ตอนนี้ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของหัวหน้าตระกูลหนิงผู้ยิ่งใหญ่ล้วนแตกเป็นเสี่ยงๆ ไปหมดแล้ว!
สำหรับเรื่องที่ถงจื่อจิ้งถึงกับรอตนเองที่นี่ทั้งคืน มั่วเชียนเสวี่ยรู้สึกสงสารเป็นอย่างยิ่ง!
กลัวว่าร่างกายถงจื่อจิ้งจะทนไม่ไหว จึงรีบไล่ถงจื่อจิ้งกลับไปพักผ่อน
และเมื่อถงจื่อจิ้งจากไปแล้ว มั่วเชียนเสวี่ยก็หันมามองหนิงเซ่าชิงด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“หนิงเซ่าชิง สำหรับเรื่องที่กุ่ยซากับเตาหนูทำลายบ้านไร่ของข้าจนมีสภาพแบบนี้ ท่านที่เป็นเจ้านายควรจะเอ่ยอันใดบ้างใช่หรือไม่”
หนิงเซ่าชิงกระอักกระอ่วนอย่างยิ่ง แทบอยากจะโยนตัวก่อเรื่องสองคนนั้นเข้าไปในห้องโถงลงทัณฑ์ทันที!
ตอนที่เตาหนูกับกุ่ยซาเห็นหนิงเซ่าชิงกลับมากับมั่วเชียนเสวี่ย ก็ไปซ่อนเรียบร้อยแล้ว!
แม้จะกล่าวว่า หลังจากถูกหัวหน้าตระกูลหาเจอ ผลลัพธ์จะหนักหนากว่าเล็กน้อย
แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่า ฟ้าหลังฝนจะสดใสยิ่งกว่า
ในทางตรงกันข้าม ถ้าตอนนี้กล้าไปปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าหัวหน้าตระกูล พวกเขากล้าฟันธงได้เลยว่า หัวหน้าตระกูลจะต้องฉีกพวกเขาเป็นชิ้นๆ แน่นอน!
นี่ไม่ใช่การอวดฉลาด!
แม้ว่าพวกเขาสองคนจะติดตามข้างกายหัวหน้าตระกูลตั้งแต่เยาว์วัย แต่กลับฝึกฝนอยู่ที่หอลับมาโดยตลอด หัวหน้าตระกูลรุ่นก่อนเตรียมจะส่งต่อตำแหน่งหัวหน้าตระกูลให้นายท่านนานแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงไปปฏิบัติภารกิจต่างๆ กับนายท่านหลายครั้งแล้ว
นับว่ามีความเข้าใจในตัวนายท่านพอสมควร
เห็นหนิงเซ่าชิงกลับมากับมั่วเชียนเสวี่ย สีหน้าท่าทางที่เปี่ยมไปด้วยการกินอิ่มหมีพีมัน
ไม่ต้องคิดเชื่อมโยง สองคนนี้ก็สามารถรู้ได้ว่า เมื่อวานความเข้าใจผิดที่สตรีนิสัยน่ารังเกียจก่อขึ้นมา ถูกหนิงเซ่าชิงเปลี่ยนให้กลายเป็นความหวานชื่นสำเร็จแล้ว!
ในเมื่อแก้ไขความเข้าใจผิดแล้ว ทั้งสองคนก็ทำเรื่องที่ไม่เหมาะสมกับเด็กบางอย่างด้วยอารมณ์รักหวานชื่น อารมณ์ก็น่าจะดีมาก!
เดิมก็กลับมาอย่างอารมณ์ดี แต่ตอนที่เห็นบ้านไร่ถูกพวกเขาสองคนทำให้กลายเป็นสภาพแบบนี้…
แม้ว่ามั่วเชียนเสวี่ยจะไม่บันดาลโทสะ แต่ก็ยากจะรับประกันว่าหนิงเซ่าชิงจะไม่นึกถึงเรื่องเมื่อวาน แล้วมาคิดบัญชี จัดการพวกเขา!
ห้องโถงลงทัณฑ์ไม่ใช่สถานที่ดีอะไร!
ดังนั้น…หลบภัยไปก่อนชั่วคราวดีกว่า!
พวกเขาข้ารับใช้ขาดคุณธรรมที่กระทำเรื่องไร้คุณธรรมเช่นนี้ หนิงเซ่าชิงจะรู้ล่วงหน้าก่อนเกิดเรื่องได้อย่างไร
ทว่า เขาก็เข้าใจพวกเขามากเช่นกัน
สองคนนี้ แม้ว่าดูแล้วจะไม่ค่อยเอ่ยวาจา แต่ในใจก็มีความจงรักภักดี และความจริงแล้วกลับทำตัวเจ้าเล่ห์อยู่บ้าง
คราวนี้ ไม่เห็นตัวคน จะต้องหลบอยู่แน่ๆ
แต่ ข้ารับใช้ทำความผิด เขาที่เป็นเจ้านายก็ต้องรับผิดชอบบ้าง
เผชิญหน้ากับมั่วเชียนเสวี่ย หนิงเซ่าชิงจำเป็นต้องแสดงท่าทีออกมา…
“เสวี่ยเสวี่ย ไม่เช่นนั้น…เจ้ากลับไปจวนหนิงกับข้าเถอะ!” คิดอย่างไร หนิงเซ่าชิงก็รู้สึกว่านี่เป็นความคิดที่ดีความคิดหนึ่ง!
คนอยู่ข้างกายเขา แสดงความหวาน อยู่ใกล้ชิดกันในบางครั้ง ล้วนเป็นเรื่องที่ได้ผลประโยชน์จากการอยู่ใกล้ชิดกัน!
ส่วน เรื่องการซุบซิบนินทาของคนอื่น ภายใต้การกดดันจากเขา น่าจะไม่มีใครกล้าเอ่ยเหลวไหลอะไร
มั่วเชียนเสวี่ยไม่เอ่ยอันใด แต่ส่งสายตา…ท่านประสาทหรือไร…ให้หนิงเซ่าชิงทันที
หลังจากนั้น ถึงได้เอ่ยปากนิ่งๆ “ตอนนี้ข้ากลับไปจวนหนิงกับท่านนับเป็นเรื่องอันใด? แม้ว่าพวกเราสองคนจะได้รับพระราชทานสมรสจากฮ่องเต้ แต่สุดท้ายแล้ว เกี่ยวอันใดด้วย หนิงเซ่าชิง ข้าค้นพบว่าช่วงนี้ท่านคิดเพ้อเจ้อมากเป็นพิเศษ!”
ตอนนี้กลับไปตระกูลหนิงกับหนิงเซ่าชิง เช่นนี้ผู้คนในใต้หล้าจะเอ่ยถึงนางว่าอย่างไร
ตอนที่จวนกั๋วกงประสบหายนะ นางยังผ่านมาได้ ตอนนี้ก็แค่บ้านไร่ถูกกุ่ยซากับเตาหนู เด็กแสบสองคนนั้นปู้ยี่ปู้ยำเท่านั้นเอง เก็บกวาดสักหน่อยก็สามารถใช้ชีวิตได้เหมือนเดิมแล้วไม่ใช่หรือ
อีกอย่าง เรือนเสวี่ยหว่านของนางไม่เป็นอะไรเลยด้วยซ้ำ!
แน่นอนว่า มั่วเชียนเสวี่ยไม่รู้ว่า สาเหตุที่เรือนเสวี่ยหว่านของนางรักษาสภาพได้เรียบร้อยขนาดนี้ ก็ล้วนเป็นความดีความชอบของถงจื่อจิ้ง!
ถงจื่อจิ้งผู้นี้ก็เป็นเจ้านายที่ภายนอกอ่อนโยน แต่ภายในโหดเหี้ยมผู้หนึ่ง!
ตอนที่หลายคนนั้นประมือกัน เขาไม่สนใจสถานการณ์การต่อสู้เลยสักนิด มัวแต่นั่งแกะสลักรูปปั้น อ่านหนังสือของเขาอยู่ในห้อง บอกว่ารอมั่วเชียนเสวี่ย และยังมีอีกเหตุผลหนึ่ง ก็คือปกป้องเรือนเสวี่ยหว่านไม่ให้ได้รับความเสียหาย
อย่ามองว่าหลายปีก่อนเขาซื่อบื้อๆ ปัญญาอ่อน แต่สุดท้ายก็เป็นบุตรที่ตระกูลใหญ่ให้กำเนิด และภายในใจก็มีความขี้ระแวงกว่าคนธรรมดาสามส่วน!
ถงจื่อจิ้งจินตนาการได้แต่แรกแล้วว่า ถ้าเรือนเสวี่ยหว่านของพี่เชียนเสวี่ยถูกคนทำลาย หนิงเซ่าชิงคนที่สามารถมองเห็นโอกาส ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามสถานการณ์แล้วฉวยผลประโยชน์ให้กับตนเอง จะต้องอาศัยเรื่องนี้เชิญพี่เชียนเสวี่ยให้ไปพักที่จวนตระกูลเขาแน่นอน!
เขาไม่มีทางให้พี่เชียนเสวี่ยไปจวนตระกูลหนิงหรอก!
ตอนนี้ฐานะไม่เหมาะสม เหตุผลไม่เพียงพอ พี่เชียนเสวี่ยจะไปทำอะไร ให้ตัวเองถูกคนภายนอกเหยียดหยันหรือ
ได้ยินมั่วเชียนเสวี่ยปฏิเสธ ถงจื่อจิ้งก็แย้มรอยยิ้มบางๆ
หนิงเซ่าชิงกลับเหงื่อตกเล็กน้อย
เขาก็ไม่รู้ว่าช่วงนี้ตนเองเป็นอะไรไป นับตั้งแต่เข้าห้องหอ ก็ดูเหมือนว่า เมื่อพบกับเรื่องที่เกี่ยวข้องกับมั่วเชียนเสวี่ย สมองของเขาก็ถดถอยทันที!
ถดถอยเป็นคนเถื่อน
“เช่นนั้นก็ได้”
ความจริงส่วนลึกในใจเขารู้แต่แรกแล้วว่ามั่วเชียนเสวี่ยจะปฏิเสธแน่นอน แต่เมื่อพยายามแล้ว ก็ไม่มีทางจะเสียใจในภายหลัง
ตอนนี้ สิ่งที่มี มีเพียงแค่ความเสียใจ…
ผลประโยชน์ของเขา สาวงามที่คอยปรนนิบัติตอนเขากำลังสะสางงาน…
“เช่นนั้นมาคุยเรื่องบ้านไร่กันเถอะ ท่านดูสิ!”
มั่วเชียนเสวี่ยยกมือชี้ไปทางด้านนอกที่ระเกะระกะ ยุ่งเหยิง นางรู้สึกว่าทั้งร่างตนเองสับสนวุ่นวายไปหมด!
จนเกือบจะเต้นแร้งเต้นกาอย่างบ้าคลั่งแล้ว!
“นี่คือเรื่องดีๆ ที่ผู้ช่วยมากความสามารถของท่านทำ! ข้าสงสัยเป็นอย่างมากว่า ข้ามีความแค้นกับพวกเขาสองคนหรือไม่ พวกเขาถึงได้แก้แค้นข้าเช่นนี้!”
เอ่ยจบ มั่วเชียนเสวี่ยก็เดินตรงไปที่ประตู เอ่ยกับประตูด้วยเสียงที่ดังกว่าเดิม!
“ตอนนี้ข้ากำลังลังเลมากว่าจะมอบชูอีให้คนที่เจอภัยอันตราย แล้วตนเองไปหลบซ่อนก่อนหรือไม่!”
ในน้ำเสียงมีแววเสียใจ และข่มขู่
แต่ว่า…
ที่มากกว่าคือแววหยอกล้อเลือนราง
สิ้นเสียงมั่วเชียนเสวี่ย ปาฏิหาริย์ก็ปรากฏขึ้น
พรึบ! กุ่ยซาพลันทะยานตัวออกมา!
ด้วยความเร็วเช่นนี้!
หนิงเซ่าชิงที่ยิ้มสู้ ก็มีรอยยิ้มแข็งค้างบนใบหน้าทันที!
“คุณหนูใหญ่มั่ว ข้าน้อยจะเก็บกวาดตอนนี้เลยขอรับ!”
กุ่ยซายืนอยู่หน้าประตู ค้อมตัวให้มั่วเชียนเสวี่ยเล็กน้อย ท่าทีเคารพนบนอบอย่างยิ่ง จากนั้นก็ถอยออกไปเก็บกวาดอย่างรวดเร็ว!
แรงเช่นนั้น หากไม่รู้ ก็คงนึกว่าสามารถขุดทองออกมาได้!
แต่ว่าก็พอสมควรแล้ว ถ้าหากบ้านไร่เก็บกวาดเรียบร้อย คาดว่า เมื่อคุณหนูใหญ่ตระกูลมั่วอารมณ์ดี ก็อาจจะมอบชูอีให้แต่งงานกับเขา!
แบบนั้นเขาจะมีความสุขมากเพียงใดนะ!
กุ่ยซาคิดเช่นนี้แล้ว ทั่วทั้งร่างก็มีพละกำลังเพิ่มขึ้นมาอีก!
เตาหนูที่อยู่ในมุมมืดเห็นทุกสิ่ง ได้ยินทุกอย่าง ก็กัดฟันไม่ยินยอม!
เรื่องดีขนาดนี้ กุ่ยซาสามารถได้รับมัน ทำไมเขาถึงไม่ได้เล่า!
ก็แค่เก็บกวาดบ้านไร่ไม่ใช่หรือ เรื่องนี้เขาก็ทำได้เช่นกัน! ขอแค่เขาเก็บกวาดบ้านไร่แห่งนี้ด้วย คุณหนูใหญ่ตระกูลมั่วจะให้สืออู่แต่งงานกับเขาด้วยใช่หรือไม่