รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 495 ท่าทางน่าสงสาร ลุงเก๋อช่วยพวกเราด้วยเถิด!

บทที่ 495 ท่าทางน่าสงสาร ลุงเก๋อช่วยพวกเราด้วยเถิด!

บทที่ 495 ท่าทางน่าสงสาร ลุงเก๋อช่วยพวกเราด้วยเถิด!

“ขอบคุณเจ้าของโรงประมูลที่เตือน!”

หลิงอินผงกหัวให้เจ้าของโรงประมูล นางรู้ดีว่าสิ่งที่เจ้าของโรงประมูลได้กล่าวไม่ผิดเพี้ยน หากไปจากที่นี่ด้วยค่ายกลเคลื่อนย้ายมิสู้จะดีเท่าใด

ค่ายกลเคลื่อนย้ายเป็นการเดินทางผ่านห้วงมิติ และครั้งนี้ย่อมต้องมียอดฝีมือชั้นเลิศออกโรง เมื่ออยู่ต่อหน้ายอดฝีมือชั้นเลิศ วิธีการนี้ไม่มีทางสำเร็จ

ยอดฝีมือชั้นเลิศเหล่านั้นสามารถสะกดห้วงมิติได้ตามใจนึก ซ้ำยังลบล้างปริภูมิทั้งผืนได้ คิดจะไปจากที่นี่ด้วยค่ายกลเคลื่อนย้ายดูเป็นไปไม่ได้เท่าไร

ทว่า ต่อให้เดินทางด้วยค่ายกลเคลื่อนย้ายได้ นางก็ไม่คิดไปโดยค่ายกลเคลื่อนย้ายอยู่แล้ว

นางมีธุระอื่นต้องทำ

ท้ายที่สุด พวกนางออกจากหลังเวที มาอยู่ที่ด้านหน้าของลานประมูล

“แม่นางทั้งสอง ขอคุยด้วยหน่อยได้หรือไม่”

มีคนดักรอพวกนางที่ด้านหน้าลานประมูลจริง ๆ ทันทีที่พวกนางก้าวออกมา คนผู้นั้นก็เดินมาหาทันที

“มีธุระอันใด”

หลิงอินคลี่ยิ้ม ถามอย่างมีมารยาท

นางนึกในใจว่านางไม่ทันไปหาคนผู้นี้ คนผู้นี้กลับเป็นฝ่ายมาหานางเสียเอง

คนผู้นี้มิใช่ใครอื่น เขาคือลุงเก๋อ ผู้ปิดประมูลนารีจิ้งจอกสวรรค์เก้าตนสำเร็จนั่นเอง

ส่วนกังจื่อคนเมื่อครู่ตามหลังลุงเก๋อมา

นารีจิ้งจอกสวรรค์เก้าตนนั้นอยู่ที่นี่ด้วย คิดแล้วลุงเก๋อคงปิดการขายกับโรงประมูลเรียบร้อย

ใช่แล้ว นางไม่คิดเดินทางด้วยค่ายกลเคลื่อนย้ายเพราะมีธุระต้องทำ นั่นก็คือไปหาลุงเก๋อผู้นี้

เสี่ยวหยาใจดีมีเมตตา ทนเห็นนารีจิ้งจอกสวรรค์เก้าตนนี้ตกอยู่ในมือลุงเก๋อมิได้

ลุงเก๋อผู้นี้ดูก็รู้ว่ามิใช่คนดี หน้าไหว้หลังหลอก หลอกได้แม้กระทั่งหลานชายของตน หากนารีจิ้งจอกสวรรค์เก้าตนนี้ตกอยู่ในมือลุงเก๋อ น่ากลัวว่าคงจบไม่สวยนัก

ยิ่งกว่านั้น นารีจิ้งจอกสวรรค์ทั้งเก้าตนเลือกสละตนเพื่อเผ่าของตัวเอง น่านับถือยิ่ง เสี่ยวหยาจึงยิ่งไม่ต้องการให้พวกนางตกอยู่ในมือลุงเก๋อ

คราวลุงเก๋อบิดราคาจนถึงช่วงท้ายสุด เสี่ยวหยาคิดสู้ราคา กดทับลุงเก๋อลงไป ปิดประมูลนารีจิ้งจอกสวรรค์ทั้งเก้าตน แล้วค่อยปล่อยให้นารีจิ้งจอกสวรรค์เป็นอิสระ

ทว่า หลิงอินหยุดเสี่ยวหยาไว้ ไม่ให้เสี่ยวหยาบิดราคาสู้

มิใช่ว่าหลิงอินไม่ต้องการช่วยนารีจิ้งจอกสวรรค์ทั้งเก้า

แต่ตรงกันข้าม นางคิดเช่นเดียวกับเสี่ยวหยา อยากช่วยนารีจิ้งจอกสวรรค์ทั้งเก้าไว้ตั้งแต่ต้น

เมื่อครั้งนารีจิ้งจอกสวรรค์เพิ่งก้าวขึ้นเวทีให้ประมูล สิ่งมีชีวิตล่างเวทีก็พากันวิพากษ์วิจารณ์นารีจิ้งจอกสวรรค์ไม่หยุด

และนางถึงได้ทราบสถานการณ์บางส่วนของเผ่านารีจิ้งจอกสวรรค์จากเสียงซุบซิบเหล่านี้ และได้รู้ว่าเหตุใดนารีจิ้งจอกสวรรค์ถึงเต็มใจสละตนเอง ยอมให้โรงประมูลเปิดประมูลพวกนาง

ว่าไปแล้ว เผ่านารีจิ้งจอกสวรรค์น่าสงสารอย่างยิ่ง

เผ่านี้เกิดมาพร้อมกับความเย้ายวน ตรึงตาตรึงใจเป็นที่สุด มีแรงดึงดูดต่อเพศตรงข้ามตั้งไม่รู้เท่าไร

ทว่า แม้นพวกนางเย้ายวน กระนั่นไม่เคยมั่วโลกีย์ พวกนางมีศักดิ์ศรีของพวกนาง ไม่เคยยอมศิโรราบให้ผู้ใดง่าย ๆ

และความเย้ายวนของพวกนาง แต่ไหนแต่ไรมีไว้ให้คนที่พวกนางรักเท่านั้น

สิ่งมีชีวิตมากมายจากเผ่าอื่นปรารถนาในตัวพวกนางแต่ไม่อาจได้มา ไม่ต้องสงสัยว่าสร้างปัญหาให้พวกนางเท่าไร

ปัญหาไม่เคยหมดไปจากเผ่าของพวกนาง มักถูกยอดฝีมือเผ่าอื่นหมายตาอยู่เสมอ และเกิดเหตุการณ์สมาชิกในเผ่าถูกลักพาตัวไปบ่อยครั้ง

ซ้ำร้ายยังมีสิ่งมีชีวิตจำนวนมากตั้งใจจับสมาชิกเผ่านารีจิ้งจอกสวรรค์ของพวกนางไปขายโดยเฉพาะ

แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้น พวกนางก็ไม่เคยยอมแพ้ ไม่เคยศิโรราบต่อเผ่าพันธุ์แข็งแกร่งและเรียกหาการคุ้มกันจากเผ่าพันธุ์แข็งแกร่ง

พวกนางต้องพบเจอปัญหาไม่หยุดหย่อน จึงยากจะมีการพัฒนาที่ดี ความสามารถในเผ่าพันธุ์ของพวกนางจึงด้อยลงไปเรื่อย ๆ

เท่าที่ฟังจากสิ่งมีชีวิตล่างเวที เผ่านารีจิ้งจอกสวรรค์ต้องหลีกหนีการจับตัวจากยอดฝีมือเผ่าอื่น ด้วยการระหกระเหินหัวซุกหัวซุน ไม่กล้าโผล่หน้ามาแม้แต่น้อย

ระหกระเหินกันเยี่ยงนี้ไปทุกรุ่น ไม่กล้าแม้แต่จะโผล่หัว เกรงว่ารากฐานเผ่านารีจิ้งจอกสวรรค์คงถูกผลาญจนสิ้นแล้วกระมัง

ที่นารีจิ้งจอกสวรรค์เก้าตนนี้เต็มใจนำตัวเองไปขายที่โรงประมูลน่ากลัวว่าเพราะเหตุนี้ คิดว่าหลังประมูลตัวเองออกไปแล้ว จะแลกหินเทวะไปให้เผ่าพันธุ์ของพวกนางได้จำนวนหนึ่ง ช่วยให้เผ่าพันธุ์ของพวกนางดำรงต่อไปได้

หลิงอินและเสี่ยวหยาล่วงรู้เรื่องนี้แล้ว ยิ่งอยากช่วยนารีจิ้งจอกสวรรค์เก้าตนนี้ให้ได้

ที่หลิงอินไม่ให้เสี่ยวหยาบิดราคาข่มลุงเก๋อ หนึ่งเพราะหลังปิดประมูลสำเร็จ หินเทวะเหล่านี้มิได้อยู่ในมือนารีจิ้งจอกสวรรค์เก้าตนนี้หมด โรงประมูลจะเก็บค่าตอบแทนในการดำเนินการอีกมาก

อีกด้านเพราะนางไม่ชอบลุงเก๋อผู้นี้เอาเสียเลย

ลุงเก๋อคนนี้วิตถารน่ารังเกียจ ชวนสะอิดสะเอียดเป็นที่สุด ก่อนหน้านี้วางมาดสั่งสอนหลานชายของตนอย่างมีคุณธรรม สุดท้ายพริบตาเดียวก็โยนทุกอย่างทิ้ง บิดราคาประมูลได้ดุดันยิ่งกว่าหลานชายเสียอีก

บอกตามตรง ลุงเก๋อผู้นี้สมควรได้รับบทเรียนด้วย!

เพราะเหตุนี้ นางจึงไม่คิดบิดประมูลด้วยวิธีการปกติ แต่รอให้ลุงเก๋อปิดประมูลสำเร็จ ค่อยชิงตัวนารีจิ้งจอกสวรรค์เก้าตนมาจากลุงเก๋อ แล้วค่อยปล่อยนารีจิ้งจอกสวรรค์ทั้งเก้าไป

เช่นนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้นารีจิ้งจอกสวรรค์ทั้งเก้ามีหินเทวะมากขึ้น ซ้ำยังให้บทเรียนกับลุงเก๋อได้ด้วย

ทว่าสิ่งที่นางคิดไม่ถึงคือ นางไม่ทันเข้าไปหาลุงเก๋อ ลุงเก๋อผู้นี้กลับมาหานางเสียเอง!

ถึงแม้นางไม่รู้ว่าเหตุใดลุงเก๋อถึงมาหานาง กระนั้นนางเห็นท่าทางเช่นนี้ของเขาก็พอรู้ว่าลุงเก๋อมิได้หวังดี

“ราษฎรเดิมไร้ความผิด ผิดที่มีสมบัติในครอบครอง แม่นางเอ๋ย พวกเจ้าทำตัวโดดเด่นเกินไปในโรงประมูล!”

ลุงเก๋อสอดส่ายสายตาไปมา ก่อนจะเอ่ย “เห็นหรือไม่ มีคนมากมายหมายหัวพวกเจ้าอยู่”

หลิงอินมองตามสายตาลุงเก๋อ พบว่ามีสิ่งมีชีวิตจำนวนมากกำลังเพ่งเล็งมาทางพวกนางจริง ๆ

นางแสร้งทำเป็นเอ่ยด้วยเสียงหวาดกลัว “เช่นนั้นจะทำอย่างไรดี”

ท่าทางหวาดกลัวของหลิงอินเป็นเรื่องที่ลุงเก๋อคิดไม่ถึง

ผู้ที่จ่ายแร่ทองเงินกัลป์ได้ย่อมมีภูมิหลังไม่ธรรมดา ที่เขามานี่ก็เพื่อหยั่งเชิงตื้นลึกหนาบางของหลิงอินและเสี่ยวหยา ดูว่าหลิงอินและเสี่ยวหยามีภูมิหลังเช่นไร

แต่ที่เขาคิดไม่ถึงคือ หลังหลิงอินรู้ว่าถูกสิ่งมีชีวิตมากมายหมายหัว กลับแสดงท่าทีหวั่นใจเยี่ยงนี้!

บ่งบอกว่าเบื้องหลังพวกหลิงอินมิได้น่าพรั่นพรึงเท่าใด

มิฉะนั้นหลิงอินคงไม่ต้องกลัวขนาดนี้

เขาหัวเราะในใจ ไม่มีภูมิหลังยิ่งดี!

เช่นนี้นาวาล่องนภาจักต้องเป็นของตระกูลเขา!

‘แหะ ๆ แม่นางทั้งสองคนนี้ก็กลายเป็นของข้าเช่นกัน! นารีจิ้งจอกสวรรค์เก้าตนบวกกับสตรีรูปงามเยาว์วัยอีกสอง ฮ่า ๆ ข้าได้ความสุขสมเป็นสิบเอ็ดเท่าแล้ว!’

เขาหัวเราะในใจไม่หยุด หมายตาหลิงอินและเสี่ยวหยาไปด้วย คิดว่าจะได้ครอบครองหลิงอินและเสี่ยวหยาสองคน

ทว่าเขารอบคอบมาก มิได้แสดงความคิดเช่นนี้ออกมาแม้แต่น้อย

ปากเอ่ยถามว่า “พวกเจ้าไม่มีผู้ใดพอช่วยได้เลยหรือ”

อย่างไรเขาก็รู้สึกว่า ผู้ที่มีแร่ทองเงินกัลป์ถึงสองพันชั่งไม่ธรรมดา ต้องหยั่งเชิงกันอีกหน่อย

“พวกเรามีที่ไหนกัน! ถ้ามี ข้าคงไม่ต้องกลัวขนาดนี้!”

หลิงอินแสร้งทำตัวน่าสงสารขณะกล่าว “พวกเราบังเอิญเข้าไปในแดนลับโบราณแห่งหนึ่ง ค้นพบแร่ทองเงินกัลป์จากที่นั่น ต่อมาได้ข่าวเรื่องแดนบรรพโกลาหลปรากฏ ที่นี่เปิดประมูลนาวาล่องนภา พวกเราจึงคิดจะประมูลเรือวิเศษนี้ไว้ แล้วค่อยไปที่แดนบรรพโกลาหล”

นางมีน้ำตาคลอหน่วย เสียงเจือแววสะอื้น “ข้าไฉนเลยจะรู้ว่าการประมูลนาวาล่องนภาจะกลายเป็นที่หมายหัวของคนมากมายเยี่ยงนี้! รู้อย่างนี้อย่างไรข้าก็คงไม่ปิดประมูลนาวาล่องนภาลำนี้!”

จากนั้น นางมองลุงเก๋อด้วยท่าทางน่าสงสาร “ตอนนี้พวกเราควรทำอย่างไรดี อาวุโสท่านนี้ช่วยพวกเราหน่อยได้หรือไม่! ท่านอาจเห็นว่าขอบเขตพลังพวกเรามิได้ต่ำต้อย ทว่าความจริงนี่เป็นการออกเดินทางครั้งแรกของเรา ก่อนนี้พวกเราบำเพ็ญตนในซากปรักหักพังโบราณแห่งนั้นมาตลอด…”

นางรู้ดีว่าลุงเก๋อกังขาเรื่องใด จึงจงใจพูดไปอย่างนั้น เพื่อคลายความคลางแคลงที่ลุงเก๋อมีต่อพวกนาง

พลังปราณชีวิตของนางและเสี่ยวหยาต่างเยาว์วัยเป็นอย่างมาก ถือเป็นหลักฐานบ่งชี้ที่ดีที่สุด บ่งบอกว่านางและเสี่ยวหยาเป็น ‘เด็กสาว’ ผู้ไม่คุ้นชินกับโลกภายนอกนัก

อย่างที่คิด หลังได้เห็นท่าทางตื่นตระหนกลนลานของหลิงอิน และได้ฟังคำกล่าวเหล่านี้ของหลิงอิน ความแคลงใจของลุงเก๋อหายไปมาก

พลังปราณชีวิตของหลิงอินและเสี่ยวหยาเยาว์วัยมากจริง ๆ ในสถานการณ์ปกติ เสี่ยวหยาไม่เท่าไร แต่หลิงอินไม่มีทางอยู่ในขั้นบัญญัติสูงสุด

ขอบเขตพลังของเขาไม่ต่ำนัก จับสัมผัสของเขตพลังของหลิงอินและเสี่ยวหยาได้

หลิงอินและเสี่ยวหยาคงฝึกฝนอยู่ในซากปรักหักพังโบราณแห่งนั้นจริง ๆ ยังไม่คุ้นชินกับโลกภายนอกนัก

หากได้ออกเดินทางบ่อย ๆ เด็กสาวเยาว์วัยอย่างหลิงอินไม่มีทางบำเพ็ญจนมีขอบเขตพลังสูงส่งเยี่ยงนี้

ต่อให้พรสวรรค์น่าทึ่งเพียงใดก็ตาม

ขั้นบัญญัติสูงสุดเชียวนะ เป็นขอบเขตที่สูงยิ่ง ไม่มีทางบรรลุได้ในวัยเยาว์เช่นนี้ แม้กระทั่งบุตรแห่งสวรรค์อันน่าทึ่งในอาณาจักรอวี้ซวีก็ทำไม่ได้

“ข้ามีใจโอบอ้อม ทนเห็นท่าทางน่าสงสารเช่นนี้ไม่ได้เป็นที่สุด เอาเถิด ข้าจะช่วยพวกเจ้าแล้วกัน!”

ลุงเก๋อแสร้งทำเป็นส่ายหน้าพลางกล่าว

“ขอบคุณผู้อาวุโส!”

หลิงอินยิ้มออกทันที “ผู้อาวุโสเป็นคนดีเหลือเกิน!”

ลุงเก๋อผู้นี้สารเลวจริง บังอาจหมายตานางและเสี่ยวหยา

เช่นนั้นนางขอเล่นสนุก…เป็นเพื่อนลุงเก๋อผู้นี้หน่อยแล้วกัน

นางคิดในใจ ตัดสินใจให้ลุงเก๋อได้ลิ้มรสความ ‘สุข’ อย่างลึกซึ้งถึงทรวง!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท