง
เป็นผู้ใดกัน!
ผู้ใดที่ขุดหลุมใส่ข้า!
บัดซบ!
เขาก่นด่าอยู่ภายในใจ สาปแช่งผู้ที่กล่าวว่า ‘ไม่จริง’ เสียยกใหญ่สำหรับการขุดหลุมใส่เขา
แต่ทว่าเมื่อฉุกคิดเขาก็ต้องตื่นตกใจ
ผู้ใดกันที่เอ่ยคำว่า ‘ไม่จริง?’
เขาไม่อาจรับรู้ถึงตัวตนของอีกฝ่าย คนผู้นี้น่าหวาดกลัวเกินไป!
เขาเองก็เป็นถึงขั้นตี้หวง เหตุใดจึงไม่อาจรับรู้ได้แม้แต่น้อย?
“หยุดตีเถอะ เขาจะตายอยู่แล้ว…”
เสียงสตรีดังขึ้นอีกครั้งพร้อมด้วยความขบขันในน้ำเสียง ชายชราผู้นี้ตลกเกินไปแล้ว มีสิ่งใดผิดปกติเกี่ยวกับหูของเขาหรือไม่?
“ใคร!?”
บรรพจารย์ขั้นเทียนตี้ตอบสนองอย่างรวดเร็ว เขารีบโยนประมุขตระกูลไปอีกด้านอย่างรวดเร็ว
คราวนี้เขาได้ยินอย่างชัดเจนแล้ว ไม่ใช่ประมุขตระกูลที่เป็นคนพูด แต่เป็นคนผู้อื่น!
“โอ๊ย!”
ประมุขตระกูลหลีร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ท่านบรรพจารย์ เหตุใดจึงต้องขว้างออกมาแรงถึงเพียงนี้ด้วย กระดูกของเขาทั้งหมดแทบจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ
เขาเพิ่งถูกทุบตีอย่างรุนแรง การโยนทิ้งของบรรพจารย์แทบจะทำกระดูกทั้งร่างของเขาแตกเป็นเสี่ยง ๆ จริง ๆ
“ข้าคือผู้ที่พวกเจ้ากำหนดเป้าหมาย ข้ามาที่นี่เพื่อบอกพวกเจ้าว่า อย่าแม้แต่จะคิดอะไรยุ่งเหยิง!”
เสียงของสตรีดังขึ้นมาอีกครั้ง “เอาล่ะ จะฟังหรือไม่ฟังก็ขึ้นอยู่กับพวกเจ้า ข้าหมดธุระแล้ว หวังว่าพวกเจ้าจะรู้จักประเมินเรื่องราวต่าง ๆ”
ใช่แล้ว เจ้าของเสียงก็คือหลิงอินนั่นเอง
หลีเฮ่อเข้าหาพวกนางโดยไร้เหตุผลกระตุ้นความสงสัยของหลิงอินขึ้นมา นางรู้สึกได้ว่าหลีเฮ่อไม่มีเจตนาดี ดังนั้นจึงใช้ญาณสัมผัสเกาะตามหลีเฮ่อมา เพื่อดูว่าหลีเฮ่อมีความคิดอะไรอยู่
ที่แท้สัตว์อสูรตัวน้อยสีทองในอ้อมแขนของหลีเฮ่อก็ได้กลิ่นโอสถเทียนตี้จากตัวของนาง!
สมแล้วที่อาณาจักรเก้าตอนบนไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง ถึงกับมีสัตวอสูรหายากแปลกประหลาดอยู่
สิ่งที่นางเก็บเอาไว้ภายใน สัตว์อสูรสีทองก็ยังสามารถรับรู้ถึงมันได้ นับเป็นพรสวรรค์ทางสายเลือดอันน่าอัศจรรย์มาก!
แม้กระทั่งขั้นเทียนตี้ยังไม่อาจสัมผัสได้ถึงสิ่งที่นางเก็บเอาไว้ได้เช่นนี้
แต่ทว่า สัตว์อสูรสีทองตอนนั้นก็ยังคงกล่าวผิดไป บนร่างของนางไม่ได้มีเพียงโอสถเทียนตี้ กระทั่งขั้นสูงกว่านั้นก็ยังมี!
ของเหล่านั้นคือผลไม้ต่าง ๆ ที่คุณชายมอบให้นาง!
“อะไรนะ พวกนางแข็งแกร่งถึงปานนี้!?”
ประมุขตระกูลหลีตอบสนอง สีหน้าของเขาตื่นตกใจอย่างมาก ไม่คาดฝันถึงจริง ๆ!
หลีเฮ่อเคยรายงานให้เขารับรู้ อีกทั้งเขายังเคยใช้ญาณสัมผัสตรวจสอบหลิงอินกับเสี่ยวหยา และสามารถรับรู้ได้ถึงความอ่อนเยาว์ในลมปราณของทั้งคู่ แสดงให้เห็นว่าหลิงอินและเสี่ยวหยาไม่ได้แก่อะไร ทั้งยังเด็กเป็นอย่างมาก
เด็กถึงเพียงนั้น จะแข็งแกร่งถึงขนาดนี้ได้อย่างไร?
หลิงอินหรือเสี่ยวหยาสามารถล่วงรู้ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่โดยที่เขาไม่อาจสัมผัสได้ อีกทั้งยังสามารถส่งเสียงมาได้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าญาณสัมผัสของหลิงอินหรือเสี่ยวหยาจะต้องแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก เหนือชั้นยิ่งกว่าเขาไปไกลลิบ!
ไม่เช่นนั้นหลิงอินกับเสี่ยวหยาคงไม่อาจทำเช่นนี้ได้!
นอกจากนี้ ท่านบรรพจารย์ก็ได้ตื่นขึ้นมาแล้ว ท่านบรรพจารย์อาจไม่ได้สังเกตเห็นอีกฝ่ายจนกระทั่งหลิงอินหรือเสี่ยวหยาพูดออกมาเสียด้วยซ้ำ
ท่านบรรพจารย์เป็นถึงเทียนตี้ แม้ว่าจะใกล้โรยราเต็มที สถานะเองก็ไม่ได้อยู่ในจุดสูงสุด แต่ก็ไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้ไม่สามารถรับรู้สิ่งใดได้!
หลิงอินหรือเสี่ยวหยาสามารถรับรู้เรื่องราวทั้งหมดที่นี่ เห็นได้ชัดว่าญาณสัมผัสกว้างไกลครอบคลุมมาจนถึงที่นี่!
อีกทั้งเขาและท่านบรรพจารย์ไม่ได้สังเกตถึงการดำรงอยู่ของอีกฝ่าย…นี่ค่อนข้างจะน่ากลัวอยู่บ้าง!
หลิงอินหรือเสี่ยวหยาอาจจะเป็น…เทียนตี้!!!
หัวใจของเขาเต้นระรัวขึ้นมาทันที ภายในใจอดคิดขึ้นมาไม่ได้
เขาไม่รู้ว่าเป็นหลิงอินหรือเสี่ยวหยาที่เป็นเจ้าของเสียง
ก่อนหน้านี้ที่เขาใช้ญาณสัมผัสไปตรวจสอบหลิงอินและเสี่ยวหยา เขาไม่สามารถตรวจสอบขอบเขตของทั้งคู่ได้ แต่ทว่าเมื่อตอนนั้นเขาไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก อย่างไรเสียทั้งหลิงอินและเสี่ยวหยาก็ยังเยาว์วัย พวกนางจะสามารถแข็งแกร่งได้แค่ไหนกันเชียว
เขาคิดว่าอาจเป็นเพราะหลิงอินและเสี่ยวหยามีสมบัติบางอย่างที่สามารถปิดบังขอบเขตของตนเอง ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถตรวจสอบขอบเขตของหลิงอินและเสี่ยวหยาได้
ทว่ามาจนถึงตอนนี้ อาจเป็นเขาที่คิดผิดไป
เขาไม่อาจตรวจสอบขอบเขตของหลิงอินและเสี่ยวหยา ไม่ใช่เพราะทั้งคู่มีสมบัติแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะญาณสัมผัสของพวกนางเหนือยิ่งกว่าเขามาก!
อันที่จริงแล้ว สถานการณ์ของหลิงอินเป็นอย่างที่เขาคิด แต่เสี่ยวหยานั้นไม่ใช่ เพราะเสี่ยวหยามีฉินปี้เทียนชางไห่อยู่กับตัวจึงสามารถสกัดกั้นญาณสัมผัสของประมุขตระกูลหลี
“เทียนตี้ที่อ่อนวัยเช่นนี้หรือ? ข้าไม่เชื่อ!”
บรรพจารย์ขั้นเทียนตี้กล่าวออกมาด้วยเสียงทุ้มต่ำ เขาเปิดใช้ญาณสัมผัสเทียนตี้ เขาไม่กล้าตรวจสอบหลิงอินกับเสี่ยวหยามากเกินไป กล้าเพียงแต่สัมผัสจากระยะไกล แต่ถึงกระนั้นเขก็ยังสัมผัสได้ถึงปราณอันเปี่ยมด้วยความเยาว์วัยของหลิงอินและเสี่ยวหยา
ปราณอันเปี่ยมด้วยความเยาว์วัยเช่นนี้ไม่สามารถปลอมแปลงได้ อายุของหลิงอินและเสี่ยวหยาเท่ากับรูปลักษณ์ที่แสดงออกมา
เทียนตี้ที่อายุเพียงยี่สิบกว่า!?
เขาไม่เชื่อ!
แม้กระทั่งกองกำลังโบราณที่แข็งแกร่งที่สุดยังไม่อาจทำเช่นนี้ได้อย่างแน่นอน!
“ไม่มีทางเป็นเทียนตี้!”
บรรพจารย์ขั้นเทียนตี้กัดฟันเอ่ยออกมา “แม้ว่าเมืองนภาจะอยู่ห่างไกลออกไป แต่สำหรับเทียนตี้แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวัยหนุ่มสาวที่อยู่ในสภาพรุ่งโรจน์ ระยะทางเพียงแค่นี้ไม่อาจนับเป็นสิ่งใด! เทียนตี้เพียงแค่คิดหนึ่งครั้งก็ไปถึง! พวกนางไม่จำเป็นต้องมาที่นี่เพื่อยืมใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายของพวกเรา!”
เขากล่าวต่อ “บนร่างของพวกนางจะต้องมีสมบัติที่พวกเราคาดไม่ถึงเป็นแน่ นั่นเป็นสาเหตุให้พวกนางทำเช่นนี้ได้!”
“ท่านบรรพจารย์ต้องการจะลงมือหรือไม่?”
ประมุขตระกูลหลี่ถามบรรพจารย์ขั้นเทียนตี้
เขาถอนหายใจอย่างเงียบงัน
กล่าวตามตรงแล้ว เขารู้แจ้งเป็นอย่างดีว่าท่านบรรพจารย์กำลังคิดสิ่งใดอยู่ ที่บรรพจารย์พูดออกมามากมายเช่นนี้ ก็เพียงแค่หาเหตุผลเพื่อลงมือ…
แม้ว่าหลิงอินและเสี่ยวหยาจะเป็นขั้นเทียนตี้จริง ๆ ท่านบรรพจารย์ก็ไม่น่าจะยอมถอดใจ ทว่าจะหาเหตุผลอื่น ๆ มาใช้ในการลงมือ
เส้นตายของบรรพจารย์ใกล้เข้ามาแล้ว เขากำลังจะสิ้นลมหายใจ ทว่าตอนนี้กลับมีความหวังในการต่อชีวิตปรากฏขึ้นมา เขาจะยอมแพ้อย่างง่ายดายได้อย่างไร…
ไม่มีผู้ใดอยากตายหรอก