“นั่นมันไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาพูดไว้เมื่อก่อนหน้านี้นี่!” เฉินเหลียงที่ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนกำหมัดแน่น เขาไม่เข้าใจเอาเสียเลย พวกเขาเป็นคนที่มาหาลูกพี่เพื่อขอให้ช่วยตัดสินเรื่องนี้อย่างเป็นธรรม แต่ตอนนี้พวกเขากลับเป็นคนที่ทำให้ลูกพี่ต้องตกที่นั่งลำบากแทน!
พวกเขาไม่รู้หรือว่าทั้งคดีจะพังไม่เป็นท่าหลังจากที่พูดเช่นนี้ มิหนำซ้ำเจ้าคนแซ่เลี่ยวนั่นก็จะกลับมามีชัยเหนือลูกพี่ได้อีกด้วย!
ใบหน้าดูดีขององค์ชายเจ็ดตัวน้อยก็เคร่งเครียดไม่ต่างกัน เขาหรี่ดวงตาราวกับเสือของตนเข้าหากันราวกับเตรียมพร้อมที่จะเปิดฉากทะเลาะวิวาททันทีหากมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น!
การกลับคำของพยานส่งผลให้เกิดเสียงเอะอะโวยวายไปทั่วบริเวณ
“สองในสามตระกูลยอมรับว่าพวกเขาให้การใส่ร้ายนายท่านเยี่ยน หากเป็นเช่นนี้ก็มีความเป็นไปได้สูงทีเดียวที่ผู้เฒ่าหลิวจะโกหก”
“ใครจะไปรู้ล่ะ ข้าว่าเรื่องพรรค์นี้ใช่ว่าตบมือข้างเดียวจะดังได้เสียเมื่อไหร่ เจ้าดูแม่นางหลิวสิ นางอายุยังน้อยแต่ก็ดูเย้ายวนได้ถึงเพียงนี้แล้ว บางทีคนที่เริ่มก่อนอาจจะเป็นนางก็ได้!”
“ก่อนหน้านี้ตอนที่นายท่านเยี่ยนเอาเมล็ดธัญพืชพวกนั้นไปจากตระกูลพวกเขา ผู้เฒ่าหลิวยังไม่ต่อต้านรุนแรงถึงเพียงนี้เลย ตอนนี้พอการเก็บเกี่ยวไม่ดีก็กลับมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นทันที มันจะต้องเป็นแผนที่เขาวางเอาไว้แล้วแน่ๆ!”
เสียงหัวเราะและคำพูดถากถางพวกนั้นเป็นเหมือนกับคลื่นมหาสมุทรที่มุ่งเป้าไปยังพ่อลูกตระกูลหลิว
ดวงตาของหลิวอินแดงก่ำทันทีที่ได้ยินคำพูดเหล่านั้น ร่างของนางสั่นเทา นางรู้สึกได้ถึงความเย็นชาที่ผุดขึ้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจ
คดีนี้ดูเป็นเช่นนี้ในสายตาของทุกคนมาโดยตลอดหรือ
นางยังจำครั้งแรกที่นางถูกพาตัวไปที่จวนเยี่ยนได้ไม่ลืม นางพยายามหนีออกมาจากที่นั่นอย่างสุดกำลัง ยอมทำถึงกระทั่งเอาชีวิตตัวเองเป็นเดิมพัน แม้กระทั่งตอนนี้ก็ยังฝันร้ายถึงเรื่องราวในวันนั้นอยู่เลยด้วยซ้ำ
ถ้าใต้เท้าเว่ยและที่ปรึกษาหลงไม่ปรากฏตัวขึ้น ป่านนี้ชีวิตของนางก็คงพินาศย่อยยับไปแล้ว!
เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่านางเป็นผู้เคราะห์ร้าย แต่ทำไมทุกครั้งที่เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ทุกคนถึงกล่าวโทษผู้หญิงอย่างนางแทนที่จะลงโทษผู้กระทำผิดตัวจริงล่ะ!
นี่คือความหมายของคำว่ายุติธรรมและคุณธรรมหรือ
เช่นนั้นนางก็ขอไม่มีมันเสียยังดีกว่า!
นี่เป็นครั้งแรกที่หลิวอินรู้สึกสิ้นหวังถึงเพียงนี้ แต่ในตอนที่นางกำลังจะยอมแพ้นั่นเอง น้ำเสียงอันเกียจคร้านแต่ชัดเจนของใครคนหนึ่งก็ดังขึ้นเสียก่อน ”ประชาชนทั้งหลาย พวกเจ้าช่างพูดจาโหดร้ายกันยิ่งนัก เจ้าไม่กลัวบ้างหรือว่าวันใดวันหนึ่งหากบุตรสาวของพวกเจ้าถูกรังแกบ้าง พวกนางจะไม่ถูกตำหนิและเยาะเย้ยเช่นนี้เหมือนกัน”
คำพูดของเฮ่อเหลียนเวยเวยเหมือนกับการโยนเครื่องดูดเสียงลงไปกลางฝูงชน
เพียงชั่วพริบตาเดียว ทุกคนที่วิพากษ์วิจารณ์ตระกูลหลิวอยู่ก็พากันปิดปากเงียบทันที แล้วจากนั้นจึงสบตากัน
พวกเขาหลบตากันอย่างรวดเร็ว บนใบหน้าของแต่ละคนล้วนแต่มีความกระดากอายปรากฏอยู่ไม่มากก็น้อย
แต่ก็มีคนบางกลุ่มที่ยังไม่คิดจะเปลี่ยนนิสัยเดิมของตน ”ถ้าข้ามีลูกสาวแบบนั้น ข้าคงบีบคอนางให้ตายไปนานแล้ว นางจะได้ไม่ต้องมาสร้างความอับอายให้ข้าในอนาคต!”
“เช่นนั้นข้าคงต้องขอแสดงความเสียใจกับบุตรสาวของเจ้าด้วย” สายตาของเฮ่อเหลียนเวยเวยจับจ้องอยู่ที่คนคนนั้น ”แม้กระทั่งสัตว์ก็ยังรู้ว่าพวกมันไม่ควรทำร้ายลูกตัวเอง แต่เจ้ากลับพูดออกมาว่าเจ้าจะไม่ยอมช่วยบุตรสาวของตัวเอง มิหนำซ้ำหากนางถูกรังแกเข้า เจ้าก็ยังคิดที่จะทาเกลือลงบนบาดแผลของนางอีก ช่างยอดเยี่ยมเสียจริง!”
ทันทีที่ได้ยินคำพูดของเฮ่อเหลียนเวยเวย ทุกคนก็หันหน้าไปมองคนคนนั้น
ใบหน้าของคนคนนั้นแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ แต่เขาก็ยังกัดฟันพูดต่อว่า ”นั่นมัน นั่นก็เพราะนางทำเรื่องน่าอายลงไปอย่างไรล่ะ!”
“ข้ารู้ว่าหลิวอินเป็นผู้หญิงแบบไหน คดีนี้ยังไม่ทันจะได้พิพากษาเลยด้วยซ้ำ แต่ท่านกลับพูดจาส่งเดชไปเสียแล้ว” เฮ่อเหลียนเวยเวยหัวเราะเย็นชา ”ท่านมีจุดประสงค์อะไรหรือ”
เลี่ยวจือฝู่ที่เป็นคนติดสินบนให้บรรดาชาวบ้านปล่อยข่าวลือพวกนั้นออกไปกลัวว่าเขาจะถูกเปิดโปง ดังนั้นเขาจึงรีบตัดบทไม่ให้เฮ่อเหลียนเวยเวยพูดต่อ ”ใต้เท้าเว่ย ท่านก็คิดมากเกินไป ชาวบ้านเพียงแค่เสนอความคิดเห็นของตัวเองเท่านั้น แต่ท่านกลับนำพวกมันมาใส่ใจเกินไป คนบางประเภทนั้นภายนอกอาจดูซื่อสัตย์ แต่เบื้องหลังนั้นพวกเขาอาจทำเรื่องสกปรกอยู่ก็ได้” ขณะพูด เลี่ยวจือฝู่ก็เหลือบมองไปทางเยี่ยนต้าจ้าว ”เยี่ยนต้าจ้าว ข้าขอถามเจ้า หลิวอินพูดอะไรหรือเปล่าตอนอยู่กับเจ้าสองต่อสอง”
“ทุกครั้งที่นางติดตามท่านพ่อของนางมาส่งเมล็ดธัญพืชให้ข้าที่จวนเยี่ยน นางมักจะแต่งกายไม่เหมาะสมยิ่งนัก และมักจะมองข้าอยู่เสมอขอรับ” นายท่านเยี่ยนแสร้งถอนหายใจยาวออกมา ”ลืมเรื่องนั้นไปเถอะขอรับ ข้าเองก็เคยเห็นหญิงโสเภณีที่คาดหวังว่าพรหมจารีย์ของตนควรจะได้ขึ้นแท่นเป็นอนุสาวรีย์เช่นนี้มามากแล้ว ข้าไม่อยากลดตัวลงไปคบค้าสมาคมกับคนเช่นนั้นหรอกขอรับ…”
“แกโกหก!” หลิวอินทนไม่ไหวอีกต่อไป นางพุ่งเข้าไปหานายท่านเยี่ยนราวกับคนเสียสติ เวลานี้นางคิดเพียงแค่นางอยากตายไปพร้อมกับเจ้าคนสารเลวโสโครกที่สุดในโลกคนนี้เท่านั้น!
แต่ก่อนที่นางจะเข้าถึงตัวนายท่านเยี่ยนได้ บรรดาทหารของศาลาว่าการก็ขวางทางนางเอาไว้ก่อน!
เยี่ยนต้าจ้าวมีสีหน้าตกใจเป็นอย่างยิ่ง เขาเริ่มกลัวขึ้นมาจริงๆ ว่านางจะพุ่งเข้ามาข่วนเขา เขาตวาดขึ้นอย่างเย็นชาว่า ”ผู้หญิงวิปริต” จากนั้นเขาจึงเงยหน้าขึ้นแล้วมองไปที่บรรดาขุนนางคนอื่นๆ ที่อยู่ในการไต่สวนนี้ ”ใต้เท้าขอรับ ท่านต้องทวงคืนความยุติธรรมให้ข้านะขอรับ มีใครบางคนขึ้นมาให้การว่าพวกเขาใส่ร้ายข้า แต่ใต้เท้าเว่ยกลับเชื่อเพียงแค่ผู้หญิงคนนี้คนเดียว ฮ่าๆ เขาถูกนางหว่านเสน่ห์ใส่หรือเปล่าก็ไม่รู้…”
ประโยคนั้นของเยี่ยนต้าจ้าวสื่อความนัยได้อย่างชัดเจน เขากำลังจงใจที่จะบอกว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยกับหลิวอินมีความสัมพันธ์กันอยู่!
“เยี่ยนต้าจ้าว!” หลิวอินรู้ว่าผู้ชายคนนี้น่ารังเกียจเพียงใด แต่นางไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะเป็นคนน่าขยะแขยงถึงเพียงนี้!
ใต้เท้าเว่ยเพียงแค่ต้องการคืนความยุติธรรมให้นาง แต่เขากลับกล้าทำให้ทุกคนเข้าใจผิดคิดว่าระหว่างนางกับใต้เท้าเว่ยมีอะไรกัน!
แม้ว่านางจะเรียนหนังสือมาไม่มาก แต่หลิวอินก็รู้ว่าทุกคนเชื่อเขา ต่อให้นางยอมตายเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง แต่มันก็จะต้องทำให้อนาคตทั้งหมดของใต้เท้าเว่ยถูกทำลาย!
บรรดาขุนนางจากเมืองหลวงประจำมณฑลตาบอดกันไปหมดแล้วหรือ
เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าคนที่ให้การมีช่องโหว่คือเยี่ยนต้าจ้าว ทำไมพวกเขาถึงไม่ห้าม แต่กลับปล่อยให้เขาใส่ร้ายใต้เท้าเว่ยแทน!
เยี่ยนต้าจ้าวหันกลับไปมองหลิวอิน ดวงตาของเขาเป็นประกายด้วยความพึงพอใจและดูถูก ”แม้หญิงผู้นี้จะเคยพยายามเอาชนะใจข้ามาก่อน แต่ถ้าใต้เท้าเว่ยชอบนาง เช่นนั้นข้าก็จะยกนางให้ท่านขอรับ ทำไมใต้เท้าเว่ยต้องทำให้ข้าลำบากด้วยเล่า”
“แก!” อย่างไรหลิวอินก็ยังอายุไม่มากนัก ยิ่งกว่านั้น ไม่ว่าจะเป็นใครก็คงโกรธจนหลอดเลือดในสมองแทบแตกแน่หากความจริงถูกบิดเบือนเช่นนี้ หลิวอินโมโหจนถึงกับหน้ามืดขึ้นมาเลยทีเดียว!
เลี่ยวจือฝู่ดูฉากนี้ด้วยความพอใจยิ่งนัก เขานั่งอยู่บนเก้าอี้พลางยกชาขึ้นดื่มอย่างสบายๆ
บรรดาขุนนางจากเมืองหลวงประจำมณฑลไม่ได้พูดอะไรออกมาเช่นกัน พวกเขาปล่อยให้เยี่ยนต้าจ้าวปกป้องตัวเองในศาล
พวกเขาคิดกันง่ายๆ ว่า มีความจำเป็นด้วยหรือที่จะต้องตัดสินคดีเช่นนี้
มันก็เป็นแค่เรื่องของหญิงสาวชาวบ้านที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม และไม่อยากเป็นอนุภรรยาของเยี่ยนต้าจ้าวเท่านั้น
พวกเขาเพียงต้องบอกให้เยี่ยนต้าจ้าวเสนอเงินให้นางมากกว่านี้ในภายหลัง และจากนั้นทุกอย่างก็จะจบลง
เจ้าคนแซ่เว่ยเพียงแค่ทำให้เรื่องมันวุ่นวายขึ้นเท่านั้น เขาควรจะรู้จักส่องกระจกมองเงาของตัวเองเสียบ้าง
พวกเขาไม่เคยชอบผู้ใต้บังคับบัญชาที่ไม่เข้าใจกฎเช่นนี้ บังเอิญที่เหตุการณ์นี้เป็นโอกาสอันดีที่จะเตือนเขา เขาจะได้ไม่ทำตัวยโสโอหังเช่นนี้อีกต่อไป
เขาคงคิดว่าตัวเองมีความสามารถ แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ยังถูกเลี่ยวจือฝู่กำราบได้อยู่ดี
หึ หลังจากโค่นเจ้าคนแซ่เว่ยนี่ลงได้ บางทีพวกเขาอาจยังพอมีหวังกับการสร้างถนนอยู่บ้าง
พวกเขาจะกลับไม่มือเปล่าไม่ได้ อย่างน้อยพวกเขาก็ต้องนำผลลัพธ์กลับไปแสดงให้ท่านผู้ว่าการได้เห็น
แต่ผู้ว่าการเฉินที่ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนกลับอยู่ในสภาพทุกข์ใจอย่างสุดแสน…