บทที่ 500 หากเขาลงมือ ปัญหาเหล่านี้ก็จะสามารถแก้ไขได้!
นาวาล่องนภาเดินทางผ่านความว่างเปล่าไปภายใต้การนำทางของจิ้งจอกสวรรค์ทั้งเก้าตน ก่อนพวกนางจะมาถึงที่ตั้งของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์อย่างรวดเร็ว
“ไม่ฟังคำเตือนเลยสินะ!”
หลิงอินเหยียดยิ้ม ญาณสัมผัสของนางแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก แข็งแกร่งยิ่งกว่าญาณสัมผัสของเทียนตี้ทั่ว ๆ ไปเสียด้วยซ้ำ
ยอดฝีมือจากเผ่าและตระกูลเรืองอำนาจสูงสุดหลายคนดูเหมือนจะยังไม่ถอดใจ นางสัมผัสได้ว่ามีญาณสัมผัสของเทียนตี้จำนวนหลายคนเพ่งเล็งพวกนางเอาไว้
นางจึงสั่งให้นาวาล่องนภาหยุด ก่อนจะลอยออกไปด้านนอกเรือ จากนั้นก็เรียกคันศรออกมาน้าวยิ่ง เพียงชั่วพริบตา ศรแสงหลายดอกก็ถูกควบแน่นขึ้นบนคันศร
ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!
นางปล่อยสายคันศร ส่งลูกศรหลายดอกออกไป แต่ละดอกล้วนแฝงไว้ด้วยพลังอันน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก แยกย้ายพุ่งไปยังเทียนตี้ที่ใช้ญาณสัมผัสตามติดพวกนางเอาไว้
ศรพุ่งผ่านผืนฟ้า ราวกับเป็นเส้นแสงพุ่งมาจากที่ไกลโพ้น ทำให้สิ่งมีชีวิตภายในอาณาจักรอวี้ซวีต่างตกตะลึง!
ผ่านไปเพียงไม่นาน สิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนก็ได้ยินเสียงระเบิดอันน่าหวาดกลัวจากทุกหนแห่ง ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องของเทียนตี้คนแล้วคนเล่า
พวกเขาทั้งหมดต่างตกใจกลัว
ผู้ใดกันเป็นคนยิงลูกศรออกมา? ช่างน่าหวาดกลัวเกินไปแล้ว!
สิ่งนี้เหนือยิ่งกว่าความรู้ความเข้าใจของพวกเขาไปโดยสิ้นเชิง!
“ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว”
หลิงอินกล่าวด้วยรอยยิ้ม นางเก็บคันศรลงไปก่อนจะกลับเข้าไปในนาวาล่องนภา จากนั้นจึงล่องเรือต่อจนไปยังที่ตั้งของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์
ในตอนนี้ไม่มีเทียนตี้ผู้ใดกล้าสอดส่องพวกนางอีกต่อไป
นาวาล่องนภาเคลื่อนไปด้วยความเร็วสูงเป็นอย่างมาก ใช้เวลาเพียงไม่กี่อึดใจพวกนางก็มาถึงดินแดนของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์
หลังจากนั้นพวกนางก็พากันทะยานลงมาจากนาวาล่องนภา
หลิงอินกวาดตามองสภาพแวดล้อมโดยรอบ ดินแดนของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ในปัจจุบันเลวร้ายเป็นอย่างมาก แทบจะไม่หลงเหลือร่องรอยของปราณเลย
เพื่อหลบหนีการถูกจับ เผ่าจิ้งจอกสวรรค์จึงไม้กล้าจะอาศัยอยู่ในดินแดนที่มีปราณหนาแน่น กล้าเพียงจะอาศัยอยู่ในดินแดนที่มีปราณเบาบาง
“ท่านหัวหน้าเผ่า!”
จิ้งจอกสวรรค์ทั้งเก้าตนเดินนำหน้า ก่อนจะเข้าพบหัวหน้าเผ่าของตนเองเพื่อรายงานสถานการณ์ทุกอย่าง
“พวกท่านคือผู้มีพระคุณอันยิ่งใหญ่ของพวกเรา!”
หัวหน้าเผ่ารู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างมาก นำสมาชิกเผ่าทั้งหมดมาคุกเข่าคำนับหลิงอินและเสี่ยวหยา
“ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น!”
หลิงอินและเสี่ยวหยารีบเข้าไปพยุงหัวหน้าเผ่าอย่างรวดเร็ว ป้องกันไม่ให้หัวหน้าเผ่าต้องคุกเข่าลง
หลังจากนั้นเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ทั้งหมดก็ขึ้นไปบนเรื่อล่องนภาแล้ว หลิงอินก็บังคับนาวาล่องนภาให้ออกไปจากที่แห่งนี้
พื้นที่ภายในนาวาล่องนภากว้างใหญ่เป็นอย่างมาก แม้ว่าเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ทั้งหมดจะเข้ามาก็ไม่แออัดแม้แต่น้อย ทั้งยังคงเหลือที่ว่างอีกเป็นจำนวนมาก!
จากนั้นพวกนางก็จากอาณาจักอวี้ซวีไปเช่นนี้
…
อีกด้านหนึ่ง ผู้เฒ่าเมิ่งจีกับพวกอ้ายฉานต่างก็ประสบความสำเร็จในการ ‘ยืม’ สมบัติล้ำค่าจากเก้าแดนต้องห้าม ทำให้พวกเขามีพลังมากพอจะซ่อมแซมรอยร้าวของเขตแดนอาณาจักร
ขณะเดียวกัน ผู้เฒ่าเมิ่งจีก็ได้ปิดผนึกเส้นทางในดินแดนต้องห้ามเหล่านี้ด้วย
“ยังคงมีเส้นทางเหลืออยู่อีกไม่น้อย!”
ผู้เฒ่าเมิ่งจีถอนหายใจออกมา ในยามนี้เขารับรู้เรื่องราวมากมายที่เขาไม่เคยล่วงรู้มาก่อน มีสิ่งมีชีวิตต่างอาณาจักรมากมายอยู่ด้านในอาณาจักรแห่งนี้ หาได้มีเพียงเก้าแดนต้องห้ามเท่านั้น
ยังมีสิ่งมีชีวิตภายนอกอาณาจักรหลบซ่อนอยู่ ด้านในของพวกมันเองก็มีเส้นทางอยู่ เขาต้องการจะปิดผนึกเส้นทางเหล่านั้นด้วย
แน่นอนว่าด้วยขอบเขตความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขา ย่อมไม่สามารถปิดผนึกเส้นทางเหล่านี้ได้อย่างสมบูรณ์ หากมสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังเป็นอยากมากลงมือเข้าจริง ๆ ก็ยังคงสามารถทะลวงผ่านผนึกของเขาออกมาได้
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังต้องการจะปิดผนึกเส้นทางเหล่านี้
อย่าไรเสียการมีผนึกอยู่ หากมีสิ่งมีชีวิตภายนอกเข้ามา พวกเขาก็ยังสามารถรับรู้การเคลื่อนไหวได้ในทันที
แต่ทว่านอกจากเก้าแดนต้องห้ามแล้ว พวกเขาก็รู้เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตภายนอกอื่น ๆ น้อยเป็นอย่างมาก เขารู้เพียงแค่มีสิ่งมีชีวิตภายนอกดำรงอยู่ภายในอาณาจักร
กระทั่งเก้าแดนต้องห้ามเองยังรู้เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตภายนอกเหล่านั้นเพียงน้อยนิด ไม่รู้ตำแหน่งที่แน่นอนของสิ่งมีชีวิตภายนอกเหล่านั้น
“อ้ายฉาน พวกเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”
ในตอนนั้นเอง ศาสตราสื่อสารของอ้ายฉานก็สว่างขึ้น พร้อมกับมีเสียงดังออกมา
“พี่เซี่ยเหยียน พวกเราจัดการเก้าแดนต้องห้ามเรียบร้อยแล้ว ทว่าพวกเรายังคงมีปัญหาบางอย่าง…”
อ้ายฉานตอบกลับ
ใช่แล้ว เป็นเซี่ยเหยียนที่ติดต่ออ้ายฉานไปเพื่อดูว่าพวกอ้ายฉานลงมือกันไปถึงไหนแล้ว
“ปัญหาอันใด?”
คำถามของเซี่ยเหยียนส่งผ่านศาสตราสื่อสาร
อ้ายฉานไม่ได้ปิดบังสิ่งใด บอกเล่าปัญหาทั้งหมดที่พบให้กับเซี่ยเหยียน ทั้งยังบอกว่าพวกตนต้องการจะปิดผนึกเส้นทางของสิ่งมีชีวิตต่างอาณาจักรที่อื่น ๆ แต่กลับไม่รู้ตำแหน่งแน่นอนของสิ่งมีชีวิตต่างอาณาจักรเหล่านี้…
“จำเป็นต้องทำเช่นนั้นจริง”
เซี่ยเหยียนกล่าว “ต้องทำเช่นนี้พวกเราจึงสามารถเคลื่อนไหวได้ทันกาล แต่การจะตามหาสิ่งมีชีวิตทั้งหมดจากต่างอาณาจักไม่ใช่ปัญหาเล็ก ๆ…”
ทว่าในตอนนั้นเอง เซี่ยเหยียนก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาจากศาสตราสื่อสาร
“ข้านึกถึงคนผู้หนึ่งที่จะสามารถช่วยเหลือพวกเจ้าได้”
เซี่ยเหยียนพูดต่อ “ด้วยความช่วยเหลือจากเขา น่าจะทำให้พวกเราสามารถค้นหาตำแหน่งของสิ่งมีชีวิตต่างอาณาจักรทั้งหมดได้ ข้าจะลองไปถามเขาดูว่าสามารถช่วยเหลือพวกเจ้าได้หรือไม่”
หลังจากนั้นนางก็ออกจากสำนักไท่หัว ตรงไปยังเมืองชิงซาน
เมืองชิงซาน?
ผู้ที่เซี่ยเหยียนเอ่ยถึงคือคุณชายอย่างนั้นหรือ?
แน่นอนว่าต้องไม่ใช่
คนที่เซี่ยเหยียนกล่าวถึงคือ ตงฟางเวิ่น
นางมักจะไปพบคุณชายอยู่บ่อยครั้ง จึงทำให้รู้จักกับตงฟางเวิ่นไม่น้อย นางรู้ที่มาของตงฟางเวิ่นเนื่องจากอีกฝ่ายเคยบอกเล่าให้ฟัง
ในฐานะสมาชิกเครือข่ายข่าวสารขั้นห้าของกองกำลังฮวงเฉวียน ตงฟางเวิ่นคือผู้ที่เหมาะสมที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย ตราบใดที่ตงฟางเวิ่นสามารถช่วยเหลือได้ การค้นหาสิ่งมีชีวิตต่างอาณาจักรเหล่านั้นไม่น่านับเป็นเรื่องยาก
แต่ทว่า นางเองก็ไม่รู้ว่าตงฟางเวิ่นจะสามารถช่วยเหลือได้หรือไม่
อย่างไรเสียตงฟางเวิ่นก็เป็นคนที่อยู่ข้างกายคุณชาย อาจถูกเรียกใช้ให้ไปทำอะไรบางสิ่งอยู่
นางมาถึงเมืองชิงซานอย่างรวดเร็ว
นางแวะกล่าวทักทายต้นหลิวและเจ้าก้อนหิน จากนั้นก้เข้าไปในเมืองชิงซาน
“ผู้เฒ่าเวิ่นอยู่หรือไม่?”
นางเคาะประตูหน้าลานเล็ก ๆ ของตงฟางเวิ่น
“ใครกัน?”
ตงฟางเวิ่นเปิดประตูอย่างรวดเร็ว เมื่อพบว่าเป็นเซี่ยเหยียนก็รีบกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “ที่แท้ก็เป็นแม่นางเซี่ยเหยียน เชิญเข้ามาด้านในก่อน!”
“ครั้งนี้ข้ามีเรื่องต้องการจะรบกวนผู้เฒ่าเวิ่น”
หลังจากเข้ามาในลานเล็ก ๆ แล้ว เซี่ยเหยียนก็เอ่ยจุดประสงค์ในการมาครั้งนี้ทันที ก่อนจะถามตงฟางเวิ่นว่าสามารถไปช่วยเหลือพวกผู้เฒ่าเมิ่งจีได้หรือไม่
“คุณชายมีใจเป็นห่วงใต้หล้าแห่งนี้จริง ๆ ไม่อาจทนเห็นสิ่งมีชีวิตในอาณาจักรแห่งนี้ทนทุกข์ทรมาน!”
ตงฟางเวิ่นกล่าวออกมา
เขาคิดมานานแล้วว่าคุณชายจะไม่ทนเพิกเฉยต่อหายนะที่สิ่งมีชีวิตในอาณาจักรแห่งนี้จะต้องเผชิญ คุณชายได้วางแผนการทั้งหมดเอานานแล้ว โดยให้เมิ่งจีและคนอื่น ๆ ออกไปทำเรื่องต่าง ๆ ภายนอก
อีกทั้งในแผนการของคุณชายก็ยังมีตัวเขาอยู่ด้วย!
“ไม่แปลกใจเลยที่คุณชายบอกกับข้าก่อนหน้านี้ว่าจะไม่มาเล่นหมากรุกด้วยสักพัก ปรากฏว่าคุณชายคาดการณ์เรื่องทั้งหมดเอาไว้แล้ว คุณชายต้องการจะให้ข้าออกไปช่วยเหลือพวกเมิ่งจี!”
ตงฟางเวิ่นพูด
ครั้งสุดท้ายที่คุณชายมาพบเขาเพื่อเล่นหมากรุก คุณชายเคยบอกกับเขาพร้อมรอยยิ้มว่าจะไม่มาเล่นหมากรุกกับเขาสักพัก แต่ก็ไม่ได้บอกเป็นเพราะเหตุใด
ในยามนั้นเขาไม่เข้าใจความหมายของคำพูดคุณชาย ทั้งยังไม่กล้าเอ่ยถามอะไร
แต่ตอนนี้เซี่ยเหยียนมาหาเขา และถามว่าเขาสามารถลงมือช่วยเหลือพวกเมิ่งจีได้หรือไม่ ทำให้เขาเข้าใจได้ในทันทีว่าคุณชายต้องการให้เขาออกไปช่วยเหลือพวกเมิ่งจี จึงบอกว่าจะไม่มาเล่นหมากรุกกับเขาสักระยะ
ในความเป็นจริงแล้ว สิ่งที่ตงฟางเวิ่นคิดนั้นผิดเป็นอย่างยิ่ง
หลี่จิ่วเต้าบอกว่าเขาจะไม่มาเล่นหมากรุกกับตงฟางเวิ่นสักระยะ ก็เป็นเพราะตัวของหลี่จิ่วเต้าเองกำลังยุ่งอยู่กับสิ่งอื่น
เขาต้องการจะขุดสระน้ำเล็ก ๆ เพื่อปลูกดอกบัวและเลี้ยงปลาไว้ดูเล่น
สิ่งเหล่านี้ทำให้เขายุ่งเป็นอย่างมาก ดังนั้นเขาจึงไม่มีเวลาไปเล่นหมากรุกกับตงฟางเวิ่น
เขาไม่ได้บอกเรื่องนี้กับตงฟางเวิ่น ก็เพราะเกรงว่าตงฟางเวิ่นจะขอไปช่วยเขาทำ
ตงฟางเวิ่นเรียนหมากรุกจากเขา และเคารพเขาเป็นอย่างมาก
หากเขาบอกว่าตนเองต้องการจะขุดสระน้ำเล็ก ๆ ขึ้นมา ตงฟางเวิ่นย่อมต้องขอไปช่วยเขาอย่างแน่นอน
ตงฟางเวิ่นแก่ชรามากแล้ว ไม่เหมาะกับงานที่ต้องใช้แรงเช่นนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่เอ่ยเรื่องนี้ออกมา
ถึงจะบอกว่า แม้ตงฟางเวิ่นจะขอไปช่วย เขาก็สามารถปฏิเสธตงฟางเวิ่นได้
แต่นี่ก็นับเป็นน้ำใจของตงฟางเวิ่น เขากลัวกว่าการปฏิเสธจะเป็นการทำร้ายจิตใจของตงฟางเวิ่น
คนแก่มักจะชอบคิดมาก
หากเขาไม่พูดถึงเรื่องนี้ ก็จะไม่มีเรื่องยุ่งยากอะไรตามมา
ดังนั้นเขาจึงไม่บอกอะไรกับตงฟางเวิ่น