“นายน้อยเฮย เรื่องนี้ต้องมีการเข้าใจผิดกันเกิดขึ้นแน่!” เมื่อเลี่ยวฉิงเทียนตระหนักได้ว่าเขาถูกคนชี้นิ้วใส่ สิ่งแรกที่เขาทำคือการแก้ตัว ”ข้าหัวหมุนอยู่กับการจัดการเรื่องของศาลาว่าการกับภัตตาคารไห่ปิน แล้วข้าจะสามารถส่งคนไปก่อเรื่องเช่นนั้นได้อย่างไรขอรับ มิใช่ว่ามีคนต้องการใส่ร้ายข้าหรือ คนพวกนั้นจะกล้าสังหารนายน้อยเฮยตอนกลางวันแสกๆ ได้อย่างไร ต่อให้ข้าเป็นชายที่กล้าหาญที่สุด ข้าก็ยังไม่กล้าสั่งให้ใครทำเรื่องเช่นนี้แน่!”
เลี่ยวฉิงเทียนแสดงสีหน้าโมโหเป็นอย่างยิ่งออกมา เขาฉลาดพอที่จะแสดงละครตบตาทุกคน และที่สำคัญกว่านั้น ระหว่างที่เขาเงียบไป เขาก็ยังไม่ลืมที่จะเอ่ยพาดพิงถึงเฮ่อเหลียนเวยเวยด้วย ”ใต้เท้าเว่ย เหตุใดท่านถึงได้มองข้ามความวุ่นวายที่มีคนก่อขึ้นล่ะ ราชสำนักให้เงินเดือนท่านตั้งมากมาย ดังนั้นท่านควรจะทำงานของตัวเองให้ดีกว่านี้!”
หากว่ากันตามจริง โดยปกติแล้วจือฝู่ของเมืองย่อมต้องมีหน้าที่รับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้นภายในเมืองหลวงประจำมณฑล
คำกล่าวหาของเลี่ยวฉิงเทียนไม่ผิดแต่ประการใด นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้เขากล้าพูดเช่นนั้นออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาวางแผนการเช่นนี้เอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว จึงได้กำชับไม่ให้ทหารของศาลาว่าการคนใดยื่นมือเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้
หากไม่มีทหารของศาลาว่าการพวกนั้นอยู่ ต่อให้เจ้าคนแซ่เว่ยจะรู้เรื่อง แต่เขาก็ไม่สามารถลงมือได้
สำหรับเรื่องนี้ อย่างมากที่สุดเขาก็คงถูกตำหนิในความประมาทเลินเล่อ แต่กับเว่ยจือฝู่คนนี้ เขายากที่จะหนีจากเสียงต่อว่าเหล่านั้นได้!
แต่เลี่ยวฉิงเทียนไม่คิดเลยว่าเขาจะบังเอิญทำร้ายเฮยเจ๋อเข้า
แต่ก็ต้องขอบคุณสำหรับความวุ่นวายที่เกิดขึ้น โทษของเจ้าคนแซ่เว่ยจะได้ยิ่งรุนแรงขึ้นอีก!
คำพูดของเลี่ยวฉิงเทียนก่อให้เกิดเสียงตอบรับตามมา หลังจากได้ฟังคำพูดของเขา บรรดาใต้เท้าที่นั่งอยู่ด้านข้าง ก็เข้าใจจุดประสงค์ของเขาได้ทันที พวกเขาจึงมองไปทางเฮ่อเหลียนเวยเวย ”ใต้เท้าเว่ย นายน้อยเฮยได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ศาลาว่าการกลับไม่ยอมส่งทหารไปทำการสืบสวนหรือ เรื่องนี้นับว่าไม่ถูกต้องอย่างยิ่ง”
“ถูกต้อง ราชสำนักย่อมไม่ได้ให้เงินเดือนขุนนางที่ศาลาว่าการอย่างไร้จุดประสงค์แน่”
“เช่นนั้นเราจะมีศาลาว่าการไปทำไมหากพวกเขาไม่สามารถรักษาความปลอดภัยภายในเมืองหลวงได้”
เสียงเรียกร้องขอให้ตัดสินบทลงโทษถาโถมเข้าใส่เฮ่อเหลียนเวยเวยราวกับคลื่น
เลี่ยวฉิงเทียนไม่รู้ว่าเฮยเจ๋อกับเฮ่อเหลียนเวยเวยรู้จักกัน ดังนั้นเขาจึงรีบคว้าโอกาสนี้เพื่อแก้ตัวให้กับตัวเองว่า ”นายน้อยเฮย ท่านคงได้ยินคำพูดของใต้เท้าคนอื่นแล้ว แม้ข้าจะรับผิดชอบหน่วยรักษาการณ์จริง แต่ข้าก็ไม่สามารถควบคุมอะไรได้หากเกิดอุบัติเหตุขึ้นภายในเมืองแห่งนี้ ถ้าข้ารู้ว่าคุณชายเฮยจะมาที่เมืองหลวงประจำมณฑล ข้าคงจะส่งทหารไปอารักขาท่านแล้ว!”
“แค่พูดน่ะมันง่ายกว่าทำ แม่ทัพเลี่ยว” เฮ่อเหลียนเวยเวยหัวเราะเล็กน้อย แล้วตอบกลับด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบา
เลี่ยวฉิงเทียนปั้นหน้าเครียด พร้อมกับเอ่ยว่า ”ใต้เท้าเว่ย เลิกใส่ร้ายข้าได้แล้ว ข้าขอถามอีกครั้งว่าทำไมท่านถึงไม่ส่งทหารจากศาลาว่าการไปตรวจสอบเรื่องนี้ในตอนที่มีคนก่อความไม่สงบเช่นนั้นขึ้น ใต้เท้าเว่ย หากท่านละเลยหน้าที่ของตัวเองถึงเพียงนี้ ข้าก็ไม่คิดว่าท่านจะมีคุณสมบัติเหมาะสมสำหรับการเป็นจือฝู่อีกต่อไปแล้ว!”
เลี่ยวฉิงเทียนคิดว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยไม่ได้ส่งใครไป ดังนั้นเขาจึงเอาแต่ถามคำถามเดิม
แต่แล้วเขาก็ต้องประหลาดใจ เพราะเฮ่อเหลียนเวยเวยกลับยกมุมปากขึ้นทันทีที่ได้ยินข้อซักถามของเขา นางตอบอย่างไม่รีบร้อนว่า ”ใครบอกว่าข้าไม่ได้จัดการเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกัน”
“ท่านจัดการได้แล้วหรือ” เลี่ยวฉิงเทียนถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความไม่เชื่อ
เพราะมันไม่มีทางเป็นไปได้!
นายทหารทุกคนในศาลาว่าการล้วนแต่เชื่อฟังคำสั่งของเขา คนพวกนั้นไม่มีทางก้าวเท้าออกจากศาลาว่าการโดยปราศจากคำสั่งของเขาอย่างแน่นอน!
แล้วเจ้าคนแซ่เว่ยมันจัดการเรื่องนี้ได้อย่างไร
เฮ่อเหลียนเวยเวยมองเลี่ยวฉิงเทียนพร้อมกับเผยรอยยิ้มที่เหมือนจะเป็นรอยยิ้มแต่ไม่ใช่รอยยิ้มให้กับเขา ”น้ำเสียงของแม่ทัพเลี่ยวฟังดูประหลาดใจยิ่งนักที่ข้าจัดการเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ได้ ทำไมล่ะ หรือแม่ทัพเลี่ยวไม่ได้คาดหวังว่ามันจะเป็นเช่นนี้”
“ข้าเพียงแค่ถามท่านเท่านั้น” เลี่ยวฉิงเทียนหรี่ตาลง
มุมปากของเฮ่อเหลียนเวยเวยกระตุกขึ้นอีกครั้ง ”แม่ทัพเลี่ยวเอาแต่ถามข้าว่าทำไมข้าถึงไม่ส่งทหารของศาลาว่าการไปเพื่อช่วยเหลือคนเหล่านั้น คำตอบก็ง่ายดายยิ่งนัก ก็เพราะพวกเขาไม่ได้อยู่ใต้คำสั่งของข้าอย่างไรล่ะ น่าขันยิ่งนักที่ไม่มีใครในศาลาว่าการที่ยอมเชื่อฟังคำสั่งของข้าที่เป็นจือฝู่เลยแม้แต่คนเดียว แต่กลับกัน พวกเขาเชื่อฟังแต่เพียงคำสั่งของแม่ทัพเลี่ยว คนของเมืองหลวงประจำมณฑลช่างทุ่มเทและจงรักภักดีต่อแม่ทัพเลี่ยวเสียจริง”
ทันทีที่ได้ยินคำพูดของเฮ่อเหลียนเวยเวย เลี่ยวฉิงเทียนก็ผงะ เขาเผลอลอบมองไปทางอดีตฮ่องเต้โดยไม่รู้ตัว เมื่อสังเกตเห็นว่าอดีตฮ่องเต้ขมวดคิ้วเข้าหากัน เขาก็บันดาลโทสะขึ้นเพราะรู้ว่าตัวเองผิด ”ใต้เท้าเว่ย ข้าเพียงแค่พูดความจริงเท่านั้น ทำไมท่านถึงต้องใส่ร้ายข้าด้วยหรือ ท่านบอกว่าท่านจัดการกับเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว เช่นนั้นทำไมคุณชายเฮยถึงยังได้รับบาดเจ็บสาหัสได้ล่ะ ท่านคิดว่าเหล่าใต้เท้าที่นั่งอยู่ตรงหน้านี้ไม่มีความสามารถแม้กระทั่งจะประมวลสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้เลยหรือ”
อย่างไรเสียเขาก็ไม่เชื่อว่าเจ้าคนแซ่เว่ยจะมีความสามารถพอที่จะโค่นบรรดามือสังหารของเขาได้!
เป็นอย่างที่คิด เฮ่อเหลียนเวยเวยยังคงเงียบหลังจากได้ยินคำถามนี้
เลี่ยวฉิงเทียนยิ่งรู้สึกพอใจ ”ใต้เท้าเว่ย ความจริงก็คือความจริง ทำไมท่านถึงยังพยายามที่จะพลิกขาวให้เป็นดำอยู่ นี่ก็เป็นเช่นเดียวกันกับคำกล่าวหาที่ท่านมีต่อภัตตาคารไห่ปิน ช่างไร้สาระยิ่งนัก!”
“เจ้าพูดจบหรือยัง” เฮยเจ๋อที่ยืนเงียบมาตั้งแต่แรกเดินออกมาช้าๆ ในดวงตาของเขามีความเหยียดหยามปรากฏอยู่ ”ข้าก็เพิ่งเคยเจอคนที่หน้าด้านไร้ยางอายอย่างไม่มีใครเทียบได้เช่นนี้เป็นครั้งแรกนี่ล่ะ พูดตรงๆ ว่าหากเวย ใต้เท้าเว่ยไม่ได้ปรากฏตัวขึ้นที่นั่น ข้ากลัวว่าป่านนี้ข้าคงได้เป็นศพอยู่ในตรอกนั้นไปแล้วกระมัง”
คำพูดเพียงประโยคเดียวนี้ตบหน้าเลี่ยวฉิงเทียนเข้าอย่างจัง!
รอยยิ้มของเขาแข็งค้างอยู่ที่มุมปากในทันใด!
น้ำเสียงของเลี่ยวฉิงเทียนเปลี่ยนไป เหงื่อไหลอาบไปทั่วหน้าผากของเขา ”ฮ่าๆ ข้าเข้าใจแล้ว เมื่อครู่นี้ใต้เท้าเว่ยก็น่าจะอธิบายให้ชัดเจน ข้าขอโทษที่เข้าใจผิด”
แต่เขาคิดไม่ออกเลยจริงๆ ว่าเจ้าคนแซ่เว่ยส่งใครที่ไหนออกไปช่วยคนพวกนั้น!
“แม่ทัพเลี่ยวพยายามจะลดน้ำหนักของสิ่งที่ตัวเองควรจะรับผิดชอบด้วยคำว่า ’เข้าใจผิด’ เพียงคำเดียวหรือ สายไปหน่อยกระมัง!” เฮ่อเหลียนเวยเวยพูดขึ้นอย่างเย็นชาพร้อมกับมองไปที่เขา
เวลานั้นเลี่ยวฉิงเทียนไม่รู้ว่าเขาควรจะพูดอะไรเมื่อสายตาของเขาสบเข้ากับสายตาเป็นคำถามของอดีตฮ่องเต้ เขาลนลานขึ้นมาทันที ”ข้า…”
“ใต้เท้าเว่ย” ผู้อาวุโสเฮ่อเหลียนพูดขึ้นอย่างรู้งาน ”ไม่จำเป็นต้องกดดันให้เขารู้สึกลำบากใจนักหรอก อย่างไรเสียการที่คุณชายเฮยได้รับบาดเจ็บภายในเมืองหลวงประจำมณฑลและปัญหาด้านความปลอดภัยก็ควรจะเป็นหน้าที่รับผิดชอบของศาลาว่าการ”
ทนอยู่เฉยไม่ไหวแล้วหรือ
เฮ่อเหลียนเวยเวยยกริมฝีปากบางขึ้นพลางเผยรอยยิ้มออกมา ใบหน้าของนางซึ่งซ่อนอยู่หลังหน้ากากที่ปกปิดใบหน้าเอาไว้ครึ่งหนึ่งนั้นเต็มไปด้วยความชั่วร้าย
เมื่อมีการสนับสนุนจากผู้อาวุโสเฮ่อเหลียน ใบหน้าของเลี่ยวฉิงเทียนจึงกลับมามีสีสันได้ดังเดิม ”ท่านผู้อาวุโสพูดถูก ใต้เท้าเว่ย ในเมื่อท่านถามคำถามข้ามาหลายคำถามแล้ว ตอนนี้เป็นทีของข้าที่จะถามท่านกลับบ้าง ที่เรื่องเป็นเช่นนี้ก็เพราะน้องชายของข้าเคยใส่ร้ายว่าท่านยักยอกเงินที่เมืองฟู่ผิงหรือ เวลานี้ท่านจึงได้เลือกจะเป็นปฏิปักษ์ต่อตระกูลเลี่ยว”
“ยักยอกเงินหรือ” เฮ่อเหลียนเวยเวยมองเขาด้วยสายตาเยาะเย้ย ”แม่ทัพเลี่ยว ท่านล้อทุกคนที่นี่เล่นอยู่หรือ ข้าแต่งตัวเหมือนคนที่จะกระทำการฉ้อโกงได้หรือ”
เลี่ยวฉิงเทียนเยาะขึ้นว่า ”การแต่งกายไม่อาจพิสูจน์สิ่งใดให้คนเราได้ อย่างที่มีผู้กล่าวไว้ว่าแมวมักซ่อนกรงเล็บ ส่วนเรื่องคดีที่ยังอยู่ในระหว่างการสืบสวนนั้น เดิมทีแล้วข้าเองก็ไม่อยากจะด่วนสรุปเกินไปนัก แต่ใต้เท้าเว่ยกลับพยายามที่จะใช้หลักฐานเท็จป้ายความผิดให้ข้าซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่รู้จบ แม้กระทั่งอาการบาดเจ็บของคุณชายเฮยก็ยังกล่าวอ้างว่าเป็นความผิดของข้า ข้าต่างหากที่เป็นคนถูกปรักปรำ ดังนั้นข้าเองก็คงต้องแสดงหลักฐานของตัวเองให้ดูเช่นกัน ใครก็ได้ ไปเอาคำสารภาพที่ผู้ต้องหารับสารภาพมาให้ใต้เท้าทุกคนที่อยู่ที่นี่ดูทีสิ”