ผู้ดูแลจวนคนนั้นรู้สึกเหมือนกับว่ากระทั่งการหายใจก็ยังดูเป็นเรื่องลำบากเกินไปสำหรับเขา เขาเอ่ยขึ้นอย่างยากลำบากว่า ”ต ติด แค่ก- ติดสินบนปิดปากพวกเขา…”
เมื่อได้ยินประโยคกระท่อนกระแท่นของเขา ทั้งคนที่อยู่ด้านในและด้านนอกของศาลาว่าการก็พลันส่งเสียงเอะอะโวยวายขึ้นมาทันที!
แต่เฮ่อเหลียนเวยเวยกลับสงบเยือกเย็นยิ่งนัก
สีหน้าของเลี่ยวจือฝู่กับเยี่ยนต้าจ้าวเปลี่ยนไปในทันใด มันดูไม่น่ามองเป็นอย่างยิ่ง!
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยปล่อยผู้ดูแลจวนคนนั้นลง น้ำเสียงของเขาเย็นชาราวกับฤดูกาลอันหนาวเหน็บ ”เล่ามาให้ละเอียด”
“แม้ว่านายท่านจะถูกส่งตัวไปที่คุกใต้ดิน แต่เขาก็รู้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นภายนอกเป็นอย่างดี เพราะมีที่ปรึกษาจางเป็นตัวกลางขอรับ” หลังจากได้เผชิญหน้ากับประสบการณ์เฉียดตายเมื่อครู่นี้ ผู้ดูแลจวนคนนั้นก็ไม่กล้าเก็บความลับไว้อีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงหอบหายใจพลางเล่าเรื่องทั้งหมดออกมา ”หลังจากที่ปรึกษาจางรู้ว่ามีตระกูลอีกสองตระกูลนอกจากตระกูลของพ่อเฒ่าหลิวกำลังเดินทางมาเพื่อให้การเป็นพยานในความผิดของนายท่าน เขาก็นำเรื่องนี้ไปปรึกษากับนายท่านที่คุกใต้ดินขอรับ สุดท้ายทั้งสองจึงลงความเห็นว่าให้ส่งพ่อบ้านจางกับข้า พร้อมเงินจำนวนห้าสิบตำลึงไปหาทั้งสองตระกูลนั้น แล้วบอกพวกเขาว่าพวกเขาจะได้เงินเพิ่มอีกห้าสิบตำลึงหลังจากสิ้นสุดการไต่สวนคดี ถ้าพวกเขายินยอมที่จะกลับคำให้การที่มีต่อนายท่านให้…”
หลังจากได้ยินคำพูดของผู้ดูแลจวนคนนั้น เสี่ยวชุ่ยที่ทุกข์ทรมานจากความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของตัวเองอยู่นั้นก็ผลักผู้เป็นญาติที่กำลังข่มขู่นางออกไปทันที จากนั้นนางก็ก้มศีรษะลงคำนับเฮ่อเหลียนเวยเวยอย่างแรงจนเกิดเสียงดังตุ้บ แล้วเอ่ยขึ้นว่า ”ข้าขอโทษเจ้าค่ะ ใต้เท้าเว่ย!”
เฮ่อเหลียนเวยเวยยืนนิ่ง นางรู้ว่าลมกำลังจะเปลี่ยนทิศในไม่ช้า
เสี่ยวชุ่ยเงยหน้าขึ้นด้วยดวงตาแดงก่ำเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา ”ข้าไม่ควรรับเงินพวกนั้นมาเลยเจ้าค่ะ! แต่ใต้เท้าเว่ย ข้าไม่มีทางเลือกจริงๆ นะเจ้าคะ! ข้าควรได้แต่งงานกับคนอายุรุ่นราวคราวเดียวกับข้า แต่เพราะฝันร้ายนั่น เยี่ยนต้าจ้าวไม่สนใจว่าข้าจะยินยอมหรือไม่ และข่มขืนข้าเจ้าค่ะ! หลังจากนั้นเขาก็โยนตั๋วเงินให้ข้าแล้วเตือนไม่ให้ข้ามาร้องเรียน ไม่อย่างนั้นข้าจะต้องเจอหนักกว่าที่ข้าเจอในตอนนี้อีกสิบเท่าเจ้าค่ะ! ตอนนั้นข้ายังเด็กและไม่รู้จักโลก อีกทั้งยังทนความอัปยศเช่นนั้นไม่ได้อีกด้วย! ดังนั้นข้าจึงมาร้องเรียนที่ศาลาว่าการ แต่ผ่านไปยังไม่ถึงครึ่งวัน เขาก็ถูกปล่อยตัวออกมา! มิหนำซ้ำคนที่เป็นนายอำเภอในตอนนั้นก็ยังกล่าวหาว่าข้ามีความผิดข้อหาคบชู้สู่ชาย และต้องแช่อยู่ในน้ำเป็นเวลาหนึ่งคืน! เรื่องนั้นผ่านมามากกว่าร้อยวัน แต่ข้าก็ยังฝันร้ายถึงเจ้าหมูตอนนี่อยู่ทุกคืน! ข้าอยากดื่มเลือดและกินเนื้อของมัน! ข้าต้องการเห็นมันถูกลงโทษ! แต่สวรรค์ไม่เคยตอบรับคำขอของข้า! เจ้าคนแซ่เยี่ยนมีคนคอยหนุนหลัง แต่ข้า… ข้ามันก็แค่ชาวบ้านธรรมดา สู้กับเขาไปก็เหมือนรนหาที่ตายก็อย่างที่เขาว่าเจ้าค่ะ ต่อให้ข้าจะฟ้องร้องเขา แต่เขาก็ไม่ถูกลงโทษอยู่ดี กลับเป็นข้าเสียอีกที่ถูกมองว่าไม่มีความซื่อสัตย์ ทุกวันที่ผ่านพ้นไป บรรดาญาติพี่น้องของข้าต่างก็พากันหัวเราะเยาะข้าทุกครั้งที่อยู่ลับหลังท่านพ่อกับท่านแม่ และก่อนจะถึงการไต่สวนในครั้งนี้ ก็มีคนส่งเงินพวกนั้นมา แล้วบอกพวกเราว่าถ้าข้ารับมัน ข้าจะได้มีเงินเก็บเอาไว้ให้ท่านพ่อกับท่านแม่ตอนพวกท่านแก่ตัวลง ถ้าข้าไม่รับ สุดท้ายข้าจะต้องตกอยู่ในสภาพน่าเวทนาเช่นนั้นอีก นี่คือสิ่งที่น้ารองบอกข้า ดังนั้นข้าก็เลยเชื่อฟังเจ้าค่ะ”
ยิ่งเสียงสะอื้นของเสี่ยวชุ่ยดังขึ้นเท่าใด ชาวบ้านก็ยิ่งเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเขาหันไปมองเยี่ยนต้าจ้าว ”เจ้าคนแซ่เยี่ยนผู้นี้มันช่างไร้ความเป็นมนุษย์สิ้นดี!”
เยี่ยนต้าจ้าวจ้องกลับอย่างดุร้าย ”เจ้าบอกว่าใครไร้ความเป็นมนุษย์!”
ชายคนนั้นไม่สนใจเขา แล้วมองไปทางเฮ่อเหลียนเวยเวย ”ใต้เท้าเว่ย ท่านต้องลงโทษเขานะขอรับ! ไม่ว่าคนที่อยู่เหนือเขาจะเป็นใคร แต่ถ้าคนเช่นเขาไม่ได้ถูกลงโทษ ประชาชนอย่างพวกข้าย่อมไม่มีวันอยู่กันอย่างสงบได้แน่ขอรับ!”
“ข้าคิดว่าอาจจะยาก เจ้าคนแซ่เยี่ยนผู้นี้มีเลี่ยวจือฝู่ปกป้องอยู่ อีกอย่าง มันอาจจะไม่ได้มีเพียงแค่เลี่ยวจือฝู่คนเดียวก็ได้ บรรดาขุนนางที่มาจากเมืองหลวงประจำมณฑลนั่นก็ดูแลเขาเป็นพิเศษเช่นกัน”
เฉินเหลียงยอมรับกับตัวเองว่าเขาทำหน้าที่ให้การสนับสนุนอยู่ท่ามกลางประชาชนได้ดียิ่งนัก
ใครคนหนึ่งถามขึ้นว่า ”เมืองหลวงส่งผู้ว่าการสามมณฑลมาที่นี่ไม่ใช่หรือ เขาควรจะทำอะไรกับเรื่องนี้ได้เหมือนกันมิใช่รึ”
เฉินเหลียงเชิดคอขึ้นพร้อมกับยืดอกอย่างภาคภูมิใจ แต่ก่อนที่เขาจะทันได้อวดผู้เป็นบิดา เขาก็ได้ยินชาวบ้านคนหนึ่งตอบขึ้นมาว่า
“เขาจะทำอะไรได้หรือ พวกขุนนางก็เหมือนกันหมด ถ้าผู้ว่าการเฉินไม่อนุญาต แล้วพวกขุนนางจากเมืองหลวงประจำมณฑลพวกนี้จะกล้าทำตัวเช่นนี้ได้อย่างไร!?”
ผู้ว่าการเฉิน : …
“นายท่าน...” เด็กรับใช้ได้ยินเสียงพูดคุยที่ดังขึ้นจากรอบตัวเช่นกัน ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกกลัวที่จะมองหน้าผู้เป็นนายขึ้นมา
เฉินเหลียงอยากแก้ตัวแทนผู้เป็นบิดา แต่บรรดาชาวบ้านไม่เปิดโอกาสให้เขาได้ทำ!
“ขุนนางพวกนี้มันก็ล้วนแต่เป็นคนคดโกงเหมือนกันหมดนั่นแหละ!”
ผู้ว่าการเฉิน : …ขุนนางที่ไม่โกงก็มีอยู่นี่อย่างไร พวกเจ้าหันมามองข้าสิ!
แต่ความจริงนั้นกลับไม่มีใครสนใจว่าตัวเองยืนอยู่ข้างใคร ต่อให้ผู้ว่าการเฉินแต่งตัวดีและดูสูงศักดิ์เพียงใด ประชาชนก็ยังมุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในศาลาว่าการอยู่ดี ทุกคนต่างก็อยากรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับนายท่านเยี่ยน!
แต่เยี่ยนต้าจ้าวไม่กังวลใจเลยแม้แต่นิดเดียว เจ้าพวกคนจนพวกนี้สมองมีปัญหาหรือ พวกมันดูไม่ออกหรือว่าสาเหตุที่เลี่ยวจือฝู่เชิญขุนนางจากเมืองหลวงประจำมณฑลมาก็เพื่อปกป้องเขา
ขุนนางเหล่านี้ยอมรับสินบนจากเขามาหลายปี พวกเขาจะปล่อยให้เขาถูกขังคุกได้อย่างไร
เพราะนายอำเภอธรรมดาๆ เพียงคนเดียวน่ะหรือ
ความตายอยู่ตรงหน้าเยี่ยนต้าจ้าวแล้ว แต่เขากลับยังไม่รู้ว่าไพ่ตายของเฮ่อเหลียนเวยเวยคืออะไร
เขาไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยจงใจเมินเลี่ยวจือฝู่ แต่กลับมุ่งตรงไปที่บรรดาขุนนางจากเมืองหลวงประจำมณฑลแทน นางจ้องพวกเขาเขม็งพลางเอ่ยว่า ”ใต้เท้า ท่านได้ยินเสียงของประชาชนแล้วนี่ เราควรจะทำอย่างไรกับคดีนี้ดีหรือ ต้องให้เชิญผู้ว่าการเฉินมาที่นี่จริงหรือ”
เมื่อได้ยินชื่อของผู้ว่าการเฉิน ใบหน้าของขุนนางทั้งสี่คนนั้นก็เปลี่ยนเป็นสีเขียวแทบจะในทันที พวกเขาสบตากับใต้เท้าเลี่ยวโดยไม่รู้ตัว
เลี่ยวจือฝู่ก็รู้แล้วเช่นกันว่าเขาไม่สามารถปกป้องเยี่ยนต้าจ้าวได้อีกต่อไป หากเขายังฝืนทำเช่นนั้นต่อ เขาอาจจะพลอยถูกลากไปตายด้วย!
แต่เขาก็ฝืนกล้ำกลืนความรู้สึกเจ็บใจนี้กลับลงคอไม่ได้!
ก่อนหน้านี้ตอนอยู่ที่ไร่นา วิธีการที่เจ้าคนแซ่เว่ยใช้นั้นไม่ต่างจากการตบหน้าเขา
แล้วมาตอนนี้ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นก็ทำให้เขาอับอายขายหน้ายิ่งนัก!
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเยี่ยนต้าจ้าว หรือคดีนี้จะจบลงเช่นไร เขาก็จะต้องกู้ชื่อเสียงของตัวเองกลับมาให้จงได้!
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เลี่ยวจือฝู่ก็ชำเลืองมองข้ารับใช้ที่อยู่ข้างๆ
ข้ารับใช้คนนั้นเข้าใจความนัยที่อยู่ในสายตานั้นได้ในทันที เขาหายตัวไปจากสายตาของทุกคนอย่างเงียบๆ
หลังจากนั้นเลี่ยวจือฝู่ก็ตัดสินใจเดินเข้าไปหาเยี่ยนต้าจ้าว แล้วมองเขาด้วยสายตาเสียใจ ”เหล่าเยี่ยน ข้าไม่คิดเลยจริงๆ ว่าเจ้าจะเป็นคนเช่นนี้ ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้เจ้าทำอะไรให้เมืองฟู่ผิงมาก็มากมาย แต่เจ้ากลับไม่รู้จักหักห้ามตัวเองจนก่อเหตุเช่นนี้ขึ้น!”
เยี่ยนต้าจ้าวชะงักไปทันที ”ใต้เท้า อะไรนะขอรับ ท่านหมายความว่าอย่างไร”
“ข้าเชื่อในตัวเจ้ามาตลอด แต่เจ้า!” เลี่ยวจือฝู่ส่ายหน้า เขาพยายามปั้นสีหน้าให้ดูเจ็บปวดใจที่สุดเท่าที่จะทำได้ ”ช่างเถอะ มันถึงเวลาแล้วที่เจ้าจะต้องให้คำอธิบายกับทุกคน พวกเจ้า พาตัวเขาออกไปแล้วโบยเขาจนกว่าจะตายซะ!”
ในที่สุดเยี่ยนต้าจ้าวก็มีปฏิกิริยากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เลี่ยวจือฝู่คิดจะใช้เขาเป็นแพะรับบาป!
แต่มีหรือที่เขาจะยอมรับความผิดนั้น!
เงินทั้งหมดที่เขามอบให้อีกฝ่ายทุกปียังไม่พอที่จะปกป้องเขาในสถานการณ์คอขาดบาดตายเช่นนี้อย่างนั้นหรือ!
หากเป็นเช่นนั้น เขาเองก็จะทุ่มสุดตัวและตายไปพร้อมกับจือฝู่!
“ใต้เท้า ท่านจะทำเช่นนี้ไม่ได้นะขอรับ! ในเมื่ออันที่จริงคนที่ใช้เงินติดสินบนสองตระกูลนั้นก็คือ…”