รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 494 ฝนคาวเลือดคละคลุ้งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง!

บทที่ 494 ฝนคาวเลือดคละคลุ้งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง!

บทที่ 494 ฝนคาวเลือดคละคลุ้งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง!

แบบนี้ก็ได้หรือ?

หลิงอินคิดในใจว่าลุงเก๋อผู้นี้ไม่เบาทีเดียว ก่อนหน้านี้เกลี้ยกล่อมกังจื่อยกใหญ่ สุดท้ายตัวเองกลับเป็นหนักยิ่งกว่ากังจื่อเสียอีก!

นี่เป็นเพียงเหตุการณ์เล็ก ๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างนั้น กระนั้นก็สะท้อนให้เห็นว่ารากฐานของสิ่งมีชีวิตผู้มายังโรงประมูลแห่งนี้ล้ำลึกเพียงใด สินค้าราคาสิบล้านหินเทวะยังขายทอดสำเร็จ การประมูลนาวาล่องนภาในตอนท้ายที่สุดคงไม่ง่ายดายเป็นแน่

ทว่าหลิงอินไม่กังวลนัก นางได้หินเทวะจากซากดาวดวงนั้นมามหาศาล ราคาสูงเพียงใดนางก็จ่ายไหว!

การประมูลดำเนินต่อไป จนกระทั่งมาถึงชิ้นท้ายสุด นาวาเล็กลำไม่ใหญ่มาก ทว่าดูแล้ววิจิตรประณีตเป็นที่สุดถูกยกขึ้นมา

พิธีกรงานประมูลอธิบาย นี่คือนาวาล่องนภา ปรับขนาดได้ทั้งใหญ่และเล็ก ไม่ต้องกลัวแรงดันใด ๆ ในอวกาศ และยังแล่นทะลุในจักรวาลได้อย่างรวดเร็ว!

ราคาของนาวาล่องนภาแพงอย่างแท้จริง ราคาเปิดประมูลอยู่ที่หนึ่งพันล้านหินเทวะ!

แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้น ผู้ร่วมประมูลยังมีมาไม่ขาดสาย

ตระกูลเก่าแก่รากฐานมั่นคงมากมายเดินทางมาเช่นกัน สิบล้านหินเทวะมิใช่เรื่องใหญ่ ราคาคูณทวีต่อเนื่อง ไม่นานนักก็ไต่มาถึงหมื่นล้านหินเทวะ

และนี่เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น

หลังราคาเลยหมื่นล้านหินเทวะไปแล้ว ไม่มีผู้ใดบิดราคาหินเทวะอีก แต่ยกของวิเศษล้ำค่ามากหน้าหลายตาออกมาบวกทับเข้าไป

หากเป็นในอดีต ซื้อขายด้วยหินเทวะก็พอ

แต่ในช่วงเวลาเฉกเช่นตอนนี้ คิดจะปิดประมูลนาวาล่องนภาด้วยหินเทวะนั้นเป็นไปไม่ได้เลย เมื่อการประมูลดำเนินไปถึงช่วงท้ายสุด ย่อมกลายเป็นการกดดับราคากันด้วยของวิเศษล้ำค่าหายากในใต้หล้านี้แทน

โรงประมูลตระหนักถึงเรื่องนี้ดี ราคาเปิดประมูลพันล้านหินเทวะนั้นเป็นการยิงปืนหลอกเท่านั้น หาได้ใกล้กับความจริงเลยสักกระผีก

แดนบรรพโกลาหลมหัศจรรย์เกินไป มีโอกาสอันดีให้บรรลุเป็นเซียน ดำรงอยู่ได้นิรันดร ไม่มีผู้ใดยอมปล่อยให้หลุดมือง่าย ๆ

และศึกช่วงชิงในแดนบรรพโกลาหล ย่อมโหดร้ายถึงที่สุด เวลานั้น ประโยชน์ของนาวาล่องนภาจะเด่นชัดอย่างยิ่ง

ที่ว่างภายในนาวาล่องนภากว้างใหญ่ไพศาล จุสิ่งมีชีวิตได้ถึงสิบล้านตน ผู้ใดได้ครอบครองนาวาล่องนภา ต่อไปจะยกตระกูลไปยังอาณาจักรอันเป็นที่ตั้งของแดนบรรพโกลาหลได้ด้วยนาวาล่องนภา มีชัยเหนือกว่าอย่างยิ่งยวด!

“เจ้าของโรงประมูลหัวใสจริง จงใจแพร่ข่าวการปรากฏของแดนบรรพโกลาหล ส่งผลให้นาวาล่องนภาที่เคยกระจอก บัดนี้กลายเป็นของวิเศษประเมินค่ามิได้!

ภายในห้องลับแห่งหนึ่ง ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งกล่าวกับผู้เฒ่าคนหนึ่งด้วยความนับถือ

“ความลับของแดนบรรพโกลาหลไม่มีทางปิดมิด หากปรากฏออกมาจริง ๆ อาณาจักรทั้งปวงย่อมต้องรับรู้กันถ้วนหน้า”

ผู้เฒ่าคือเจ้าของโรงประมูล “แดนบรรพโกลาหลมิใช่สถานที่ธรรมดา ผู้มาถึงก่อนมิได้หมายความว่าได้เปรียบเหนือผู้อื่น เช่นนี้มิสู้แพร่ข่าวของแดนบรรพโกลาหลออกไป ให้นาวาล่องนภาขายออกไปในราคาดี ๆ

อาณาจักรอวี้ซวีเป็นถึงหนึ่งในเก้าอาณาจักรตอนบน ดำรงอยู่มาอย่างช้านาน ทว่าเรื่องของแดนบรรพโกลาหลนั้นมีสิ่งมีชีวิตรู้อยู่ไม่เท่าไร มีสิ่งมีชีวิตเพียงส่วนเดียวที่สัมผัสถึงบางอย่าง รู้ว่าแดนบรรพโกลาหลกำลังจะปรากฏ

เจ้าของโรงประมูลคือสิ่งมีชีวิตหนึ่งในนั้น

เขารู้ดึว่าศึกช่วงชิงในแดนบรรพโกลาหลมิได้ง่าย หลังเขาล่วงรู้ว่าแดนบรรพโกลาหลกำลังจะปรากฏ ก็คิดหาทางทำกำไรสูงสุดจากข่าวนี้

สุดท้าย เขานึกถึงนาวาล่องนภาที่ตกการประมูลมาตลอดในโรงประมูลของเขา!

หลังจากเผยแพร่ข่าวของแดนบรรพโกลาหลออกไป มูลค่าของนาวาล่องนภาย่อมทวีคูณ และสถานการณ์ก็เป็นไปตามการคาดการณ์ของเขา นาวาล่องนภากลายเป็นของยอดนิยม กองกำลังรากฐานมั่นคงทั้งหลายล้วนไม่อยากพลาด

การบิดราคามิได้สู้กันด้วยหินเทวะอีกต่อไป หลังจากสู้ราคากันด้วยของวิเศษล้ำค่ามากหน้าหลายตา การประมูลยังคงเป็นไปอย่างดุเดือด

หลิงอินมิได้รีบร้อนสู้ราคา

นางไม่เพียงแต่มีหินเทวะเป็นจำนวนมาก ของวิเศษอย่างอื่นที่มีเยอะมากเช่นกัน นางไม่ตื่นตระหนกเลยสักนิด

“ก้อนทองวัชระหนึ่งพันชั่ง!”

ใครบางคนบิดราคา น่าทึ่งจริง ๆ เขายอมจ่ายด้วยวัสดุขั้นเทียนตี้ถึงหนึ่งพันชั่ง

หลังสู้กันถึงราคานี้ เสียงตะโกนขอบิดก็น้อยลงไปมาก วัสดุขั้นเทียนตี้หาได้ยากยิ่ง ต้องรู้ว่าวัสดุขั้นเทียนตี้หนึ่งพันชั่ง แม้แต่ตระกูลโบราณผู้มีรากฐานมั่นคงยังแทบรับไม่ไหว ไม่มีสิ่งใดสูงค่ากว่านั้นให้ใช้

“แร่ทองเงินกัลป์สองพันชั่ง!”

หลิงอินบิดราคา นางรู้ว่ามาถึงช่วงสุดท้ายของการประมูลแล้ว ไม่อาจรอต่อไปได้แล้ว

นางต้องได้นาวาล่องนภาลำนี้มาในครอบครองให้ได้

เพราะพวกนางไม่เพียงแต่ต้องหวังพึ่งนาวาล่องนภาลำนี้ไปยังอาณาจักรที่พี่ชายของเสี่ยวหยาอยู่ พวกนางยังต้องให้นาวาล่องนภาลำนี้พาพวกนางกลับอีกด้วย

แร่ทองเงินกัลป์ เป็นวัสดุขั้นเทียนตี้เหมือนกัน หลังหลิงอินสู้ราคา ก็เป็นที่จับจ้องจากสายตาทุกคนในที่นี้

“นางเป็นใครกัน?”

“โหดเกินไปแล้ว!”

“ต่อให้ตระกูลโบราณเทกระจาดรากฐานทั้งหมดยังมิได้วัสดุขั้นเทียนตี้มากเท่านี้เลยกระมัง!?”

เสียงอุทานตื่นตกใจดังไม่หยุดหย่อน ต่างตะลึงกับราคาบิดของหลิงอิน

แร่ทองสองพันชั่ง มหาศาลอย่างยิ่ง ตระกูลเก่าแก่ที่สุดยังมีไม่มากเท่านี้เลย!

“นางเป็นลูกหลานตระกูลใหญ่ใดหรือ ไฉนข้าถึงจำไม่ได้เลยสักนิด”

ภายในห้องลับ เจ้าของโรงประมูลขมวดคิ้วมุ่น เขามองเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างในลานประมูลจากที่นี่

โรงประมูลมีการค้าขายหลายรูปแบบ ข่าวสารก็เป็นหนึ่งในแขนงของพวกเขา ผู้ที่บิดราคาได้ถึงแร่ทองสองพันชั่ง ไม่มีทางที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน จำไม่ได้สักนิด ไม่รู้เรื่องแม้แต่น้อย

ทว่าความจริงแล้ว เขาไม่เคยพบหลิงอินจริง ๆ และไม่รู้เรื่องของนางเลยสักนิด

แร่ทองสองพันชั่งเป็นราคาที่สูงเกินไป ข่มทุกคนในที่นี้ลง ต่อให้ตระกูลเก่าแก่ทั้งหลายเจ็บใจเพียงใด ก็ไม่มีกำลังบิดสูงกว่านี้แล้ว

ท้ายที่สุด การซื้อขายเสร็จสิ้น

สมาชิกโรงประมูลมาอยู่ข้างกายหลิงอินและเสี่ยวหยา บอกให้หลิงอินและเสี่ยวหยาไปปิดการซื้อขายด้านหลัง

“ได้”

หลิงอินและเสี่ยวหยามาอยู่ที่ด้านหลังของลานประมูล เพื่อปิดการซื้อขาย

นาง​ฉะฉานยิ่ง มิได้อิดออดยืดเยื้อแม้แต่น้อย หยิบแร่ทองเงินกัลป์ออกมาสองพันชั่งเพื่อแลกกับนาวาล่องนภาทันที

สำหรับนาง แร่ทองเงินกัลป์แค่นี้ไม่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่

ในตัวนางตอนนี้ยังเหลืออยู่อีกมาก

นางนำของวิเศษจากซากดาวดวงนั้นมาเกือบทั้งหมด รากฐานที่นางมีในตอนนี้ หนาแน่นยิ่งกว่าตระกูลโบราณทั้งหลายรวมกันเสียอีก!

“ขอถามได้หรือไม่ว่าแม่นางทั้งสองมาจากตระกูลใด”

เจ้าของโรงประมูลปิดการขายด้วยตัวเอง หลังซื้อขายเสร็จสิ้น เขาเอ่ยถามหลิงอินและเสี่ยวหยา

“เรื่องนั้นไม่สะดวกบอกเท่าใด”

หลิงอินมิได้ตอบคำถามเจ้าของโรงประมูล

“เข้าใจแล้ว”

เจ้าของโรงประมูลมิได้คาดคั้นต่อ เขาเอ่ยขึ้น “ไม่ทราบว่าทั้งสองท่านต้องการบริการคุ้มครองด้วยหรือไม่ ทั้งสองท่านประมูลนาวาล่องนภาไป น่ากลัวว่ามีผู้ไม่หวังดีเพ่งเล็งแม่นางทั้งสองอยู่มาก!”

เขาค้าขายเก่งยิ่ง ต้องการเสนอบริการคุ้มครองแก่หลิงอินและเสี่ยวหยา

แน่นอนว่ามิใช่การบริการจิตอาสา ซ้ำยังมีราคาสูงลิ่ว

ถึงอย่างไรก็เป็นจริงดั่งที่เขาว่า ต้องมีสิ่งมีชีวิตมากมายเพ่งเล็งหลิงอินและเสี่ยวหยา บริการคุ้มครองมิใช่งานง่าย ๆ

“พวกท่านคุ้มครองไหวหรือ”

หลิงอินส่ายหัว “ช่างเถิด ข้าไม่ต้องการพาผู้บริสุทธิ์ลำบากไปด้วย”

นางเป็นถึงจ้าวสูงสุดแห่งโบราณกาล มีชีวิตอยู่มาช้านาน ย่อมรู้ว่าต้องมีสิ่งมีชีวิตเพ่งเล็งพวกนาง

บอกตามตรง นางหวั่นไหวนิดหน่อย อยากให้โรงประมูลคุ้มครองพวกนางไปจากที่นี่

ราคามิใช่ปัญหา นางจ่ายไหวแน่นอน

และหากมีการคุ้มครองจากโรงประมูล พวกนางเลี่ยงปัญหาไปได้อีกมาก

เพียงแต่ นางรู้ดีว่าการคุ้มครองระดับนี้ยากเย็นปานใด ไม่แน่ว่าโรงประมูลจะคุ้มครองพวกนางได้จริง กลับกัน อาจเป็นโรงประมูลที่ต้องเสียเลือดเสียเนื้อ

นางไม่ต้องการให้ผู้บริสุทธิ์พลอยลำบากไปด้วย ไม่อยากเห็นโรงประมูลเสียเลือดเสียเนื้อ สุดท้ายนางก็ปฏิเสธเจ้าของโรงประมูล

เจ้าของโรงประมูลเข้าใจความหมายของหลิงอิน

เขาถอนหายใจ รู้สึกตัวเองสติฟั่นเฟือนไปแล้วจริง ๆ ไฉนถึงอยากหาเงินด้วยวิธีการนี้

หากรับงานนี้ไว้จริง โรงประมูลต้องหลั่งเลือดไม่ว่า และอาจทำภารกิจไม่สำเร็จ คุ้มครองหลิงอินและเสี่ยวหยาไว้ไม่ได้

“ในโรงประมูลมีค่ายกลเคลื่อนย้าย สะดวกแก่การส่งลูกค้า ป้องกันปัญหาต่าง ๆ ของลูกค้า ทว่า สถานการณ์ครั้งนี้ค่อนข้างพิเศษ เกรงว่าต่อให้ทั้งสองท่านเดินทางด้วยค่ายกลเคลื่อนย้ายยังไม่ปลอดภัยเท่าใด!”

เจ้าของโรงประมูลกล่าว “หนนี้เป็นไปได้ว่ามีการดำรงอยู่เหนือชั้นหมายหัวทั้งสองท่านอยู่”

ฝนคาวเลือดคละคลุ้งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง ทันทีที่หลิงอินและเสี่ยวหยาออกจากโรงประมูล ย่อมมีสิ่งมีชีวิตมากมายลงมือกับหลิงอินและเสี่ยวหยา

บ่อยครั้งที่สินค้าที่ประมูลมาสำเร็จท้ายที่สุดก็มิได้เป็นของตน…

โลกแห่งการฝึกตนอันธพาลยิ่ง เรื่องฆ่าชิงทรัพย์เกิดขึ้นให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง

เจ้าของโรงประมูลเห็นเหตุการณ์แบบนี้มามาก

สิ่งมีชีวิตมากมายที่ประมูลสินค้าจากโรงประมูลสำเร็จ หลังออกจากที่นี่ก็ถูกฆ่าชิงของวิเศษที่ชนะประมูลจากโรงประมูล

เทียบกับโลกที่ปุถุชนอาศัย โลกแห่งการฝึกตนอันตรายกว่ามาก!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท