“ท่านพ่อ ท่านต้องให้มันชดใช้ให้ข้านะขอรับ!” คุณชายเลี่ยวต้องการฉีกหน้าคู่อริของตัวเองมากเสียจนลืมบอกเลี่ยวจือฝู่ว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยกับเฉินเหลียงรู้จักกัน
เลี่ยวจือฝู่ไม่รู้เลยแม้แต่นิดเดียวว่าบุตรชายจะก่อเรื่องใหญ่เอาไว้ลับหลังเขาเพราะในเวลานี้เขาเอาแต่คิดหาวิธีการกำจัดคู่แข่งของตัวเองอยู่
อีกด้านหนึ่งนั้น เมื่อที่ปรึกษาจางได้ยินว่าคุณชายเลี่ยวมาที่นี่ เขาก็รีบมาหาเขาพร้อมกับเงินจำนวนหนึ่งเพื่อแสดงความจงรักภักดีทันที
เลี่ยวจือฝู่ทนมองสีหน้าประจบสอพลอของเขาไม่ได้ จึงทำเพียงถามเขาว่า ”วันนี้ทั้งวันเจ้าคนแซ่เว่ยนั่นทำอะไรบ้างรึ ข้าได้ยินมาว่าชาวบ้านนินทาเขาไปทั่วเลยนี่”
“เจ้าคนแซ่เว่ยนั่นทำเรื่องโง่ๆ อีกแล้วขอรับ” ที่ปรึกษาจางรีบบอกด้วยความกระตือรือร้น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยสีหน้าดูถูกเหยียดหยาม ”คนผู้นี้ยังอ่อนประสบการณ์ยิ่งนักขอรับ เขาตัดสินใจจะขุดดินวางระบบท่อส่งน้ำทั้งที่ยังไม่ได้ไปตรวจสอบภูมิประเทศของเมืองฟู่ผิงให้ดีเสียก่อนด้วยซ้ำ สมกับเป็นความฝันของคนปัญญาอ่อนจริงๆ!”
เลี่ยวจือฝู่หัวเราะทันทีที่ได้ยินดังนั้น ”ขุดดินวางระบบท่อส่งน้ำหรือ ใครๆ ต่างก็รู้ว่าตำแหน่งของแม่น้ำสายนี้อยู่ต่ำกว่าไร่นา ย่อมไม่มีทางที่น้ำจะไหลขึ้นไปได้อยู่แล้ว ใต้เท้าเว่ยคงไม่ได้เสียสติเพราะถูกพวกเรากดดันจนเกินไปหรอกกระมัง”
“จากที่ข้าเห็น เจ้าคนแซ่เว่ยนั่นไม่ใช่คนใจดีมีเมตตานัก เขาอาจจะคิดหาวิธีสร้างผลงานจนเป็นบ้าไปจริงๆ แล้วก็ได้ขอรับ เขาถึงคิดวิธีการเช่นนี้ขึ้นมาได้” ที่ปรึกษาจางพูดติดตลก ”แต่เป็นเช่นนี้ก็ยิ่งดีขอรับ รอจนกระทั่งบรรดาขุนนางจากเมืองหลวงประจำมณฑลมาถึงที่นี่ในวันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน แล้วพวกเราจะได้เห็นว่าเจ้าคนแซ่เว่ยนั่นจะรักษาชีวิตตัวเองเอาไว้ได้อย่างไร!”
เลี่ยวจือฝู่ไม่ได้พูดอะไรกับเขามากกว่านั้น เขาก้มหน้าลงจิบชา แต่รอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าของเขากลับดูชั่วร้ายเป็นอย่างยิ่ง
ในแวดวงขุนนางนั้นวิธีการนี้คือวิธีที่ดีที่สุดในการกำจัดใครสักคน
ไม่ว่าชาวบ้านจะพูดอะไร อีกฝ่ายก็จะต้องเชื่อคำพูดของพวกเขา…
อย่าโทษว่าเขาทำตัวโหดเหี้ยมเกินไปเลย ถ้าจะโทษ ก็ต้องโทษเจ้าคนแซ่เว่ยที่บังอาจทำตัวจองหองและไม่เชื่อฟังคำพูดของพวกเขา คนเช่นนั้นสมควรตายโดยไร้ที่ฝัง!
ยามค่ำคืนมาเยือน ณ ห้องพักนายอำเภอภายในศาลาว่าการ
ริมฝีปากของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยกระตุกทันทีที่เขาอ่านจดหมายที่องครักษ์เงาส่งมาให้ ”ลงมือแค่นี้ยังไม่พอ จัดการคนที่อยู่ที่เมืองหลวงด้วย”
“พ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์เงาตอบพร้อมกับหลุบตาลงมองพื้นด้วยความเคารพ แต่ในใจของพวกเขาก็อดที่จะรู้สึกตกใจกับวิธีการที่ผู้เป็นนายใช้ไม่ได้
ไม่มีใครคิดเลยว่าทุกอย่างในเมืองหลวงจะยังคงอยู่ในกำมือของฝ่าบาท แม้ว่าตัวเขาจะอยู่ห่างไกลถึงฟู่ผิง สิ่งที่เขาคำนวณเอาไว้ก็ไม่คลาดเคลื่อนไปเลยแม้แต่น้อย
สถานการณ์ของเมืองฟู่ผิงในเวลานี้เหมือนมีมือที่มองไม่เห็นบดบังไปทั่วทั้งเมือง คนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แต่ละคนต่างก็ไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าหายนะกำลังจะมาเยือน
องครักษ์เงาหันกลับไปมองผู้เป็นนาย พวกเขาเห็นว่าระหว่างนิ้วเรียวและขาวซีดจนแทบจะโปร่งใสของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยมีหมากสีดำตัวหนึ่งอยู่ตรงนั้น มีเสียงดังขึ้น จากนั้นหมากตัวนั้นก็ถูกวางลงบนกระดาษหมากรุกที่ทำจากหยกทันที!
ภาพที่เกิดขึ้นนี้อาจเป็นสิ่งที่ทุกคนเรียกกันว่า นั่งอยู่หลังเมืองแต่ชี้ทางได้ทั้งทะเลและภูเขา…
เวลานั้นเฮ่อเหลียนเวยเวยกำลังเช็ดผมตัวเองอยู่ แต่ตอนที่ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเข้ามาในห้องหลังจากสะสางงานของตัวเองเสร็จ นางก็หลับไปก่อนเสียแล้ว ตาของนางปิดสนิททิ้งแพขนตายาวลงบนนั้น
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเพียงแค่ยืนมองนาง หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เขาจึงโน้มตัวลงอุ้มนางขึ้นแล้วพาไปนอนที่เตียง
เฮ่อเหลียนเวยเวยตื่นขึ้นทันทีที่เขาปล่อยมือ
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยจุมพิตหางตาของนาง แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงน่าดึงดูดราวกับแม่เหล็กว่า ”ไม่มีอะไร เจ้านอนต่อเถอะ”
เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้สึกง่วงยิ่งนัก ดังนั้นหลังจากได้ยินคำพูดของเขา นางจึงหลับตาลงแล้วหลับไปอีกครั้ง
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยกอดนางไว้อย่างหลวมๆ ท่ามกลางแสงจันทร์ ร่างเพรียวของเขากับเส้นผมสีดำราวน้ำหมึกแผ่กระจายอยู่รอบกายของทั้งสอง เขาดูอ่อนโยนอย่างยากจะหาคำใดมาอธิบายได้
วันต่อมา เมื่อเฮ่อเหลียนเวยเวยตื่นขึ้น นางก็สังเกตเห็นว่าใบหน้าของนางกระจ่างใสเพียงใด นางกำลังจะขยับตัว แต่ก็ถูกมือที่ยื่นออกมาดึงกลับลงไปนอนเสียก่อน
“นอนต่ออีกหน่อยเถอะ” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยยังหลับตาอยู่ น้ำเสียงของเขาติดจะแหบพร่าเล็กน้อยเพราะเพิ่งตื่นนอน
เฮ่อเหลียนเวยเวยมองออกไปข้างนอก ”ไม่ล่ะ ข้าต้องตื่นแล้ว ข้าอยากออกไปดูเครื่องสูบน้ำเสียหน่อย”
“มีองครักษ์เงาอยู่ที่นั่น ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้หรอก” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยรู้ว่าบางครั้งสัตว์เลี้ยงตัวน้อยของเขาก็ทำตัวอยู่ไม่สุขนัก ดังนั้นเขาจึงจัดการถอดเขี้ยวเล็บของนางด้วยการสอดมือของตัวเองเข้าไปใต้เสื้อของนาง
เฮ่อเหลียนเวยเวยตัวแข็งแล้วร่วงกลับลงไปซบอกเขาทันที ใบหูของนางขึ้นสีเล็กน้อยขณะที่นางกัดริมฝีปากบางของตัวเอง แล้วบอกเสียงสั่นว่า ”ไม่ใช่ที่นี่”
อย่างไรเสียศาลาว่าการก็เป็นสถานที่สำหรับตัดสินคดีความ ดังนั้นไม่ว่าใครก็สามารถเดินเข้ามาได้ทุกเวลา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงฐานะของนางในเวลานี้ จะต้องมีคนตามหาตัวนางตั้งแต่เช้าตรู่อย่างแน่นอน
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก็รู้ว่าสถานที่แห่งนี้ไม่ใช่ที่ที่เหมาะสมเช่นกัน เขาจึงไม่ได้จะทำอะไรนางจริงๆ เขาดึงนางกลับมากอดจากนั้นพวกเขาก็หลับไปอีกครั้ง
ทั้งสองพักผ่อนกันได้ยังไม่ทันถึงหนึ่งก้านธูป ข้ารับใช้คนหนึ่งก็มาเคาะประตูหน้าห้องของพวกเขาเสียแล้ว ”ใต้เท้าเว่ย ใต้เท้าเว่ยขอรับ!”
เฮ่อเหลียนเวยเวยจัดชุดของตัวเองเล็กน้อยแล้วเปิดประตูหลังจากสวมเสื้อคลุมตัวนอกเสร็จ ”มีอะไรหรือ ทำไมต้องรีบร้อนถึงเพียงนี้ด้วย”
ข้ารับใช้คนนั้นพูดรัวเร็วว่า ”คนจากเมืองหลวงประจำมณฑลมาที่นี่ขอรับ เลี่ยวจือฝู่สั่งให้นายอำเภอทุกคนตื่นแต่เช้าแล้วไปรวมตัวกันที่จวนเยี่ยนขอรับ”
“ไปที่จวนเยี่ยนหรือ” นิ้วของเฮ่อเหลียนเวยเวยที่กำลังมัดผ้าบนเสื้อคลุมอยู่ถึงกับชะงักไป มุมปากของนางกระตุกขึ้นเล็กน้อย ”ข้ารู้แล้ว เจ้าออกไปได้แล้ว”
ข้ารับใช้คนนั้นตอบว่า ”ขอรับ” พร้อมกับก้มหน้าลง ทันใดนั้นเขาก็เห็นว่าที่ปรึกษาหลงอยู่ในห้องนั้นด้วย เขาพึมพำออกมาโดยไม่ลังเลว่า ”ใต้เท้าเว่ย ท่านกับที่ปรึกษาหลงดูสนิทสนมกันดีทีเดียว เขามารอท่านที่ห้องตั้งแต่เช้าเชียวขอรับ”
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยฟังคำพูดนั้นอย่างเงียบๆ จากนั้นเขาจึงยื่นมือมาจากทางด้านหลัง แล้วช่วยเฮ่อเหลียนเวยเวยจัดการกับการกลัดกระดุมเสื้อแทน ”ในฐานะที่ปรึกษาส่วนตัว งานเช่นนี้ควรเป็นหน้าที่ของข้ามิใช่หรือ”
ทั้งสองหันหน้าเข้าหากระจกสัมฤทธิ์ ลมหายใจของเขารินรดอยู่ที่ด้านหลังใบหูของนาง เฮ่อเหลียนเวยเวยชาไปทั้งตัว นางไม่อยากขยับตัวสุ่มสี่สุ่มห้าเพราะหากนางทำเช่นนั้นแล้วเผลอไปสัมผัสโดนอะไรเข้า นางคงได้ไปสายอย่างแน่นอน
ใช้เวลาครู่หนึ่งองค์ชายก็จัดการกลัดกระดุมให้นางเสร็จ บนริมฝีปากบางของเขามีรอยยิ้มปรากฏอยู่ ”สีหน้าของเจ้าที่อยู่บนนั้นแสดงออกอย่างชัดเจนทีเดียวว่าเจ้าอารมณ์เสียเพราะพวกเราไม่สามารถทำอะไรมากกว่านี้ได้”
เฮ่อเหลียนเวยเวย : …
นางอารมณ์เสียตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!
องค์ชายคงจะคิดไปเองอีกแล้วกระมัง อย่างไรเสียนางกับเขาก็ไม่เคยมีความคิดเห็นตรงกันมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว!
“ข้าจะชดเชยทุกอย่างให้ทันทีที่พวกเรากลับไปถึงวัง” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยโน้มตัวลงมาจูบเข้าที่ใบหูของนาง ปลายลิ้นของเขาปัดผ่านผิวของนางเล็กน้อยโดยไม่รู้ว่าเขาตั้งใจหรือไม่
เฮ่อเหลียนเวยเวยตัวสั่นแล้วหมดแรงอยู่ในอ้อมแขนของเขาเหมือนกับกุ้งที่ถูกไฟฟ้าช็อต
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยยิ้มอย่างซุกซน ”เจ้าเอาตัวเองมาให้ข้ากอดหรือ”
หัวใจของเฮ่อเหลียนเวยเวยเต้นผิดจังหวะเมื่อนางเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์นั้น ความรู้สึกสุขสมก็ยิ่งเพิ่มพูนขึ้นในใจ นางเดาว่าการรักใครสักคนมากขึ้นทุกวันคงเป็นเช่นนี้นี่เอง ต่อให้คนที่ว่านี้มักจะทำตัวไร้เหตุผลจนเหลือเชื่อ นางก็ยังเผลอยิ้มออกมาเมื่อเห็นดวงตายิ้มแย้มคู่นั้น
หลังมื้อเช้า บรรดาขุนนางจากเมืองหลวงประจำมณฑลจึงเดินทางไปยังจวนเยี่ยนพร้อมกับบรรดานายอำเภอคนอื่นๆ
เลี่ยวจือฝู่พูดคุยและหัวเราะร่าร่วมกับบรรดาขุนนางที่มาจากเมืองหลวงประจำมณฑลราวกับต้องการโอ้อวดเครือข่ายทางสังคมของตน การประชุมในวันนี้ทำให้ชาวบ้านที่ต้องการให้มีการสร้างถนนรู้สึกมีหวัง ดังนั้นพวกเขาจึงเริ่มพูดคุยกันถึงเรื่องนี้
หลิวอินและพ่อเฒ่าหลิวแอบฟังที่พวกเขาคุยกัน สายตาของพวกเขาจับจ้องไปยังเฮ่อเหลียนเวยเวย พวกเขาอดรู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาไม่ได้