บทที่ 480 ผู้เฒ่าอมตะ ‘ข้ากลับมาแล้ว!’
“ลงมือ! ข้าไม่คิดว่าพวกนางทั้งสองคนจะเป็นเทียนตี้!”
บรรพจารย์ขั้นเทียนตี้ตัดสินใจ เขาไม่เต็มใจจะละทิ้งโอกาสครั้งนี้จริง ๆ
นี่อาจเป็นโอกาสเดียวที่จะสามารถต่อชีวิตของเขาได้ เช่นนั้นแล้วเขาจะยอมแพ้อย่างง่ายดายได้อย่างไร?
“ตามที่ท่านบรรพจารย์ต้องการ!”
ประมุขตระกูลกัดฟันเอ่ย นี่ก็เป็นโอกาสสำหรับตระกูลหลีเช่นกัน
หากท่านบรรพจารย์สามารถยืดอายุขัยของตนเองต่อไปได้ เช่นนั้นตระกูลหลีของพวกเขาก็จะยังคงความรุ่งโรจน์ต่อไป ทั้งยังอาจจะรุ่งโรจน์มากยิ่งขึ้น
หากบรรพจารย์สิ้นชีพลง ตระกูลหลีของพวกเขาก็อาจเข้าสู่ช่วงขาลงทันที
ไม่มีหนทางอื่น รุ่นของพวกเขาไม่มีเทียนตี้คนใหม่ถือกำเนิดขึ้นมา หากต้องรอให้เทียนตี้คนใหม่กำเนิดขึ้นมาอีกครั้งจะต้องกินเวลายาวนานเกินไป
โลกแห่งการฝึกตนโหดร้ายเป็นอย่างยิ่ง ไฉนเลยพวกเขาจะสามารถยืนอย่างมั่นคงได้ยาวนานขนาดนั้น หากท่านบรรพจารย์ตาย ตระกูลหลีของพวกเขาคงตกเป็นเป้าหมายของกองกำลังอื่น แม้กระทั่งตอนนี้ก็มีกองกำลังมากมายจับจ้องมาทางพวกเขาพร้อมวางแผนการสำหรับตระกูลหลี
เมื่อถึงเวลานั้น ตระกูลหลีของพวกเขาจะต้องตกต่ำลงเรื่อย ๆ ค่อย ๆ ถูกกองกำลังอื่นยึดครองไปทีละน้อย
“เปิดใช้งานค่ายกล ลงมือสุดกำลัง!”
บรรพจารย์ออกคำสั่ง ต้องการจะลงมืออย่างสุดกำลัง!
“รับทราบ!”
ประมุขตระกูลออกไปเพื่อถ่ายทอดคำสั่งของท่านบรรพจารย์ ค่ายกลใหญ่พิทักษ์ตระกูลหลีถูกเปิดใช้งานอย่างเต็มความสามารถในทันที อักขระนับไม่ถ้วนเกิดความเคลื่อนไหว ความผันผวนของพลังงานอันน่าสะพรึงกลัวแผ่กระจายไปทั่วดินแดนของตระกูลหลี
“นี่มัน…เกิดอะไรขึ้น!”
“ตระกูลหลีต้องการจะทำสิ่งใด!?”
สิ่งมีชีวิตที่มายังตระกูลหลีเพื่อยืมใช้งานค่ายกลเคลื่อนย้ายต่างตื่นตระหนก
พวกเขาจะไม่ตื่นตระหนกได้อย่างไร
ตระกูลหลีถึงขึ้นเปิดการใช้งานค่ายกลพิทักษ์ตระกูลทั้งหมด ไม่ต้องสงสัยเลยว่าตระกูลหลีต้องการจะลงมือทำเรื่องใหญ่อะไรสักอย่าง!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาสัมผัสได้ว่าเป้าหมายของค่ายกลอยู่ในบริเวณพวกเขา สิ่งนี้ทำให้พวกเขายิ่งตื่นตระหนกมากยิ่งขึ้น!
ตระกูลหลีต้องการจะสังหารพวกเขาหรือ!?
“ไม่ฟังคำแนะนำ…”
หลิงอินถอนหายใจออกมา ก่อนหน้านี้นางได้เอ่ยเตือนไปแล้ว แต่ตระกูลหลีก็ยังคงต้องการจะลงมือ
ความโลภความปรารถนา ไม่ว่าอย่างไรก็ยังหนีสองคำนี้ไม่พ้น…
ช่างมันเสียเถอะ หากไม่รับฟังคำเตือน เช่นนั้นก็ลงมือเถอะ
นางเรียกคันศรออกมารั้งสาย ก่อนจะยิงศรแสงหลายดอกออกไปอย่างรวดเร็ว ศรแสงทุกดอกล้วนแฝงเอาไว้ด้วยพลังอันน่าสะพรึงกลัว
เห็นได้อย่างชัดเจนว่าตระกูลหลีไม่สนใจความเป็นตายของสิ่งมีชีวิตบริเวณนี้ ตัวนางเองจึงไม่สามารถเพิกเฉยปล่อยให้ค่ายกลระดมโจมตีเข้ามาได้
ไม่เช่นนั้นในบริเวณนี้ คงจะมีสิ่งมีชีวิตไม่กี่ตนที่เหลือรอด
นางจึงชิงลงมือโจมตีเพื่อทำลายค่ายกลทิ้งก่อน
พลังในตอนนี้ของนางดุร้ายและทรงพลังเป็นอย่างมาก ศรทุกดอกล้วนมีพลังเทียบได้กับขั้นเทียนตี้ การลงมือทำลายค่ายกลจึงไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด
เสียงฉินดังขึ้น เสี่ยวหยาได้เรียกฉินปี้เทียนชางไห่ออกมาบรรเลงเสียงอันนุ่มทรงพลัง ปกป้องสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในบริเวณแห่งนี้
ตู้ม ตู้ม ตู้ม!
ศรแสงหลายดอกเข้าปะทะกับค่ายกล เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว พลังมหาศาลแผ่กระจายออกมา บ้านเรือนอาคารทั้งหมดในบริเวณของตระกูลหลีพังทลายลงในพริบตา กลายเป็นฝุ่นควันฟุ้งกระจาย
“ฆ่า!”
เมื่อบรรพจารย์มาถึงก็ตั้งท่าสังหาร แผ่พลังออกมารอบด้าน ไม่คิดจะพูดจาสิ่งใด
เขาไม่มีทางเลือก นี่เป็นโอกาสครั้งสุดท้ายของเขา หากไม่สามารถนำโอสถเทียนตี้มาได้ เขาก็เหลือเวลาชีวิตอีกเพียงน้อยนิด
ทว่าทันทีที่เขาเพิ่งจะปรากฏตัวออกมา ศรแสงก็พุ่งตัดอากาศเข้าใส่อย่างรวดเร็ว ปักเข้าไปที่ไหล่ของเขาตรึงร่างที่กระเด็นของเขาไว้กับยอดเขาแห่งหนึ่งที่อยู่ไกลออกไป
“สวรรค์!”
“นั่น…นั่นคือบรรพจารย์ของตระกูลหลีใช่หรือไม่?”
สิ่งมีชีวิตทั้งหมดต่างส่งเสียงออกมาอย่างตกตะลึง ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
นั่นคือเทียนตี้ผู้หนึ่ง แม้ว่าการเดินทางใกล้ถึงจุดสิ้นสุด แต่ก็ยังคงนับได้ว่าเป็นเทียนตี้ ทว่าในตอนนี้เขากลับถูกหลิงอินยิงถูกศรใส่ตอกเข้ากับภูเขา ชวนให้ตื่นกลัวเกินไปแล้ว!
พวกเขาพากันมองไปที่หลิงอิน ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความยำเกรง หลิงอินน่าหวาดกลัวเกินไปแล้ว!
“!!!”
เมื่อเห็นฉากดังกล่าว ประมุขตระกูลหลีตกใจจนตาแทบจะถลน
นี่มันน่าหวาดกลัวเกินไปแล้ว!
คันศรนั่นคืออะไรกัน?
เขาสามารถสัมผัสได้ถึงพลังอันเปี่ยมล้นภายในคันศรนั่น!
คันศรเปล่งแสงออกมา ภายในไหลเวียนด้วยเต๋าอันอยู่เหนือเกินกว่าจะจินตนาการถึงได้ เขาไม่เคยเห็นกฎแห่งเต๋าที่อยู่เหนือชั้นเช่นนี้มาก่อน กระทั่งอาวุธเทียนตี้ก็ไม่อาจเทียบได้กับคันศร!
นั่นคืออาวุธเซียนอย่างนั้นหรือ?
หัวใจของเขาสั่นสะท้าน เขาคิดว่านี่อาจจะเป็นคันศรเซียน แม้เขาไม่เคยสัมผัสพลังเซียนมาก่อน!
ถึงเขาจะไม่ค่อยเข้าใจในเรื่องนี้นัก แต่เขาก็ตระหนักได้เป็นอย่างดีว่าคันศรนี่น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง ไม่ต่างไปจากอาวุธเซียน!
เอ่อ ท่านบรรพจารย์…
ดูเหมือนครั้งนี้พวกเราจะไปสะกิดผู้ที่ไม่ควรจะยั่วยุด้วย…
เขามองไปรอบด้าน เห็นว่าดินแดนของตระกูลหลีที่เคยยิ่งใหญ่และรุ่งโรจน์ถูกทำลายลงจนเหลือเพียงแค่ซากปรักหักพัง
อีกทั้งชีวิตของสมาชิกตระกูลหลีก็กำลังตกอยู่ในอันตรายอันไม่แน่นอน มีโอกาสเป็นอย่างมากที่หลิงอินจะสังหารพวกเขาด้วยลูกศร!
อย่างไรเสียพวกเขาก็ทำเรื่องผิดพลาดครั้งใหญ่ ต้องการจะแย่งชิงของจากหลิงอิน…
ในโลกของการฝึกตน พฤติกรรมเช่นนี้มักจะนำพามาซึ่งการทำลายล้าง
ยิ่งเป็นผู้ที่แข็งแกร่งมากเท่าใดยิ่งไม่อาจยั่วยุได้!
หลิงอินผู้นี้เป็นใครกัน!
ภายในใจของเขาเศร้าโศกเคว้งคว้างเป็นอย่างยิ่ง หวังว่านางจะยอมปล่อยพวกเขาไป ไม่ต้องการสังหารพวกเขาทิ้งให้หมด
“ข้าฝึกฝนมาทั้งชีวิตกลับน่าสมเพชถึงเพียงนี้!”
บนยอดเขาห่างไกลออกไป บรรพจารย์ขั้นเทียนหยวนมีสีหน้าไม่น่าดู
เขาถูกตรึงไปกับยอดเขาไม่สามารถขัยบตัวได้แม้แต่น้อย พลังของลูกศรได้ยับยั้งพลังทั้งหมดทำให้เขารู้สึกตกตะลึงจนขวัญหาย ภายในดวงตาสูญเสียความเปล่งประกาย
เดิมทีเขาต้องการจะต่อสู้ แต่เมื่อเริ่มลงมือเขาก็จึงตระหนักได้ถึงช่องว่าง หลิงอินไม่ใช่ผู้ที่เขาจะสามารถต่อกรได้…
หลินอิงมาจากที่ใดกัน เหตุใดจึงน่าหวาดกลัวถึงเพียงนี้!
เขาพังทลายลง ไม่สามารถยอมรับผลลัพธ์เช่นนี้ได้ เขามีชีวิตมานับหมื่นปีกลับถูกสาวน้อยผู้หนึ่งสยบลง จะให้เขาไม่พังทลายลงไปได้อย่างไรกัน?
ตู้ม ตู้ม ตู้ม!
เสียงระเบิดดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า ค่ายกลพิทักษ์ตระกูลหลีแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ศรแสงก่อนหน้านี้ของหลิงอินไม่อาจทำลายค่ายกลพิทักษ์ตระกูลหลีลงได้
เมื่อเห็นเช่นนั้น หลิงอินจึงรั้งคันศรอีกครั้ง ก่อนจะยิงศรออกไปหลายดอกติดต่อกัน ทำลายค่ายกลพิทักษ์ของตระกูลหลี
“แม้โลกแห่งการฝึกฝนจะโหดร้าย แต่ก็มีบางสิ่งที่สามารถกระทำได้ และบางสิ่งที่ไม่สามารถกระทำได้ ความโลภความปรารถนาเป็นสิ่งที่ทุกคนมีไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ทว่าจำเป็นต้องเรียนรู้ที่จะควบคุมมัน ไม่ใช่ให้ความโลภควบคุมตนเอง”
หลิงอินเอ่ยออกมา นางไม่ได้ลงมือกับสมาชิกคนอื่นของตระกูลหลีแต่อย่างใด
หลังจากนั้นนางก็ให้ผู้อาวุโสตระกูลหลีเปิดค่ายกลเคลื่อนย้าย ก่อนจะขึ้นไปบนค่ายกลออกจากสถานที่แห่งนี้ไปพร้อมกับเสี่ยวหยา
…
“ในที่สุด…ข้าก็กลับมาอีกครั้งหนึ่ง!”
เส้นทางหนึ่งในจักรวาล ผู้เฒ่าอมตะออกมาจากปลายเส้นทางแห่งนั้น
เขายิ้มกว้างเต็มใบหน้าด้วยความเริงร่าอย่างถึงขีดสุด ต้องจากไปนานนับหมื่นปี ในที่สุดเขาก็หวนกลับมายังอาณาจักรแห่งนี้อีกครั้ง!
เบื้องหน้าของเขา มีสิ่งมีชีวิตจำนวนมากกำลังคุกเข่าต้อนรับการมาถึงของเขา
ที่แห่งนี้คือหุบเหวไร้ก้นบึ้ง ดินแดนที่กองกำลังเบื้องหลังผู้เฒ่าอมตะครอบครองอยู่ พวกเขาเองก็ไม่ต่างอะไรไปจากเก้าแดนต้องห้าม วางแผนการเอาไว้สำหรับอาณาจักรแห่งนี้มาอย่างยาวนานแล้ว!
ผู้ที่วางแผนเกี่ยวกับแดนบรรพโกลาหลที่อยู่ภายในอาณาจักรแห่งนี้ ไม่ได้มีเพียงอาณาจักรที่อยู่เบื้องหลังเก้าแดนต้องห้าม แต่ยังมีอาณาจักรอื่น ๆ อีกด้วย
ผู้ที่อยู่เบื้องหลังผู้เฒ่าอมตะก็เป็นหนึ่งในอาณาจักรเหล่านั้น ซึ่งก็คืออาณาจักม่อเยวียน!
อาณาจักรม่อเยวียนเองก็ลึกล้ำจนไม่อาจหยั่งถึงได้ ไม่ด้อยไปกว่าอาณาจักรเก้าแดนต้องห้าม เป็นอาณาจักรโบราณที่อยู่มานานเสียจนยาวนานเกินกว่าจะสืบสาวได้
“ค่อยพูดคุยกันทีหลัง ข้าจะไปนำอาวุธของข้ากลับคืนมาก่อน”
ผู้เฒ่าอมตะหัวเราะออกมาอย่างแผ่วเบา
เมื่อกลับมาถึงอาณาจักรแห่งนี้ เขาก็สามารถสัมผัสได้ถึงตัวตนของดาบมารอมตะ ทั้งยังรับรู้ได้ว่าดาบมารอมตะเหมือนจะแข็งแกร่งขึ้นเป็นอย่างมาก
เขาโล่งอกดีใจเป็นอย่างยิ่ง ต้องการจะนำดาบมารอมตะกลับคืนมา
ทว่าสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจก็คือ ความเชื่อมโยงระหว่างเขาและดาบมารอมตะดูเหมือนว่าจะไม่ได้ใกล้ชิดกันขนาดนั้น
โดยปกติแล้วมันไม่ควรจะเป็นเช่นนี้ ดาบมารอมตะถูกสร้างขึ้นมาด้วยตัวของเขาเอง ด้านในประกอบด้วยแก่นโลหิตของเขา ดังนั้นความเชื่อมโยงของเขากับดาบมารอมตะสมควรจะใกล้ชิดกันเป็นอย่างมาก!
แต่ตอนนี้เขากลับไม่อาจสัมผัสได้ถึงความเชื่อมโยงอันชิดใกล้ แม้เขาจะเสริมความเชื่อมโยงผ่านวิชาลับบางอย่าง ก็ยังไม่อาจทำให้มันใกล้ชิดได้ขนาดนั้น
เขาแทบจะไม่สามารถเชื่อมต่อกับดาบมารอมตะได้เสียด้วยซ้ำ เขาไม่สามารถรับรู้ได้ถึงสถานการณ์ในปัจจุบันของดาบมารอมตะได้
ดูเหมือนว่าระหว่างที่เขาจากไป จะเกิดเรื่องอะไรบางอย่างขึ้นกับดาบมารอมตะ
ยังดีที่เขาเคยสร้างวิชาลับนี้ขึ้นมา ทำให้เขาสามารถเชื่อมต่อกับดาบมารอมตะได้
ไม่เช่นนั้นคงไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเขาที่จะตามหาดาบมารอมตะให้พบในตอนนี้
“ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเจ้า ทุกสิ่งล้วนเป็นเพียงอดีต ข้ากลับมาแล้ว เจ้ากับข้าจะได้กลับมาต่อสู้ร่วมกันอีกครั้ง!”
เขาออกจากเหวไร้ก้นบึ้งด้วยรอยยิ้มกว้างเปี่ยมด้วยความมั่นใจ