ทันทีที่พูดจบ เลี่ยวจือฝู่ที่อารมณ์ดีอย่างที่สุดก็เริ่มต้อนรับบรรดาขุนนางที่เหลือเข้าไปในภัตตาคารไห่ปิน
เฮ่อเหลียนเวยเวยมองร่างที่กำลังเดินห่างออกไป แล้วปัดฝุ่นที่แขนเสื้อของตัวเองด้วยท่าทางไม่ทุกข์ร้อนพร้อมกับก้มหน้าลงหัวเราะเบาๆ จริงทีเดียว คนเราย่อมต้องได้รับผลกรรมที่ตัวเองก่อไว้…
“เงาทมิฬ” เฮ่อเหลียนเวยเวยเงยหน้าขึ้น แล้วใช้น้ำเสียงกระจ่างใสราวกับแก้วนั้นเอ่ยขึ้นว่า ”เจ้าได้จดชื่อของคนที่เพิ่งเดินเข้าไปในภัตตาคารไห่ปิน และคนที่เข้าร่วมงานเลี้ยงนี้เอาไว้หรือไม่”
เงาทมิฬกระโจนเข้ามาอย่างรวดเร็ว และคุกเข่าลงบนพื้นด้วยความเคารพ ”เรียนใต้เท่าเว่ย ข้าจดชื่อของพวกเขาเอาไว้หมดแล้วขอรับ”
เหล่าข้ารับใช้ที่อยู่ข้างกายองค์ชายสามล้วนแต่เฉลียวฉลาดยิ่งนัก มุมปากของเฮ่อเหลียนเวยเวยกระตุกขึ้น ”ส่งรายชื่อพวกนั้นไปให้เจ้านายของเจ้า แล้วบอกเขาว่าข้าจะรอเขาอยู่ข้างนอก”
“ขอรับ” เงาทมิฬเผลอชำเลืองมองเฮ่อเหลียนเวยเวยก่อนที่เขาจะออกไป
บนแผ่นดินนี้ นอกจากนายน้อยเลี่ยแล้ว ก็คงไม่มีใครที่จะเข้าใจฝ่าบาทได้ดีเท่ากับพระชายาอีกแล้ว
ไม่ว่าฝ่าบาทจะทำอะไร นางก็สามารถเข้าใจได้ในทันที และให้ความร่วมมือเพื่อทำให้แผนการของเขาบรรลุจุดประสงค์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ช่างเป็นโชคดีของจักรวรรดิจ้านหลงที่มีพระชายาเช่นนี้อยู่!
งานเลี้ยงต้อนรับยังคงดำเนินต่อไป และด้วยเหตุนี้เอง ข่าวเรื่องที่เลี่ยวจือฝู่ถูกปล่อยตัวออกมาจึงแพร่สะพัดออกไป
ทันทีที่ได้ยินเรื่องนี้ ผู้ว่าการเฉินก็ทนอยู่เฉยไม่ได้อีกต่อไป เขารีบตรงไปที่ศาลาว่าการทันที ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอับจนปัญญา ”พระชายา การปิดภัตตาคารไห่ปินไม่ใช่สิ่งที่จะทำได้ง่ายๆ หากพวกเราพลาดท่าเสียที สุดท้ายปัญหาที่เรานำมาอาจไม่คุ้มค่ากับสิ่งที่ทำนะพ่ะย่ะค่ะ”
“ใต้เท้าเฉิน ท่านใจเย็นๆ ก่อนเถิด เรายังไม่เห็นเลยด้วยซ้ำว่าเรื่องราวที่แท้จริงจะดำเนินไปเช่นใด” เฮ่อเหลียนเวยเวยยิ้มอย่างเกียจคร้าน
แต่ผู้ว่าการเฉินยังรู้สึกเป็นกังวลยิ่งนัก เขาไม่คิดที่จะดื่มชาแม้แต่นิดเดียว ”พระชายา ท่านอาจจะยังไม่ทรงทราบถึงจุดเริ่มต้นของภัตตาคารไห่ปิน แต่องค์ชายย่อมเข้าใจความสัมพันธ์อันซับซ้อนของมันได้อย่างชัดเจนแล้วกระมัง” ทันทีที่พูดจบ เขาก็ชะงักก่อนจะมองไปรอบๆ แล้วถามขึ้นมาว่า ”องค์ชายอยู่ที่ไหนหรือพ่ะย่ะค่ะ”
เฮ่อเหลียนเวยเวยเป่าฝุ่นที่อยู่บนกระดานหมากรุกก่อนจะวางหมากสีขาวตัวหนึ่งลงบนนั้น พร้อมกับตอบอย่างไม่รีบร้อนว่า ”เขาถูกคนของเลี่ยวฉิงเทียนพาตัวไปขัง ตอนนี้น่าจะกำลังพักผ่อนอยู่ข้างใน”
เคร้ง!
ผู้ว่าการเฉินทำถ้วยน้ำชาในมือร่วงลงบนพื้นก่อนที่มันจะแตกออกเป็นห้าเสี่ยง
“เขา พวกเขาพยายามทำอะไรนะพ่ะย่ะค่ะ นี่พวกเขาคิดจะก่อการกบฎหรือ?!”
จะโทษที่ผู้ว่าการเฉินตื่นตระหนกถึงเพียงนี้ก็ไม่ได้ เพราะอย่างไรเขาก็เป็นถึงผู้ว่าการสามมณฑล
ต่อให้เขามีเก้าชีวิต ก็ยังไม่พอที่จะชดใช้ให้กับเรื่องนี้!
คนที่พวกเขาพูดถึงอยู่เป็นถึงองค์รัชทายาทของจักรวรรดิจ้านหลงเชียวนะ!
พวกคนนี้เสียสติกันไปหมดแล้วหรือ?!
ต่อให้พวกเขาไม่รู้ถึงฐานะที่แท้จริงขององค์ชายสาม แต่พวกเขาจะเที่ยวจับใครต่อใครตามใจเช่นนี้ไม่ได้!
หากเทียบกับอาการร้อนรนของผู้ว่าการเฉินแล้ว เฮ่อเหลียนเวยเวยดูสุขุมเยือกเย็นกว่ามาก ”ใต้เท้าเฉิน ท่านยังจำสิ่งที่องค์ชายถามท่านก่อนหน้านี้ได้หรือไม่”
ผู้ว่าการเฉินชะงักไปครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายเขาก็ตอบขึ้นมาว่า ”องค์ชายตรัสถามกระหม่อมว่าเราจะลงโทษแม่ทัพที่เคยได้รับความดีความชอบในศึกสงครามแต่กลับข่มขู่เพื่อนร่วมงานของตนเองได้อย่างไร ในเวลานั้นองค์ชายกล่าวไว้ว่าเราควรยืมแรงเพื่อเข้าปะทะ”
เฮ่อเหลียนเวยเวยวางหมากสีขาวตัวสุดท้ายลงกลางกระดาน แผนซุ่มโจมตีเกิดขึ้นแล้ว!
“เป้าหมายของเราในการยืมแรงเพื่อเข้าปะทะนี้ไม่ได้มีเพียงแค่เลี่ยวฉิงเทียนคนเดียว” เฮ่อเหลียนเวยเวยยิ้มออกมาเล็กน้อย ”องค์ชายต้องการจะขุดรากถอนโคนปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้น ด้วยเหตุนี้เขาถึงได้ยอมถูกจับกุมโดยตั้งใจ”
คำว่า ’โดยตั้งใจ’ นั้นไม่ต่างจากสายฟ้าที่ฟาดใส่ร่างของผู้ว่าการเฉิน ทันใดนั้นเขาก็เข้าใจแผนการได้ในทันที
ถ้าองค์รัชทายาทถูกจับ เช่นนั้นคนที่จะมีปัญหาย่อมไม่ได้มีเพียงแค่เลี่ยวฉิงเทียน แต่ขุนนางทุจริตทั่วทั้งเมืองหลวงประจำมณฑลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ย่อมต้องถูกจัดการไปด้วย
แม้กระทั่งผู้อาวุโสที่เมืองหลวงก็อาจจะถูกลากเข้ามาเอี่ยวและพลอยถูกลงโทษไปด้วยเช่นกัน
หรือว่า… เป็นไปได้หรือไม่ว่านี่คือเป้าหมายที่แท้จริงขององค์ชายสาม?!
เพราะหากปัญหานี้เป็นเพียงปัญหาเล็กๆ อย่างภัตตาคารแห่งหนึ่งคิดเงินค่าอาหารแพงหูฉี่ มันก็คงไม่สมเหตุสมผลนักที่อดีตฮ่องเต้จะสั่งจับกุมแม่ทัพที่เคยนำชัยชนะในสงครามมาให้ด้วยเหตุนี้ การทำเช่นนี้มีแต่จะยิ่งสร้างความผิดหวังให้กับแม่ทัพคนอื่นๆ เสียด้วยซ้ำ
แต่ถ้าปัญหานี้เป็นเรื่องใหญ่โตและลุกลามไปจนถึงขั้นกลายเป็นข้อหากบฎขึ้นมา… มันก็จะกลายเป็นคนละเรื่อง!
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ผู้ว่าการเฉินก็เงยหน้าขึ้น ดวงตาที่เคยท้อแท้สิ้นหวังของเขาในเวลานี้กลับสดใสเป็นประกาย
สมกับเป็นองค์ชายสามจริงๆ!
เขาเคยได้ยินเรื่องอุบายและวิธีการที่ชายคนนี้ใช้มาก็มากมายนัก แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ประจักษ์ด้วยตาตัวเอง เขารู้ว่าจะใช้อำนาจที่มีอยู่ในมือนี้ได้อย่างไร!
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ย ชายผู้ถูกชะตากำหนดให้เป็นฮ่องเต้มาตั้งแต่เกิด เขาสามารถฆ่าคนได้โดยไม่จำเป็นต้องทำให้มือของตัวเองเปื้อนเลือดด้วยซ้ำ…
ทันทีที่เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้ว่าอีกฝ่ายเข้าใจแล้ว นางก็ก้มหน้าลงแล้วจิบชาด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม
ในเวลาเดียวกันนั้น เลี่ยวฉิงเทียนกำลังทานอาหารและร่ำสุราอยู่ ใบหน้าของเขาดูผ่อนคลายอย่างมาก
แม้ภัตตาคารไห่ปินจะกลับมาเปิดกิจการได้เพียงวันเดียว แต่มันก็สามารถทำรายได้ได้เป็นกอบเป็นกำ
แต่เขายังไม่รู้ว่าในเวลานี้ จะมีคนที่เขานึกไม่ถึงเดินทางมาถึงเมืองหลวงประจำมณฑลแล้ว และคนคนนั้นกำลังพักผ่อนอยู่ที่ห้องโอรสสวรรค์ซึ่งเป็นห้องส่วนตัวของภัตตาคารไห่ปินแห่งนี้นี่เอง ข้างกายของคนคนนั้นมีองครักษ์สวมชุดเกราะอารักขาอยู่ราวห้าหกคน บรรยากาศที่ลอยอยู่รอบตัวของแต่ละคนนั้นเหนือกว่าบรรดาสามัญชนเป็นไหนๆ…
ในเวลานั้น เมื่อได้ยินว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยยากจนเกินกว่าจะเข้ามาในภัตตาคารไห่ปินได้ ในที่สุดเลี่ยวเหวินเหวินก็รู้สึกเหมือนกับว่าความแค้นของตนได้รับการชำระ ”คนบ้านนอกอย่างไรก็เป็นคนบ้านนอกอยู่วันยังค่ำ การที่ที่ปรึกษาส่วนตัวของเขาถูกจับกุมตัวไปเช่นนี้ย่อมเป็นสิ่งที่สมควรแล้ว!”
“คุณหนู ข้าได้ยินมาว่านายท่านกำลังจะลงโทษเจ้าคนแซ่เว่ยผู้นั้นเหมือนกันเจ้าค่ะ เขาคงมีลมหายใจอยู่ได้อีกไม่นานนัก” แม้สาวใช้คนนี้จะยังเด็ก แต่คำพูดของนางกลับเต็มไปด้วยความชั่วร้าย
ตอนแรกเลี่ยวเหวินเหวินตั้งใจจะพูดต่อ แต่ทันใดนั้นก็มีซาลาเปาเนื้อลูกหนึ่งลอยเข้ามาปะทะใบหน้าที่นางรักและทะนุถนอมเข้าอย่างจัง!
“ใคร นั่นใคร?!” เลี่ยวเหวินเหวินโมโห นางรู้สึกเหมือนทั่วทั้งใบหน้าเต็มไปด้วยกลิ่นของไส้ซาลาเปา นางอยากฆ่าเจ้าคนที่ขว้างซาลาเปาหมูสับลูกนั้นมายิ่งนัก!
เด็กชายตัวเล็กๆ คนหนึ่งยกท่อนไม้ในมือขึ้น แล้วตอบด้วยท่าทางอันสูงศักดิ์ว่า ”ข้าเอง!”
“เจ้า!” เลี่ยวเหวินเหวินนึกไม่ถึงเลยว่านางจะถูกเด็กตัวเล็กเพียงแค่นี้รังแก ”เจ้าเด็กมารยาททรามคนนี้เป็นลูกของใครกัน”
เด็กชายมองหน้านางอย่างไม่กลัวเกรง แล้วเอ่ยเสียงเย็นชาว่า ”หุบปากซะ หญิงอัปลักษณ์”
หญิงอัปลักษณ์หรือ?!
เลี่ยวเหวินเหวินเป็นคนที่มั่นใจในรูปร่างหน้าตาของตัวเองมาโดยตลอด และทันทีที่นางได้ยินคำพูดนั้น ความโกรธของนางก็ปะทุขึ้นมาทันที ”เจ้ายืนอยู่ตรงนั้นเลยนะ ถ้าแน่จริงก็อย่าหนีไปเสียก่อนล่ะ! เจ้าเด็กหยาบคายคนนี้ วันนี้ข้าจะทำให้เจ้าได้เห็นว่าหากเจ้าทำตัวเสียมารยาทต่อเลี่ยวเหวินเหวินเข้าแล้วจะเป็นอย่างไร!”
เด็กชายตัวน้อยรู้สึกเพียงแค่ว่าคนคนนี้ช่างน่ารำคาญเสียไม่มี แต่เดิมเขาก็ไม่มีความตั้งใจที่จะเดินหนีอยู่แล้ว เขาออกมาทำธุระส่วนตัวและบังเอิญได้ยินคนนินทาพี่สามกับพี่สะใภ้สามเข้าพอดีต่างหาก แน่นอนว่าเขาย่อมไม่ปล่อยให้นางรอดตัวไปได้ง่ายๆ แน่ แต่หญิงอัปลักษณ์นางนี้ก็เอาแต่แผดเสียงตะโกนใส่เขาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ว่าแต่นางตะโกนอะไรใส่เขาหรือ?
หนุ่มรูปงามพูดน้อยอย่างเจ้าเจ็ดเผลอแสดงสีหน้าสับสนออกมา
เลี่ยวฉิงเทียนที่นั่งทานข้าวอยู่บริเวณนั้นได้ยินเสียงโวยวายที่เกิดขึ้นเข้า เขาจึงพาทหารสองสามนายเดินเข้ามา ”เหวินเหวิน เกิดอะไรขึ้นหรือ”
“ท่านพ่อ เจ้าเด็กมารยาททรามคนนั้นปาซาลาเปาใส่ข้าเจ้าค่ะ เขายังตะคอกใส่ข้าด้วย!” เลี่ยวเหวินเหวินชี้นิ้วไปทางเด็กชายหัวโล้นเป็นประกายโดยไม่สนใจด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายจะยังเป็นแค่เด็กคนหนึ่ง
เลี่ยวฉิงเทียนมองเด็กชายในชุดเสื้อคลุมราวกับหลวงจีน แต่ก็ไม่ได้คิดที่จะใส่ใจกับอีกฝ่ายมากนัก ”เจ้าเด็กตัวร้ายนี่มาจากไหน!”
อาจเป็นเพราะเสียงเอะอะโวยวายนี้ดังเกินไปจนมันไปรบกวนคนที่อยู่ในห้องส่วนตัวเข้า
ทันทีที่หางตาของเขามองเห็นเสด็จปู่ของตัวเองปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตู เด็กชายก็ปิดปากเงียบและทำเพียงยืนอยู่ตรงนั้นด้วยใบหน้าเล็กๆ บูดบึ้งอันบ่งบอกว่าเขาไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง
แต่เพราะพ่อลูกตระกูลเลี่ยวยืนหันหลังให้กับอดีตฮ่องเต้ เลี่ยวฉิงเทียนจึงไม่ทันรู้ตัวว่าอดีตฮ่องเต้มาถึงแล้ว
ความจริงแล้วเลี่ยวเหวินเหวินยังคงตะโกนอยู่เลยว่าให้มัดเจ้าเจ็ดเอาไว้ และจับเขาโบยเสียให้เข็ด!
ขันทีซุนที่ยืนอยู่ด้านหลังพวกเขาเริ่มโมโหขึ้นมาเสียแล้ว!
เด็กสาวสติฟั่นเฟือนคนนี้มาจากไหน นางกล้ารังแกองค์ชายน้อยหรือ!