เนื่องจากการตัดสินใจวาดเรื่องสมุดมรณะใหม่ของหลินเยวียน สิ่งที่คนในออฟฟิศทุ่มเทลงไปตลอดระยะเวลาเกือบสองเดือนจึงเสียเปล่า แต่เมื่อม้วนภาพวาดของนรกซึ่งดูประหนึ่งมีชีวิตจริงปรากฏสู่สายตา หลัวเวยก็ไม่คลางแคลงในตัวอิ่งจือหรือหลินเยวียนอีกต่อไป!
เธอใช้เวลาลงสีตลอดทั้งคืน
จริงจังกว่าการวาดภาพนกฟินิกซ์เสียอีก
ไม่ใช่เพียงแค่คืนนี้ เหลือเพียงไม่กี่วันก่อนที่เดือนสิงหาคมจะมาถึง เธอเองก็รับหน้าที่ผู้ช่วยวาดการ์ตูนของหลินเยวียนอย่างเต็มใจ และอุทิศตนให้กับการสร้างสรรค์ผลงานนี้อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
แม้แต่คนที่ความรู้สึกช้าอย่างหลินเยวียนก็ยังสัมผัสได้ว่าท่าทีที่หลัวเวยมีต่อตนนั้นเปลี่ยนไป
เมื่อก่อนหลัวเวยนับว่าเคารพหลินเยวียน แต่ถึงอย่างไรก็รุ่นราวคราวเดียวกัน หลัวเวยอายุมากกว่าหลินเยวียนสักปีสองปีด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นทั้งสองจึงพูดคุยและร่วมงานกันเหมือนคนรุ่นเดียวกันเป็นส่วนใหญ่
ทว่าตั้งแต่หลินเยวียนวาดเรื่องสมุดมรณะ เมื่อหลัวเวยเผชิญหน้ากับหลินเยวียน ท่าทีเหมือนกับยามลูกศิษย์เจออาจารย์เสียมากกว่า
ทั้งเคารพ และระมัดระวัง
ความระมัดระวังนี้มีหลายระดับ แม้แต่ในบทสนทนายังเป็นเช่นนี้ “ฉันคิดว่าท่านโกรธเรื่องชิวเตาอวี๋กับเซวี่ยไห่”
เมื่อก่อนหลัวเวยแทบไม่เคยใช้คำเรียกว่า ‘ท่าน’ กับหลินเยวียนเลย
แม้จะสังเกตเห็นเรื่องนี้ แต่หลินเยวียนก็ไม่ได้สนใจความเปลี่ยนแปลง เขาเพียงแค่อธิบายไป
“ผมไม่ได้โกรธ”
เพียงแต่ได้รับทักษะด้านจิตรกรรมระดับปรมาจารย์ ก็เลยมีมาตรฐานเรื่องคุณภาพของการ์ตูนสูงขึ้น ไม่เกี่ยวอะไรกับชิวเตาอวี๋กับเซวี่ยไห่ ทั้งสองคนนี้บังเอิญมาชนเข้ากับคมกระบี่ของเขาพอดี
เมื่อได้รับทักษะด้านจิตรกรรมระดับปรมาจารย์มา หลินเยวียนจะต้องทดสอบกระบี่สักหน่อย
หลัวเวยยิ้มแย้ม
ถ้าคุณไม่ได้โกรธ ทำไมถึงต้องวาดสมุดมรณะใหม่ ลงมือปลิดชีพพวกเขาโดยตรงเลยล่ะ
ครั้งก่อนหลัวเวยถามหลินเยวียนว่าทำไมถึงไม่โกรธ หลินเยวียนก็ตอบเช่นนี้ ครั้งนั้นหลัวเวยชักจะคิดแล้วว่าหลินเยวียนเป็นคนที่ใจเย็นโดยธรรมชาติ
ตอนนี้ดูแล้ว เขาเป็นคนใจเย็นโดยธรรมชาติซะที่ไหนกันล่ะ อาจารย์อิ่งจือตัดสินใจระเบิดโทสะแล้วเนี่ย!
แต่ก็ต้องขอบคุณชิวเตาอวี๋กับเซวี่ยไห่
ถ้าหากไม่ใช่เพราะทั้งสองออกมาเอะอะ เกรงว่าอาจารย์อิ่งจือคงขี้คร้านที่จะงัดพลังออกมาอย่างเต็มที่
ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทั้งที่อาจารย์อิ่งจือฝีมือร้ายกาจถึงขนาดนี้ ทำไมก่อนหน้าต้องแสร้งว่าฝีมือใกล้เคียงกับตนด้วย
หรือเขาคิดว่าการมาคลุกคลีกับไก่อ่อนอย่างเธอนั้นเป็นเรื่องสนุก?
‘บางทีนี่อาจเป็นมุมมองของยอดฝีมือ‘
หลัวเวยคิดเช่นนี้ จิตใจของยอดฝีมือนั้นสุดจะหยั่งรู้
บางทีอาจารย์อิ่งจืออาจคิดเพียงว่า การดึงดูดผู้อ่านด้วยการวาดไปแบบสบายๆ นั้นเป็นเรื่องที่น่าสนุก?
และหลินเยวียนย่อมไม่รู้ว่าจินตนาการของหลัวเวยในตอนนี้ออกห่างจากความจริงมากแค่ไหน
ทว่าเขาเองก็ไม่ได้เอื่อยเฉื่อย
ถึงแม้จะรับกล่องสมบัติมาสำเร็จ เขามีทักษะด้านจิตรกรรมระดับปรมาจารย์ แต่ในเมื่อประกาศออกมาแล้วว่าเรื่องสมุดมรณะจะเริ่มปล่อยในเดือนสิงหาคม ในตอนนี้จึงต้องสำรองต้นฉบับไว้บ้าง
ในขณะนี้
บนปู้ลั่วการ์ตูน
การถกเถียงระหว่างชิวเตาอวี๋กับเซวี่ยไห่และอิ่งจือยังคงไม่ยุติเพียงเท่านี้ ถึงขั้นลามไปถึงความขัดแย้งระหว่างมณฑลด้วย
บนเว็บบอร์ดการ์ตูนสักแห่งหนึ่ง
มีชาวเน็ตจากฉู่มาแซวว่า ‘ทำดนตรี พวกเราไม่ไหว ส่วนการ์ตูน พวกเธอไม่ไหว’
พวกเธอ
‘พวกเธอ’ ในที่นี้แน่นอนว่าจงใจมุ่งเป้าไปยังนักวาดการ์ตูนจากฉินและฉี
ชาวฉินและชาวฉีต่างโกรธเคือง แต่กลับทำอะไรชาวฉู่ผู้หยิ่งทะนงเหล่านี้ไม่ได้ ก็ใครให้การ์ตูนและอนิเมชันของฉู่ได้รับความนิยมเป็นวงกว้างบนบลูสตาร์กันล่ะ
อย่างไรก็ดี ชาวเน็ตจากฉู่กลับตื่นเต้นดีใจกันยกใหญ่
เพราะดนตรีของฉู่ เพิ่งจะพ่ายแพ้ให้ฉินอย่างอเนจอนาถเมื่อช่วงต้นปี ดังนั้นจึงมีชาวฉู่บางส่วนรู้สึกหดหู่อยู่ในใจ
และในตอนนี้ พวกเขาก็สามารถกลับมาทวงบัลลังก์ได้แล้ว ย่อมรู้สึกตื่นเต้นเป็นธรรมดา
ถึงกับที่มีสื่อจอมสอดรู้สอดเห็นจากฉู่ อุตส่าห์เขียนคอลัมน์เกี่ยวกับการ์ตูนขึ้นมา เพื่ออธิบายโดยละเอียดว่าการ์ตูนของฉู่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานั้นมีอิทธิพลต่อบลูสตาร์แค่ไหนอย่างไร
เห็นได้ชัด
ว่าสื่อของฉู่หมายจะใช้โอกาสนี้ล้างแค้นที่คนดนตรีจากฉู่ปราชัยในครั้งก่อน
เพราะฉะนั้น ความหมายโดยนัยของข่าวเหล่านี้ก็คือ ‘ถึงแม้ด้านดนตรีเราจะพ่ายแพ้ให้คนฉิน แต่เราจะกลับมาเอาชนะในด้านการ์ตูน’
ก็เหมือนการแข่งขันเหย้าและเยือน
ดนตรีเป็นสนามเหย้าที่ชาวฉินได้เปรียบ ส่วนด้านการ์ตูนนั้น ถึงคราวที่คนฉู่จะได้เปรียบในสนามเหย้า
……
แน่นอนว่าโลกภายนอกไม่สามารถเข้ามารบกวนหลินเยวียนได้ ทว่าถึงแม้หลินเยวียนจะทุ่มเทสมาธิไปยังการ์ตูน แต่เขาก็ยังหาเวลาแวะไปยังบริษัท
จุดประสงค์ที่แวะมาบริษัทนั้นมีสองประการ
ประการที่หนึ่ง สอนการประพันธ์เพลงให้กับลูกศิษย์คนที่สามอย่างหลี่ลี่จื้อ
เวลาเข้าเรียนของหลี่ลี่จื้อ โดยทั่วไปแล้วต้องรอหลินเยวียนแจ้ง ถ้าหลินเยวียนมีเวลา เธอก็จะมาเรียน แต่ถ้าหลินเยวียนไม่มีเวลา เธอก็ไม่ต้องมา
ถึงแม้เวลาจะทิ้งช่วง แต่ด้วยเอฟเฟ็กต์อาจารย์เวอร์ชันอัปเกรดของหลินเยวียน ต่อให้หลี่ลี่จื้อมีพรสวรรค์ปานกลาง ความสามารถก็ยังรุดหน้าได้อย่างรวดเร็ว
บางทีเรื่องนี้อาจเป็นเพราะความขยันหมั่นเพียรของหลี่ลี่จื้อเองด้วย
สรุปว่าหลี่ลี่จื้อในตอนนี้ ฝีมือการประพันธ์เพลงโดดเด่น ส่วนจะจบหลักสูตรเมื่อไหร่ก็เป็นเรื่องของเวลาเท่านั้น
ประการที่สอง เพื่อแก้ไขผลงานของเซวียเหลียงและเฟิงซั่ว
เดือนเมษายนปีนี้ เซวียเหลียงและเฟิงซั่วแบ่งกันเขียนเพลงให้ซุนเย่าหั่วและเจียงขุย ปรากฏว่าทั้งซุนเย่าหั่วและเจียงขุยขึ้นไปติดชาร์ตเพลงใหม่ในเดือนนั้น
เรื่องนี้จึงกลายเป็นที่ถกเถียงของในโลกภายนอกเกี่ยวกับ ‘ราชวงศ์ปลา’
และตลอดหลายเดือนหลังจากนั้น เซวียเหลียงกับเฟิงซั่วก็ยังคงเขียนเพลงให้กับซุนเย่าหั่วและเจียงขุยทุกเดือน
เพลงเหล่านี้ เป็นเพลงที่สร้างขึ้นภายใต้การชี้แนะของหลินเยวียนหลังจากที่เขาเปิดใช้การ์ดตัวละครหยางจงหมิง เพราะฉะนั้นคุณภาพจึงไม่เลวเลย นักร้องซึ่งรับผิดชอบการขับร้องบทเพลงทั้งสองคนก็ได้ขึ้นไปติดสิบอันดับแรกอีกหลายครั้ง
แน่นอนว่ามีช่วงเวลาที่พลาดพลั้งบ้าง
ตัวอย่างเช่นในเดือนมิถุนายน ซึ่งก็คือเมื่อเดือนที่แล้ว บทเพลงที่เซวียเหลียงเขียนให้ซุนเย่าหั่วนั้นได้เสียงตอบรับปานกลาง สุดท้ายก็รั้งอยู่ในอันดับที่ 23 บนชาร์ตเพลงใหม่
หรือในเดือนกรกฎาคม ซึ่งก็คือเดือนนี้เอง เพลงที่เฟิงซั่วเขียนให้เจียงขุยก็พ่ายแพ้ จนท้ายที่สุดหล่นไปอยู่ในอันดับที่ 19 บนชาร์ตเพลงใหม่
ยังดีที่ภาพรวมดูดีทีเดียว
ด้วยความช่วยเหลือของลูกศิษย์ทั้งสองและการ์ดตัวละครซึ่งหลินเยวียนเปิดใช้งาน ผลงานของซุนเย่าหั่วและเจียงขุยตลอดหลายเดือนที่ผ่านมานับว่าไม่มีปัญหา
เดือนสิงหาคมกำลังจะมาถึง
หลินเยวียนวางแผนว่าจะให้เซวียเหลียงและเฟิงซั่วรับผิดชอบเพลงของซุนเย่าหั่วและเจียงขุยต่อไป ส่วนตนก็ใช้การ์ดตัวละครหยางจงหมิงช่วยเหลือพวกเขา
เป็นไปตามนี้
หลังจากสอนลูกศิษย์คนที่สามเสร็จแล้ว และให้คำแนะนำเกี่ยวกับผลงานของลูกศิษย์คนโตกับลูกศิษย์คนที่สองแล้ว หลินเยวียนก็เตรียมตัวออกจากบริษัท
ยังไม่ทันได้เดินออกจากห้องทำงาน หลินเยวียนก็ถูกเรียกให้หยุด
“จะไปแบบนี้เลยเหรอครับ…”
คนที่รั้งหลินเยวียนไว้คือรองหัวหน้าชั้นเก้าอย่างอู๋หย่ง
หลินเยวียนหยุดฝีเท้า “มีอะไรหรือเปล่าครับ”
อู๋หย่งยิ้มขื่น “คุณน่าจะเข้าใจดีว่าใกล้จะถึงเดือนสิงหาคมแล้ว ภารกิจที่บริษัทให้เรามาคือการปั้นนักร้องแถวหน้าสองคน”
หลินเยวียนเอ่ย “ผมก็กำลังทำอยู่ไม่ใช่เหรอครับ?”
หลายเดือนที่ผ่านมาเซวียเหลียงและเฟิงซั่วง่วนอยู่กับเรื่องนี้ หลินเยวียนเองก็เปิดใช้งานการ์ดตัวละครเพื่อชี้แนะให้พวกเขาไปไม่น้อย เพื่อให้แตะถึงเป้าประสงค์นี้ของบริษัท
“ตัวแทนหลินครับ”
อู๋หย่งกล่าวอย่างจนใจ “แน่นอนว่าลูกศิษย์สองคนของคุณฝีมือดีมาก แต่ปัญหาคือความคืบหน้ายังไม่พอ เจียงขุยกับซุนเย่าหั่วพื้นฐานไม่นับว่าดี นอกจากนั้นอีกไม่กี่เดือนก็จะสิ้นปีแล้วนะครับ”
สรุปง่ายๆ ก็คือ ประสิทธิภาพในการปั้นนักร้องของเซวียเหลียงและเฟิงซั่วยังไม่มากพอ
ซุนเย่าหั่วและเจียงขุยมีพื้นฐานธรรมดา โดยเฉพาะซุนเย่าหั่ว หากจะปั้นเขานั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
อ้างอิงตามความคืบหน้าในปัจจุบัน เมื่อถึงช่วงสิ้นปี ทั้งสองคงแตะไม่ถึงระดับนักร้องแนวหน้า
หลินเยวียนใช้ความคิด
อู๋หย่งเอ่ยพลางถอนใจ “คุณเคยรับปากว่าจะจัดการเอง ตอนนี้ก็ใกล้จะถึงเดือนสิงหาแล้ว ถ้าคุณยังไม่ลงมือ ก็อาจไม่ทันการนะครับ”
“เข้าใจแล้วครับ”
หลินเยวียนพยักหน้า
ตนสามารถออกโรงได้ในเดือนกันยายน เพื่อเพิ่มไฟให้ซุนเย่าหั่วและเจียงขุย ทว่าเพลงที่จะสั่งผลิตจะต้องมีพลังมากพอถึงจะใช้ได้ เพราะถึงอย่างไรเป้าหมายก็เป็นการทำให้ทั้งสองกลายเป็นนักร้องแถวหน้า
หลินเยวียนคิดว่าจะกลับไปไตร่ตรองว่าจะใช้เพลงอะไรดี
นอกจากไปบริษัทแล้ว หลินเยวียนก็ยังแวะไปที่กองถ่ายเรื่องปากง สุนัขยอดกตัญญูอีกรอบหนึ่ง
ความคืบหน้าในการถ่ายทำคล้ายว่าจะดำเนินไปด้วยดี คงจะเป็นเพราะฉากหลักนั้นอยู่ที่หนานจี๋ ดังนั้นจึงไม่ได้ล่าช้ามากนัก
เมื่อสุนัขไม่ให้ความร่วมมือจริงๆ ทีมงานก็รู้ว่าต้องเรียกหลินเยวียนมาสอน
ระยะนี้กองถ่ายไม่ได้เรียกหลินเยวียนมาบ่อยนัก คงจะค่อยๆ เข้าสู่จุดที่รับมือได้เป็นอย่างดีแล้ว
หลินเยวียนเพียงแค่เดินไปรอบๆ อย่างไม่ใส่ใจและกลับไปยังห้องทำงาน
และหลังจากที่หลินเยวียนวิ่งไปวิ่งมาอยู่หลายรอบ ในที่สุดก็มาถึงสิ้นเดือนกรกฎาคม
พูดให้ชัดก็คือ เป็นวันที่ 31 กรกฎาคม
ในคืนวันนี้ ปู้ลั่วการ์ตูนคึกคักเป็นพิเศษ แฟนคลับหลายคนนั่งรออยู่หน้าคอมพิวเตอร์ตลอดทั้งคืน
เพราะในค่ำคืนนี้ ชิวเตาอวี๋และเซวี่ยไห่จะปล่อยการ์ตูนเรื่องใหม่!
นี่เป็นข่าวซึ่งได้รับความสนใจมากที่สุดบนเว็บไซต์ในตอนนี้แล้ว!
นอกจากนั้น อิ่งจือก็จะปล่อยการ์ตูนออริจินัลเรื่องที่สองของเขาหลังจากจิตวิญญาณสือจี่อีกด้วย
ถึงแม้ว่าความสนใจที่โลกภายนอกมีต่ออิ่งจือนั้นจะมีไม่มากเท่าชิวเตาอวี๋และเซวี่ยไห่ แต่เพราะก่อนหน้านี้ชิวเตาอวี๋และเซวี่ยไห่ให้สัมภาษณ์ถึงอิ่งจือ จนเกิดเป็นประเด็นถกเถียงบนปู้ลั่วการ์ตูนอยู่นานครึ่งค่อนเดือน ถึงขั้นหยิบยกประเด็นความขัดแย้งระหว่างพื้นที่ขึ้นมาอีกครั้ง ดังนั้นทุกคนจึงพลอยสงสัยใคร่รู้ตามไปด้วยว่าผลงานใหม่ในครั้งนี้ของอิ่งจือจะเป็นอย่างไร
‘ท่านชิวเตาอวี๋โปรดไว้ชีวิตข้า’
เวลา 23.40 น. ซึ่งเหลือเวลาอีกยี่สิบนาทีก่อนที่ผลงานใหม่จะปล่อยออกมา จู่ๆ เซวี่ยไห่ก็กล่าวกับชิวเตาอวี๋เป็นการส่วนตัว พร้อมทั้งแนบมีมใบหน้าบวมฉุเขียวช้ำ ทำท่าทางขอโทษขอโพย อันที่จริงในใจหวังว่าตนจะเป็นที่หนึ่งและอีกฝ่ายเป็นที่สอง
‘ท่านเซวี่ยไห่อย่าเอ็ดไป’
ชิวเตาอวี๋รีบตอบกลับ พร้อมทั้งแนบอิโมจิร้องไห้ ‘ผมฟังจากในกลุ่มแฟนคลับของคุณมา คนรวยๆ ทางนั้นเตรียมพันธมิตรระดับเงินไว้แล้ว นี่กะจะระเบิดผมเลยใช่ไหมครับเนี่ย วัยรุ่นคุยกันดีๆ ก็ได้!’
‘ถึงยังไงผมก็นอนมาอันดับหนึ่งอยู่แล้ว’
เซวี่ยไห่เริ่มแดกดันคู่แข่ง
ชิวเตาอวี๋เองก็คร่ำหวอดในวงการ มีหรือจะไม่รู้ทันเจตนาแอบแฝงของเซวี่ยไห่ จึงตอบกลับในทันใด ‘คุณเอาที่หนึ่งไป ผมขอที่สองก็พอแล้ว’
‘คุณที่หนึ่ง!’
‘คุณนั่นแหละที่หนึ่ง!’
‘ฮ่าๆๆๆๆๆ พวกเราอย่าแซะกันเองเลย ถึงยังไงเราก็เป็นคนฉู่เหมือนกัน พวกเราสองคนไม่ว่าใครได้อันดับหนึ่ง ก็เท่ากับเป็นอันดับหนึ่งของคนฉู่’
‘ไม่มีปัญหา!’
ทั้งสองบรรลุฉันทามติกันในทันที
ขณะที่ทั้งสองกำลังแดกดันและยกยอปอปั้นกันเองอยู่นั้น ในออฟฟิศของอิ่งจือ หลัวเวยซึ่งวันนี้ตั้งใจอยู่ทำงานล่วงเวลาก็เหลือบมองไปยังเวลาที่มุมล่างขวาของคอมพิวเตอร์ ตอนนี้เป็นเวลา 23.55 น. แล้ว
‘พร้อมหรือยัง’
หลัวเวยมองไปยังบรรดาผู้ช่วยซึ่งอยู่ด้านข้าง
ในวันนี้ผู้ช่วยทั้งหมดในออฟฟิศของอิ่งจือล้วนอยู่ทำงานล่วงเวลา หากใช้คำพูดของหลัวเวยก็คือ ทุกคนควรได้เป็นสักขีพยานในการเปิดตัวเรื่องสมุดมรณะ
‘ติ๊ดๆๆๆๆๆๆ!’
ไม่รู้ว่าใครตั้งปลุกเตือนในโทรศัพท์มือถือไว้ล่วงหน้าตอนเที่ยงคืนพอดี เสียงที่ดังขึ้นประหนึ่งลั่นกลองรบ ชิวเตาอวี๋และเซวี่ยไห่ต่างคนต่างปล่อยการ์ตูนเรื่องใหม่ออกมา
ขณะเดียวกัน
ในออฟฟิศของอิ่งจือ
ภายใต้การจับตามองของบรรดาผู้ช่วย หลัวเวยก็เปิดตัวห้าตอนแรกของเรื่องสมุดมรณะ หลังจากที่ตั้งเวลาโพสต์ไว้ล่วงหน้า
………………………………………….