หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting – บทที่ 1305 ของกำนัล

บทที่ 1305 ของกำนัล
สะพานที่เก้านั้นทั้งศักดิ์สิทธิ์และเต็มไปด้วยความน่าเกรงขามสำหรับทุกชีวิตบนดินแดนเซียน เพราะนับแต่โบราณมาคนที่ไปถึงจุดนี้ได้มีเพียงสี่คนเท่านั้น!
สี่คนนี้หนึ่งคือเจ้าแห่งดินแดนเซียน ส่วนอีกสามคนที่เหลือคือมหาจักรพรรดิสวรรค์ทั้งงสามที่แข็งแกร่งที่สุด
ทว่า ตอนนี้มีเพิ่มมาอีกคนแล้ว!
ในเวลาเดียวกันดวงอาทิตย์ดวงที่สิบเอ็ดบนดินแดนเซียนก็เปล่งแสงเจิดจ้าอีกครั้ง แสงสว่างวาบราวกับจะปกคลุมโลกทั้งใบด้วยแสงของมัน
ในแสงรัศมีหมื่นจั้งนี้ หวังเป่าเล่อที่ยืนอยู่ตรงปลายสะพานที่เก้าก็ดวงตาเปล่งประกายไม่แพ้กัน เขาสัมผัสได้ถึงพลังต่อต้านที่อยู่ข้างหน้า สัมผัสได้ว่าร่างกายราวกับถูกแช่แข็งจนไม่อาจก้าวเท้าต่อไปได้
ราวกับ…เส้นทางสู่สวรรค์ของเขาได้สิ้นสุดลงตรงนี้
“จะหยุดตรงนี้ไม่ได้!” หวังเป่าเล่อเค้นเสียงต่ำ ก่อนจะค่อยๆ เงยหน้าขึ้น ตอนนี้แสงในตาเขาเปลี่ยนไปทันที ประกายระยิบระยับในรูม่านตาราวกับหมึกหยดลงกลางน้ำ ก่อระลอกคลื่นไปทั่วทุกสารทิศ
ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็กลายเป็นสีดำ ไอมรณะสายหนึ่งแผ่ออกมาจากร่างกายปกคลุมไปทั่วบริเวณ ขณะเดียวกันไอปราณประหลาดนี้ก็ทำให้หวังเป่าเล่อที่ยืนอยู่ตรงนั้นดูไม่เหมือนคนที่ยังมีชีวิต แต่เหมือนกับศพ!
ไอมรณะพลิกตลบอีกครั้ง หมอกสีดำแผ่ออกมาจากรูขุมขนบนร่างหวังเป่าเล่อ มันแผ่ขยายแทรกซึมไปรอบๆ อย่างรวดเร็ว มาพร้อมความเน่าเปื่อยและความตาย นี่คือ…เต๋าแห่งหยินมืดของหวังเป่าเล่อ!
ขณะนี้ทุกสายตาที่กำลังมองหวังเป่าเล่อล้วนรู้สึกถึงระลอกคลื่นต่างระดับกันไป เพราะขณะที่หมอกสีดำแทรกซึมไปทั่ว มันก็ได้มารวมตัวกันเป็นรูปปั้นขนาดมหึมากลางท้องฟ้าเหนือสะพานที่เก้า!
รูปปั้นนี้…เหมือนหวังเป่าเล่อทุกประการ เพียงแต่สวมชุดคลุมสีดำทั่วทั้งร่าง สีหน้าเย็นชาราวกับไม่มีอารมณ์ใดอยู่ภายใน มือข้างหนึ่งถือหนังสือคล้ายข้างในหนังสือนั้นกำหนดความตายได้ มองจากที่ไกลๆ เต็มไปด้วยความคลุมเครือ
“ร่างเต๋าแห่งความตาย!”
“ตามตำนานกล่าวว่าหลังจากเต๋าแห่งความตายกลายเป็นหนึ่งในต้นกำเนิดก็ได้กลายร่างเป็น…เจ้าแห่งความมืด!”
“นี่…หรือว่านี่คือร่างของเจ้าแห่งความมืด”
พริบตาที่ผู้ฝึกตนดินแดนเซียนจิตใจสั่นไหวอย่างรุนแรงนั้นเอง…รูปปั้นที่ก่อตัวจากหมอกสีดำก็ก้าว…ไปข้างหน้า!
ย่างก้าวนี้สะเทือนฟ้าดินอย่างยิ่ง ส่งผลให้จักรวาลร้องคำราม มหาจักรวาลผันผวนรุนแรง
ย่างก้าวนี้สั่นสะเทือนไปทั่วทุกสารทิศ ส่งผลให้เจ้าของสายตาทุกคู่ใจสะท้านวาบ
ย่างก้าวนี้เหมือนกับการก้าวจากสามัญไปยังเทพเซียน นั่นคือ…มหาวัฏจักรของขั้นที่สี่ นั่นคือ…สัญญาณของการก้าวสู่ขั้นที่ห้า!
ขณะนี้เสียงคำรามดังก้องไปทั่วท้องนภา ท้องฟ้าพลันซีดจาง เมฆหมอกพลิกม้วนกลับ ตามมาด้วยเสียงแกร๊กที่ไม่อาจปกปิดได้ดังมาจากท้องฟ้าคล้ายมีสิ่งกีดขวางบางอย่างถูกทำลาย ร่างของรูปปั้นนั้นก้าวข้ามจากปลายสะพานที่เก้าไปปรากฏตัวที่ความว่างเปล่าระหว่างสะพานที่เก้าและสิบ
พริบตาที่มันเหยียบลงมา ร่างนั้นก็ดูเหมือนจะหมดพลังจนไม่สามารถยืนหยัดต่อไปได้อีก แล้วกลับกลายเป็นหมอกสีดำอีกครั้งราวกับถูกลมพัดปลิว เผยให้เห็น…ร่างของหวังเป่าเล่อข้างในรูปปั้นยักษ์!
“มหาวัฏจักรของขั้นที่สี่หรือ” หวังเป่าเล่อยืนอยู่ระหว่างสะพานที่เก้าและสิบด้วยสีหน้าสงบ หลังจากรู้สึกถึงสภาพของตนในยามนี้ เขาก็มีความรู้สึกที่แน่ชัดบางอย่าง เขาในตอนนี้ใช้เพียงนิ้วเดียวก็กำจัดตัวเขาในอดีตได้แล้ว
ทั้งสองมีช่องว่างต่างกันมากเกินไป
ตัวเขาในอดีต แม้จะเป็นเต๋าแปดปรมัตถ์ แต่ก็เป็นแค่ขั้นที่สี่ มีเต๋าธาตุไม้เพียงอย่างเดียวและเป็นสารัตถะของร่างต้นแบบจึงเป็นสารัตถะตามธรรมชาติ แต่เต๋าธาตุอื่นๆ ที่ดูเหมือนจะเป็นต้นกำเนิด แท้จริงแล้วไม่ใช่ เป็นเพียงพลังของร่างกายเท่านั้น
แต่ตัวเขาในตอนนี้ ทุกๆ การเคลื่อนไหว ทอง ดิน น้ำ ไฟล้วนเป็นต้นกำเนิด แม้จะเป็นเพียงหนึ่งในต้นกำเนิดของธาตุทั้งห้า แต่ก็มีธาตุอื่นที่แบ่งปันกับตน ทว่า…นี่ก็เป็นจุดสูงสุดของธาตุทั้งห้าที่ผู้ฝึกตนสามารถบรรลุได้แล้ว
ในสภาวะปกติไม่มีผู้ใดสามารถแยกธาตุทั้งห้าออกมาใช้เดี่ยวๆ ได้
แต่เต๋าธาตุไม้ของหวังเป่าเล่อทำได้!
กอปรกับเต๋าแห่งหยินมืดของเขาเชื่อมโยงกับเต๋าแห่งความตายของมหาจักรวาลและกลายร่างเป็นเจ้าแห่งความมืด ดังนั้นเขาในตอนนี้แม้จะยังอยู่ขั้นที่สี่ แต่…กลับสามารถสยบขั้นที่สี่ด้วยกันได้แทบทั้งหมด!
คนอื่นนั้นส่วนใหญ่ล้วนเป็นต้นกำเนิดเต๋าเพียงเต๋าธาตุเดียว แต่หวังเป่าเล่อเป็นต้นกำเนิดเต๋าห้าธาตุ อีกทั้งยังเป็นต้นกำเนิดที่แท้จริงของเต๋าธาตุไม้ เช่นนี้แล้วหากขั้นที่สี่มาอยู่ตรงหน้าเขาก็มีเพียงการถูกสยบเป็นผลลัพธ์สุดท้ายเท่านั้น
อาจกล่าวได้ว่าหวังเป่าเล่อในขณะนี้คือขั้นที่สี่ที่แข็งแกร่งที่สุด ไม่ใช่แค่หนึ่งในนั้น
แต่…นี่ยังไม่ใช่จุดสิ้นสุดของหวังเป่าเล่อ เขาที่ยืนอยู่ระหว่างสะพานที่เก้าและสิบ เวลานี้ได้เงยหน้ามองสะพานที่สิบ ด้วยระดับในปัจจุบันของเขาจะสามารถมองเห็นว่าบนสะพานที่สิบมีเงาร่างอยู่สามร่าง
ทั้งสามร่างนี้ล้วนไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับหวังเป่าเล่อ สองท่านที่ยืนอยู่บนหัวสะพานที่สิบก็คือมหาจักรพรรดิสวรรค์ทั้งสองของดินแดนเซียน ซึ่งครั้งหนึ่งเคยทำให้หวังเป่าเล่อเกิดความรู้สึกอันตรายมาแล้ว
ส่วนคนที่ยืนอยู่กลางสะพานที่สิบก็คือ…ซือถูที่เคยเล่นหมากรุกกับเขา
ส่วนที่ปลายสะพานนั้นไม่มีใคร และบนสะพานที่สิบเอ็ดซึ่งเป็นสะพานสุดท้ายก็ไม่มีใครเช่นกัน
ซึ่งนั่นมีสองความหมาย อาจเพราะไม่มีใครเคยไปถึง หรืออาจเพราะ…ไปถึงอย่างสมบูรณ์แล้วจึงไม่ทิ้งเงาร่างไว้
แต่ไม่ว่าอย่างไรสิ่งที่สายตาหวังเป่าเล่อเห็นอยู่ตอนนี้ก็คือ จากกลางสะพานที่สิบไปไม่มีใครเลย
“ข้า จะเดินบนสะพานที่สิบได้ไหมนะ” หวังเป่าเล่อหรี่ตา เขารู้ดีว่าสะพานที่เก้าเป็นตัวแทนของขั้นที่สี่ สะพานที่สิบเป็นตัวแทนของ…พลังฝึกปรือขั้นที่ห้า!
ขอเพียงก้าวขึ้นไปได้ก็แสดงว่าตนนับเป็นขั้นที่ห้าแล้ว หากเดินไปถึงตรงกลางก็แสดงว่าขั้นที่ห้าฝึกปรือไปครึ่งหนึ่งแล้ว และหากเดินไปถึงปลายสะพานได้ก็แสดงว่าระดับขั้นที่ห้านี้สมบูรณ์แล้ว
แต่หวังเป่าเล่อไม่มั่นใจ เต๋าของเขา…ถูกใช้ไปหมดแล้ว
แม้จะยังเหลือเต๋าหยางศักดิ์สิทธิ์ แต่กลับไม่มีอะไรมารองรับเต๋า ไร้พันธนาการเช่นกัน
“น่าเสียดาย…” หวังเป่าเล่อถอนใจเบาๆ แต่แล้วในตอนนั้นเอง
บิดาของหวังอีอีที่กำลังนั่งทำสมาธิอยู่ข้างสะพานแห่งแรกก็เอ่ยขึ้น
“เป่าเล่อ เดินต่อไป!”
ได้ยินเช่นนี้ แววตาหวังเป่าเล่อพลันวูบไหว ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ร่างของเขาก็ก้าวไปข้างหน้า ระหว่างนั้นพลังปราณบนร่างก็เปลี่ยนไปทันที หยินมืดสลาย ความมีชีวิตชีวาอันเข้มข้นสายหนึ่งพลันปะทุออกจากร่าง
นี่คือ…เต๋าตรงข้ามของเต๋าแห่งหยินมืด…เต๋าแห่งหยางศักดิ์สิทธิ์!
เต๋านี้เป็นเต๋าที่เข้มงวดและศักดิ์สิทธิ์สูงสุด ทันทีที่ใช้มันความสูงส่งจึงพุ่งทะยาน แสงสว่างของมันสยบทุกแสงในใต้หล้า ความมีชีวิตชีวาสยบทุกความตาย!
แต่น่าเสียดาย…ที่มันเป็นเพียงมายา ไม่มีร่างจริง เหมือนกับแหนไร้รากลอยบนผิวน้ำ ดูเหมือนจะแข็งแกร่งแต่ความจริงแล้วเป็นเพียงภายนอกเท่านั้น!
เพราะในเต๋าแปดปรมัตถ์ของหวังเป่าเล่อ นอกจากไร้พันธนาการแล้ว เต๋าหยางศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่มีสิ่งรองรับเต๋า ตอนที่เขาอยู่ในโลกแห่งศิลา หวังเป่าเล่อตามหามันไม่เจอจึงทำให้เต๋านี้ไม่อาจสมบูรณ์ได้
ทว่า ตอนนี้…ในพริบตาที่เต๋าหยางศักดิ์สิทธิ์ของหวังเป่าเล่อแผ่ออกมา บิดาของหวังอีอีที่อยู่ล่างสะพานแห่งแรกก็ค่อยๆ ยกมือขวาขึ้น ก่อนที่หินรูปร่างประหลาดจะปรากฏอยู่ในมือของเขา
หินก้อนนี้มีขนาดเท่ากำปั้น มันแผ่พลังอันสูงส่งออกมา เห็นได้ชัดว่าไม่ใหญ่ แต่ให้ความรู้สึกไร้ที่สิ้นสุด หากพินิจให้ละเอียดจะเห็นว่ามันมีรอยจำนวนมาก และวัสดุของมัน…ดูเหมือนจะเป็นอย่างเดียวกันกับสะพานสู่สวรรค์!!
“นี่คือหินสะพานที่เหลืออยู่ตอนที่ข้าแซ่หวังสร้างสะพานที่สิบเอ็ด มอบให้เจ้า…เป็นสิ่งรองรับเต๋า!” ขณะที่กล่าวหวังโหม่วก็สะบัดมือ หินสะพานก้อนนั้นพลันระเบิดแสงแรงกล้าและพุ่งไปยังหวังเป่าเล่อ!
พุ่งเข้าใกล้และหลอมรวมในพริบตา!
หวังเป่าเล่อตัวสั่นอย่างรุนแรง เต๋าหยางศักดิ์สิทธิ์พลันระเบิด!
หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

Status: Ongoing

เรื่อง : หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา (三寸人间)ผู้เขียน : เอ่อร์เกิน (耳根) ผู้แปล : Thunderbird Translators ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศ ปักเข้าใจกลาง ดวงอาทิตย์ ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนจำนวนมาก กระจัดกระจายไปทั่ว ทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก และก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัด พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ปราณวิญญาณ ‘หวังเป่าเล่อ’ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาใน สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความหน้าหนาหน้าทน ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตาย หากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท