รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 496 ลุงเก๋อ พวกเราแข็งแกร่งแล้วยังจำเป็นต้องกลัวสิ่งใดอีก? พวกเราจะต้องไม่ยอมพวกเขาจนติดเป็นนิสัย!

บทที่ 496 ลุงเก๋อ พวกเราแข็งแกร่งแล้วยังจำเป็นต้องกลัวสิ่งใดอีก? พวกเราจะต้องไม่ยอมพวกเขาจนติดเป็นนิสัย!

บทที่ 496 ลุงเก๋อ พวกเราแข็งแกร่งแล้วยังจำเป็นต้องกลัวสิ่งใดอีก? พวกเราจะต้องไม่ยอมพวกเขาจนติดเป็นนิสัย!

ยังคงเป็นเพียงสาวน้อยอยู่จริง ๆ ไม่รู้ตัวเสียด้วยซ้ำว่ากำลังกลายเป็นเนื้อเข้าปากเสือ!

ทั้งยังมาขอบคุณเขาอีก?

ถูกขายแล้วยังไปช่วยเขานับเงินอีก*[1]

ลุงเก๋อคิดขึ้นมาภายในใจ เขามาตรวจสอบแบบไม่ได้คาดหวังทว่ากลับได้ผลลัพธ์กลับมาด้วย มันช่วยลดความยุ่งยากให้เขาได้ไม่น้อย!

ในยามนี้นาวาล่องนภามีความสำคัญเป็นอย่างมาก อีกทั้งหลิงอินยังเป็นผู้ที่นำแร่ทองเงินกัลป์สองพันชั่งออกมา ไม่ว่าหลิงอินจะมีภูมิหลังหรือไม่มีภูมิหลัง ก็ไม่มีทางเป็นไปได้ที่นางจะสามารถจากไปได้อย่างปลอดภัย

เขาเองก็เหมือนกับสิ่งมีชีวิตทรงพลังผู้อื่น ต่างก็เพ่งเล็งไปที่หลิงอินตั้งแต่แรก และรายงานเรื่องราวทั้งหมดผ่านทางศาสตราวิเศษกลับไปยังกองกำลังของตน เรียกให้ผู้แข็งแกร่งของกองกำลังตัวเองรีบเดินทางมาสนับสนุน

การที่หลิงอินไม่มีภูมิหลังอะไรย่อมเป็นเรื่องดีกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย มันช่วยลดความยุ่งยากให้พวกเขาได้มากจริง ๆ ไม่ต้องมากังวลเกี่ยวกับผลที่ตามมาหลังจากลงมือกับพวกหลิงอิน

“ผู้อาวุโสจะสามารถทำได้หรือ?”

หลิงอินมองไปยังเหล่าสิ่งมีชีวิตที่จับจ้องพวกนาง ก่อนแสร้งทำเป็นพูดออกมา “พวกเขามีจำนวนมากมาย ผู้อาวุโสจะสามารถหยุดยั้งพวกเขาได้หรือไม่ ผู้อาวุโสเป็นคนดี ข้าไม่อยากให้ท่านมามีส่วนเกี่ยวพันเพราะพวกเรา ถ้าหากท่านไม่สามารถทำได้จริง ๆ ก็ปล่อยให้พวกเราไปกันเองเถิด”

นี่เป็นการแสร้งปล่อยเพื่อจับ นางมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าลุงเก๋อจะไม่ปล่อยพวกนางไป

และก็เป็นไปตามที่คาดเอาไว้ ลุงเก๋อรีบเอ่ยขึ้นมาในทันที “เจ้าพูดอะไรออกมากัน! ในเมื่อข้ารับปากพวกเจ้าแล้ว ย่อมต้องช่วยเหลือพวกเจ้าอย่างแน่นอน!”

เขาหยุดพูดไปช่วงหนึ่ง บนใบหน้าแสดงความหยิ่งผยองออกมา จากนั้นจึงกล่าวต่อ “พวกเจ้ายังเด็กเกินไป สิ่งที่รู้เกี่ยวกับโลกใบนี้มีน้อยนัก ไม่รู้ว่าตระกูลเก๋อของพวกข้านั้นแข็งแกร่งเพียงใด! ตระกูลเก๋อนั้นยิ่งใหญ่เป็นถึงหนึ่งในตระกูลเรืองอำนาจสูงสุด! มีพวกข้าตระกูลเก๋ออยู่ ก็จะไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับพวกเจ้า”

เมื่อครู่ลุงเก๋อสามารถนำหินเทวะจำนวนมากขนาดนั้นมาประมูลได้ ก็เพียงพอแล้วที่จะแสดงให้เห็นว่ากองกำลังเบื้องหลังของพวกเขานั้นไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง

หากไม่ทรงพลังเพียงพอก็คงไม่อาจนำหินเทวะออกมาได้มากถึงเพียงนั้น

ครั้งนี้ลุงเก๋อไม่ได้คุยโม้เกินเลยแต่อย่างใด

ตระกูลเก๋อเป็นหนึ่งในตระกูลเรืองอำนาจสูงสุดอย่างแท้จริง รากฐานลึกล้ำมั่นคงอย่างถึงที่สุด สืบทอดกันมาตั้งแต่ครั้งโบราณ เก่าแก่จนไม่อาจสืบย้อนกลับ ตระกูลที่สามารถเทียบเคียงได้นั้นมีอยู่เพียงไม่มาก

ไม่เช่นนั้นเขาจะกล้ามีความคิดกับหลิงอินและเสี่ยวหยาได้อย่างไร

กองกำลังจำนวนมากกำลังจับตามองหลิงอินและเสี่ยวหยา หากตระกูลเก๋อไม่แข็งแกร่งเพียงพอดังว่า ลุงเก๋อจะกล้าลงมาในแอ่งน้ำโคลนได้อย่างไร นี่จะกลายเป็นว่าไม่ต่างอะไรกับการรนหาที่ตาย

“ตระกูลเรืองอำนาจสูงสุด? แข็งแกร่งถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?”

ใบหน้าของหลิงอินเต็มไปด้วยความประหลาดใจและมีความสุขเป็นอย่างมาก

นางมีความสุขมากถึงขนาดกระโจนไปทางเสี่ยวหยาพร้อมรอยยิ้มสดใส “เสี่ยวหยา พวกเราได้พบกับผู้สูงศักดิ์เข้าจริง ๆ แล้ว มีผู้อาวุโสท่านนี้ช่วยเหลือ ครั้งนี้ย่อมไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับพวกเรา!”

เมื่อเห็นท่าทางเช่นนี้ของหลิงอิน ในใจเสี่ยวหยาถึงกลับกล่าวออกมาว่าพี่หลิงอินช่างมีความสามารถด้านการแสดงละครจริง ๆ!

แสดงละครได้เก่งกาจเกินไปแล้ว!

หากนางไม่รู้ว่าหลิงอินคิดสิ่งใดอยู่ นางเองก็คงเข้าใจว่าหลิงอินดีใจเป็นอย่างยิ่งเพราะพบผู้ให้พึ่งพิง!

“ใช่แล้ว ใช่แล้ว บนโลกนี้ยังมีคนดีอยู่อีกมาก!”

นางให้ความร่วมมือกับหลิงอิน แสร้งทำเป็นกล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้นอย่างมาก

ช่างเป็นสาวน้อยที่แสนโง่เขลา!

ทั้งยังกล่าวว่าบนโลกนี้ยังมีคนดีอยู่อีกมาก!

โง่งม!

เห็นท่าทางของหลิงอินและเสี่ยวหยา ภายในใจของลุงเก๋อกล่าวออกมาด้วยความขบขันเป็นอย่างมาก

“แม่นางทั้งสอง พวกเจ้า…”

จิ้งจอกสวรรค์ที่อยู่เบื้องหลังทนเห็นหลิงอินและเสี่ยวหยาตกลงไปในกำมือของลุงเก๋อแบบนี้ไม่ได้ นางจึงรีบกล่าวขึ้นมา ต้องการจะเตือนหลิงอินและเสี่ยวหยา

แต่ก่อนที่นางจะพูดจบ นางก็รับรู้ได้ถึงพลังวิญญาณอันน่าสะพรึงกลัวกดทับลงบนวิญญาณของนาง ทำให้ไม่สามารถเอ่ยสิ่งใดได้อีก

ขอบเขตของลุงเก๋อไม่ได้ต่ำเลย เขาเป็นถึงตี้หวง เมื่อเขารับรู้ได้ว่าจิ้งจอกสวรรค์ตนนี้ต้องการจะเตือนหลิงอินและเสี่ยวหยา จึงแอบใช้พลังของตนเองปราบปรามนางลงไปในทันที ไม่ปล่อยให้จิ้งจอกสวรรค์สามารถเตือนหลิงอินและเสี่ยวหยาได้

มารดานางเถอะ! ช่างเป็นของเล่นชั้นต่ำอะไรเช่นนี้!

กระทั่งตนเองยังเอาตัวไม่รอด ยังคิดจะช่วยเหลือผู้อื่นอีก!

ลุงเก๋อก่นด่าในใจ รอเขากลับไปก่อนเถอะ เขาจะไม่ปล่อยจิ้งจอกสวรรค์นี่ไปง่าย ๆ!

เขาต้องสิ้นเปลืองหินเทวะไปจำนวนมากเพื่อซื้อนาง!

เขาจะต้องให้จิ้งจอกสวรรค์ตนนี้ชดเชยราคาที่จ่ายไปกลับมา!

“หือ? มีเรื่องอะไรหรือ?”

หลิงอินมองไปที่จิ้งจอกสวรรค์แล้วถามออกมา

“ไม่มีเรื่องอันใด ข้าเพียงแค่อยากจะกล่าวว่าแม่นางทั้งสองงดงามเป็นอย่างยิ่ง!”

วิญญาณของจิ้งจอกสวรรค์ถูกลุงเก๋อควบคุมเอาไว้ นางถูกลุงเก๋อบังคับให้กล่าวออกมาเช่นนั้น

เขาคิดว่าหลิงอินเป็นเพียงขั้นบัญญัติสูงสุดผู้หนึ่ง จึงไม่อาจสังเกตเห็นการกระทำเหล่านี้ของเขา

ทว่าในความเป็นจริงหลิงอินนั้นสามารถล่วงรู้ทุกสิ่งได้!

คนเราตัดสินกันด้วยภายนอกไม่ได้ จิ้งจอกสวรรค์ตนนี้ดูแล้วไม่น่าใช่คนดีอะไร

แต่จิ้งจอกสวรรค์ที่แม้ตนเองจะตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้กลับยังคิดจะเตือนพวกนาง นับว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลย จิตใจจะต้องมีความดีงามเป็นอย่างมาก

“ขอบคุณสำหรับคำชม”

หลิงอินตอบกลับด้วยรอยยิ้มสุภาพ

จากนั้นนางก็มองไปที่ลุงเก๋อแล้วกล่าวออกมา “ผู้อาวุโส พวกเราจะไปกันเลยหรือไม่?”

“ไม่ต้องรีบร้อน ยอดฝีมือจากตระกูลของข้ายังมาไม่ถึง พวกเราจะรอจนกว่าพวกเขาจะมาจึงค่อยออกเดินทาง เช่นนี้พวกเราก็จะปลอดภัยมากยิ่งขึ้น”

ลุงเก๋อถาม

ไปตอนนี้?

คิดสิ่งใดอยู่กัน!

แม้ว่าตระกูลเก๋อจะเป็นตระกูลเรืองอำนาจสูงสุด แต่หากไม่มียอดฝีมือในตระกูลอยู่ด้วย ความยิ่งใหญ่อะไรนั่น ก็ไม่สามารถใช้ยับยั้งสิ่งมีชีวิตอันแข็งแกร่งอื่น ๆ ได้เลย

“อ้อ เช่นนั้นเอง!”

หลิงอินพยักหน้า ก่อนกล่าวออกมา “ภายในเมืองนภาห้ามลงไม้ลงมือใช้กำลัง เช่นนั้นพวกเราไปเดินเล่นรอบ ๆ เมืองนภากันก่อนดีหรือไม่? รอจนกระทั่งยอดฝีมือในตระกูลของผู้อาวุโสมาค่อยจากไป อย่างไรเสียก็เป็นถึงเมืองอันดับหนึ่ง โอกาสที่ข้ากับเสี่ยวหยาจะได้มายังเมืองแห่งนี้ไม่ง่ายเลย คงจะน่าเสียดายหากพวกเราไม่ได้เดินเที่ยวไปรอบ ๆ”

นี่มันเวลาอะไรกัน ยังคิดจะไปเดินเที่ยวอีก?

ลุงเก๋อฟังแล้วถึงกับพูดไม่ออก

เขาไม่อยากไปด้วยเป็นอย่างมาก

แต่เขาก็กลัวว่าผู้ทรงอำนาจคนอื่น ๆ จะหาตัวพวกหลิงอินพบเช่นนั้น

ยิ่งหลิงอินกับเสี่ยวหยาไร้เดียงสาเพียงนี้ ยิ่งกลัวว่าจะถูกผู้ทรงอำนาจจากกองกำลังอื่นหลอกได้ด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ!

เขาจะต้องจับตาดูพวกหลิงอินเอาไว้!

“ตกลง เช่นนั้นพวกเราไปเดินเที่ยวชมรอบ ๆ กันเถอะ”

สุดท้ายลุงเก๋อก็ตอบรับออกมา

ยอดฝีมือจากตระกูลน่าจะมาถึงในไม่ช้า เดินเที่ยวเองก็คงไม่กินเวลามากนัก ดังนั้นจึงไม่ใช่ปัญหาใหญ่

หลังจากนั้นพวกเขาก็พากันเดินออกจากโรงประมูล

ด้านนอกมีสิ่งมีชีวิตจำนวนมากกำลังเฝ้ารอคอย ยิ่งด้านนอกเมืองนภายิ่งมียอดฝีมืออันน่าสะพรึงกลัวยืนตระหง่านอยู่

พวกเขาล้วนต่างเฝ้ารอให้หลิงอินออกมา

“ทุกท่าน โปรดเห็นแก่หน้าตระกูลเก๋อของพวกเราด้วย หยุดเรื่องนี้ไว้เพียงแค่นี้เถิด พวกนางทั้งสองคนเป็นสหายกับตระกูลเก๋อของพวกเรา”

หลังจากออกมา ลุงเก๋อก็กล่าวกับเหล่าสิ่งมีชีวิตที่เฝ้าจับจ้องมาอยู่

ความหมายของเขาชัดเจนเป็นอย่างมาก เขากล่าวว่าตระกูลเก๋อของพวกเขาคว้าได้ก่อนแล้ว กองกำลังอื่นก็ควรจะหยุดความคิดแผนการต่าง ๆ

“ใช่แล้ว สารเลวเช่นพวกเจ้าจงไสหัวไปเสีย! เบื้องหลังของผู้อาวุโสเก๋อคือตระกูลเก๋อ! พวกเจ้ารู้จักตระกูลเก๋อหรือไม่? หนึ่งในตระกูลเรืองอำนาจสูงสุด! หากพวกเจ้ายังไม่ไสหัวออกไป รั้งรอจนกระทั่งยอดฝีมือตระกูลเก๋อมาถึง ยามนั้นแม้พวกเจ้าจะอยากจากไปก็ไม่สามารถทำได้แล้ว!”

หลิงอินพูดกับเหล่าสิ่งมีชีวิตที่จับจ้องมาด้วยความเกลียดชัง

“!!!”

ลุงเก๋อที่ได้ยินหลิงอินกล่าวออกมาเช่นนี้ เขาก็ตกใจแทบตาย!

แม้ตระกูลเก๋อของเขาจะแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่สามารถหยิ่งผยองดูหมิ่นสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ได้!

เหล่าสิ่งมีชีวิตที่กล้ามาเฝ้ารอที่นี่ ไม่มีผู้ใดธรรมดาสามัญ กองกำลังเบื้องหลังล้วนแต่ทรงพลังเป็นอย่างมาก ไม่ใช่กองกำลังเล็ก ๆ

“ใจเย็นก่อน ใจเย็น”

เขารีบกล่าวขึ้นมากับหลิงอิน

“ลุงเก๋อ พวกเราแข็งแกร่งแล้วยังจำเป็นต้องกลัวสิ่งใดอีก? ตระกูลเก๋อเป็นตระกูลเรืองอำนาจสูงสุด ยังจำเป็นต้องกลัวพวกกุ้งฝอยนี้อีกหรือ? พวกเราจะต้องไม่ยอมพวกเขาจนติดเป็นนิสัย!”

หลิงอินพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาล้วนเป็นพวกสารเลว ไม่มีดีเลยสักตัว เหตุใดพวกเราจึงต้องสุภาพกับพวกเขาด้วย!”

หลังจากนั้นนางก็มองไปยังสิ่งมีชีวิตที่ดูเหมือนกุ้งตัวใหญ่ จากนั้นก็หลุดหัวเราะออกมา

“เป็นกุ้งฝอยจริง ๆ ด้วย”

นางกล่าวออกมาพร้อมหัวเราะไม่หยุด

มารดามันเถอะ!

เมื่อเห็นหลิงอินหัวเราะใส่สิ่งมีชีวิตที่มีรูปร่างเหมือนกุ้งยักษ์ ลุงเก๋อก็ยิ่งอกสั่นขวัญแขวนกว่าเดิม

กุ้งยักษ์ตนนั้นไม่ใช่สิ่งมีชีวิตทั่วไป!

แต่เป็นสิ่งมีชีวิตที่มาจากตระกูลเรืองอำนาจสูงสุด!

[1] ถูกขายแล้วยังไปช่วยเขานับเงินอีก (真是被人卖了还在帮人数钱) หมายถึง ถูกเอาเปรียบแต่ยังไปขอบคุณผู้ที่มาเอาเปรียบ

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท