รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 499 พาเผ่าจิ้งจอกสวรรค์กลับไปด้วย จึงเป็นการแก้ปัญหาโดยสิ้นเชิง!

บทที่ 499 พาเผ่าจิ้งจอกสวรรค์กลับไปด้วย จึงเป็นการแก้ปัญหาโดยสิ้นเชิง!

บทที่ 499 พาเผ่าจิ้งจอกสวรรค์กลับไปด้วย จึงเป็นการแก้ปัญหาโดยสิ้นเชิง!

ประมุขตระกูลเก๋อปรายตามองลงมาที่หลิงอิน ประกายแสงเย็นเยียบแล่นวาบในตาของเขา ทั่วร่างเปี่ยมด้วยจิตสังหาร

ความภาคภูมิของตระกูลเก๋อถูกเด็กสาวตัวน้อยอย่างหลิงอินทำลายทิ้งไปจนสิ้น ครั้งนี้ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องสังหารหลิงอินลงที่นี่ให้ได้

“ไม่จำเป็นต้องเข้ามา ข้าจะออกไปมอบ ‘ความสุข’ ครั้งสุดท้ายให้กับผู้อาวุโสเก๋อด้วยตนเอง!”

หลิงอินแย้มยิ้มออกมาอย่างสดใสโดยปราศจากความหวาดกลัว จากนั้นนางก็เดินออกจากเมืองนภาจริง ๆ

“หืม!?”

“จริงหรือนี้!”

สิ่งมีชีวิตที่อยู่ด้านนอกเมืองนภาต่างตกตะลึง เกิดความสงสัยอย่างจริงจังว่าตนเองมองผิดไป

หลิงอินแข็งแกร่งถึงปานนั้นเชียวหรือ?

เดิมทีพวกเขาต่างก็คิดว่าหลิงอินจะซ่อนตัวอยู่ในเมืองนภาไม่ยอมออกมา คาดไม่ถึงว่านางจะเดินออกมาด้านนอกเมืองนภาด้วยตนเอง

นี่มันเกินกว่าความคาดหมายของพวกเขาจริง ๆ

“ความสุข!? ความสุขของข้าคือได้ฆ่าเจ้า!”

ลุงเก๋อกัดฟันแน่น เขาโกรธเป็นอย่างมากเมื่อได้ยินคำว่า ‘ความสุข’ จากปากของหลิงอิน!

ในตอนนี้เขาไม่อาจทนฟังคำว่า ‘ความสุข’ ได้!

เสียงตู้มดังขึ้นมา เขาพุ่งจากจุดเดิมตรงเข้าใส่หมายสังหารหลิงอิน

เขาเกลียดนางเป็นอย่างมากจนอยากจะฉีกนางออกเป็นชิ้น ๆ!

“ใจร้อนอยากได้ ‘ความสุข’ ถึงเพียงนี้เชียวหรือ ข้าจะมอบให้เจ้าเอง!”

หลิงอินยิ้ม ก่อนจะยกมือขึ้นเรียกคันศรออกมารั้งสาย จากนั้นก็ยิงศรแสงตรงไปทางลุงเก๋อ!

ลูกศรดอกนั้นรวดเร็วเป็นอย่างมาก มันพุ่งถึงตัวลุงเก๋อภายในพริบตา หลังจากนั้นลุงเก๋อก็ถูกขุมพลังอันกล้าแกร่งพัดกระเด็นกระแทกพื้นอย่างแรง!

“อ๊ากกก!”

ลุงเก๋อกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด ใบหน้าเขียวคล้ำมีเส้นเลือดปูดโปน มือทั้งสองข้างกุมหว่างขาที่มีบางสิ่งบางอย่างถูกทำลายไปจนมีเลือดไหลทะลักออกมา!

“ความสุขของข้า!”

ลุงเก๋อร้องไห้ ใบหน้าชราซีดเซียวราวกับทั้งชีวิตถูกทำลายลงไป!

เขาพยายามฟื้นฟูส่วนนั้นขึ้นมาใหม่ แต่กลับไร้ผลใด เนื่องจากตรงจุดนั้นยังมีพลังจากลูกศรหลงเหลือเอาไว้อยู่ ทำให้มีพลังของกฎบางอย่างดำรงอยู่ หากเขาต้องการจะฟื้นฟูส่วนนั้นขึ้นมาใหม่ พลังของเขาจำเป็นต้องเหนือยิ่งกว่ากฎนั่น!

ทว่าพลังของกฎนั่นน่าสะพรึงกลัวเกินไป เขารู้สึกว่าตัวเขาไม่สามารถเหนือกว่ามันได้เลย กระทั่งเทียนตี้เองยังไม่สามารถอยู่เหนือกว่ามันได้!

ถ้าหากไม่สามารถเหนือกว่ามันได้ ตลอดชีวิตที่เหลือของเขาก็เป็นได้เพียงแค่…ขันที!

“ข้าไม่ต้องการ!”

เขาร้องไห้ออกมาอย่างสุดชีวิต มันเจ็บปวดเป็นอย่างมาก นี่คือแหล่งความสุขของเขา!

“ตอนนี้ความสุขของเจ้าได้จบลงแล้ว!”

หลิงอินกล่าวด้วยรอยยิ้ม

นางรู้แจ้งว่าลูกศรดอกนั้นของตนเองทรงพลังเพียงใด กระทั่งเทียนตี้ก็ไม่อาจลบล้างพลังของลูกศรที่ถูกทิ้งเอาไว้บนร่างของลุงเก๋อได้

อีกกว่าครึ่งชีวิตที่เหลือลุงเก๋อจะต้องอยู่ต่อไปในฐานะขันที

“อะไรกัน!”

“คันศรนั่นมันอะไรกัน!”

ยอดฝีมือจากเผ่าและตระกูลเรืองอำนาจอื่นต่างตกตะลึง พวกเขาล้วนถูกคันศรในมือหลิงอินทำให้แตกตื่น

เต๋าที่ไหลเวียนอยู่บนคันศรนั้นเหนือชั้นจนเกินไป คันศรนี่อยู่ในขั้นไหนกันแน่?

พวกเขาแตกตื่นเนื่องจากสัมผัสได้ว่าอาวุธเทียนตี้ในกองกำลังของพวกเขาต่างไม่อาจเทียบได้กับคันศรนั่น!

อีกด้านหนึ่ง ม่านตาของประมุขตระกูลเก๋อหดเล็กลง เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าหลิงอินจะน่าสะพรึงกลัวถึงเพียงนี้!

ลูกศรที่หลิงอินยิงออกมาเมื่อครู่รวดเร็วเสียจนเขาไม่ทันได้ตอบสนอง!

นี่มันเกินความคาดหมายของเขา!

จะเป็นไปได้อย่างไร!?

เขาคือกึ่งเทียนตี้ หลิงอินเป็นเพียงขั้นบัญญัติสูงสุดผู้หนึ่ง เขาจะไม่ทันตอบสนองลูกศรที่ถูกยิงออกมาได้อย่างไร!?

ดวงตาของเขาจับจ้องไปยังคันศรในมือของหลิงอิน ทั้งหมดจะต้องเป็นเพราะคันศรในมือของหลิงอินอย่างแน่นอน!

ตู้ม!

เขาลงมือ พลังของกึ่งเทียนตี้ปะทุออกมาโดยไม่มีสัญญาณเตือนใด ๆ เขาไม่สามารถปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปได้ เขาต้องการรู้ว่าคันศรในมือของหลิงอินแข็งแกร่งเพียงใด!

หลิงอินรั้งคันศร จากนั้นก็ยิงลูกศรออกมาอย่างรวดเร็ว เพียงแค่พริบตาเดียวมันก็ทะลวงผ่านพลังทั้งหมดของประมุขตระกูลเก๋อ พุ่งปักใส่ร่างของประมุขตระกูลเก๋อ!

โลหิตสาดกระเซ็น ประมุขตระกูลเก๋อถูกกระแทกลงพื้นจนกลายเป็นหลุมขนาดใหญ่บนพื้นดิน ประหนึ่งเกิดเป็นหุบเหวแห่งหนึ่งขึ้นมา!

หา!

สิ่งมีชีวิตทั้งหมด ณ ที่แห่งนี้อ้าปากค้าง ความหวาดผวาทำให้ร่างกายสั่นสะท้านขึ้นมาอย่างหยุดไม่ได้ ภายในใจต่างตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก!

กึ่งเทียนตี้ถูกโจมตีลงกับพื้นด้วยศรเพียงดอกเดียว พลังระดับนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว!

ช่างเป็นคันศรที่ล้ำค่าเป็นอย่างยิ่ง!

สามารถทำให้ขั้นบัญญัติสูงสุดผู้หนึ่งสำแดงพลังออกมาได้น่ากลัวถึงเพียงนี้!

พวกเขาไม่รู้ว่าควรจะกล่าวอะไรออกมา คันศรนี่ล้ำค่าเกินความรู้ความเข้าใจของพวกเขา!

อีกด้านหนึ่ง หลิงอินไม่ได้สนใจกับความตื่นตระหนกของสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ นางเพียงทะยานกลับเข้าไปในเมืองนภา

นางเรียกนาวาล่องนภาออกมา จากนั้นก็เชื้อเชิญหญิงสาวจิ้งจอกสวรรค์ให้ขึ้นไปด้วยกัน ต้องการจะพาจิ้งจอกสวรรค์ออกไปจากที่แห่งนี้

หากนางไม่พาจิ้งจอกสวรรค์ทั้งเก้าตนไปด้วย พวกจิ้งจอกสวรรค์คงยากยิ่งที่จะออกจากเมืองนภาได้

ถึงอย่างไรก็มีผู้จับจ้องหญิงสาวเผ่าจิ้งจอกสวรรค์มากเกินไป

“ขอบคุณท่าน!”

จิ้งจอกสวรรค์ทั้งเก้าขอบคุณหลิงอินไม่หยุดด้วยความซาบซึ้ง พวกนางรู้ว่าหลิงอินกำลังช่วยเหลือพวกนาง

“ไม่จำเป็นต้องขอบคุณ”

หลิงอินยิ้มก่อนจะให้จิ้งจอกสวรรค์ทั้งเก้าเดินขึ้นไปยังนาวาล่องนภา

ระหว่างนั้น กังจื่อได้แต่ยืนมองอยู่ด้านข้างอย่างโง่งม เขาไม่มีความกล้าที่จะหยุดยั้ง ไม่กล้ากระทั่งจะหายใจแรง ๆ

ไม่เห็นลุงเก๋อที่เสียแหล่งความสุขไปแล้วหรือ? ไม่เห็นประมุขตระกูลถูกยิงด้วยศรจนกระแทกพื้นเป็นหลุมหรอกหรือ?

เขาจะเอาความกล้าจากที่ใดมาหยุดยั้ง!

เขายังไม่อยากสูญเสียแหล่งความสุขไปอย่างลุงเก๋อ!

หลังจากที่เหล่าจิ้งจอกสวรรค์ขึ้นไปบนนาวาล่องนภาแล้ว เสี่ยวหยาก็เดินตามขึ้นไป

“หยุดคิดวางแผนอะไรได้แล้ว เข้าใจใช่หรือไม่?”

หลิงอินมองไปยังยอดฝีมือของเผ่าและตระกูลเรืองอำนาจสูงสุดคนอื่น ๆ จากนั้นก็เอ่ยเตือนขึ้นมา

เสร็จแล้วนางก็ขึ้นมาภายในนาวาล่องนภา ก่อนจะจากเมืองนภาไป

ภายในนาวาล่องนภา หลิงอินสนทนากับจิ้งจอกสวรรค์ทั้งเก้า

ผลเป็นตามที่คาดเอาไว้ จิ้งจอกสวรรค์ทั้งเก้าประมูลตนเองก็เพราะสถานการณ์ปัจจุบันของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ย่ำแย่เป็นอย่างมาก!

หลังจากผ่านการดิ้นรนมายุคแล้วยุคเล่า เผ่าของพวกนางก็ตกต่ำ ไม่กล้าโผล่ออกมาให้เห็นโดยง่าย ตอนนี้พวกนางไม่มีแม้แต่ทรัพยากรจะให้คนในเผ่าใช้ฝึกฝน

หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป เผ่าของพวกนางมีโอกาสอย่างมากที่จะถูกตัดขาดออกจากเส้นทางแห่งการฝึกฝน

ดังนั้นพวกนางจึงตั้งใจไปที่โรงประมูลด้วยตนเองโดยไม่บอกหัวหน้าเผ่า หวังว่าจะสามารถหาหินเทวะมาช่วยเหลือเผ่าของพวกตนให้ผ่านพ้นจากความยากลำบากไปได้

“เฮ้อ”

หลิงอินถอนหายใจออกมา นี่คือโลกแห่งการฝึกตน ผู้อ่อนแอย่อมกลายเป็นเหยื่อของผู้แข็งแกร่ง ทุกสิ่งตัดสินกันด้วยพลัง หากไร้ซึ่งพลัง ก็ได้แต่ทนทุกข์อยู่ในโลกแห่งการฝึกตน

“ด้านในนี้มีหินเทวะอยู่เกือบแสนล้าน พวกเจ้าเอาไปเถอะ”

หลิงอินหยิบศาสตราบรรจุของที่เก็บหิวเทวะเอาไว้ออกมา ก่อนจะมอบให้กับจิ้งจอกสวรรค์

นี่คือหินเทวะทั้งหมดที่นางได้มาจากดาวที่ดับสูญ นางส่งมอบพวกมันทั้งหมดออกไป

แต่ทว่าจิ้งจอกสวรรค์ทั้งเก้าไม่ได้รับศาสตราบรรจุของ

พวกนางต่างพากันคุกเข่าลงบนพื้นแล้วกล่าวว่า “ท่านเป็นคนดี ท่านสามารถช่วยเหลือพวกเราได้หรือไม่? ภายในนาวาล่องนภานั้นกว้างใหญ่เป็นอย่างยิ่ง ทั้งยังสามารถเดินทางภายในจักรวาลหมื่นดาราได้ ท่านช่วยพาเผ่าของพวกเราไปจากอาณาจักรอวี้ซวีได้หรือไม่?”

หินเทวะเกือบแสนล้านก้อนเพียงพอให้เผ่าของนางใช้ฝึกฝนเป็นระยะเวลานาน

แต่นี่ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาของเผ่านาง

เผ่าของนางยังคงต้องเผชิญกับชะตากรรมที่ถูกสิ่งมีชีวิตอื่นจ้องจับตัวไป!

สุดท้ายพวกนางก็ไม่มีทางอยู่อย่างสงบสุขได้เช่นเดิม

พวกนางต้องการหลบหนีออกจากอาณาจักรอวี้ซวี ตามหาอาณาจักรแห่งใหม่เพื่ออยู่อาศัย เช่นนั้นจึงจะสามารถแก้ไขปัญหาของพวกพวกนางได้อย่างสิ้นเชิง

ด้านในนาวาล่องนภากว้างขวางเป็นอย่างมาก มันสามารถรองรับสมาชิกทั้งหมดในเผ่าของพวกนางได้ พวกนางจึงต้องการจะขอร้องให้หลิงอินพาพวกนางออกจากอาณาจักรอวี้ซวี

“เช่นนั้นเอง…”

หลิงอินเข้าใจความคิดของเหล่าจิ้งจอกสวรรค์

อันที่จริง เป็นนางที่คิดไม่รอบคอบเอง เกรงว่าแม้นางจะมอบหินเทวะให้เผ่าจิ้งจอกสวรรค์มาเพียงใด ก็ไม่มีทางแก้ไขปัญหาของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ได้อย่างหมดจด

หากต้องการจะแก้ไขปัญหาของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ให้หมดไปอย่างสิ้นเชิง ก็จำเป็นต้องหาสถานที่ปลอดภัยให้เผ่าจิ้งจอกสวรรค์ได้อยู่อาศัย

“เอาล่ะ พวกเราไปที่เผ่าของพวกเจ้ากันก่อน แล้วค่อยพาพวกเจ้าทั้งหมดออกจากอาณาจักรอวี้ซวี”

หลิงอินกล่าว นางตัดสินใจพาเผ่าจิ้งจอกสวรรค์กลับไปยังอาณาจักรที่นางอาศัยอยู่

ทำเช่นนี้จึงเป็นการรับรองความปลอดภัยของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์

เรื่องการพาไปยังอาณาจักรแห่งอื่นนั้นนางเองก็คิด แต่ก็ต้องปัดตกไปอย่างรวดเร็ว

จิ้งจอกสวรรค์นั้นมีความงดงามตั้งแต่เกิด ความสามารถในการดึงดูดใจนั้นมากเกินไป หากพาพวกนางไปยังอาณาจักรอื่น ผลที่ออกมาก็เกรงว่าจะไม่ต่างอะไรไปจากอาณาจักรอวี้ซวี

หลังจากครุ่นคิดดูแล้ว เป็นทางเลือกที่ดีกว่าหากนางพาจิ้งจอกสวรรค์เหล่านี้กลับไปด้วย

จากการดูแลช่วยเหลือของนาง เผ่าจิ้งจอกสวรรค์จะปลอดภัยกว่าเป็นอย่างมาก

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท