Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน – ตอนที่ 338 เซี่ยนอวี๋ใต้​ ฉู่ขวงเหนือ

ตอนที่ 338 เซี่ยนอวี๋ใต้​ ฉู่ขวงเหนือ

บทกวี ‘ห้วงคำนึงในคืนสงัด’ ไม่ใช่ผลงานที่เรียบง่ายหรือเลิศหรูเกินไป นี่เป็นผลงานที่หลี่ไป๋ถ่ายทอดไปตามความรู้สึก

เช่นเดียวกับที่โจวเจี๋ยหลุนร้องเพลง ‘ลูกโป่งสารภาพรัก’ นั่นล่ะ

หากจะประเมินบทกวีของหลี่ไป๋จริงๆ ควรเลือกผลงานเด่นชิ้นอื่นๆ มากกว่า

ตัวอย่างเช่น ‘เชิญร่ำสุรา’

หรือ ‘หนทางสู่แคว้นฉู่’

หรือ ‘ทางช้างเผือกจากสรวงสวรรค์[1]’ ที่ใครๆ ก็รู้จักอะไรทำนองนั้น

จะไม่ขอยกทีละตัวอย่าง

เพราะบทกวีที่ยอดเยี่ยมของหลี่ไป๋นั้นมีมากมายเหลือเกิน มิหนำซ้ำผลงานบางชิ้นอ่านเพียงครั้งเดียวก็ชวนให้ตกตะลึงได้แล้ว

ไม่อย่างนั้นหลี่ไป๋คงไม่ได้รับสมญานามว่า ‘เซียนแห่งกวี’ หรอก

แน่นอนว่าที่นี่ก็มีหลี่ไป๋ เพียงแต่ผลงานของหลี่ไป๋คนนี้กับหลี่ไป๋บนโลกนั้นไม่เหมือนกัน

ในความจริงแล้ว ฉู่ขวงได้แสดงฝีมือด้านการเขียนตัวอักษรและบทกวี ผลกระทบที่สำคัญที่สุดเห็นจะเป็นการทำให้โลกภายนอกเห็นถึงพรสวรรค์ของฉู่ขวงนอกเหนือจากการเขียนนิยาย อีกทั้งพรสวรรค์นี้ของเขาไม่ธรรมดาอีกด้วย

ภาพจำที่ผู้คนมีต่อฉู่ขวงคือ ‘เชี่ยวชาญการเขียนนิยาย’

คนที่ผ่านเรื่องโคลงคู่มาย่อมรู้ว่าฉู่ขวงและเซี่ยนอวี๋ล้วนเป็น ‘ยอดฝีมือด้านการต่อโคลงกลอน’

และในตอนนี้ ภาพจำที่สองซึ่งฉู่ขวงแสดงให้โลกภายนอกเห็นก็คือ

หนึ่ง ‘นักเขียนตัวอักษรซึ่งงานล่าช้าเพราะการเขียนนิยาย’

สอง ‘กวี’

เมื่อคิดเช่นนี้แล้ว ฉู่ขวงนับว่าเป็นคนที่เก่งกาจจริงๆ

ทั้งเขียนบทกวีได้ ทั้งเชี่ยวชาญการต่อโคลงกลอน สันทัดการเขียนนิยาย นอกจากนั้นฝีมือการเขียนตัวอักษรยังไม่ธรรมดาด้วย

คำเดียว: อัจฉริยะ!

นั่นทำให้ชาวเน็ตนึกเชื่อมโยงถึงเซี่ยนอวี๋ทันที

‘ฉันพูดได้ไหมว่าสมแล้วที่เป็นสหายรัก พวกคุณพวกสังเกตกันไหม ว่าสิ่งที่ฉู่ขวงทำได้ เซี่ยนอวี๋ก็ทำได้!’

‘บ้าน่า จะว่าไปก็จริง!’

‘สิ่งที่เซี่ยนอวี๋เชี่ยวชาญที่สุดก็คือการประพันธ์เพลง แต่ความสามารถในการเขียนบทละครของเซี่ยนอวี๋นั้นไม่ต้องสงสัย บทกวีในเรื่องถังปั๋วหู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศนั้นยิ่งทำให้คนตกตะลึงได้มากกว่า ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงผลงานที่เซี่ยนอวี๋ทำไว้ในมหาสงครามต่อโคลงคู่ครั้งก่อน’

‘เป็นครอบครัวเดียวกัน ก็จะมีอะไรคล้ายๆ กัน’

‘เพื่อนของอัจฉริยะ ส่วนมากก็จะเป็นอัจฉริยะ’

‘ไม่ไหวแล้ว ฉันขอพูดแค่สองคำ อิ่งจือ ถ้าใครรู้ก็ต้องเข้าใจ’

‘ฮ่าๆๆๆๆๆ อิ่งจือที่ปกติแล้วไม่ค่อยมีตัวตนน่ะเหรอ’

‘อิ่งจือเป็นแบบนั้นจริงๆ ไม่มีตัวตนขึ้นทุกวัน’

‘อิ่งจือเป็นอาจารย์ที่นับว่ามีอิทธิพลในวงการการ์ตูนอยู่นะ เรื่องจิตวิญญาณสือจี่ดังมาก น่าเสียดายที่สองคนนี้ฝีมือร้ายกาจเกินไปหน่อย’

‘โมโหแฮะ เมื่อไหร่อิ่งจือจะได้มีหน้ามีตากับเขาบ้างนะ!’

‘…’

ก่อนหน้านี้อิ่งจือแทบไม่ได้มีตัวตนสักเท่าไหร่จริงๆ

ยิ่งตอนนี้ฉู่ขวงกับเซี่ยนอวี๋เข้าขากันมากขึ้นเท่าไหร่ อิ่งจือก็ยิ่งถูกชาวเน็ตสัพยอกมากขึ้นเท่านั้น และกลับทำให้รู้สึกถึงการมีตัวตนที่แปลกพิลึก

อืมมมมม

มีตัวตนอยู่ท่ามกลางเสียงหัวเราะของผู้คน

ถึงขั้นที่มีคนนำเซี่ยนอวี๋และฉู่ขวงไปเรียกคู่กันว่า ‘เซี่ยนอวี๋ใต้​ ฉู่ขวงเหนือ’

อย่าได้ถามว่าเหนือใต้แบ่งกันอย่างไร

ทุกคนเพียงแต่คิดว่าการเรียกเช่นนี้คล้องกันดี

หากจะถกเถียงเรื่องนี้จริงๆ คงจะเป็นเพราะชื่อ ‘เซี่ยนอวี๋’ ฟังดูอ่อนโยนอยู่บ้าง ให้ความรู้สึกของชายหนุ่มรูปงามผู้อ่อนโยนจากแดนใต้

ส่วน ‘ฉู่ขวง’ กลับฟังดูค่อนข้างอาจหาญ ให้ความรู้สึกถึงอิสระเสรีของจอมโจรจากทางเหนือ

ปรากฏว่า คำเรียกนี้แพร่หลายออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

คำกล่าวว่า ‘เซี่ยนอวี๋ใต้​ ฉู่ขวงเหนือ’ นั้นได้เริ่มหยั่งรากลึกลงในใจของผู้คนแล้ว!

ถึงขั้นที่มีคนอุตส่าห์ใส่ตัวเลือกคำว่า ‘ตะวันออก’ และ ‘ตะวันตก’ เข้าไป

แต่น่าเสียดาย

ทุกคนพบว่า ‘xxxตะวันออก’ และ ‘xxxตะวันตก’ นั้นไม่ได้เข้ากับตัวตนของเซี่ยนอวี๋และฉู่ขวงเอาเสียเลย

ทั้งสองล้วนมีฝีมือระดับปีศาจ!

เพราะฉะนั้นมีเพียงเหนือและใต้เท่านั้น ตะวันตกและตะวันออกอาจปรากฏอีกครั้งในอนาคต หรือไม่ก็ไม่ปรากฏอีกเลยตลอดกาล

……

หลินเยวียนงุนงงไปชั่วขณะเมื่อเห็นหลายคนเขียนว่า ‘เซี่ยนอวี๋ใต้​ ฉู่ขวงเหนือ’ บนพื้นที่แสดงความคิดเห็นของเซี่ยนอวี๋​

ที่ผ่านมาเขารู้จักแต่ ‘มู่หรงใต้ เฉียวเฟิงเหนือ[2]’ เพิ่งจะเคยได้ยิน ‘เซี่ยนอวี๋ใต้​ ฉู่ขวงเหนือ’ ก็ตอนนี้แหละ

ไม่เห็นจะคล้องจองเลยสักนิด

ถึงขั้นมีคนย่อคำเรียกนี้จนกลายเป็น ‘อวี๋ใต้ขวงเหนือ’ มีใครเบียวกว่านี้อีกไหม

หลินเยวียนรู้สึกว่าหากตัวตนของเขาถูกเปิดเผยตอนนี้ คงจะกระอักกระอ่วนจนต้องจิกเท้า

แต่จินมู่กลับมีท่าทีตื่นเต้นสุดๆ

“เซี่ยนอวี๋ใต้​ ฉู่ขวงเหนือ เหมาะสมดีเหมือนกันนะครับเนี่ย ตัวตนหนึ่งคร่ำหวอดในวงการนิยาย อีกตัวตนหนึ่งตั้งใจเขียนเพลง ขณะเดียวกันทั้งสองตัวตนก็มีงานเสริม เซี่ยนอวี๋สร้างภาพยนตร์​ ฉู่ขวงเขียนตัวอักษร สมบูรณ์แบบ”

หลินเยวียน “…”

ไว้หน้าอิ่งจือสักนิดได้ไหม?

แม้ว่าจะเป็นตัวตนของหลินเยวียนเหมือนกัน และไม่มีความลำเอียง แต่หลินเยวียนถูกหยอกล้อมามากแล้ว ยากที่จะหลีกเลี่ยงผลกระทบจากการถกเถียงบนโลกออนไลน์ จนพานให้รู้สึกว่าการมีตัวตนของอิ่งจือนั้นต่ำเกินไป

โชคดีที่เรื่องจิตวิญญาณสือจี่กำลังจะจบลง

เรื่องต่อไปก็คือสมุดมรณะ การ์ตูนเรื่องนี้จะต้องดังเป็นพลุแตกอย่างแน่นอน ยังไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องที่จะให้อิ่งจือใช้โอกาสนี้ตามฉู่ขวงและเซี่ยนอวี๋​ อย่างน้อยก็ต้องทำให้อิ่งจือมีตัวตนขึ้นมาบ้างใช่ไหมล่ะ?

เมื่อนึกถึงตรงนี้ หลินเยวียนก็เรียกหลัวเวยและผู้ช่วยในออฟฟิศมา เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับการ์ตูนเรื่องใหม่นี้

“การ์ตูนเรื่องใหม่?”

หลัวเวยเอ่ยอย่างกระวนกระวาย “กำหนดแนวหรือยังคะ”

หลินเยวียนหยิบข้อมูลที่เตรียมไว้ล่วงหน้าเรียบร้อยแล้วมา นี่เป็นสิ่งที่เขาทำเมื่อมีเวลาว่างในบริษัท “โครงเรื่อง ทั้งรูปลักษณ์และลายเส้นของตัวละครออกแบบมาหมดแล้ว พวกคุณลองดูก่อนครับ ไม่เข้าใจตรงไหนมาถามผมได้”

“ได้ค่ะ”

หลัวเวยบอก “จิตวิญญาณสือจี่จะจบเดือนหน้า พวกเราเตรียมตัวสักหน่อยก็เริ่มลงการ์ตูนเรื่องใหม่ได้เลย”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ หลัวเวยก็มองไปยังการ์ตูนประเภทใหม่ในมือด้วยความกังวล

เป็นความกังวลเช่นเดียวกับหลังจากที่เรื่องปรินซ์ออฟเทนนิสจบลง

เธอกังวลว่าถ้าเกิดการ์ตูนเรื่องใหม่ไม่ดีขึ้นมา จะทำอย่างไร

ปัญหาที่นักเขียนนิยาย นักเขียนการ์ตูน และผู้สร้างสรรค์งานศิลปะทุกชนิดล้วนหวั่นวิตกก็คือ

ผลงานชิ้นต่อไปจะประสบความสำเร็จเช่นนี้หรือไม่

อย่างไรก็ดี ความกังวลก็ค่อยๆ หายไปเมื่อหลัวเวยเริ่มเปิดอ่านเรื่องสมุดมรณะ

นอกเสียจากว่าจะเป็นผู้ที่ไม่ชื่นชอบงานสายดาร์กอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายซึ่งชอบความเท่ หรือผู้หญิงซึ่งไม่ได้ชื่นชอบเพียงเจ้าหญิงเป็นชีวิตจิตใจ โดยทั่วไปแล้วไม่มีทางต้านทานเสน่ห์ของเรื่องนี้ได้หรอก!

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อลายเส้นของเรื่องสมุดมรณะถูกหลินเยวียนปรับเปลี่ยนเล็กน้อย

ตัวอย่างเช่นรูปลักษณ์ของยมทูตในเรื่อง ก็ถูกหลินเยวียนปรับเปลี่ยนให้คล้ายกับปีศาจในนรกจากตำนานของบลูสตาร์

หรือลายเส้นของตัวละครบางส่วนในเรื่อง หลินเยวียนก็ดัดแปลงเล็กน้อย ทำให้ทั้งเรื่องสอดคล้องกับรสนิยมของบลูสตาร์มากยิ่งขึ้น

สิ่งที่เรียกว่ารสนิยมของบลูสตาร์​ อันที่จริงก็คือรสนิยมของชาวแดนมังกรจากโลกเดิม

การ์ตูนจากแดนอาทิตย์อุทัย แม้ว่าจะเป็นศิลปะแบบตะวันออก ทว่าโดยรายละเอียดยังค่อนข้างมีความเป็นญี่ปุ่น เพราะฉะนั้นส่วนที่ปรับเปลี่ยนได้ ก็จำเป็นต้องปรับเปลี่ยน

หลินเยวียนทำจนชำนาญแล้ว

ไม่ใช่แค่หลัวเวยที่ชื่นชอบเรื่องนี้

เมื่อผู้ช่วยคนอื่นๆ ที่เขาจำชื่อไม่ได้ในออฟฟิศได้อ่านสมุดมรณะเวอร์ชันตัวอักษรแล้ว ก็ตื่นเต้นจนดวงตาเป็นประกายวาบ

“เรื่องนี้ดีมากเลย!”

“วาดออกมาต้องสนุกมากแน่ๆ!”

“เรื่องนี้สนุกกว่าจิตวิญญาณสือจี่ซะอีก!”

“เรื่องความนิยมนี่ยังบอกไม่ได้ แต่คำวิจารณ์ไม่แย่แน่นอน เยี่ยเสินเยวี่ยเท่สุดๆ!”

“หลินคนนี้ก็เท่มาก…หลินคือหัวหน้าเหรอ?”

“…”

นี่เป็นความหลงตัวเองเล็กๆ น้อยๆ ของหลินเยวียน เพื่อตอบสนองความปรารถนาอันชั่วร้ายของตน

ในเรื่องสมุดมรณะ ชายหนุ่มคู่รักคู่แค้นของเยี่ยเสินเยวี่ยก็คือ L

การใช้ตัวอักษรแทนชื่อนั้นมาจากอิทธิพลของวัฒนธรรมตะวันตก หลินเยวียนเองก็เคยใช้ แต่กลับรู้สึกว่าไม่คล่องมือเอาซะเลย

บนบลูสตาร์ไม่ค่อยทำเช่นนี้ แม้ว่าบลูสตาร์จะมีตัวอักษรพินอินก็ตาม

เพราะฉะนั้น หลินเยวียนจึงเปลี่ยนจาก ‘L’ เป็น ‘หลิน’

คำว่าหลินก็มี L เป็นพยัญชนะต้น และบังเอิญเป็นนามสกุลของหลินเยวียนพอดี

เขาเองก็อยากรู้สึกว่าตนมีส่วนร่วมในเรื่องสมุดมรณะบ้าง

แต่แน่นอนว่า

เขาไม่ได้ส่งเสริมให้บนโลกนี้มีคนที่ใช้สมุดมรณะลงโทษความชั่วร้ายเพื่อสร้างความดีอย่างเยี่ยเสินเยวี่ย

…………………………………………

[1] ทางช้างเผือกจากสรวงสวรรค์ มาจากวรรคสุดท้ายของบทกวีชื่อดังของหลี่ไป๋ ‘ชมน้ำตกหลูซาน’ เป็นการบรรยายภาพของน้ำตกหลูซานผ่านแนวคิดจินตนิยม และในวรรคนี้เปรียบเปรยความยิ่งใหญ่ของน้ำตกหลูซานว่าเป็นทางช้างเผือกซึ่งไหลรินมาจากสรวงสวรรค์

[2] มู่หรงใต้ เฉียวเฟิงเหนือ เป็นคำเรียกมู่หรงฟู่ และเฉียวเฟิง ซึ่งเป็นยอดจอมยุทธ์ และตัวละครหลักจากนิยายเรื่องแปดเทพอสูรมังกรฟ้า เขียนโดยจินยง (กิมย้ง)

Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน

Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน

Status: Ongoing

‘เขา’ ทะลุมิติมายังจักรวาลคู่ขนานซึ่งมีชื่อว่า ‘บลูสตาร์’

ดินแดนซึ่งอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของศิลปะวัฒนธรรม ศาสตร์ทุกแขนงซึ่งเกี่ยวข้องกับศิลปะ

ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ดนตรี จิตรกรรม วรรณกรรม หรือการเขียนพู่กันก็ล้วนเฟื่องฟูอย่างยิ่ง

ร่างที่เขามาสิงอยู่คือ ‘หลินเยวียน’ นักศึกษาปีสองที่กำลังจะเดบิวต์

แต่โชคชะตากลับเล่นตลกให้หลินเยวียนป่วยเป็นโรคที่รักษาไม่หาย ทำให้ร้องเพลงไม่ได้ และมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน

ครอบครัวก็หมดเงินไปกับค่ารักษาจนอยู่ในภาวะการเงินขัดสน

เป็นเหตุให้หลินเยวียนตัดสินใจจบชีวิตของตัวเองเพื่อไม่ให้เป็นภาระของครอบครัวต่อไป

แต่ ‘เขา’ ไม่คิดจะปลิดชีพตัวเองเหมือนหลินเยวียน

ถึงแม้ร่างนี้จะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน แต่ก็ยังพอเหลือเวลาให้ทำอะไรอยู่บ้าง

และแม้จะเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของตัวเองไม่ได้ ก็ยังพอจะเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของครอบครัวได้

เขาจะเขียนเพลง เขียนหนังสือ ถ่ายทอดความรู้ หารายได้ให้ครอบครัว!

ทันใดนั้น…

[กำลังตรวจเลือด…กำลังตรวจยีน…กำลังตรวจม่านตา…

ระดับความเข้ากันได้ร้อยละ 99.36…ตรงตามมาตรฐาน…

เลือกจากฐานข้อมูล…โลกในระบบสุริยจักรวาล…ระบบกำลังเชื่อมต่อ…]

[ดาวน์โหลดสำเร็จ เชื่อมต่อระบบศิลปะเสร็จสมบูรณ์!]

[สวัสดีโฮสต์ ยินดีสำหรับการเชื่อมต่อกับระบบศิลปะ

ระบบของเราจะช่วยเหลืออย่างเต็มที่เพื่อให้ท่านได้เป็นศิลปินของบลูสตาร์!]

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท