ทันทีที่ได้ยินดังนี้ เลี่ยวจือฝู่ก็เริ่มอยากทำเป็นเหมือนไม่รู้จักนายท่านเยี่ยนแม้แต่นิดเดียว
แต่ทุกคนในเมืองฟู่ผิงรวมถึงบรรดาชาวบ้านต่างก็รู้ดีว่าเลี่ยวจือฝู่กับนายท่านเยี่ยนอยู่บนเรือลำเดียวกัน!
“จะเป็นใครไปได้อีกล่ะ มันก็ต้องเป็นเลี่ยวจือฝู่อยู่แล้วสิ! ถ้าไม่ใช่เพราะเลี่ยวจือฝู่ มีหรือที่เขาจะกล้าทำตัวอาจหาญถึงเพียงนี้ เพราะขุนนางกับพ่อค้าเอาแต่ปกป้องกันและกันเช่นนี้ สุดท้ายแล้วพวกข้าที่เป็นคนธรรมดาถึงได้ต้องทุกข์ทรมานเช่นนี้อย่างไรเล่า!” ยิ่งชาวบ้านเอ่ยปากพูด เสียงของพวกเขาก็ยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะบรรดาชาวนาที่อายุมากแล้ว พวกเขาเห็นนายท่านเยี่ยนกับเลี่ยวจือฝู่เป็นศัตรู พวกเขาปรี่เข้าไปล้อมทั้งสองเอาไว้ด้วยใบหน้าโกรธเกรี้ยวแล้วเริ่มตั้งคำถามกับพวกเขา!
เวลานี้ทหารที่มีหน้าที่คุ้มกันเลี่ยวจือฝู่กลับถูกต้าสงขวางเอาไว้ข้างนอก ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีทางฝ่าเข้ามาถึงข้างในได้
เพียงพริบตา ทั่วทั้งไร่นาก็เต็มไปด้วยความชุลมุนวุ่นวาย เสียงบ่นและเสียงสาปแช่งเลี่ยวจือฝู่กับนายท่านเยี่ยนดังก้องจนได้ยินไปทั่วบริเวณ
เพียงเท่านี้ก็เห็นได้ชัดแล้วว่าคนที่ปลุกความโกรธของประชาชนขึ้นมาคือใครกันแน่
“นี่มัน… นี่มันเกินไปแล้ว!” บรรดาขุนนางจากเมืองหลวงประจำมณฑลเห็นในสิ่งเดียวกันว่าเลี่ยวจือฝู่ทำตัวล้ำเส้นเกินไป ตอนนี้เขาไม่มีทางดิ้นหลุดแล้ว!
พวกเขาเริ่มเกิดความรู้สึกขุ่นเคืองต่อเขา พวกเขาเคยคิดว่าตนจะได้รับผลประโยชน์จากเมืองฟู่ผิงตราบใดที่ตระกูลเลี่ยวยังมีอิทธิพลอยู่ แต่สถานการณ์ปัจจุบันกลับเป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมายยิ่งนัก
ชาวบ้านคนอื่นๆ ต่างมองพวกเขาเหมือนกำลังดูละครอยู่ก็ไม่ปาน!
พวกเขาเหล่านี้ล้วนแต่มียศฐาบรรดาศักดิ์และมีตำแหน่งในเมืองหลวงประจำมณฑลทั้งสิ้น ไม่มีใครเลยที่เคยถูกทำให้อับอายขายหน้าถึงเพียงนี้ สถานการณ์นี้จึงนับว่าเป็นเหตุการณ์อันน่าขายหน้าสำหรับพวกเขา!
เฮ่อเหลียนเวยเวยยืนมองความวุ่นวายนั้นอยู่ด้านข้างพร้อมกับรอยยิ้มบนมุมปาก เมื่อนางตวัดสายตามองกลับไป นางก็เห็นริมฝีปากบางของชายหนุ่มคนนั้นกระตุกขึ้นอย่างชั่วร้าย เผยให้เห็นสีหน้าราวกับปีศาจ เขาหล่อเหลาและมีเสน่ห์เหมือนอย่างเคย แต่ก็ยังดูอันตรายเกินไป
“ท่านคิดอุบายนี้ขึ้นมาได้อย่างไร” เฮ่อเหลียนเวยเวยลดเสียงลงพลางแอบถามที่ปรึกษาส่วนตัวของตัวเอง
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเหลือบมองนางเล็กน้อย ถ้าพวกเขาไม่ได้อยู่ต่อหน้าคนอื่น เขาคงดึงนางเข้ามาสู่อ้อมกอด แล้วขยี้กลุ่มผมบนศีรษะของนางแล้ว เจ้าตัวเล็กที่กำลังพูดเสียงเบาอยู่นี่ช่างมีเสน่ห์ดึงดูดสำหรับเขาเหลือเกิน
“ก็…” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยพ่นลมใส่หูของนางเบาๆ ราวกับจงใจกลั่นแกล้งนาง ”ตอนที่เจ้าร้องขอความเมตตาจากข้าบนเตียงน่ะสิ ข้าจำเป็นต้องคิดถึงเรื่องอื่นเพื่อดึงความสนใจของตัวเอง ไม่อย่างนั้นข้าจะหักห้ามใจไม่ให้ต้องการเจ้าได้อย่างไร”
เฮ่อเหลียนเวยเวยสำลักคำพูดของชายหนุ่ม ใบหูของนางชาวาบ จากนั้นนางก็กระแอมออกมาเล็กน้อย นางรู้สึกขอบคุณตัวเองจริงๆ ที่แยกแยะถูกผิดได้ตั้งแต่ต้น และเลือกที่จะตกหลุมรักองค์ชาย ถ้าไม่อย่างนั้น ป่านนี้นางคงได้กลายเป็นซากโครงกระดูกด้วยฝีมือเขาอย่างแน่นอน
เพียงแค่มองบรรดาขุนนางเหล่านั้น ต่อให้เป็นใครก็รู้ว่าพวกเขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองไปทำให้ใครไม่พอใจเข้าจนสุดท้ายต้องมาลงเอยในสภาพเช่นนี้ ช่างโง่เขลาเสียไม่มี…
“ใต้เท้าเว่ย ท่านมัวแต่เหม่ออะไรอยู่ รีบพาบรรดาคนเหลือขอของท่านออกไปซะ!” เลี่ยวจือฝู่ตะโกนขึ้นอย่างทนไม่ไหวอีกต่อไป ผมของเขากระเซอะกระเซิง เขาดูคับอกคับใจยิ่งนักขณะพยายามใช้ฐานะและอำนาจที่คิดว่าตนมีควบคุมสถานการณ์ แต่ประชาชนที่อยู่ที่นี่ต่างก็คลุ้มคลั่งไปเสียแล้ว พวกเขาตอบกลับคำพูดของเขาด้วยคำพูดที่เขาพูด สถานการณ์วุ่นวายยากเกินจะควบคุม!
น้ำเสียงของเฮ่อเหลียนเวยเวยราบเรียบ นางตอบว่า ”เลี่ยวจือฝู่ เจ้าควรตอบคำถามที่ชาวบ้านถามเสีย ข้าคงไม่สามารถช่วยอะไรได้”
บรรดาขุนนางจากเมืองหลวงประจำมณฑลพากันรู้สึกอับอายขายหน้ากับสถานการณ์นี้ยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อพวกเขาได้ยินคำพูดของเฮ่อเหลียนเวยเวย พวกเขาสะบัดแขนเสื้อของตนแล้วรีบหลบฉากออกไปทันที ก่อนที่จะออกไปพวกเขาก็ยังไม่ลืมที่จะตะโกนออกคำสั่งกับทหารเหล่านั้นว่า ”อย่าลืมพาตัวเจ้านายเจ้ากลับไปที่ศาลาว่าการ นี่มันจะมากเกินไปแล้ว!”
“ขอรับ ขอรับ!” นายทหารเหล่านั้นรีบขานรับอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เลี่ยวจือฝู่ก็รู้ว่าตัวเองจำเป็นต้องตัดสินใจ เขาหันไปจ้องหน้านายท่านเยี่ยนอย่างเดือดดาล พร้อมกับเอ่ยว่า ”ทุกอย่างเป็นความผิดของเจ้า!”
“ใต้เท้า… ใต้เท้าเลี่ยว ข้าไม่รู้ว่ามันจะกลายเป็นเช่นนี้ขอรับ ชาวบ้านพวกนี้มันสมควรตาย พวกมันกล้าก่อเรื่องวุ่นวายเช่นนี้ขึ้นมาได้อย่างไร!” นายท่านเยี่ยนชินกับการใช้อำนาจเรียกลมได้ลมเรียกฝนได้ฝน ปฏิกิริยาแรกที่เขามีในทันทีคือการระเบิดอารมณ์ออกมา เขากำลังคำนวณว่าเขาจะลงโทษคนที่ต่อว่าเขาในวันนี้ทันทีที่ออกไปจากไร่อย่างไรดี เขาไม่ได้สังเกตเห็นความนัยที่แฝงอยู่ในคำพูดของเลี่ยวจือฝู่ อีกทั้งยังไม่เห็นเลยด้วยซ้ำว่าบรรดาขุนนางจากเมืองหลวงประจำมณฑลเหล่านั้นกลับไปแล้ว!
เลี่ยวจือฝู่ไม่เคยเรียกนายท่านเยี่ยนว่าไอ้โง่มาก่อน แต่ในเวลานี้เขาไม่รู้จะใช้คำใดมาอธิบายอีกฝ่ายได้แล้ว
เขารู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งที่ก้าวเข้ามาทำธุรกิจกับคนเช่นนี้! ตำแหน่งของเขาได้รับความเสียหาย และเขายังต้องเสียหน้าต่อหน้าขุนนางทุกคนจากเมืองหลวงประจำมณฑลอีกด้วย! การกอบกู้ชื่อเสียงของตนกลับมาย่อมต้องใช้ความพยายามอย่างมาก!
มีขุนนางเคยถูกประชาชนของตัวเองต่อว่าซึ่งๆ หน้าอย่างนี้ที่ไหนกัน
ช่างเป็นเรื่องนี้น่าขันเสียไม่มี!
เขานึกไม่ออกเลยว่าเขาจะถูกคนในเมืองหลวงหัวเราะเยาะขนาดไหน!
เกรงว่าเหตุการณ์นี้จะกลายเป็นจุดด่างพร้อยไปตลอดชีวิตของเขา!
เขาต้องหาทางเอาตัวรอดจากเรื่องนี้ไปให้ได้!
เมื่อคิดได้ดังนั้น เลี่ยวจือฝู่ก็ตะโกนขึ้นมาทันทีว่า ”ทหาร ข้าขอสั่งให้พวกเจ้าจับกุมนายท่านเยี่ยนซะ!”
“ใต้เท้าเลี่ยว!” นายท่านเยี่ยนถึงกับสับสน เขามองเลี่ยวจือฝู่ด้วยความงุนงงราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยินจนกระทั่งทหารเข้ามาพาตัวเขาออกไปจากทางด้านหลัง เขาคำรามใส่เลี่ยวจือฝู่ว่า ”ใต้เท้าเลี่ยว ท่านจะทำเช่นนี้กับข้าไม่ได้! พวกเราลงเรือลำเดียวกันแล้วมิใช่หรือ ใต้เท้าเลี่ยว!”
เลี่ยวจือฝู่ไม่มีอารมณ์จะสนใจฟังในสิ่งที่เขาพูด หลังจากจับเขาแล้ว เขาก็ตัดสินใจว่าจะทำเป็นหูทวนลมเช่นกัน!
“พาตัวเขาไป!” ผมเผ้าและเสื้อผ้าของเลี่ยวจือฝู่อยู่ในสภาพดูไม่ได้ เขาดูไม่สมกับเป็นขุนนางเลยแม้แต่นิดเดียว ในร่างของเขาแทบไม่เหลือเรี่ยวแรงอยู่อีก หากไม่ใช่เพราะดวงตาดุดันและเจ้าแผนการนั้น ทุกคนคงจะลืมไปเสียแล้วว่าเขาเป็นใคร
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยที่ยืนอยู่ข้างเขาเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า ”ใต้เท้าเลี่ยว ท่านไม่ได้ยินนายท่านเยี่ยนหรือ เขาบอกว่าพวกท่านสองคนลงเรือลำเดียวกันแล้ว แต่ด้วยคุณธรรมอันยิ่งใหญ่ ใต้เท้าเลี่ยวถึงได้สามารถจับกุมตัวเขาไปลงโทษเช่นนั้นได้สินะ”
เดิมทีเลี่ยวจือฝู่ก็อารมณ์ไม่ดีอยู่แล้ว คำพูดพวกนั้นก็ยิ่งทำให้ดวงตาของเขาแดงก่ำด้วยความโกรธ เขาหายใจเข้าออกลึกๆ พลางพยายามทำให้ตัวเองสงบลง แต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้เมื่ออยู่ต่อหน้าสายตาของทุกคน ดังนั้นเขาจึงกัดฟันและพูดออกมาเพียงว่า ”ไปได้แล้ว!”
ทหารเหล่านั้นรีบวิ่งตามหลังไปคุ้มกันเขา พร้อมกับผลักชาวบ้านที่พยายามจะเข้ามาหาเขาออกไป สุดท้ายพวกเขาก็หายลับไปจากไร่นา
ชาวบ้านเปลี่ยนอารมณ์ในทันทีที่พวกเขาหันกลับมามองเฮ่อเหลียนเวยเวย ตอนนี้ในดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความเลื่อมใส!
“ใต้เท้าเว่ย ท่านทำได้อย่างไรกัน ท่านช่างยอดเยี่ยมยิ่งนักขอรับ! ท่านทำให้น้ำไหลจากแม่น้ำขึ้นมาถึงไร่นาได้อย่างไรหรือ”
เฮ่อเหลียนเวยเวยยิ้มเล็กน้อย ”ข้าก็แค่ติดตั้งอุปกรณ์อะไรเข้าไปนิดหน่อยเท่านั้น”
“อุปกรณ์อะไรหรือขอรับ พวกมันช่างทรงพลังจริงๆ!”
เฮ่อเหลียนเวยเวยลังเล ”อุปกรณ์ที่ว่าค่อนข้างซับซ้อนยากจะอธิบาย ถ้าหากเจ้าอยากรู้ เช่นนั้นข้าจะเรียกตัวช่างที่ทำอุปกรณ์ชิ้นนั้นมาให้ พวกเขาคงให้คำตอบได้ดีกว่าข้า”
“หากมีอุปกรณ์ชิ้นนี้อยู่ เมืองฟู่ผิงก็ไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดภัยแล้งขึ้นอีกแล้ว!”
เสียงชื่นชมจากทุกสารทิศดังก้องไปทั่วผืนนา นี่เป็นศึกแรกของเฮ่อเหลียนเวยเวยตั้งแต่มาถึงศาลาว่าการของเมืองฟู่ผิง และเป็นศึกที่นางคว้าชัยชนะมาได้อย่างงดงาม
แต่ นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น…