บทที่ 516 นครพิศวง แม้แต่เซียนตัวจริงยังต้องกลัวจนตัวสั่น!
ยินดีต้อนรับสู่นครพิศวง!
เสียงนั้นประหนึ่งเสียงคำรามของผีร้าย ชวนให้ขนลุกแม้ไม่หนาว สั่นสะท้านไปทั้งดวงวิญญาณ!
หลิงอินขมวดคิ้ว ที่นี่ประหลาดยิ่งนัก แม้ว่านางมีประสาทสัมผัสเทียนตี้ ก็ยังสัมผัสมิได้ว่าสิ่งมีชีวิตที่กำลังส่งเสียงอยู่ที่ใด
ประสาทสัมผัสเทียนตี้ของนางถูกระงับในที่แห่งนี้ ถูกระงับอย่างรุนแรง คลี่ปกคลุมได้เพียงบริเวณที่สายตามองเห็น เทียบเท่าว่าถูกระงับอย่างสิ้นเชิง!
โฮก! โฮก! โฮก!
อสูรร้ายมากมายคำรามเสียงต่ำ นัยน์ตาแดงก่ำ พลังปราณประหลาดซัดสาด ราวกับพวกมันคือสัตว์ประหลาดขนแดงผู้มาจากอเวจีจิ่วโยว สยดสยองน่ากลัวเป็นที่สุด
พวกมันตะครุบเข้ามาหาหลิงอินและเสี่ยวหยาคนละทิศคนละทาง หมายจะฉีกหลิงอินและเสี่ยวหยาให้เป็นชิ้น ๆ
หลิงอินนั้นไม่ต้องพูดถึง มีประสบการณ์การต่อสู้โชกโชน ค้อมตัวดึงคันศรในทันที ยิงศรใส่อสูรร้ายขนแดงที่บุกเข้ามา
เสี่ยวหยาในตอนนี้ก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว มิได้ ‘อ่อนประสบการณ์’ อย่างตอนแรก นางเยือกเย็นมาก บรรเลงฉินปี้เทียนชางไห่ทันที เพื่อตัดทอนกำลังของอสูรร้ายขนแดงเหล่านี้ และเพิ่มพูนกำลังของหลิงอิน
เสี่ยวหยาในตอนนี้ สำเร็จวิถีแห่งฉินจนอยู่ในระดับสูง สามารถปลดปล่อยพลานุภาพของฉินปี้เทียนชางไห่ได้อย่างรุนแรง ต่อให้อสูรร้ายขนแดงเหล่านี้น่าประหวั่นพรั่นพรึงไม่แพ้เทียนตี้ เมื่ออยู่ท่ามกลางเพลงฉินปี้เทียนชางไห่ ก็ถูกบั่นทอนให้ลดน้อยลงไป
ที่สำคัญคือฉินปี้เทียนชางไห่ต่างจากฉินอื่น มันอยู่ในมือหลี่จิ่วเต้ามานาน ซ้ำหลี่จิ่วเต้ายังเคยใช้อยู่บ่อยครั้ง ทรงพลังกว่าฉินอื่นมากนัก อานุภาพก็น่าทึ่งยิ่ง มิฉะนั้นต่อให้พรสวรรค์ด้านฉินของเสี่ยวหยายอดเยี่ยมปานใด ก็ยากจะกำราบอสูรร้ายขนแดงซึ่งทัดเทียมเทียนตี้ได้
และภายในเพลงฉินเช่นนี้ พลังของหลิงอินทวีคูณ ศรที่ยิงออกไปน่ากลัวขึ้นเรื่อย ๆ!
โฮก! โฮก! โฮก!
อสูรร้ายขนแดงเหล่านี้คำรามเสียงร้าวราน พวกมันยากจะเข้าใกล้ขณะที่หลิงอินดึงคันยิงศรไม่หยุด ซ้ำร้ายยังเริ่มมีบาดแผลฉกรรจ์ปรากฏตามตัว โลหิตสีดำพิศวงหลั่งริน
มีศรใหญ่ในมือ หลิงอินไม่กลัวการผลาญพลัง นางยิงศรออกไปไม่หยุดหย่อน ราวกับว่ายิงได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด แม้ไม่อาจปลิดชีพอสูรร้ายขนแดงเหล่านี้ในพริบตา กระนั้น ภายใต้การจู่โจมเรื่อย ๆ ของศร อสูรร้ายขนแดงเหล่านี้บาดเจ็บสาหัสขึ้นเรื่อย ๆ พลังที่เปล่งออกมาก็อ่อนแรงลงเรื่อย ๆ พลังปราณมิได้ดุดันอย่างเก่า
“หืม!?”
เสียงหนึ่งดังขึ้นโดยมิทราบแหล่ง เงาสีขาวปรากฏ เขามิใช่เผ่าพันธุ์อสูรแต่อย่างใด เป็นบุรุษวัยกลางคน ทว่าร่างกายของเขาก็มีขนยาวงอกอยู่เต็มไปหมด เพียงแต่มิใช่สีแดง หากแต่เป็นสีขาว
ยามนี้ ใบหน้าของเขาฉายแววประหลาดใจระคนตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าหลิงอินและเสี่ยวหยาสองคนซึ่งมีขอบเขตพลังต่ำต้อย กลับสำแดงฤทธิ์ของยอดศาสตราได้เกรียงไกรเช่นนี้!
ดูท่าหลิงอินและเสี่ยวหยามิได้เผลอเข้ามาโดยมิตั้งใจ แต่มาเพราะมีจุดประสงค์บางอย่าง!
“พวกเจ้าเป็นใคร!?”
เขาโบกมือเบา ๆ อสูรร้ายขนแดงเหล่านั้นกลายเป็นลำแสงสีชาดและหายไปจากที่นี่ในบัดดล
“พวกเราเป็นใครนั้นไม่สำคัญ มิได้มีความหมายแต่อย่างใด”
หลิงอินปริปาก “พวกเรามานี่เพื่อพาคนคนหนึ่งไป”
“พาคนไปรึ?”
บุรุษวัยกลางคนขนขาวสายตาเย็นยะเยือก “เช่นนั้นคงไร้ความหมายอย่างที่เจ้าว่า ผู้ใดที่ย่ำกรายเข้ามาในนครพิศวงของเรา จักกลายเป็นคนของนครพิศวงไปตลอดชีวิต ผู้ใดก็อย่าคิดจะพาออกไปได้!”
เขามิได้เอื้อนเอ่ยไปมากกว่านี้ แต่ลงมือทันที ม่านหมอกสีขาวประหลาดแผ่ขยาย เขาแข็งแกร่งกว่าเหล่าอสูรร้ายขนแดงที่ปรากฏตัวเมื่อครู่มากนัก ทุกอากัปกิริยาล้วนมีพลังที่จินตนาการไม่ถึงซัดสาดออกมา!
เห็นได้ชัดว่าเป็นตัวตนซึ่งมีระดับสูงกว่า!
เสียงดังฟึ่บ เขาดึงดาบยาวสีขาวหิมะเล่มหนึ่งออกจากม่านหมอกสีขาวพิศวง ตวัดฟาดฟันไปหาหลิงอินและเสี่ยวหยา!
หลิงอินมิได้เกรงกลัว ดึงคันเต็มแรง แล้วยิงออกไปหนึ่งศร
เคร้ง!
เสียงโลหะกระทบดังสนั่น บุรุษวัยกลางคนขนขาวผู้นี้แข็งแกร่งมากอย่างที่คิด เขาตัดศรที่ยิงเข้าไปเป็นสองท่อนได้ในหนึ่งดาบ!
“พวกเจ้าคิดว่าพวกเจ้าเป็นใคร เด็กสาวเมื่อวานซืนปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม คิดว่ามีศาสตราวิเศษอยู่ในมือแล้วจะทำตามอำเภอใจในนครพิศวงของเราได้อย่างนั้นหรือ”
บุรุษวันกลางคนขนขาวยิ้มเย็น “พวกเจ้าประเมินตนเองสูงเกินไปแล้ว!”
เขาฟันดาบออกไปโดยมีม่านหมอกสีขาวพิศวงปกคลุม มีพลังชวนขนลุกเจืออยู่ภายใน น่ากลัวว่าเทียนตี้ทั่วไปยังต้องถูกปลิดชีพในอึดใจเดียว
ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!
เวลานั้น สิ่งหนึ่งลอยออกจากตัวเสี่ยวหยา ส่องแสงสว่างสดใสไปทั่ว จังหวะแห่งเต๋าสูงส่งไหลเวียน ขับไล่ความมืดมิด ส่องสว่างไปทั่วระบบดวงดาว ประดุจสุริยันฉายแสง เจิดจ้าแยงตาเป็นที่สุด!
จากนั้น สัญลักษณ์ดนตรีจำนวนมากโลดแล่นออกมา สัญลักษณ์ดนตรีทุกตัวล้วนคล้ายสัญลักษณ์ดนตรีแห่งเซียน สูงส่งเหนือจินตนาการเกินไป!
เสี่ยวหยาบรรเลงฉินต่อไป ท่ามกลางการโลดแล่นของสัญลักษณ์ดนตรี พลานุภาพนั้นเพิ่มพูนไม่รู้ตั้งกี่เท่า เพลงฉินที่แต่เดิมไม่อาจบั่นทอนกำลังของบุรุษวัยกลางคนขนขาวได้ บัดนี้แผลงฤทธิ์เดช ตัดรอนกำลังของบุรุษวัยกลางคนขนขาวไปกว่าครึ่ง!
สิ่งนั้นก็คือบันทึกเพลงฉินที่หลี่จิ่วเต้าประทานให้เสี่ยวหยา คล้อยตามความสำเร็จด้านฉินของเสี่ยวหยาที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ นางค่อย ๆ ใช้พลังของบันทึกเพลงฉินได้ตามที่ต้องการ
กำลังของบุรุษวัยกลางคนขนขาวถูกตัดรอนด้วยเพลงฉิน ส่วนกำลังของหลิงอินแกร่งกล้าขึ้นภายในเพลงฉิน นางเด็ดขาดอย่างยิ่ง ดึงคันยิงศรออกไปทันที!
พรวด!
โลหิตสีขาวพิศวงสาดกระจาย หนนี้ บุรุษวัยกลางคนขนขาวไม่อาจหยุดยั้งศรนี้ได้ ถูกยิงเข้าที่หน้าอก กระเด็นออกไปกระแทกกับดาวดวงหนึ่งจนระเบิด!
“พวกเจ้า!”
เขาไม่อาจเชื่อได้ลง สายตาเปี่ยมไปด้วยความเหลือเชื่อ เป็นไปได้อย่างไรที่แม้แต่เขายังถูกตัดรอนกำลังลงไปด้วย ซ้ำยังถูกตัดรอนอย่างสาหัส กำลังลดหย่อนลงไปกว่าครึ่ง!?
ต้องรู้ว่า เขาก้าวสู่ขั้นเทียนตี้แล้ว เป็นถึงเทียนตี้ชั้นเลิศ ซ้ำยังมีพลังสีขาวพิศวงคอยเกื้อหนุน เขาจะ ‘อ่อนแอ’ ปานนี้ได้เยี่ยงไร ถึงกับถูกริดรอนกำลังได้อย่างง่ายดาย!?
ต้องเป็นบันทึกฉินเช่นไร แล้วผู้ใดประพันธ์ขึ้น?
เซียนแท้จริงอย่างนั้นหรือ!?
เขาคิดอย่างอดไม่ได้ มิน่าเล่า เด็กสาวทั้งสองอย่างหลิงอินและเสี่ยวหยาถึงกล้าเดินทางมาที่นครพิศวง ในมือพวกนางมีบันทึกเพลงฉินของท่านเซียนอยู่!
เรื่องนี้เหนือความคาดหมายของเขาจริง ๆ เซียนนั้นหายไปกับกาลเวลาอันยาวนานแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเซียนก็สูญสลายไปนานแล้ว
ดูท่า เซียนหลงเหลือบางสิ่งไว้จนได้!
ส่วนเบื้องหลังของหลิงอินและเสี่ยวหยามีท่านเซียนหนุนอยู่หรือไม่นั้น เขาไม่แม้แต่จะคำนึงถึงเรื่องนั้น
เพราะเขารู้ดีว่า เซียนได้ถอนกำลังออกไปแล้ว กระทั่งภพเซียนยังถูกปิดผนึก มิสามารถออกจากภพเซียนได้ง่าย ๆ
“มีอาวุธเซียนแล้วคิดว่าแน่นักหรือ”
เขาลุกขึ้น ยามเอ่ยวาจามีโลหิตสีขาวกระอักออกมา เอ่ยเสียงอึมครึมว่า “พวกเจ้าไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ใด พวกเจ้าไม่รู้ว่าเบื้องหลังของเรามีสิ่งใดอยู่ อย่าว่าแต่พวกเจ้าเลย ต่อให้เซียนที่แท้จริงมาเยือน นครพิศวงของเราก็หาได้เกรงกลัวไม่!”
เขามิได้อวดเบ่งไปอย่างนั้น แต่มีความมั่นใจระดับนั้นจริง ๆ หากให้แสดงพลังทั้งหมดของนครพิศวงออกมา แม้กระทั่งเซียนตัวจริงยังต้องสั่นเทิ้ม และเกรงกลัว!
พวกเขามีรากฐานที่น่าพรั่นพรึงยิ่งกว่า!
รากฐานที่แม้แต่เซียนยังต้องกลัว!