เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค – ตอนที่ 515 แผนซ้อนแผน ดาบนี้คืนสนอง (1)

ตอนที่ 515 แผนซ้อนแผน ดาบนี้คืนสนอง (1)

มั่วเชียนเสวี่ยถอดอาภรณ์ตัวนอก แล้วโยนลงบนเก้าอี้ “สามียังคงขี้งกเช่นเคย เพลงกระบี่นี้มีแค่กระบวนท่าเดียวหรืออย่างไร”

“เสวี่ยเสวี่ยคิดว่ากระบวนท่าเดียวไม่พอหรือ” หนิงเซ่าชิงถอดอาภรณ์ พลางเอ่ยยิ้มๆ “อีกครู่สามีจะสอนกระบวนท่าที่สองให้เจ้า…”

ถอดอาภรณ์สีฟ้าอ่อนแล้ว อาภรณ์ตัวในสีขาวราวหิมะก็ทอประกายสว่างภายใต้แสงไฟในห้อง เป็นบุรุษรูปงามที่ฝีมือปราดเปรื่องชวนให้ผู้คนตกตะลึงอย่างแท้จริง

มั่วเชียนเสวี่ยมองอย่างโง่งมอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจุมพิตริมฝีปากเขาอย่างต้านทานแรงยั่วยวนไม่ไหว

แต่ เมื่อแตะกลีบปากเขาอย่างแผ่วเขาแล้ว กลับไม่อยากปล่อยเขา ให้เขาเอาเปรียบทั้งอย่างนี้

ไม่รอให้หนิงเซ่าชิงอุ้ม นางก็รับอาภรณ์ในมือเขามา แล้วขยับร่างหลบวูบ ถือโอกาสนำอาภรณ์ของเขาไปวางบนเก้าอี้ตนเองวางอาภรณ์ไว้เมื่อครู่ ยิ้มน่ารัก พลางเอ่ยว่า “ตั้งหน้าตั้งตารอได้เลย!”

ก้นบึ้งนัยน์ตาหนิงเซ่าชิงเปี่ยมไปด้วยความขบขัน

และไม่เกรงใจอีก ใช้ปลายนิ้วแทนกระบี่ อากาศแทนใบมีดแหลมคม วาดขึ้นวาดลง ชั้นในของใครบางคนก็ปลิวว่อนเป็นชิ้นๆ เหมือนใบไม้

“คนชั่วร้าย…”

“ไม่ใช่ว่าเสวี่ยเสวี่ยต้องการหรอกหรือ”

“ข้าไม่สน พรุ่งนี้ท่านต้องชดใช้อาภรณ์ให้ข้า…”

“อืม…”

ทั้งสองคนสนทนากันอย่างไร้เหตุผล หนิงเซ่าชิงรับมั่วเชียนเสวี่ยเอาไว้ แล้วอุ้มนางตรงไปที่เตียง

ม่านแดงร่วงหล่น…

ตอนที่เสร็จกิจ ก็เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว

แม้ว่าทั้งสองคนจะอ่อนเพลีย แต่ยังคงไม่ง่วงงุน

หนิงเซ่าชิงอธิบายส่วนสำคัญของเพลงกระบี่นั้นให้มั่วเชียนเสวี่ยฟังอย่างละเอียด มั่วเชียนเสวี่ยฟังแล้วก็รู้แบบงูๆ ปลาๆ และไม่ได้ลุกขึ้นมาลองฝึก แต่กลับเก็บเกี่ยวความรู้ได้ไม่น้อย

หนิงเซ่าชิงกลับหัวเราะเยาะ ด่าว่านางเป็นเด็กน้อยโง่เขลา ไม่สามารถสรุปเรื่องหนึ่ง แล้วอนุมานไปถึงเรื่องอื่นๆ ได้ เอ่ยเหตุผลให้นางฟัง ก็เหมือนกับสีซอให้ควายฟัง

หลังจากนั้นก็กอดนาง โดยไม่เอ่ยอันใดอีก ไม่นานภายในห้องก็สงบเงียบโดยสิ้นเชิง

เตาหนูเห็นกุ่ยซาอยู่ ย่อมหลบไปอยู่ที่ห่างไกลนานแล้ว เพียงแต่สงสารชูอีกับกุ่ยซาที่ยืนเฝ้ายามในวันนี้ เห็นได้ชัดว่ามีความรู้สึก แต่กลับไม่กล้ากระทำการหุนหัน ทั้งคู่ล้วนก้มใบหน้าแดงระเรื่อลง

ตื่นมาตอนเช้า หาได้ยากที่หนิงเซ่าชิงจะยังไม่จากไป

มั่วเชียนเสวี่ยจ้องดวงหน้าหล่อเหลาราวกับภาพวาด ลูบเรือนผมสีน้ำหมึกเบาๆ พลางถอนหายใจแรงอย่างอดไม่อยู่

บุรุษรูปงามที่หล่อเหลาเสียจนทั้งมนุษย์และเทพเซียนล้วนชังหน้าข้างกายผู้นี้ เป็นบุรุษที่ลวนลามนางเมื่อคืน ทั้งยังเอาแต่ใจอย่างไม่รู้จักพอผู้นั้นหรือ

“อยู่ดีๆ ถอนหายใจทำไมหรือ”

หนิงเซ่าชิงที่ไม่รู้ว่าตื่นตั้งแต่เมื่อไร ลืมนัยน์ตาสีดำตัดขาวคู่หนึ่งมองมั่วเชียนเสวี่ยยิ้มๆ

มั่วเชียนเสวี่ยยิ้มน้อยๆ ยื่นมือไปจัดเรือนผมสีน้ำหมึกที่สยายรากับน้ำตกของหนิงเซ่าชิง

“แค่รู้สึกว่าตอนที่ท่านหลับ ค่อนข้างน่ารัก”

“เจ้าก็เหมือนกัน” หนิงเซ่าชิงมุ่ยปากอย่างไม่ยอมอ่อนให้

“ห๊ะ?” มั่วเชียนเสวี่ยตะลึงงัน

“ตอนที่เจ้าตื่น เหมือนกับลูกเสือที่มีฟันแหลมคมตัวหนึ่ง”

ฟันแหลมคม?!

มั่วเชียนเสวี่ยมองบริเวณต้นคอของหนิงเซ่าชิงอย่างอดไม่ได้

อากาศร้อน สวมเสื้อผ้าน้อยชิ้น กวาดตามองก็เห็นรอยฟันชัดเจนบนแผงอกหนิงเซ่าหลายรอย มั่วเชียนเสวี่ยเขินอายเล็กน้อย

ขณะที่กระอักกระอ่วน ก็เอ่ยเจือโทสะว่า “พูดเหลวไหล! ข้าโหดเหี้ยมกว่าเสือมาก ทางที่ดีท่านควรจะระวังสักหน่อย อย่าให้ข้าจับจุดอ่อนอะไรได้ หากว่ามีสตรีน่ารังเกียจอะไรโผล่ออกมาเรียกสามีอีก…”

เอ่ยจบ สายตาของมั่วเชียนเสวี่ยก็เคลื่อนจากแผงอกลงไปด้านล่าง จับจ้องจุดพิเศษบางแห่งอย่างมีเจตนาชั่วร้าย

หนิงเซ่าชิงเห็นมั่วเชียนเสวี่ยที่เป็นแบบนี้ ก็ค่อยๆ โค้งมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้มงดงาม สีหน้าท่าทางล้วนเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม ก้นบึ้งนัยน์ตาสว่างไสวมีประกายยินดีเอ่อล้นออกมาอย่างควบคุมไม่อยู่

นี่เป็นครั้งแรกที่มั่วเชียนเสวี่ยแสดงท่าทางหึงหวงตนเองอย่างชัดเจน

ครั้งที่แล้ว นางแสดงท่าทางออกมาว่าโมโห

เป็นความโมโหที่ของของตนเองถูกผู้อื่นครอบครอง

ครั้งนี้ กลับเป็นความหึงหวงจริงๆ หนิงเซ่าชิงพลิกกายขึ้นมาทาบทับอย่างอดไม่อยู่

มั่วเชียนเสวี่ยผลักเขาร่วงลงไป วันนี้นางยังมีเรื่องสำคัญที่ต้องทำ ไม่สามารถมีชีวิตอยู่บนเตียงไปวันๆ กับเขาได้

“เสวี่ยเสวี่ย…” หนิงเซ่าชิงยื่นมือไปโอบอีกครั้ง

น้ำเสียงคล้ายกับออดอ้อน

มั่วเชียนเสวี่ยกายสะท้าน

ทว่ากลับใช้ผ้าห่มห่อตนเองเอาไว้อย่างรวดเร็ว พลางหันหน้าไป “ถ้ายังไม่ตื่นอีก ครั้งหน้าจะไม่อนุญาตให้เข้าห้องแล้ว”

หนิงเซ่าชิงไม่ได้ตื๊อมากเกินไป ลุกขึ้นแล้วลงจากเตียง

เวลาไม่เช้าแล้ว เขาก็ต้องกลับไปตระกูลหนิงเร็วหน่อย มีเรื่องมากมายต้องจัดการ

ถ้าสามารถแต่งนางเข้าตระกูลได้เร็วขึ้นก็ดี

เพราะมีหนิงเซ่าชิงอยู่ในห้อง ขอเพียงแค่นางไม่เอ่ยเรียก ข้างในมีเสียงดังเพียงใด ชูอี สืออู่ และสาวใช้หลายนางที่รอปรนนิบัติอยู่ข้างนอก ล้วนไม่มีทางเป็นฝ่ายเคาะประตูเข้ามาปรนนิบัติเอง

หนิงเซ่าชิงสวมอาภรณ์สีขาวหิมะตัวเดียวนั่งอยู่หน้ากระจก หยิบหวีเล่มหนึ่งส่งให้มั่วเชียนเสวี่ย

“ช่วยหวีผมให้ข้าที”

มั่วเชียนเสวี่ยอึ้ง “แต่ก่อนไม่มีความเคยชินเช่นนี้”

ตอนอยู่ในหมู่บ้านหวังจยา ล้วนเป็นนางตื่นก่อน จากนั้นหมุนตัวเข้าไปในห้อง เขาก็ตื่นแล้ว

มากสุดก็ยกน้ำไปปรนนิบัติเขา ล้างหน้าบ้วนปากอะไรพวกนี้

“อีกหน่อยก็จะชินเอง” หนิงเซ่าชิงเลิกคิ้ว แค่นเสียงเบา “เสวี่ยเสวี่ยจะแต่งเข้ามาแล้ว เจ้าต้องเรียนรู้ที่จะปรนนิบัติสามีตนเองให้ดี”

“ฝันไปเถอะ!” แม้ว่าจะด่าว่า หัวเราะเยาะเย้ย แต่มั่วเชียนเสวี่ยกลับรับหวีมา

มั่วเชียนเสวี่ยมือหนึ่งจับหวี อีกมือจับผม หวีได้อย่างราบรื่น และมัดรวบผมหนิงเซ่าชิงเป็นหางม้า แล้วติดริบบิ้นบริเวณมวยผม เอ่ยยิ้มๆ ว่า “เสร็จแล้ว”

หนิงเซ่าชิงจนปัญญา ถลึงตาใส่มั่วเชียนเสวี่ยผ่านกระจก โดยไม่หันหน้ากลับไป “เรียบง่ายเช่นนี้?” ภาพลักษณ์เช่นนี้จะให้เขากลับตระกูลหนิงได้อย่างไร

มั่วเชียนเสวี่ยหงายฝ่ามือออก เอ่ยด้วยท่าทางใสซื่อบริสุทธิ์อย่างยิ่ง “ข้าทำเป็นแค่ทรงนี้เท่านั้น” นางทำไม่เป็นจริงๆ นะ

หนิงเซ่าชิงมองกระจก แสร้งขมวดคิ้วน้อยใจ “เช่นนั้นก็เอาแบบนี้แล้วกัน หลังจากนี้ค่อย…”

ยังไม่ทันจะเอ่ยจบ พลันมีเสียงโต้เถียงดังลอยมาจากข้างนอก

มั่วเชียนเสวี่ยก็ได้ยินเช่นกัน ทั้งสองคนตะลึงในเวลาเดียวกัน

มั่วเชียนเสวี่ยออกจากห้องก็เห็นว่าชังมู่กับถงจื่อจิ้งโต้เถียงกันอยู่ใต้ต้นหลิวหน้าประตูเรือน

มั่วเชียนเสวี่ยรีบถามชูอีที่ยืนอยู่อีกด้าน “นี่มันเรื่องอะไรกัน?”

ชูอีเห็นมั่วเชียนเสวี่ยเอ่ยถาม ก็อธิบายอย่างละเอียดถี่ถ้วน แม้ว่านางจะไม่ชอบถงจื่อจิ้งคนผู้นึ้ แต่ก็เอ่ยเล่าโดยอยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริง

“คุณชายจื่อจิ้งมาแต่เช้า รอทักทายคุณหนูยามเช้าเหมือนอย่างเคย ท่านแม่ทัพชังมู่ก็มาเช่นกัน แต่กลับยืนกรานให้กุ่ยซาเข้าไปแจ้งในห้อง กุ่ยซายังไม่เอ่ยอันใด คุณชายจื่อจิ้งก็ก้าวเข้าไปบอกให้ท่านแม่ทัพชังมู่รอสักครู่ บอกว่าคุณหนูกำลังพักผ่อน ให้ท่านแม่ทัพชังมู่อย่ารบกวนการพักผ่อนของคุณหนู หลังจากนั้น…”

เรื่องราวหลังจากนั้น ไม่ต้องเอ่ย มั่วเชียนเสวี่ยก็เดาได้แล้ว

แม้ว่าชังมู่จะไม่ได้มีนิสัยบุ่มบ่ามใจร้อน แต่การตายของทูตทั้งสามคนเมื่อวานนี้สร้างความสะเทือนใจให้เขาอย่างหนักหน่วง เกรงว่าตอนนี้ก็ยังไม่ดีขึ้น

เมื่อวานเขารีบร้อนลนลานจะกลับเมือง แล้วยื่นป้ายให้ฮ่องเต้ เข้าเมืองหลวงพบกับฮ่องเต้เพื่อต้องการคำอธิบาย

แต่ทว่า ภายใต้สถานการณ์ที่ความรู้สึกหลุดการควบคุม มั่วเชียนเสวี่ยจะยอมให้เขาลงมือทำเองคนเดียวได้เช่นไร

เขาอยู่ที่บ้านไร่ ยังสามารถรับประกันความปลอดภัยของเขาได้ หากออกจากบ้านไร่แล้วถูกสังหาร มั่วเชียนเสวี่ยมีกี่ปากก็ไม่มีคำอธิบายให้กับชายแดนตะวันตก

เมื่อวานเขาเอ่ยตกลงแล้วว่า วันนี้จะไปพบฮ่องเต้ด้วยกัน เพียงแต่คิดไม่ถึงว่า ยังเช้าขนาดนี้ ชังมู่จะมาถึงแล้ว

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

Status: Ongoing

เพราะสำลักน้ำชาจนขาดอากาศ(?)ทำให้ มั่วเชียนเสวี่ย สาวมั่นหัวการค้าทะลุมิติมาอยู่ในโลกยุคโบราณและในร่างของคนอื่น

แต่นั่นยังไม่น่าตระหนกเท่าการที่ร่างนี้กำลังจะแต่งงานเพื่อแก้เคล็ดให้กับชายหนุ่มที่ป่วยร่อแร่เต็มที!

ในโลกที่หากขาดที่พึ่งผู้หญิงก็สามารถถูกขายเป็นทาสได้ตลอดเวลาสามีคนนี้ของนางนับว่าเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลยทีเดียว

ทั้งมีความรู้ สุภาพและไม่ใช้กำลังแถมหน้าตายังหล่อเหลาอีกด้วย เสียตรงร่างกายอ่อนแอไปหน่อยเท่านั้น

ชีวิตครอบครัวชนบทแสนยากจนของนางจึงเริ่มขึ้นที่ตรงนั้น… แต่อย่างไรนางไม่ยอมงอมืองอเท้ารับชะตากรรมแบบนี้แน่

ในเมื่อนางมีความรู้ความสามารถยังต้องกลัวสร้างกิจการไม่ได้อีกหรือ?!

เส้นทางร่ำรวยสายนี้นางจะบุกเบิกมันขึ้นมาด้วยตนเอง! และหวังว่าทุกอย่างจะราบรื่นด้วยดี

เพราะเหมือน ‘ร่างนี้’ ของนางกับฐานะเดิมของสามีเหมือนจะไม่ค่อยธรรมดาเสียด้วยสิ…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท