รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 501 พลิกฝาโลงขึ้นมา ขอดูหน่อยว่าเจ้าเป็นตัวอะไร!

บทที่ 501 พลิกฝาโลงขึ้นมา ขอดูหน่อยว่าเจ้าเป็นตัวอะไร!

บทที่ 501 พลิกฝาโลงขึ้นมา ขอดูหน่อยว่าเจ้าเป็นตัวอะไร!

‘เกรงว่าที่คุณชายเก็บข้าไว้ข้างกาย ก็เพื่อให้ข้าได้เป็นกำลังในการต่อกรกับสิ่งมีชีวิตนอกอาณาจักร!’

ตงฟางเวิ่นนึกย้อนกลับไปอีกครั้ง ถึงเหตุผลที่คุณชายเก็บเขาไว้ข้างกาย

ก่อนนี้เขาคิดไม่ตกมาโดยตลอด บัดนี้ถึงเริ่มมีเค้ามีโครง

นี่อย่างไร ยามนี้คุณชายเตรียมหน้าที่ไว้สำหรับเขาแล้ว!

น่ากลัวว่าคุณชายวางแผนทั้งหมดไว้แต่แรก!

“ฮ่า ๆ เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว ข้าจะไปช่วยเดี๋ยวนี้!”

ตงฟางเวิ่นเอ่ยยิ้ม ๆ

“มีผู้เฒ่าเวิ่นคอยช่วย ปัญหาทั้งหมดย่อมคลี่คลายลงได้แน่!”

เซี่ยเหยียนยิ้ม มั่นใจในตัวตงฟางเวิ่นมาก

ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นผู้ที่คุณชายเลือก และวางแผนไว้แต่แรก คงมิมีสิ่งใดผิดพลาด

“ใช่แล้ว! ปัญหาเหล่านี้ล้วนมิใช่ปัญหา!”

ตงฟางเวิ่นกล่าว “กองกำลังฮวงเฉวียนสืบเสาะข้อมูลของกองกำลังภายนอกเหล่านี้มานาน รู้เรื่องของกองกำลังภายนอกลึกทีเดียว เพียงแค่พวกเราไปที่กองกำลังฮวงเฉวียน พวกเราก็จะได้ทราบสถานการณ์และตำแหน่งที่ตั้งของกองกำลังภายนอก”

เบื้องหลังของกองกำลังฮวงเฉวียนคืออาณาจักรฮวงเฉวียน

และอาณาจักรฮวงเฉวียนเป็นเหมือนกับที่กองกำลังภายนอกเข้าใจ ทำไปเพื่อดินแดนนั้นทั้งสิ้น

สำหรับอาณาจักรฮวงเฉวียน กองกำลังภายนอกเหล่านี้ถือเป็นคู่แข่งพวกมัน ด้วยเหตุนี้ อาณาจักรฮวงเฉวียนจึงลงมือล้วงข้อมูลของกองกำลังภายนอกเหล่านี้ตั้งแต่เมื่อครั้งอดีต จวบจนมีข้อมูลของกองกำลังภายนอกอยู่ในมือ

เขามิใช่สิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรฮวงเฉวียน หากแต่เป็นสิ่งมีชีวิตในท้องที่ของอาณาจักรนี้ ถูกกองกำลังฮวงเฉวียนรับไปในภายหลัง เขามิใช่สมาชิกชั้นสูงของกองกำลังฮวงเฉวียน ไม่เคยมีข่าวสารของกองกำลังภายนอกในมือ

ข้อมูลซึ่งเกี่ยวข้องกับกองกำลังภายนอกล้วนอยู่ในมือสมาชิกระดับสูงของกองกำลังฮวงเฉวียน

“กองกำลังฮวงเฉวียนมีลู่ทางติดต่อกับภายนอกเช่นกัน พอดี เราไปผนึกเส้นทางเชื่อมต่อภายนอกในกองกำลังฮวงเฉวียนก่อน แล้วค่อยสืบเสาะสถานการณ์ของกองกำลังภายนอกจากภายในกองกำลังฮวงเฉวียน

ตงฟางเวิ่นคลี่ยิ้ม ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ถึงแม้ข้าไม่รู้ว่าฐานหลักของกองกำลังฮวงเฉวียนอยู่ที่ใด แต่ข้ารู้ตำแหน่งตำหนักย่อยแห่งหนึ่ง พวกเราบุกเข้าไปที่ตำหนักย่อยนี้ก่อนก็ได้”

ตำแหน่งที่ตั้งของฐานหลักกองกำลังฮวงเฉวียนลึกลับเป็นที่สุด มีเพียงระดับสูงในกองกำลังฮวงเฉวียนเท่านั้นที่รู้

แม้นเขาเป็นถึงสมาชิกเครือข่ายข่าวสารขั้นห้า กระนั้นยังไม่ทราบว่าฐานหลักกองกำลังฮวงเฉวียนอยู่ที่ใด

ทว่า เป็นดั่งที่เขาว่า เขาบุกไปยังตำหนักย่อยแห่งนั้นก่อนก็ได้

นายตำหนักย่อยผู้นั้นมาจากอาณาจักรฮวงเฉวียน ถือเป็นสมาชิกระดับสูงในกองกำลังฮวงเฉวียน รู้ว่าฐานหลักของกองกำลังฮวงเฉวียนอยู่ที่ใด

“ได้!”

หลังเซี่ยเหยียนได้ฟังคำกล่าวของตงฟางเวิ่น ก็ยิ่งสบายใจขึ้นไปใหญ่

จากนั้น เซี่ยเหยียนบอกลาตงฟางเวิ่น ส่วนตงฟางเวิ่นก็เริ่มลงมือ มุ่งหน้าไปรวมตัวกับพวกผู้เฒ่าเมิ่งจี

ณ ตำหนักย่อยฮวงเฉวียนบนยอดเขาที่ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยว

“ฮัดชิ้ว!”

แต่เดิมนายตำหนักย่อยสุขสบายดี แต่ทันใดนั้นกลับจามออกมา

“บัดซบ ไยข้าจึงสังหรณ์ใจไม่ดีนัก!?”

เขาเอ่ยเสียงเบา นับแต่จามครั้งนี้ อารมณ์ของเขาพลันหนักอึ้ง รู้สึกคล้ายถูกใครบางคนหมายหัว กำลังจะมีเรื่องร้ายเกิดขึ้นกับเขา!

“คงมิใช่หลี่จิ่วเต้าผู้นั้นกระมัง!?”

ใบหน้าชราของเขาคร่ำเครียด นึกถึงหลี่จิ่วเต้าขึ้นมา

“ข้าส่งตระกูลหานออกไปหมดแล้ว คงมิใช่ว่าหลี่จิ่วเต้ายังคิดบุกมาที่นี่อีกกระมัง”

เขาสบถก่นด่า ยามนี้เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับหลี่จิ่วเต้า หัวใจยังคงร้าวราน!

เริ่มจากสมาชิกเก่งกาจที่สุดแห่งเครือข่ายข่าวสารขั้นสามขั้นสี่ หนานเจี๋ยและอู๋ฉีถูกหลี่จิ่วเต้าสังหาร ต่อมา สมาชิกเครือข่ายข่าวสารขั้นห้า ตงฟางเวิ่นถูกหลี่จิ่วเต้าจับกุมตัวไว้

สุดท้าย เพื่อดับโทสะของหลี่จิ่วเต้า เขาส่งตระกูลหานซึ่งแต่เดิมต้องเป็นทาสรับใช้ให้พวกเขาไปชั่วกัปชั่วกัลป์ไปให้ ซ้ำยังตัดขาดการติดต่อทั้งหมด เช่นนี้เพราะตั้งใจยกให้หลี่จิ่วเต้า ให้เขาหายโกรธ!

กองกำลังฮวงเฉวียนของพวกเขาเสียหายอย่างหนักกับหลี่จิ่วเต้า!

“หากมิใช่เพราะแดนบรรพโกลาหล ข้าไฉนเลยต้องอดสูเยี่ยงนี้!”

สายตาเขาทอประกายดุดัน ไม่กลัวหลี่จิ่วเต้าอะไรนั่นสักนิด

แม้ว่าผู้ที่เขาส่งไปจัดการหลี่จิ่วเต้าต่างลงเอยด้วยความพ่ายแพ้ จนบัดนี้เขายังไม่ทราบตื้นลึกหนาบางของหลี่จิ่วเต้า

ทว่าหลี่จิ่วเต้าจะแข็งแกร่งได้สักปานใด?

จะต่อกรกับทั้งอาณาจักรฮวงเฉวียนของพวกเขาไหวเชียวหรือ?

เป็นไปได้อย่างไรกัน!

อย่าว่าแต่ต่อกรกับทั้งอาณาจักรฮวงเฉวียนของพวกเขาเลย ลำพังตำหนักย่อยเพียงแห่งเดียวของเขา ก็มิใช่สิ่งที่หลี่จิ่วเต้าต่อกรด้วยได้!

ตำหนักย่อยของเขามิได้มีกำลังต่ำต้อย เป็นรองเพียงฐานหลักเท่านั้น ที่นี่มียอดฝีมือมากมาย หากมิใช่ว่าฐานหลักต้องคำนึงถึงการใหญ่ ไม่ต้องการให้เขามีปัญหาไปมากกว่านี้ เขาไม่อยากรามือง่าย ๆ เช่นนี้สักนิด และไม่อยากปล่อยทั้งตระกูลหานไปง่าย ๆ ด้วย

“ถ้าหากหลี่จิ่วเต้ามาจริง พอดีเลย! มาคิดบัญชีทั้งหนี้แค้นเก่าและหนี้แค้นใหม่ในคราเดียว!”

นายตำหนักย่อยเอ่ยเสียงเย็น

ฐานหลักไม่ต้องการให้เขาสร้างปัญหา แต่ถ้าหลี่จิ่วเต้าเป็นฝ่ายมาหาเอง เช่นนั้นคงมิใช่เขาที่สร้างปัญหา

เขาเริ่มตั้งตารอให้หลี่จิ่วเต้ามาที่นี่แล้ว

ตำแหน่งตำหนักย่อยของเขาลึกลับอย่างยิ่ง สิ่งมีชีวิตที่รู้มีเพียงน้อยนิด ทว่าตงฟางเวิ่นถูกหลี่จิ่วเต้าจับกุมไว้ และหลี่จิ่วเต้ายังคลายผนึกในตัวตงฟางเวิ่นให้ด้วย คิดแล้วป่านนี้ตงฟางเวิ่นคงกลายเป็นคนของฝ่ายหลี่จิ่วเต้าไปแล้ว

และตงฟางเวิ่นรู้ตำแหน่งที่ตั้งของตำหนักย่อยนี้

“มาเถิด ให้ตงฟางเวิ่นพาเจ้ามา กล้ามา ข้าไม่มีทางปล่อยให้รอดกลับไปได้แน่!”

นายตำหนักย่อยหัวเราะเสียงเย็น ตำหนักย่อยนี้ไม่เพียงแต่มียอดฝีมืออยู่คณานับ อีกทั้งยังมีผนึกและมหาค่ายกลสถิตอยู่มากมาย แม้แต่ระดับเทียนตี้หากบุกรุกเข้ามาที่ตำหนักย่อยนี้โดยพลการ ย่อมต้องตายไม่มีที่ฝัง!

หากเป็นที่อื่น บางทีเขาอาจกังวลอยู่บ้าง ถึงอย่างไรหลี่จิ่วเต้าผู้นี้ก็ดูน่าพิศวง เดาตื้นลึกหนาบางไม่ถูก

ลำพังเรื่องที่หลี่จิ่วเต้ามีวิธีคลายผนึกในตัวตงฟางเวิ่นก็เป็นเรื่องที่พิกลอย่างยิ่ง ผนึกนั้นใช่ว่าอยากคลายก็คลายได้

เป็นไปได้สูงว่าหลี่จิ่วเต้าคือเทียนตี้ตนหนึ่ง!

ทว่าที่แห่งนี้ ในถิ่นของเขา ต่อให้หลี่จิ่วเต้าเป็นถึงเทียนตี้ก็เท่านั้น กล้ามาก็ต้องตายอยู่ที่นี่!

“แน่จริงเจ้าก็มาเลย!”

เขาหัวเราะ ไม่มีผู้ใดสามารถทำตามอำเภอใจในถิ่นของเขาได้ เพราะอย่างนั้นหลี่จิ่วเต้าก็ไม่มีทางได้กำแหง!

ขณะเดียวกัน หยวนอีมาอยู่บนเกาะอันเป็นที่ตั้งของโพรงมังกร

มีสี่กระบี่ประหารเซียนในมือ ครั้งนี้ไม่ว่าในโลงศพสีชาดนั้นมีสิ่งใดอยู่ นางก็ไม่หวั่น!

“พลิกฝาโลงของเจ้าออกมา ให้ข้าได้ดูหน่อยว่าเจ้าเป็นตัวอะไร!”

หยวนอีย่างกรายเข้าไปยังส่วนลึกของเกาะทีละก้าว

ระหว่างนี้ นางสั่งให้สิ่งมีชีวิตบนเกาะแห่งนี้ไปให้หมด

บนเกาะนี้มีสิ่งมีชีวิตดำรงอยู่มากมาย หลังจากนางพลิกฝาโลงสีชาดนั้นขึ้น ต้องมีสงครามใหญ่ปะทุขึ้นที่นี่แน่นอน ขืนสิ่งมีชีวิตบนเกาะนี้ไม่รีบไป เกรงว่าต้องพบเจออันตราย

“พวกเจ้าจงไปเสีย ไปยังสถานศึกษาเทียนตี้ที่จวินโจว ไปถึงแล้วเห็นว่าช่วยอะไรได้จงช่วย”

หยวนอีบอกให้สิ่งมีชีวิตเหล่านี้รุดหน้าไปที่สถานศึกษาเทียนตี้ในจวินโจว

สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ล้วนมีความสามารถไม่ธรรมดา มีกำลังรบเหนือนักบุญขึ้นไปไม่น้อยทีเดียว ด้านสถานศึกษาเทียนตี้สามารถยืมกำลังจากสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ได้แน่

เดิมนางให้สิ่งมีชีวิตเหล่านี้อยู่ที่นี่ต่อก็เพื่อคอยเฝ้าโพรงมังกร ป้องกันมิให้คนนอกเข้าไป

ทว่าบัดนี้ไม่จำเป็นอีกต่อไป

ทุกสิ่งทุกอย่างในที่แห่งนี้จะต้องจบลง

จากนั้น นางก็พุ่งเข้าไปในโพรงมังกร!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท