เขามาแล้ว เขามาแล้ว…
เขามาพร้อมกับนิยายสืบสวนสอบสวนเรื่องใหม่
หลินเยวียนไม่รีบร้อนตอบเหลิ่งกวง ในวันรุ่งขึ้นเขาก็ให้จินมู่ซื้อผลงานชิ้นใหม่ของเหลิ่งกวงกลับมาอ่าน
ผลงานชิ้นใหม่ของเหลิ่งกวงมีชื่อว่า ‘หอพัก’
ปกสีน้ำเงิน ไม่นับว่าหนา จัดว่าเป็นนิยายความยาวปานกลาง ภาพปกเป็นรอยมือเปื้อนเลือด
คำโปรย:
‘เสี่ยวกวงกับแฟนสาวเข้าไปอาศัยในหอพักแห่งใหม่ ไม่นานหลังจากนั้น ในหอพักก็มีคนเสียชีวิต ทางตำรวจสืบคดีไร้ความคืบหน้า ยังไม่เพียงเท่านี้ ใครเล่าจะรู้ว่าหลังจากนั้นไม่นาน เสี่ยวกวงและแฟนสาวก็ตัดสินใจย้ายออกจากหอพัก ทว่าเพียงหนึ่งวันก่อนพวกเขาย้ายออก แฟนสาวของเสี่ยวกวงก็เสียชีวิต เขาจึงตัดสินใจตามหาตัวคนร้าย…’
เสี่ยวกวงเป็นใคร
เหลิ่งกวงหมายถึงตัวเขาเอง?
ไม่สิ น่าจะหมายถึงแฟนเก่าของเขามากกว่า เพราะถึงอย่างไรแฟนเก่าของเสี่ยวกวงจากในหนังสือก็ตายไปแล้ว
จะคิดมากไม่ได้
เป็นแค่นิยาย เป็นแค่นิยาย
หลินเยวียนนับว่าเคารพคู่ปรับอย่างเหลิ่งกวงมาก เห็นได้จากที่เขายอมใช้เวลาไปครึ่งค่อนวันไปกับการอ่านเรื่องหอพัก
นิยายเรื่องนี้ สถานที่เกิดเหตุทั้งหมดคือหอพัก
“รูปแบบการฆาตกรรมในห้องลับ…”
“ฆาตกรมีคำกล่าวอ้างว่าไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ…”
“คนที่เป็นไปไม่ได้มากที่สุดว่าจะเป็นฆาตกรคือใคร…”
หลินเยวียนอ่าน พลางขบคิดหาตัวคนร้ายพร้อมกับเสี่ยวกวง
ผู้ที่ยืนหยัดในแนวทางวรรณกรรมสืบสวนสอบสวนแบบดั้งเดิมอย่างเหลิ่งกวง เป็นผู้ฝักใฝ่ในนิยายไขปริศนา เพราะฉะนั้นจึงมีเบาะแสมากมายที่เขาเปิดเผย
หลินเยวียนสืบหาตัวฆาตกรจากเบาะแส ไม่นานก็ชี้ตัวผู้ต้องสงสัยได้
ทว่าช่วงเที่ยง ขณะที่หลินเยวียนซึ่งเตรียมตัวออกไปกินข้าว และเผลอไปเห็นตอนจบของนิยายเข้าพอดีก็ตกใจจนสะดุ้งโหยง
“ฆาตกรเป็นเด็กเล็กที่นอนป่วยอยู่เหรอเนี่ย?”
แม้ว่าระหว่างกระบวนการนี้ หลินเยวียนเองก็แอบสงสัยเด็กเล็กขึ้นมา แต่หลังจากที่เบาะแสปรากฏขึ้นอีกหลายข้อ ความสงสัยนี้ของเขาก็หายไป
ตอนนี้มาคิดๆ ดูแล้ว ตนก็ตกหลุมพรางของเหลิ่งกวงเช่นกัน
“เหนือความคาดหมายใช่ไหมล่ะครับ”
จินมู่คล้ายว่าจะอ่านเรื่องหอพักจบก่อนหลินเยวียน เมื่อเห็นว่าหลินเยวียนอ่านนิยายจบแล้ว จึงเอ่ยถามขึ้น
“นิยายสืบสวนสอบสวนของเหลิ่งกวงเต็มไปด้วยความสยองขวัญและลุ้นระทึก ทำให้อ่านจบแล้วรู้สึกเสียวสันหลังวาบ ต่อให้ไม่ใช่นิยายสืบสวนสอบสวน ลำพังแค่เขาเขียนนิยายสยองขวัญก็คงจะขายดีมากแน่นอนครับ”
“ทุกคนมีเรื่องที่ปิดบังไว้”
“นี่เป็นแนวทางที่เคยใช้ในเรื่องฆาตกรรมโรเจอร์ แอ็กครอยด์ แรงจูงใจในการก่อเหตุก็คือเด็กซึ่งมีพัฒนาการเร็วไม่สามารถทนต่อผู้ชายที่มารังแกแม่เลี้ยงเดี่ยวของตัวเองได้ เขาถึงขั้นฆ่าคนที่จะกลายเป็นพ่อตัวเองเลย”
หลินเยวียนพยักหน้า
เรื่องนี้มีองค์ประกอบความคิดที่ยอดเยี่ยมมาก
บางเรื่อง มีเพียงเด็กเท่านั้นที่สามารถทำได้ นี่เป็นคำใบ้ที่สำคัญข้อหนึ่ง แต่ตนกลับเดาไม่ออก
เห็นได้ชัดว่าจินมู่ก็เดาไม่ออกเช่นกัน
นั่นแสดงให้เห็นว่าเหลิ่งกวงยังคงเอานะผู้อ่านจำนวนมากได้ แม้จะให้เบาะแสมามากมายก็ตาม
“สถานการณ์ฝั่งเราไม่ค่อยดีแล้วครับ”
จินมู่ตบหน้าปกเรื่องหอพักเบาๆ “ตอนนี้คำวิจารณ์ของนิยายเรื่องนี้บนอินเทอร์เน็ตดีมาก โดยรวมแล้วถือว่าเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงที่สุดของเหลิ่งกวงในตอนนี้เลยนะครับ ไม่แน่อาจต้องขอบคุณหัวหน้าด้วย เพื่อที่จะเอาชนะคุณให้ได้หนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ เหลิ่งกวงถึงได้ระเบิดศักยภาพออกมา”
ก็เหมือนกับนักเรียนสองคนต้องการเปรียบเทียบคะแนนสอบกัน
คนที่ปกติแล้วสอบได้เพียง 80 คะแนน ครั้งนี้สอบได้ถึง 90 คะแนน ซึ่งนับว่ามากกว่าปกติ เพราะความกดดันในการแข่งขัน
……
ชาวเน็ตที่ติดตามการประชันวรรณกรรมครั้งนี้มีจำนวนมาก และนั่นก็ช่วยกระตุ้นยอดขายของเรื่องหอพักด้วย
และในฐานะผลงานที่เหลิ่งกวงกล้าเสนอเข้าท้าชิงในการประลองวรรณกรรม ผลงานชิ้นนี้ก็ไม่ทำให้ผู้อ่านผิดหวังจริงๆ
เมื่อคนอ่านเรื่องหอพักเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ บนโลกออนไลน์ก็ปรากฏเสียงชื่นชมนับไม่ถ้วนในเวลาอันรวดเร็ว
‘อาจารย์เหลิ่งกวงสร้างความรุ่งโรจน์อีกครั้ง ผลงานชิ้นนี้น่าตื่นเต้นกว่านิยายสืบสวนสอบสวนเรื่องก่อนๆ หน้าของเขาซะอีก! ฆาตกรที่เป็นเด็กนี้มีปมออดิปุส[1] วิธีสังหารไม่ได้ซับซ้อนเลย ไม่มีอะไรมากไปกว่าการใช้ตัวตนมากลบเกลื่อน บวกกับการที่ผู้ใหญ่ต่างก็มีความลับของตัวเอง ทำให้บิดเบือนข้อเท็จจริงได้ก็เท่านั้น ในฐานะแฟนคลับของเหลิ่งกวง ผมขอประกาศอย่างไม่เกรงใจเลยนะ ว่าชัยชนะในการประชันวรรณกรรมครั้งนี้เป็นของเหลิ่งกวง’
‘เหลิ่งกวงมงลงแน่นอน ตอกตะปูแน่น ไขน็อตล็อกไว้ไม่พลิกโผ เนื้อเรื่องน่ากลัวมาก ตอนจบก็ชวนตื่นเต้นสุดๆ น่าเสียดายที่ฉันเดาตัวฆาตกรได้แล้ว ถึงฉันจะหาเบาะแสที่น่าเชื่อถือไม่ได้ก็เถอะ ฉันแค่รู้สึกว่านักเขียนตั้งใจวางโครงเรื่องแบบนี้’
‘เหลิ่งกวงมงลงแน่นอน ยังต้องแข่งต่ออีกเหรอ ฉู่ขวงไปพักได้เลย’
‘เดามั่วแต่เดาถูกก็ไม่มีความหมายหรอก อ่านนิยายสืบสวนสอบสวนก็เป็นแบบนี้แหละ บางทีใช้สัมผัสที่หก ก็เดาตัวฆาตกรได้ ถึงยังไงผู้ต้องสงสัยก็มีอยู่กลุ่มเดียว แต่ถ้าเป็นรูปแบบผู้เล่าเรื่องที่เชื่อถือไม่ได้ของฉู่ขวง คุณเดามั่วๆ ไปก็อาจป่วยการ ดังนั้นผมไม่คิดว่าเหลิ่งกวงจะชนะง่ายๆ’
‘ใครจะไปคิดว่าจู่ๆ เหลิ่งกวงจะระเบิดพลังแบบนี้ ถึงฉันจะรู้สึกว่าโอกาสชนะของฉู่ขวงมีไม่มาก แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสเลย’
‘ฉันสงสัยว่าเหลิ่งกวงจะเกทับอยู่ฝ่ายเดียว หรือทั้งสองคนจะมีการตอบโต้กัน?’
‘ถ้าเป็นผลงานระดับเดียวกับฆาตกรรมโรเจอร์ แอ็กครอยด์ ผมรู้สึกว่าฉู่ขวงเอาชนะได้ ปัญหาในตอนนี้ก็คือ รูปแบบผู้เล่าเรื่องที่เชื่อถือไม่ได้ออกมาครั้งแรกก็หมดมุกแล้ว ถ้าฉู่ขวงยังใช้รูปแบบนี้ต่อไป จะต้องทำให้เหนือชั้นกว่าเดิม’
‘พวกคุณลืมอะไรไปหรือเปล่า ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม แล้วฉู่ขวงน่ะช้าเป็นเต่าเลย (อิโมจิหัวเราะ)’
‘ความร้ายกาจของคนอย่างเจ้าแก่ฉู่ขวงอยู่ตรงที่ ยิ่งพวกคุณคิดว่ารอบนี้เขาร่อแร่มากเท่าไหร่ เขาจะยิ่งแข็งแกร่งมากเท่านั้น!’
‘…’
ถึงแม้กระแสลมจะพัดเทไปทางเหลิ่งกวง ทว่าคนที่สนับสนุนฉู่ขวงก็มีไม่น้อย เพียงแต่ทุกคนต่างยอมรับว่าครั้งนี้เหลิ่งกวงทำผลงานแตะถึงระดับสูงสุดของเขาแล้ว
ทั้งความน่ากลัว ระทึกขวัญ เขาล้วนทำได้อย่างยอดเยี่ยม
หลินเยวียนก็ยอมรับ เขาเองยังอ่านเรื่องหอพักซ้ำอีกรอบหนึ่งเลย ทั้งยังลอบคิดในใจว่าวรรณกรรมแนวไขปริศนาดั้งเดิมนั้นมีมนตร์เสน่ห์เหลือล้นจริงๆ
ทุกคนในเรื่องหอพักล้วนมีโอกาสเป็นฆาตกร ความรู้สึกลุ้นระทึกอัดแน่นไปทุกอณู คนที่ชอบวรรณกรรมแนวนี้จะเพลิดเพลินกับกระบวนการเช่นนี้มาก
ความปราดเปรื่องที่สุดของนิยายเรื่องนี้อยู่ที่ นักสืบกล่าวประโยคนี้
‘ผู้ใหญ่หลายคนก็เหมือนเด็ก จิตสำนึกไม่พัฒนาอย่างสมบูรณ์’
ความหมายโดยนัยของบทพูดนี้คือ
‘เด็กหลายคนจิตสำนึกไม่ได้พัฒนาอย่างสมบูรณ์ เพราะอายุยังน้อย’
ที่แท้คำใบ้เกี่ยวกับฆาตกรก็อยู่ตรงนี้
นั่นทำให้หลินเยวียนรู้สึกดีใจ เหตุผลสำคัญที่สุดซึ่งทำให้เขาดีใจก็คือ เรื่องฆาตกรรมบนรถด่วนโอเรียนท์เอกซ์เพรสนั้นมีคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อ แต่ขณะเดียวกันก็ถูกลิขิตชะตามาให้ปราชัย
เป็นสภาพแวดล้อมของการฆาตกรรมในห้องลับเหมือนกัน
ไม่ว่าจะเป็นแรงจูงใจหรือวิธีในการก่อเหตุ ฆาตกรรมบนรถด่วนโอเรียนท์เอกซ์เพรสก็อยู่เหนือจินตนาการของทุกคน!
ตอนนี้เหลิ่งกวงลงมือไปก่อนแล้ว
ในที่สุดหลินเยวียนก็ใช้บัญชีของฉู่ขวงตอบกลับเหลิ่งกวง
เขาอุตส่าห์ตรวจสอบอีกรอบ ว่าไม่ได้ล็อกอินผิดบัญชี
ข้อความที่ตอบกลับนั้นแสนเรียบง่าย จนแลดูเหมือนกับเป็นการแจ้งข้อมูลเสียมากกว่า ‘หนังสือเล่มใหม่ฆาตกรรมบนรถด่วนโอเรียนท์เอกซ์เพรส จะวางแผงในสัปดาห์หน้า’
นี่เป็นเวลาวางแผงจำหน่ายที่จินมู่และคลังหนังสือซิลเวอร์ตกลงกันแล้ว
ขณะนั้นจินมู่อ่านเรื่องฆาตกรรมบนรถด่วนโอเรียนท์เอกซ์เพรสจบแล้ว หลังจากอ่านจบ จินมู่พูดเพียงประโยคสั้นๆ หากแต่เป็นประโยคที่ทำให้หลินเยวียนตื่นเต้นเหลือเกิน
“มงลงแน่นอนครับ”
…………………………………………………
[1] ปมออดิปุส คือ เด็กจะมีอาการรักแม่ หวงแม่ อยากครอบครองแม่ไว้เพียงผู้เดียว เริ่มเกิดอาการอิจฉาพ่อที่แม่แสดงความรักและความเอาใจใส่