แม่ทัพเลี่ยวบอกเอาไว้มิใช่หรือว่าหากการเตรียมการใกล้จะเสร็จสิ้นเมื่อใด เขาจะส่งทหารจากศาลาว่าการมาแจ้งเขา
แต่ทหารมาทำอะไรตั้งมากมายถึงเพียงนี้
“ใต้เท้า ดูจะไม่เข้าทีแล้วนะขอรับ!” องครักษ์ที่ยืนอยู่ข้างใต้เท้าจางเริ่มสับสน คนอื่นอาจไม่รู้ถึงสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายใต้การเคลื่อนกำลังพลของบรรดาทหารม้าเหล่านี้ แต่กับคนที่เคยประจำอยู่ในค่ายทหารมาก่อน เขารู้ดีว่ากองทัพที่สามารถทำให้เมืองทั้งเมืองสั่นคลอนได้จะส่งทหารม้าฝีเท้าเร็วที่สุดออกมาก็ต่อเมื่อมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นเท่านั้น!
แต่ที่สำคัญกว่านั้น พวกเขาเข้ามาในเมืองทำไม?!
มิหนำซ้ำยังมุ่งหน้ามาทางนี้อีก!
ใต้เท้าจางสบถ ”บัดซบ! ข้ารู้อยู่แล้วว่ามันไม่ปกติ เจ้าจะตื่นตระหนกอะไรนักหนาหรือ!”
“ข้า ข้า..” จะไม่ให้เขาตกใจได้อย่างไรในเมื่อจู่ๆ ทหารพวกนี้ก็โผล่มาจากที่ไหนก็ไม่รู้!
ใต้เท้าจางสูดหายใจเข้าลึก นิ้วของเขาสั่นเล็กน้อย ”ตอบข้ามาสิ หญิงชรานางนั้นตายหรือยัง”
“นางน่าจะถูกฆ่าไปแล้วขอรับ”
ใต้เท้าจางเลิกคิ้ว ”น่าจะหรือ”
“มีคนออกมาจากตรอกแห่งนั้นสองสามคนขอรับ พวกเขาดูจะต่อสู้กันอย่างดุเดือดทีเดียว ข้าเห็นทุกอย่างไม่ชัดเจนนัก แต่ดูจากท่าทางของหัวหน้าหวังแล้ว การจับตัวหญิงชรานางนั้นน่าจะราบรื่นไม่มีปัญหาอันใดขอรับ”
“ไปแจ้งหัวหน้าหวังและพวกว่าอย่าทำให้การต่อสู้ยืดเยื้อนานนัก และรีบฆ่าหญิงชรานางนั้นซะ พวกเราจะได้ถอนกำลังกันเสียที!” เขาไม่ควรปล่อยให้แม่เฒ่าหวังตกไปอยู่ในมือของคนอื่น หากเจ้าคนแซ่เว่ยนั่นรู้เรื่องเข้าละก็ มันคงได้กุมจุดอ่อนของพวกเขาเอาไว้ และเมื่อถึงตอนนั้นพวกเขาคงได้จบเห่แน่!
“ข้าจะไปเดี๋ยวนี้ขอรับ!” องครักษ์นายนั้นกำลังจะเดินออกไป แต่ก่อนหน้านั้นเขาก็เห็นว่าพวกตนถูกล้อมเอาไว้แล้ว!
ใต้เท้าจางผุดลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้หนีไปจากที่นั่น เขาก็ถูกฝุ่นควันที่ฟุ้งกระจายกลืนหายเข้าไปเสียก่อน
“ท่านแม่ทัพขอรับ พวกเราเจอขุนนางของที่นี่แล้วขอรับ!”
“ไม่ต้องสนใจว่าจะมีตำแหน่งอะไร จับเขามัดเอาไว้ก่อน!”
ในเวลานี้เจี่ยงหลิวอวิ๋นสูญเสียความมีเหตุผลไปจนหมดสิ้น ตั้งแต่ตอนที่เขาได้รับแจ้งว่าคุณชายเฮยถูกลอบทำร้าย เขาก็รู้สึกพร้อมอัดทุกคนที่เห็นขึ้นมาทันที!
ตอนนั้นเองที่ใต้เท้าจางได้เห็นผู้นำทัพนั้นอย่างชัดเจน เขาแทบจะทรุดลงไปนั่งกับพื้นด้วยความหวาดกลัว
มะ แม่ทัพเจี่ยงหรือ
ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้?!
เกิดอะไรขึ้น?!
ทำไมแม่ทัพของกองทัพที่สามารถทำให้เมืองทั้งเมืองสั่นคลอนอย่างเขาถึงมาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ได้?!
เหงื่อเย็นๆ ซึมชื้นขึ้นมาจากหน้าผากของใต้เท้าจางก่อนจะไหลลงมาอย่างรวดเร็ว เขากลัวยิ่งนักว่าเจี่ยงหลิวอวิ๋นจะจับกุมเขา เขายกมือแล้วเอ่ยขึ้นว่า ”แม่ทัพเจี่ยงขอรับ ข้าเอง ข้าเองขอรับ!”
เจี่ยงหลิวอวิ๋นกำลังโกรธจนควันออกหูเพราะเขาหาคุณชายรองไม่เจอ ดวงตาของเขาแดงก่ำ ”เจ้าเป็นใคร”
“ข้า ข้าจางซินขอรับ ผู้รับผิดชอบฝ่ายการเงินของแม่ทัพเลี่ยวขอรับ!” ใต้เท้าจางพยายามอย่างสุดชีวิตเพื่อจะเข้าหาเจี่ยงหลิวอวิ๋นพร้อมกับหลบคมดาบเหล่านั้นไปด้วย
เจี่ยงหลิวอวิ๋นพึมพำตอบ แต่สีหน้าของเขากลับเต็มไปด้วยความเป็นศัตรู ”เจ้ามาทำอะไรที่นี่” มีขุนนางระดับหกซ่อนตัวอยู่ในตรอกเช่นนี้ มิหนำซ้ำยังมีท่าทีตื่นกลัวถึงเพียงนี้อีก มันจะต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้นแน่ๆ!
“ข้า ข้าออกมาเดินเล่นขอรับ…” ใต้เท้าจางปั้นรอยยิ้มเสแสร้งพร้อมกับกางแขนออก
เมื่อเจี่ยงหลิวอวิ๋นสังเกตเห็นสายตาของอีกฝ่ายที่ลอบมองไปทางตรอกนั้น ดวงตาของเขาก็ยิ่งลึกล้ำขึ้น ”ในเมื่อใต้เท้าจางอารมณ์ดีขนาดมาเดินเล่นได้ เช่นนั้นท่านก็มาเดินเล่นที่ตรอกข้างหน้ากับพวกเราด้วยสิ!”
ตรอกข้างหน้าหรือ
นั่นมันตรอกที่มือสังหารกำลังลงมืออยู่ไม่ใช่หรือ
สีหน้าของใต้เท้าจางเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันเมื่อเขาได้ยินเช่นนี้ เขาพยายามฝืนยกริมฝีปากโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้ม ”แม่ทัพเจี่ยงขอรับ ตรอกข้างหน้าแคบและยากที่จะเดินเข้าไปได้ขอรับ ท่านคงเข้าไปไม่ได้ง่ายนักหากนำทหารมามากถึงเพียงนี้”
ทำไมต้องเป็นตรอกนี้ในเมื่อเมืองหลวงประจำมณฑลแห่งนี้ยังมีตรอกซอกซอยอยู่อีกตั้งมากมาย!
ใต้เท้าจางลนลาน
หากปัญหานี้ไม่ได้รับการจัดการให้ดีละก็ ครั้งนี้เขาคงได้จบลงที่การแหย่รังแตนอย่างแน่นอน!
เขาจะต้องหาทางเบี่ยงเบนความสนใจของแม่ทัพเจี่ยงให้ได้!
“ตรอกแคบหรือ คนแก่เช่นข้าชอบเดินเล่นในตรอกแคบๆ ยิ่งนัก!” เจี่ยงหลิวอวิ๋นไม่เสียเวลาพูดไร้สาระกับใต้เท้าจางอีก เขาโบกมือส่งสัญญาณให้ทหารม้าพาเขาขึ้นม้ามาด้วย!
ในเวลาเพียงสามนาที จางซินก็จัดการคิดแผนการขึ้นในใจเพราะแม่ทัพเจี่ยงยืนกรานที่จะเข้าไปในตรอกนั้นให้ได้
เมื่อถึงเวลานั้นเขาจะโยนความผิดเรื่องการตายของแม่เฒ่าหวังให้กับคนพวกนั้น พร้อมทั้งหาข้ออ้างที่ฟังดูสมเหตุสมผลในการส่งมือสังหารมาที่นี่อีกด้วย
เมื่อคิดเช่นนี้ ใต้เท้าจางก็รู้สึกโล่งใจ เขาต้องทำตามแผนการไปทีละขั้น
แต่เจี่ยงหลิวอวิ๋นไม่คิดจะสนใจเขาเลยแม้แต่นิดเดียว เขามีท่าทีดุร้ายราวกับสิงโตจนกระทั่งมองเห็นเฮยเจ๋อที่ยืนอยู่ตรงหน้ากระท่อมมุงด้วยหญ้าคาหลังหนึ่งด้วยท่าทางกระหายเลือด หลังจากนั้นเขาจึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
เขาไม่เป็นไร ทุกอย่างจะไม่เป็นไรหากเขายังปลอดภัย!
เฮยเจ๋อเห็นเจี่ยงหลิวอวิ๋นแล้วเช่นกัน เขาโยนท่อนเหล็กในมือทิ้งด้วยท่าทางทรงอำนาจ
ตอนนั้นเองที่เจี่ยงหลิวอวิ๋นเพิ่งสังเกตเห็นรอยเลือดที่แขนเสื้อของอีกฝ่าย เขารีบลงจากหลังม้าทันที!
แต่ก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไร ใต้เท้าจางก็หยัดตัวขึ้นแแล้วชี้นิ้วไปทางเฮยเจ๋อพร้อมกับใส่ร้ายเขาว่า ”เจ้าฆาตกร!”
“ฆาตกรหรือ” เฮยเจ๋อหัวเราะเยาะอย่างเย็นชา ”เจ้าเรียกใครว่าฆาตกร หมายถึงคนของเจ้าหรือเปล่า”
ขณะที่พูดเช่นนั้น เฮยเจ๋อก็ยื่นขายาวของตัวเองออกไปเตะหัวหน้าหวังที่นอนคว่ำอยู่บนพื้น ความเย็นชาที่หมุนวนอยู่ภายในดวงตาของเขาเย็นเยียบเสียจนแทบจะสามารถแช่แข็งอากาศภายในตรอกลึกแห่งนี้ได้เลยทีเดียว!
เห็นได้ชัดว่าใต้เท้าจางที่เป็นขุนนางย่อมไม่คุ้นเคยกับการขี่ม้า เขารู้สึกวิงเวียนศีรษะมาตลอดการเดินทาง และเพิ่งจะเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นตรงหน้าได้ก็ตอนที่ได้ยินคำพูดของเฮยเจ๋อนี่เอง!
นี่มัน…
มันเป็นไปได้อย่างไร!
ใต้เท้าจางมองศีรษะอ้วนท้วนราวกับหมูและใบหน้าบวมๆ ของหัวหน้าหวังอย่างไม่เชื่อสายตา!
จากนั้นเขาก็มองไปที่มือสังหารคนอื่นๆ ที่นอนกระจัดกระจายอยู่ทั่วบริเวณ หางตาของเขากระตุกอย่างรุนแรง!
คนพวกนี้เป็นทหารที่ฝีมือดีที่สุดในกองทัพของตระกูลเลี่ยว พวกเขาถูกอัดจนตกอยู่ในสภาพนี้ได้อย่างไร?!
“พี่รอง ออมมือให้พวกเขาบ้างสิ ท่านคงไม่อยากทำให้ใต้เท้าจางของเราตกใจหรอกกระมัง” เฮ่อเหลียนเวยเวยโยนร่างของมือสังหารคนสุดท้ายทิ้ง แล้วเดินออกมาจากมุมสลัวๆ มุมหนึ่งพร้อมกับปืนในมือขวา
หากเมื่อครู่นี้ใต้เท้าจางเพียงแค่รู้สึกตกใจ ในเวลานี้เขาก็ตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก เขาถอยหลังไปหลายก้าว ดวงตาของเขาสั่นไหวอย่างรุนแรง เขาแทบไม่อยากเชื่อสิ่งที่ตัวเองกำลังเห็นอยู่
“เจ้า… เจ้า…” ทำไมเจ้าคนแซ่เว่ยถึงมาอยู่ที่นี่ได้?!
มิหนำซ้ำยังแต่งกายเช่นนั้นอีกด้วย!
สิ่งที่เจ้าคนแซ่เว่ยถืออยู่ในมือคืออะไร
เขาไม่ได้เป็นแค่บัณฑิตอ่อนแอคนหนึ่งหรอกหรือ
เขามีฝีมือการต่อสู้เก่งกาจถึงเพียงนี้ได้อย่างไร?!
ใต้เท้าจางพูดไม่ออก เขาทำได้เพียงแค่หันไปมองเจี่ยงหลิวอวิ๋นที่ยืนอยู่ด้านหลังพร้อมกับหวังว่าอีกฝ่ายจะอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นได้!
แต่เจี่ยงหลิวอวิ๋นกลับเป็นห่วงเพียงแค่อาการบาดเจ็บของเฮยเจ๋อเท่านั้น ”คุณชาย แขนของท่าน…”
“ได้รับบาดเจ็บ” เฮยเจ๋อตอบห้วนๆ ราวกับไม่ใส่ใจ
บัดซบ!
ข้ารู้แล้วว่าได้รับบาดเจ็บ!
เพราะอย่างนั้นข้าถึงได้อยากรู้อย่างไรล่ะขอรับว่าบาดแผลของท่านอยู่ตรงไหน!
หากเป็นแผลฉกรรจ์ เช่นนั้นเราก็ควรจะรีบหาทางรักษามิใช่หรือ ท่านกลับไปที่ค่ายทหารและตบหน้าข้าสักฉาดเถอะขอรับ!
ท่าทางของเจี่ยงหลิวอวิ๋นนั้นชัดเจนยิ่งนัก เขาปฏิบัติต่อเฮยเจ๋อเหมือนเขาเป็นเจ้านายของตัวเอง
สีสันที่เคยมีบนใบหน้าของจางซินพลันถูกดูดหายไปจนไม่เหลือ!
ชายคนนั้นมีฐานะอะไรกันแน่ ทำไมเขาถึงทำให้แม่ทัพเจี่ยงแสดงท่าทีเคารพนับถือได้ถึงเพียงนี้
เขาแทบไม่กล้านึกถึงฐานะตระกูลของชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้เลย!
แต่สิ่งที่ทำให้เขาเสียวคอก็คือการที่เขาเพิ่งชี้นิ้วใส่อีกฝ่ายไปเมื่อครู่พร้อมกับเรียกเขาว่า ”เจ้าฆาตกร” ต่างหาก
ยิ่งกว่านั้น ทำไมเจ้าคนแซ่เว่ยนั่นถึงได้ดูสนิทสนมกับชายคนนี้ถึงเพียงนั้นได้ล่ะ?!