รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 492 สะเพร่า สะเพร่าเกินไป โดนลั่วสุ่ยชิงตัดหน้าไปเสียได้!

บทที่ 492 สะเพร่า สะเพร่าเกินไป โดนลั่วสุ่ยชิงตัดหน้าไปเสียได้!

บทที่ 492 สะเพร่า สะเพร่าเกินไป โดนลั่วสุ่ยชิงตัดหน้าไปเสียได้!

หลังรับมื้อเที่ยงเสร็จ หยวนอีบอกลาคุณชาย ออกจากลานเล็ก

“ลาก่อนผู้อาวุโสทั้งสอง!”

หยวนอีมีมารยาทยิ่ง หลังออกจากเมืองชิงซาน ยังไปบอกลาต้นหลิวและก้อนหินอีกด้วย

“เดินทางดี ๆ!”

“มาคราวหน้ามาสนทนากับพวกเราบ้างก็ได้”

ต้นหลิวและก้อนหินมีภาพจำอันดีงามต่อหยวนอี นางเป็นเด็กสาวมารยาทงามอย่างแท้จริง

พวกมันตั้งตารอการสนทนากับหยวนอีอย่างยิ่ง

“ได้!”

หยวนอีเดินจากไปด้วยรอยยิ้มร่า

“ไปหาพี่หญิงเซี่ยเหยียนก่อน!”

นางมิได้ตรงกลับไป หากแต่เหินไปยังสำนักไท่หัว หมายจะไปเยี่ยมเยียนเซี่ยเหยียน

อย่างไรเสียนานครั้งนางจะมาที ไม่ไปเยี่ยมพี่หญิงเซี่ยเหยียนได้อย่างไร

“เจ้ามาได้อย่างไร”

เซี่ยเหยียนแปลกใจอย่างยิ่งที่ได้เห็นหยวนอี คิดไม่ถีงว่าอีกฝ่ายจะมาเยี่ยมนาง

นางรู้ว่าหยวนอีเคยรับใช้คุณชาย คุณชายเคยเล่าให้นางฟัง ซ้ำยังบอกนางว่าหากมีโอกาสช่วยดูแลหยวนอีบ้าง

“ข้าไปหาคุณชายมา”

หยวนอีตอบ เล่าทุกอย่างให้ฟัง มิได้คิดปิดบังเซี่ยเหยียน

นางรู้ดีว่าสถานะของเซี่ยเหยียนสำหรับคุณชายสูงส่งกว่านางมาก

“เครื่องประดับกระบี่หยกหนึ่งชุด ด้านในมีกระบี่หยกสี่เล่ม คล้ายว่ามีค่ายกลเซียนแฝงอยู่อย่างนั้นหรือ”

เซี่ยเหยียนฟังจบแล้วสีหน้าประหลาดไปเล็กน้อย นางนึกถึงเรื่องหนึ่ง

“ขอข้าดูหน่อยได้หรือไม่?”

นางถามหยวนอี

“ได้สิ!”

หยวนอีหยิบกล่องไม้ออกมา พร้อมเปิดออก

เซี่ยเหยียนพินิจเครื่องประดับของกระบี่ทั้งสี่เล่มอย่างละเอียดซ้ำไปซ้ำมา สุดท้ายแล้วต้องสูดปาก ก่อนจะเอ่ย “อย่างที่คิด นี่คือสี่กระบี่ประหารเซียน มีค่ายกลประหารเซียนแฝงอยู่ภายใน!”

ยามได้ฟังคำอธิบายของหยวนอี นางก็รู้สึกว่าชุดเครื่องประดับกระบี่หยกที่คุณชายยกให้หยวนอีอาจเป็นสี่กระบี่ประหารเซียนในตำนานสถาปนาเทวดา

หลังจากนางตรวจสอบซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนแน่ใจ นางก็หมดข้อกังขา นี่คือสี่กระบี่ประหารเซียนในตำนานสถาปนาเทวดา!

“คิดไม่ถึงว่าคุณชายจะประทานสี่กระบี่ประหารเซียนแก่เจ้า!”

เซี่ยเหยียนมองหยวนอีด้วยสีหน้าประหลาดพลางกล่าว “เจ้าอาจไม่รู้ นี่คือศาสตราร้ายกาจสุดยอดชิ้นหนึ่งในตำนานสถาปนาเทวดาที่คุณชายเคยเล่า!”

นางอธิบายอย่างละเอียด “สงครามสถาปนาเทวดาที่คุณชายเล่า แท้จริงแล้วอาจเป็นสงครามสถาปนาเซียนในภพเซียน! ซึ่งประกอบด้วยสามฝ่ายใหญ่ ๆ อันได้แก่ ฝ่ายมนุษย์ ฝ่ายฉ่านเจี้ยว และฝ่ายเจี๋ยเจี้ยว บูรพาจารย์ของฝ่ายมนุษย์คือไท้เสียงเหล่ากุง เจ้านิกายฝ่ายเจี๋ยนเจี้ยวคือหยวนสื่อเทียนจุน เจ้านิกายฝ่ายเจี๋ยเจี้ยวคือทงเทียนเจี้ยวจู่!”

จากนั้น นางเล่าตำนานสถาปนาเทวดาที่ได้ฟังจากคุณชายให้หยวนอีฟัง

“ศึกสุดท้าย ทงเทียนเจี้ยวจู่ตั้งค่ายกลประหารเซียน สู้กับจตุนักบุญอริยะแบบหนึ่งต่อสี่! ค่ายกลประหารเซียนสมเป็นค่ายกลพิฆาตอันดับหนึ่ง สยดสยองยิ่งนัก!”

เซี่ยเหยียนมีสีหน้าเคร่งขรึม “จตุนักบุญอริยะ! นี่มิใช่ขอบเขตนักบุญเหมือนในอาณาจักรของเรา ในความคิดของข้า สี่ท่านนี้คือจักรพรรดิเซียน! จักรพรรดิในหมู่เซียน!”

“ร้ายกาจเพียงนี้เชียว!”

หยวนอีตะลึง คิดไม่ถึงเลยว่าของประดับที่ท่านเซียนประทานให้นางจะมีที่มายิ่งใหญ่ปานนี้!

หลังนางได้ฟังเรื่องราวสงครามสถาปนาเทวดาจากเซี่ยเหยียน ไฉนเลยจะไม่รู้ซึ้งของความน่าพรั่นพรึงของจตุนักบุญอริยะ

นักบุญนั้นผ่านด่านเคราะห์มานับหมื่นมิมีแตกดับ ล่วงรู้เรื่องราวทั้งปวงในโลก มองเห็นทั้งกาลอดีต กาลปัจจุบัน กาลอนาคต ซ้ำยังสำแดงมิติเวลา การกำเนิดและการแตกดับ สังสารวัฏได้ในฝ่ามือ!

จิตตานุภาพแผลงฤทธิ์ วิถีสวรรค์ย่อมเปลี่ยนผัน ไม่แตกไม่ดับ ก้าวพ้นมิติเวลา ไร้มลทินจากบ่วงกรรม ดำรงอยู่เป็นนิรันดร!

ขอบเขตเยี่ยงนี้ จะเหมือนขอบเขตนักบุญในอาณาจักรพวกนางได้อย่างไร

เป็นไปไม่ได้เลย!

ขอบเขตใต้นักบุญ ล้วนเป็นมดปลวก!

เซี่ยเหยียนพูดไม่ผิด นักบุญในตำนานสถาปนาเทวดาเทียบชั้นจักรพรรดิเซียน ถือเป็นการดำรงอยู่ขอบเขตจักรพรรดิในหมู่เซียน!

หลังได้ทราบที่มาของเครื่องประดับชุดนี้ หยวนอีสั่นเทิ้มไปทั้งตัว

สวรรค์!

ค่ายกลประหารเซียนนี้สังหารได้กระทั่งจักรพรรดิในหมู่เซียน!

สำหรับนาง เซียนถือเป็นการดำรงอยู่ที่มองเห็น แต่ไม่มีวันเอื้อมถึง บัดนี้ในมือนางกลับมีค่ายกลพิฆาตที่สังหารจักรพรรดิในหมู่เซียน จะมิให้นางตกใจได้อย่างไร มือที่หอบกล่องไม้สั่นระริก แทบประคองไว้ไม่อยู่!

เซี่ยเหยียนเห็นท่าทีเช่นนี้ของหยวนอี จึงรู้ว่าหยวนอีคงเข้าใจผิด หยวนอีอาจคิดว่าของประดับชุดนี้เป็นสี่กระบี่ประหารเซียนของจริง

นางเอ่ยขึ้น “คุณชายคงมิได้ประทานสี่กระบี่ประหารเซียนให้เจ้าจริง ๆ คิดแล้วนี่คงเป็นสิ่งที่คุณชายรังสรรค์ขึ้นโดยมีเค้าโครงจากสี่กระบี่ประหารเซียน ทว่า ต่อให้สร้างลอกเลียนสี่กระบี่ประหารเซียนเท่านั้น ข้าก็เชื่อว่าสังหารเซียนได้แน่นอน!”

หยวนอีเต็มตื้นเหลือคณา หลังได้ฟังคำกล่าวของเซี่ยเหยียนก็ชะงักไป

จริงสิ สี่กระบี่ประหารเซียนสังหารจักรพรรดิเซียนได้ คุณชายไฉนเลยจะประทานสี่กระบี่ประหารเซียนของจริงให้นาง นางคิดมากไปจริง ๆ!

ทว่า ต่อให้เป็นเช่นนั้น นางก็ไม่อาจสงบใจได้ไหว

ชุดเครื่องประดับในมือนางสังหารเซียนได้ ให้นางสงบใจได้เยี่ยงไร?

“ซีเก่งกาจขนาดนั้นเชียวหรือ”

เซี่ยเหยียนสะท้อนใจอย่างอดมิได้ “เพื่อสืบเสาะร่องรอยของซี คุณชายถึงกับประทานศาสตราประหารเซียนให้แก่เจ้า สิ่งที่อยู่เบื้องหลังซีน่าสะพรึงยิ่งนัก!”

“ใช่แล้ว!”

หยวนอีสะท้อนใจเหลือแสนเช่นกัน สิ่งที่อยู่เบื้องหลังซียิ่งใหญ่เหลือเกิน

นางบอกลาเซี่ยเหยียน หมายจะออกปฏิบัติภารกิจที่คุณชายมอบหมาย

“ได้ ระวังตัวด้วย!”

เซี่ยเหยียนบอกลาหยวนอียิ้ม ๆ

“ฮิฮิ จริงสิ ข้าขอถามสักประโยค บัดนี้ลั่วสุ่ยเป็นผู้หญิงของคุณชายแล้วหรือ”

หยวนอีถามอย่างประหลาดใจ ใคร่รู้ในความสัมพันธ์ระหว่างลั่วสุ่ยและคุณชายมาก

“หืม? ไยจึงพูดเช่นนี้” เซี่ยเหยียนตะลึงเล็กน้อย

“ข้าเห็นลั่วสุ่ยออกจากห้องคุณชาย เมื่อคืนลั่วสุ่ยคงนอนในห้องคุณชาย หูย ร่างมนุษย์ของนางงามพิลาศเป็นที่สุด นอนถึงเที่ยงกว่าจะตื่น ดูท่าเมื่อคืนคง…เหนื่อยน่าดู!”

หยวนอีหัวเราะคิกคัก

“!!!”

หลังเซี่ยเหยียนได้ฟัง สีหน้าเปลี่ยนไปรวดเร็วฉับไว!

นางในตอนนี้อยากสบถคำหยาบเหลือเกิน

เวรเอ๊ย!

มิน่าลั่วสุ่ยถึงไม่ยอมให้นางตามกลับไปด้วย ที่แท้ลั่วสุ่ยมีแผนอยู่แล้ว!

นางได้เสียกับคุณชายอย่างนั้นหรือ!!!

หืม มิใช่สิ คุณชายได้เสียกับลั่วสุ่ย!

เอ่ยเช่นนี้ยังมิค่อยจะถูกนัก ควรบอกว่า ลั่วสุ่ยถูกคุณชายทำมิดีมิร้ายอย่างนั้นหรือ!

“แยบคาย แยบคายยิ่ง!”

เซี่ยเหยียนร้องไห้ “ข้าควรคิดได้ตั้งนานแล้ว ลั่วสุ่ยนั่นดูก็รู้ว่าเจตนาไม่บริสุทธิ์ ครานั้นข้าควรร่วมเดินทางไปกับนาง!”

นางถูกวางกับดัก!

นางถูกลั่วสุ่ยวางกับดัก!

“พี่หญิงเซี่ยเหยียนไม่รู้หรอกหรือ เอ่อ ถือเสียว่าข้ามิได้พูด ถือเสียว่าข้ามิได้พูด!”

แต่เดิมหยวนอีคิดว่าเซี่ยเหยียนรับรู้ความสัมพันธ์ระหว่างคุณชายกับลั่วสุ่ยนานแล้ว ทว่าบัดนี้ดูจากท่าทางเซี่ยเหยียน เห็นได้ชัดว่าไม่ทราบ!

อย่าให้พูดเลยว่านางหวั่นใจเพียงใด รีบเอ่ยขึ้น “ข้าไปก่อนนะพี่หญิงเซี่ยเหยียน ไม่ต้องไปส่ง!”

พูดจบก็วิ่งหนีไป

ส่งรึ?

เซี่ยเหยียนคิดไปส่งหยวนอีที่ไหน

นางในตอนนี้ทุกข์ตรมอย่างยิ่ง

สะเพร่า!

นางสะเพร่าเกินไป!

นางเอาแต่ระแวงหลิงอิน ไม่คิดเลยว่า กลับถูกลั่วสุ่ยชิงตัดหน้าไปเสียได้!

ณ อาณาจักรอวี้ซวี เมืองนภา

ที่นี่ถือเป็นนครขนาดใหญ่ ลอยอยู่กลางอากาศ กำแพงหลากหลายสีสันและสิ่งปลูกสร้างในเมืองล้วนสะท้อนให้เห็นถึงกลิ่นอายแห่งกาลเวลาอันยาวนานจนประเมินมิได้

สิ่งมีชีวิตสัญจรไปมาอยู่ในเมือง ทุกตนล้วนไม่ธรรมดา สูงส่งเหนือชั้น!

เมืองอันดับหนึ่งแห่งอาณาจักรอวี้ซวี!

ที่นี่สมคำร่ำลือ!

ตำหนักเก้าชั้นสูงตระหง่านขึ้นไปถึงหมู่เมฆ ประกายศักดิ์สิทธิ์วาววามอยู่ทั่วทุกแห่ง กระแสแห่งความโบราณเหนือชั้นกว่าที่ใด ที่นี่คือโรงจำนำอันดับหนึ่งแห่งอาณาจักรอวี้ซวี!

หลิงอินและเสี่ยวหยาอยู่ที่นี่!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

  1. Hjk พูดว่า:

    ฮาเร็มเหรอ กูอ่านมากี่ตอนแล้ว โอชีวิต เห้อ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท